ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

จับตา รัฐบาล+คสช...เปลียนหาดใหญ่!!??

เริ่มโดย Mr.No, 13:59 น. 14 ส.ค 59

Mr.No

[attach=1]

วันนี้ ข่าว จาก Gimyong รายงานพิเศษ http://news.gimyong.com/article/2101 ลงเรื่องการประกาศจัดระเบียบหาบเร่ และบรรดาฮาร์ดคอร์พ่อค้าแม่ค้าที่ตีลูกมึนทำเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ คิดจะวาง..จะกอง ..จะขายอะไร บนทางเท้าไล่ไปจนเล่นยึดครองถนนรัถการ ถือเป็นสิทธิของพวกเค้า!!?? 


ตลอดระยะเวลาที่ คณะ คสช. เข้ามาบริหารจัดการบ้านเมือง  ถ้าลบภาพอคติเกี่ยวกับการเป็นเผด็จการ ในมุมมองของเหล่านักค้าประชาธิปไตยเปลือก ๆ แล้วสิ่งที่เราจะเห็นได้ชัดคือ  ความเป็นเผด็จการนั้น ย่อมมีประโยชน์และมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะสามารถเข้าควบคุม..กำกับ และกำหนดให้  ประเทศที่มีการปกครองแบบ "นิติรัฐ" สามารถดำเนินไปได้อย่างจริงจังโดยไม่ต้องพะวงต่อกลุ่มต่อรองผลประโยชน์ใด ๆ

[attach=2]
กรุงเทพฯ หลาย ๆ แห่ง ถ้าไม่ได้ คสช. เราคงไม่ได้ คลอง กลับมาเป็นของคนกรุงเทพ...เราได้เห็น สะพานเหล็ก ในแบบที่มีระเบียบสวยงาม ไม่ใช่ชุมชนแออัดแบบที่เคยประสบในอดีต

[attach=3]

หรืออย่างการคืนทางเท้าให้คนกรุงเทพฯ ละแวกปากคลองตลาด และอีกหลาย ๆ ที่่ ถือเป็นนิมิตหมายดี ๆ สำหรับเมืองไทย

ลำพัง ระบอบประชาธิปไตยแบบเดิม ๆ ที่รอน้ำหน้านักการเมือง ...อย่าหวังว่าจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองไปในทางที่ดีได้ 

อุปสรรคที่เป็นตัวถ่วงยึดไม่ให้ระบอบประชาธิปไตยของเรา ก้าวข้ามไปความสู่ความเป็นสากลแบบประเทศที่แข็งแรงด้านอุดมการณ์ในระบอบนี้ โดยเฉพาะอย่างในหลาย ๆ ประเทศในยุโรป ไม่ว่าจะเป็น เนเธอร์แลนด์,เยอรมนี ฯลฯ
มีเหตุผลสำคัญคือ  คนไทย ยังไม่เข้าใจในนิยามของคำว่า  "วินัย" ที่เป็นตัวตั้งต้นของระบอบประชาธิปไตยอันสำคัญ

วินัย  เป็น ส่วนหนึ่งของ "สิทธิ..หน้าที่"  ซึ่งเป็นกรอบที่กำหนดให้เราทราบว่า นอกเหนือไปจากการอ้างอะไร ๆ ก็ เสรีภาพแล้ว ภายใต้เสรีที่อยากมีนั้น มันต้องมี วินัย เป็นตัวกำกับเสมอ

การเคารพกฎหมาย ถือเป็น หน้าที่  และการทำให้หน้าที่สมบูรณ์ ก็ต้องมีวินัยคอยเตือนตนตลอดเวลา
เจ้าหน้าที่รัฐ ก็ต้องทำหน้าทีที่ถูกกำหนดให้ทำอย่างเคร่งครัด ....  มันจะเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เจ้าหน้าที่ก็มีวินัยให้ตัวเองอยู่ตลอดเวลา

อย่างกฎหมาย หาบเร่ แผงลอยเถื่อน ฯลฯ  เหล่านี้  มันมีกฎหมายออกมาควบคุมบังคับใช้นานนมแล้ว.... แต่  เราก็เพิกเฉย ละเลย!

