กิมหยง - ตะลุงเว็บบอร์ด

http://www.youtube.com/watch?v=euxxSRgMwHE&feature=player_embedded


พูดจาติดๆ ขัดๆ .. คำกล่าวอ้างก็ฟังไม่ขึ้น .. หลักฐานก็ไม่มีเป็นชิ้นเป็นอัน มาให้ดู

ข่าว 3 มิติ ยังหาหลักฐานอ้างอิงได้เยอะกว่าตำรวจอีก

ความปลอดภัยของประชาชนอยู่ที่ตรงไหนกันละครับนี่   

http://www.youtube.com/watch?v=y6I4WV22kWw&feature=player_embedded#!

นี่ของวันที่ 19 ครับ

ตำรวจก็ เลว ช่งย พวกเป็น เรื่อง เดิม ๆๆ

ผมว่าตำรวจอ่าผิดเห็น ๆ ครับงานนี้

กำลังเอาสีข้างเข้าแถครับ 

แล้วถ้าผมจะซื่อรถแจ๊ซ์เนี้ย ผมต้องไปขอใบอณุญาตจากนายทะเบียนแผนกอาวุธหรือเปล่าว่ะ

คิดได้ไงวิศวะมีรถเป็นอาวุธร้ายแรง ตำรวจไทย

ผมว่าน่าจะประมาณว่า ตำรวจคงมั่นใจว่าเป็นคนร้าย จึงได้ทำการลงไป แต่พอมากลายเป็นว่ายิงผิดตัวเรื่องเลยยุ่งกันไปหมดแบบนี้ ก็น่าเห็นใจเจ้าหน้าที่ ที่ปฎิบัติหน้าที่ในการจะจับคนร้าย แต่โชคร้ายกลายเป็นผิดตัว และมีผู้เสียหายที่เสียชีวิตด้วย ผมเป็นห่วงว่าในอนาคต ทั้งเจ้าหน้าที่ และประชาชน หรือแม้แต่ผู้ร้าย จะเป็นอย่างไรกันบ้างเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ และหากผู้ตายบริสุทธิ ก็ต้องแสดงความเสียใจในความสูญเสียด้วยครับ

ที่ตำรวจอ้างว่าจะใช้รถเป็นอาวุธร้ายแรงนั้น ผมว่าดูจากภาพมันไม่ใช่ จะมาอ้าวว่าคนร้ายขับรถชนตำรวจที่กรุงเทพก็คนละเคสกัน

ถ้าหากตั้งด่านแล้วรถจะแหกด่านผมจะไม่ว่าสักคำ แต่นี่ตำรวจขับรถไล่ตามน่ะครับ รถคันหน้าคงจะไม่ดึงเบรกมือ แล้วดริ๊ฟมาชนจนตำรวจที่ตามมาด้านหลังตายได้หรอกครับ ดูหนังมากไปป่าวครับ แถข้าง ๆ คู ๆ แท้

เท่าที่ได้ฟังคำให้การของตำรวจต่อคณะกรรมธิการ ขอแสดงความคิดเห็นดังนี้ครับ

1.ตำรวจในชุดนี้ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าสายล่อซื้อได้โทรหาผู้ตายจริง ไม่ว่าจากซิมการ์ดที่ตำรวจไม่พบในที่เกิดเหตุ หรือ บันทึกการใช้เบอร์โทรศัพท์จากทางผู้ให้บริการที่ทางญาติไปขอมา ก็ไม่มีข้อมูลว่าได้ติดต่อกับสายของทางตำรวจแต่อย่างใด

2.การไม่พบอาวุธในตัวผู้ตายและในรถยนต์ของผู้ตาย จึงทำให้คำให้การที่ตำรวจอ้างว่าผู้ตายต่อสู้ขัดขืนจนเป็นเหตุให้ยิงวิสามัญได้นั้นไม่มีน้ำหนัก

3.การที่ตำรวจให้การว่ารถยนต์ของผู้ตายคืออาวุธโดยสภาพนั้น โดยพยายามนำไปเปรียบเทียบกับคดีอื่นที่มีการขับรถชนตำรวจจนเสียชีวิต ไม่สามารถรับฟังได้ เนื่องจากในกรณีนี้ผุู้ตายถูกไล่ติดตาม ไม่ได้ขับขี่รถยนต์พุ่งชนตำรวจเหมือนในคดีที่มีการกล่าวอ้าง ประกอบกับรถยนต์คันดังกล่าวไม่มีรอยเฉี่ยวชนใดๆ จึงไม่มีเหตุให้เชื่อว่าผู้ตายได้นำรถยนต์คันดังกล่าวมาเป็นอาวุธหมายเข้าชนหรือทำร้ายตำรวจแต่อย่างใด

