ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

รู้จักกับตุรกีซักหน่อย รับรองว่า ไปทัวร์ตุรกีได้สนุกอย่างแน่นอน

เริ่มโดย goten, 10:32 น. 13 มิ.ย 62

goten

"ประเทศตุรกี" เป็นประเทศเพียงแค่เดียวในโลกที่มีดินดินแดนอยู่อีกทั้งในทวีปเอเชียรวมทั้งทวีปยุโรป ส่วนที่อยู่ในทวีปเอเชีย 97% เรียกว่า อองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือเลีย (Anatolia) ภาษาประเทศตุรกี เรียก อท้องนาโดหลุ (Anadolu) แล้วก็ อีก 3% อยู่ในยุโรปเรียกว่า เทรซ (Thrace) ประเทศที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ล้นหลาม แล้วก็ถ้าเกิดจะท่องเที่ยวประเทศตุรกีให้บันเทิงใจและก็เข้าถึงความเป็นประเทศตุรกี พวกเราควรทำความรู้จักประเทศตุรกีสักนิดก่อนท่องเที่ยวเนื่องจากว่าพวกเราได้ท่องเที่ยวมาแบบไม่เคยรู้ตุๆรีกีมาแล้ว เลยต้องการให้ผู้ที่กำลังเดินทางไปได้ทำความรู้จักประเทศตุรกีมากยิ่งขึ้นก่อนที่จะได้มีการเดินทางไปท่องเที่ยว

ประเทศตุรกีเป็นดินแดนในฝันที่คนอีกจำนวนไม่น้อยฝันว่าจะไปเยี่ยมซักครั้งให้ได้ พวกเราก็เป็นเยี่ยมในนั้น ภายหลังที่จดจ้องคิดเงินจนได้ท่องเที่ยวประเทศตุรกีสักครั้งขณะนั่งคุยกับสหายในค๊อฟฟี่ช็อปกลางเมือง พวกเราก็ถือโทรศัพท์มือถือ เข้าแอปพลิเคชั่น หาตั๋วเรือบินไปประเทศตุรกีจองก่อนค่อยแพลุกลนท่องเที่ยวที่ข้างหลัง

เมืองที่ผุดขึ้นมาในหัวชื่อแรกคงจะไม่พ้นอิสตันบูล ถึงแม้อิสตันบูลไม่ใช่เมืองหลวงแต่ว่าก็เป็นเมืองที่มีความจำเป็นที่สุดและก็เป็นเมืองที่มีพลเมืองหนาแน่นเยอะที่สุดในประเทศตุรกี เป็นเมืองสองทวีปที่ตั้งอยู่ขอบช่องแคบบอสฟอรัส Bosphorus เดิมชื่อว่า คอนสแตนติเตียนโนเปิล ซึ่งเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่มากมายในประวัติศาสตร์ รวมทั้งเป็นเมืองสำคัญของชนเผ่าหลายชิ้นในรอบๆนั้น ก็เลยทำให้ อิสตันบูล มีชื่อเรียกไม่เหมือนกันออกไป ได้แก่ ไบแซนเทียม คอนสแตนติเตียนโนเปิ้ล แล้วก็เรื่องที่ไม่สมควรพลาดเมื่ออยู่อิสตันบูล เป็น ล่องเรือดูช่องแคบบอสฟอรัส Bosphorus

ซึ่งเป็นช่องแคบที่เชื่อมสมุทรดำ The Black Sea กับสมุทรมาร์มาร่า Sea of Marmara โดยมีความยาวโดยประมาณ 32 กิโล จัดว่าช่องแคบนี้เป็นจุดเจอกันของสุดขอบทวีปยุโรปและก็สุดขอบทวีปเอเชีย ยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งสำหรับการคุ้มครองป้องกันประเทศตุรกีอีกด้วย มาทดลองสัมผัสบรรยากาศรวมทั้งทิวทัศน์งามๆของยุโรปแล้วก็ทวีปเอเชียกันจ้ะ พอเพียงขึ้นบกพวกเราก็ไปต่อ สถานที่สำคัญ ที่ห้ามพลาด มัสยิดเซนต์โซเฟีย Mosque of Hagia Sophia

หรือชื่อในตอนนี้ เป็น พิพิธภัณฑสถานฮายาโซฟีอา หรือฮาเจียโซเฟีย Hagia Sophia Museum เดิมเคยเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์ นิกายออร์โธดอกส์ ถัดมาถูกกลายเป็นมัสยิด รวมทั้งในตอนนี้ได้เปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑสถาน มัสยิดเซนต์โซเฟียนับว่าเป็นอาคารบ้านเรือนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง และก็มักถูกจัดให้อยู่ในรายการ 1 ใน 7 สิ่งอัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ซึ่งลักษณะเด่นอยู่ที่ยอดโดมขนาดใหญ่โตมโหฬารกึ่งกลางวิหาร งดงามงดงามจริงๆจ้ะ ออกมาก็เดินไปอีกที่ใกล้ๆกัน มัสยิดสีน้ำเงิน Blue Mosque

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาที่มีความสวยมากมาย ซึ่งชื่อนี้ได้มาจากสีน้ำเงินของกระเบื้องเคลือบที่ใช้ปูตลอดแนวฝาผนังบ้านภายใน ถูกผลิตขึ้นบนพื้นที่ซึ่งเคยเป็นวังของพระราชาธิราชไบเซนไทน์ โดยสุลต่านอาห์เหม็ดที่ 1 เมื่อปี1609 ใช้เวลาสร้างโดยรวม 7 ปี มาท่องเที่ยวมัสยิดทีไรรู้สึกถึงความใหญ่โต แล้วก็ความเลื่อมใสทุกครั้ง ออกมาจากเรื่องของศาสนามาท่องเที่ยววังกันต่อ ราชสำนักโดลมาบาห์เช Dolmabahce Palace