การใช้ข้ออ้าง..ยากจน...แล้วทำตนเป็น คนเหนือกฎหมาย   จากคนกลุ่มเล็ก ๆ สองสามคน แล้วเจ้าหน้าที่เพิกเฉย สุดท้าย กลายเป็น "มวลชน" และมีอำนาจต่อรองกับระบบ "นิติรัฐ" ได้เสมอ

ประชาธิปไตยที่  "มาเฟียมวลชน" เป็นใหญ่  ไม่มีนักการเมืองหน้าไหนจะกล้า  "ทุบหม้อข้าว" ตัวเอง!
และแน่นอนว่า ประเทศประชาธิปไตยใดที่มี เหล่า "มวลชนไร้วินัย" เป็นจำนวนมาก ประเทศนั้น จะหาประชากรที่มีคุณภาพในอนาคตได้ยาก!    เพราะสุดท้ายเราก็จะได้เมืองแค่ประชาธิปไตยเถื่อน... ที่มีเปลือก "ประชาธิปไตย"  ห่อหุ้มให้ดูดีกันแค่นั้น


ปัญหาเมืองหาดใหญ่ที่สำคัญ แต่คนหาดใหญ่ไม่เคยตระหนัก ก็คือ  ปัญหาจราจรที่ดูแล้วยุ่งยากวุ่นวายด้วยปริมาณรถ..  แต่เอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้ซับซ้อน  แต่เราเองต่างหากที่สับสน เพราะไม่เคยคิดแก้ปัญหา ปล่อยปละละเลย จนคนหาดใหญ่กลายเป็นคนไม่เข้าใจเรื่อง "กฎจราจร"  กันอย่างไม่น่าเชื่อ!!

ถอยกลับไปเมื่อ 47 ปีที่แล้ว หลายประเทศทั่วโลกร่วมลงนามสัตยาบันที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการนำระบบ..ระเบียบด้านการจราจร ที่เรียกว่า Vienna Convention on Road Signs and Signals  มาใช้ ซึ่งหนึ่งในกลุ่มประเทศนั้นมี สิงค์โปร์ ร่วมลงนามด้วย

ลีกวนยิว  ผู้สร้างสิงคโปร์  ดำเนินนโยบายบริหารประเทศ ด้วย   เผด็จการในรูปแบบประชาธิปไตย!!

การออกกฎหมายหลายเรื่อง เป็นการตัดสินใจที่ต้องใช้ความเด็ดขาด...และต้องปราศจากปัญหาการต่อรองด้านผลประโยชน์ใด ๆ จากกลุ่มผลประโยชน์ ดังนั้นการเลือกที่จะดำรงวิถีการเมืองในรูปแบบกึ่งเผด็จการ เพื่อให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางโดยเฉพาะ "วินัย" ที่คนสิงคโปร์จะต้องมีและอยู่ในจิตสำนึกเท่านั้นจึงจะสร้างให้สิงค์โปร์ดำเนินการอย่างอื่นไปได้อย่างราบรื่น
 
สิงคโปร์ จึงเริ่มดำเนินการปฎิรูปตัวเองไปพร้อมๆ  กับพลเมือง ด้วยการ สร้าง "วินัย" ให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนสิงคโปร์

โดยเริ่มจากสิ่งง่าย ๆ ที่สุดในชีวิตประจำวัน  คือ  "กฎจราจร"  ที่เข้มแข็ง ตามมาด้วย "ความสะอาด" , "ระเบียบบ้านเมือง" และ "การศึกษา"

ทางเท้า หรือทางม้าลาย...จะต้องเป็นทางม้าลายที่คนเดินเท้าต้องมีสิทธิสมบูรณ์มากกว่า คนที่ใช้รถบนถนน  เพราะ สิงคโปร์ให้ความสำคัญกับคนเดินเท้ามากกว่า เศรษฐีขี่รถเก๋ง!