3.ในวิถีกระสุนที่พบจากรถของผู้ตายนั้น มี 1 นัดที่เข้าบริเวณที่กระจกข้างคนขับ โดยคำให้การของตำรวจชุดนี้อ้างว่าพยายามยิงล้อแต่รถเคลื่อนที่ตลอดเวลาจึงไม่สามารถยิงที่ล้อได้  ในประเด็นนี้รับฟังได้ว่าตำรวจพยายามยิงสกัดแต่กระสุนพลาดไปโดนผู้ตายซึ่งเป็นผู้ขับขี่ ดังนั้นหากพิจารณาตามกฎหมายถือว่าตำรวจได้กระทำการโดยประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

4.รถยนต์ที่ทางตำรวจไล่ติดตามผู้ตายมาไม่ใช่รถยนต์ของตำรวจที่ใช้ในราชการ และตำรวจเองไม่ได้สวมใส่เครื่องแบบ ประกอบกับพยานที่เป็นยามรักษาความปลอดภัยในจุดสุดท้ายก่อนที่รถยนต์ของผู้ตายจะจอด ให้การว่าได้ยินเสียงปืนก่อนที่รถผู้ตายและรถที่ติดตามมา ซี่งพยานทราบภายหลังว่าเป็นรถยนต์ที่ตำรวจเป็นผู้ขับขี่ใช้จะแล่นผ่านจุดที่ตนรับผิดชอบอยู่ เป็นเหตุให้เชื่อได้ว่าผู้ตายไม่ทราบมาตั้งแต่ต้นว่าผู้ที่ติดตามและไล่ยิงผู้ตายมานั้นเป็นใคร จึงมองได้ว่าการหลบหนีของผู้ตายนั้นไม่ได้เป็นการหลบหนีการจับกุมแต่เป็นเพียงการหลบหนีเพื่อขอความช่วยเหลือเท่านั้น

5.ในประเด็นยาบ้าที่ตำรวจอ้างว่าเจอจากตัวผู้ตายที่โรงพยาบาล  แต่ในทางปฎิบัติจริงตำรวจต้องตรวจค้นตัวผู้ตายตั้งแต่ควบคุมตัวผู้ตาย พร้อมถ่ายภาพของกลางบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ยิ่งในกรณีนี้ตำรวจได้อ้างว่าผู้ตายเป็นผู้ต้องสงสัยในคดียาเสพติดที่หลบหนีและต่อสู้การจับกุมแล้ว ตำรวจยิ่งต้องมีการตรวจค้นหายาเสพติดและอาวุธซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญก่อนที่ส่งสถานพยาบาล และหากทางผู้เกี่ยวข้องในการรับตัวผู้บาดเจ็บหรือผู้ตายมารับผู้ตายเพื่อส่งสถานพยาบาลมารับตัว ก็จะต้องมีการตรวจสอบสิ่งของที่ติดตัวผู้ตายเพื่อนำส่งตำรวจหรือส่งญาติในภายหลัง แต่ในกรณีนี้ไม่พบบันทึกใดๆจากผู้เกี่ยวข้องที่ระบุว่าได้เจอยาบ้าที่ตัวผู้ตายมาก่อนที่จะไปถึงโรงพยาบาล 

คนที่ยิงบอกตั้งใจยิงล้อแต่กระสุนพลาดเพราะรถเคลื่อนที่ตลอดเวลา คนที่เป็นหัวหน้าชุดบอกว่าผู้ตายมีอาวุธอันตราย(รถยนต์)จนต้องวิสามัญ เท่านี้ก็ขัดแย้งกันเองในคำให้การอย่างชัดเจน ตกลงจะวิสามัญหรือยิงพลาดกันแน่ อีกทั้งขาดพยาน ขาดหลักฐาน ที่จะพิสูจน์ว่าผู้ตายมียาเสพติดไว้ในครอบครองจนเป็นเหตุให้ไล่ติดตาม รวมทั้งผุ้ตายได้ต่อสู้เจ้าพนักงานจนเป็นเหตุให้ต้องวิสามัญ