ทางม้าลาย..จะไม่มีความหมาย ถ้าไม่มีคนใช้ ...... ไร้คนเดิน
ดังนั้น ควบคู่ไปกับการทำให้เมือง เป็นเมืองที่คนเดิน  สิงคโปร์จึงต้องมีพื้นที่ที่เรียกว่า  "ทางเท้า" มากและกว้างพอจะทำให้คนอยาก "เดิน"

สิงคโปร์ มีภูมิอากาศคล้ายไทย คือ อากาศร้อน ซึ่งมันไม่เอื้อต่อวิถีการเดินแบบในยุโรป  ...เค้าแกง่าย ๆ ด้วยการนำเอา "ต้นไม้" มาเป็นร่มเงา

เมื่อทางเท้ามันกว้างขวาง...ร่มไม้ครึ้มไปตลอดเวลา   คนสิงคโปร์จึง กลับมา "เดิน"

และทางม้าลายของประเทศนี้ จึงมีความหมายและมีค่าสำหรับประเทศ

เมื่อคนเริ่มเดิน...เศรษฐกิจสองข้างทางเดินก็เริ่มเกิด  ร้านรวงต่าง ๆ ก็ค้าขายได้ เพราะชีวิตที่ "ช้าลง" สักนิด ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้การค้ารากหญ้า ยังพอมีความหวัง


ดังนั้น สิ่งที่ รัฐบาล และ คสช. จะต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 5 ปีนี้ คือการคืนสิทธิคนเดินเท้ากลับมาให้ประชาชน!!

รัฐบาล ต้องมีมาตรการเข้ม ต่อการปฎิบัติหน้าที่ของพนักงานจราจร ที่จะต้องดำเนินการเฉียบขาดต่อผู้ฝ่าฝืนกฎหมายจราจร โดยเฉพาะ  บรรดาพวกที่ชอบจอด "ล้ำ" 

[attach=4]

การจอดล้ำ  เป็นวัฒนธรรมของคนไทยที่ฝรั่งยังอึ้ง!!   

เพราะการจอดล้ำ โดยเฉพาะอย่างกรณีการล้ำจอดเข้าไปไปในเขตรถจักรยานยนต์หรือจักรยาน (Advance stop Line)

ซึ่งช่องที่ตีไว้นี้ ถือว่ามีความสำคัญทีจะช่วยลดปัญหาการจอดกีดขวางบนเลนอื่น ๆ โดยเฉพาะ เลนซ้ายสุด


ช่องจอดสำหรับจักรยานยนต์ จะตีเป็นบล๊อกไว้ซึ่งสามารถอำนวยความสะดวกให้รถจักรยาน,จักรยานยนต์ไหลขึ้นไปจอดรอให้บล๊อกนี้ และเมื่อได้สัญญานไฟเขียว รถจักรยานหรือจักรยานยนต์ในช่องนี้จะได้รับสิทธิให้ออกไปก่อนรถยนต์

แต่เมืองหาดใหญ่ ทุกแห่ง กลายเป็นว่า ช่องสำหรับจอดจักรยานยนต์ถูกรถยนต์ล้ำเข้าไปจอดจนไม่มีที่ให้จักรยานยนต์จอด  ..จึงต้องล้ำไปจอดบนพื้นที่ทางม้าลายจนคนเดินเท้าไม่สามารถข้ามถนนได้

จักรยานยนต์หลายคัน เมื่อไม่มีที่จอดรอสัญญาน จึงต้องไปจอดในเลนซ้ายสุด กีดขวางการจราจรสำหรับรถยนต์ที่ใช้ช่องท้ายซ้ายสุดแบบผ่านตลอด

ทุกแห่งเกิดขึ้นต่อหน้า  เจ้าพนักงานจราจรหาดใหญ่  แบบ ที่ต่างฝ่ายทั้งคนจอดล้ำ..และเจ้าหน้าที่จราจร ต่างก็ไม่รู้ว่าต้องทำไงกันดี!!??

เขียนมาถึงตรงนี้ ต้องฝาก  ศูนย์ดำรงธรรม  ฝากไปยัง  คสช.  เพื่อให้กำลังใจ

ถ้าแก้ปัญหาคืนถนน...ให้รถยนต์แล้ว 

ต้องแก้ปัญหาสำคัญคือ คืนทางเท้าให้คนหาดใหญ่ด้วย!!

และสุดท้าย  อยากฝากก็คือ  ต้องพิจารณาเรื่อง การทำงานของ เจ้าหน้าที่จราจรหาดใหญ่ ด้วยว่า ละเลย..ปล่อยปละ ให้เกิดการจอดล้ำ..ย้อนศร.ไร้ระเบียบแบบนี้กันไปอีกนานเท่าไหร่?

น่าประหลาดใจสำหรับประเทศไทยก็คือ    เวลามีบ่อนการพนันในท้องที่ใด......ผู้กำกับฯ ,สารวัตร ซวยมีสิทธิถูกย้ายภายใน 24 ชม.

แต่ปัญหาจราจรที่มีผู้กระทำผิดวัน ๆ นับหมื่น ๆ คน....กลับปล่อยปละ และไม่มีมาตรการใด ๆ!!

นี่ถ้าลอง ท่านนายกฯ เห็นความสำคัญเรื่องปัญหาจราจรที่เป็นต้นทางของการ "ไร้วินัย"  ให้ดีๆ 

พื้นที่ไหน ปล่อยให้มีการ "จอดล้ำ...ย้อนศร..จอดกั๊กขวางบนถนน".... ถ้าไม่ตักเตือนจริงจัง...จับ,ปรับ ฯลฯ   ต้องมีมาตรการเดียวกันกับแบบ "บ่อน"

และทีสำคัญ ถ้าจะย้ายลำพัง สารวัตรจราจร ก็ดูจะเห็นใจท่าน ....เพราะบางท่านเข้ามาทำงานแล้วเจอรุ่นพี่ๆ อยู่ก่อน ทั้งดาบ..ทั้งจ่า  จะไปสั่งหรือกำชับให้เกิดผลก็เกรงใจ...  แต่พอไม่ทำ ปล่อยปละ สารวัตรก็ซวย!

เอาเป็นเที่ยวนี้  ออกระเบียบ..แนบคำสั่งมาเลยว่า  ทั้งดาบ..ทั้งจ่า ท่านใด  ไ่มยอมตักเตือนประชาชน..เข้มแข็งในกฎหมาย และช่วยทำให้ 5 จอม เกิดผลได้จริงๆ  .....


ย้าย ท่านดาบ..ท่านจ่า ที่ชอบ "เฉย"    ให้ท่านไปพักผ่อนรอปลดเกษียณ อยู่ในที่ที่มันมีรถราน้อย ๆ  แถว ๆ ควนจง..ควนมีด...เทพา ฯลฯ ก็น่าจะดี


..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

1 ประเภทจอดจักรยานยนต์ ด้านหน้าเวลาออกไฟเขียวเหมือนกับเต่า แล้วขี่ตรงกลางถนน รถยนต์จะไปซ้ายหรือขวาไปไม่ถูก
2 ประเภทคนข้ามทางม้าลาย ไฟแดงไม่ไห้ข้าม ยังข้าม
3 ช่องจอดรถไม่ตรงประเภท ทีจอดจักรยานยนต์ไปจอดรถยนต์ ทีจอดรถยนต์ไปจอดจักรยานยนต์
ทีจอด จยย กับรถยนต์ เป็นที่วางถังขยะหรือเก้าอี้ และแม่ค้าคั่วเกาลัดข้างถนนก็จอดไม่ได้เดียวรถไฟไหม้ มีควันโขมงจะจอดยังไง