สร้างโดยสุลต่านอับดุล เมสิด Abdul Mecit ในปี 2399 ใช้เวลาสร้างถึง 30 ปี สร้างด้วยหินอ่อน ตั้งอยู่ขอบชายฝั่งทะเลมาร์มาราในช่องแคบบอสฟอรัสบนฝั่งทวีปยุโรป ข้อดีของวังที่นี้เป็นมีการตกแต่งตกแต่งด้วยความประณีตบรรจงและละเอียดลอออลังการมีทั้งยังเครื่องเรือน ประพรม ประทีป เครื่องแก้วเจียระใน และก็ภาพเขียน ภาพถ่ายต่างๆที่เป็นที่รู้จักมากมาย ดังเช่นว่า ประทีปแชนเดอเลียร์ ของขวัญจากอังกฤษทำมาจากแก้วคริสทัลขนาดใหญ่ที่สุดในโลกหนักถึง 5000 โล เสริมแต่งดวงไฟ 750 ดวง ประพรมทอมือผืนเดียวที่ใหญ่ที่สุดในโลก เสาหินอ่อนบันไดทางขึ้นห้องโถงตรงราวทำด้วยไม้วอลนัต ลูกกรงราวบันไดทำด้วยแก้วคริสทัล ประพรมชั้นยอดเยี่ยมราคาสูงที่สุดในโลก ทอโดย Cinar ในประเทศตุรกี เครื่องแก้วเจียระไนจากโบฮีภรรยา เยี่ยมที่สุดในโลกของสาธารณรัฐเช็ก หินอ่อนจากอียิปต์มาทำห้องน้ำ เซาน่า ในแบบที่เรียกว่า เตอร์กิชบาธ ที่น่าสังเกตเป็นมีนาฬิกาวางประดับประดาไว้ล้นหลาม ทุกเรือนจะชี้บอกเวลา 09.06 น. อันเป็นตอนที่ผู้นำมุสตาฟา เคมาล หรืออตาเติร์ก ตายในวันที่ 10 พ.ย. 2484 ออกมาจากวังพวกเราไปต่อกันที่ อุนาฬิกาก์เก็บน้ำเยเรบาทัน Yerebatan Sarnici

สร้างในยุคมหาจักรพรรดิจัสติเนียนในปี ค.ศ.532 เพื่อเป็นที่เก็บน้ำสำหรับใช้ในราชสำนัก สำรองไว้ใช้ยามอิสตันบูลถูกศัตรูล้อมเมือง จุน้ำได้ทั้งหมดทั้งปวง 80,000 ลูกบาศก์เมตร น้ำที่ได้ส่งผ่านท่อมาจากแหล่งน้ำที่อยู่ห่างออกไป 20 กิโล ใกล้กับสมุทรดำ ที่นี้มี เสารูปหัวเมดูซาที่กลับหัวกลับหางลง รวมทั้งเอียงข้าง รวมถึงเสาหยดน้ำตา ในสมัยออตโตมัน ให้ดูด้วยนะ อิสตันบูลพวกเรา นิดๆหน่อยๆแล้ว เมืองถัดไปที่พวกเราจะไปเป็น เมืองชานัคคาเล่ Canakkale ซึ่งตั้งอยู่ริมหาดมาร์มาร่า ตัดกับสมุทรอีเจียนซึ่งเป็นที่ตั้งของ เมืองทรอย Troy เมืองที่เป็นที่รู้จักมาแม้กระนั้นในอดีตกาล ถูกผลิตขึ้นมาโดยประมาณ 4,000 ปีมาแล้ว ดู ม้าไม้เลียนแบบที่เมืองทรอย

Wooden Horse of Troy อันเลื่องลือซึ่งเปรียบเครื่องหมายอันเฉียบแหลมด้านมายากลศึกของทหารโบราณ ที่เป็นต้นเหตุทำให้กรุงทรอยแตก ออกมาจาก ทรอย พวกเราไปต่อกันที่ วิหารอะวัวรโปลิส Acropolis ที่เมืองเปอร์กามัม Pergamum ซึ่งถูกกล่าวถึงว่าเป็นเหมือนดินแดนในเทพนิยายซึ่งสิ่งปลูกสร้างที่มีขนาดใหญ่ที่เป็นที่รู้จักเป็น โรงแสดงละครที่ชันที่สุดในโลก จุผู้ชมได้มากถึง 10,000 คน

ไปจ้ะไปต่อที่ เมืองเอฟฟิซุส City of Ephesus เมืองโบราณที่มีการรักษาไว้อย่างดีเยี่ยมจากชาวภาษากรีก ซึ่งรุ่งโรจน์ขึ้นในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาล ถัดมาถูกรุกรานยึดครองโดยพวกอิหร่านแล้วก็กษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราชคราวหลังเมื่อโรมันเข้าครอบครองก็ได้ตั้ง เอฟฟิซุส ขึ้นเป็นเมืองหลวงบ้านนอกของโรมัน

อีกหนึ่งไฮไลท์ ที่พวกเรากระหยิ่มใจเสนอมากมายเป็น เมืองขว้างมุคคาเล่ Pamukkale

เมืองที่มีน้ำพุเกลือแร่ร้อนไหลทะลุขึ้นมาจากใต้ดินผ่านซากของเมืองดั้งเดิมยุคกรีกก่อนที่จะไหลลงสู่ผา ผลจากการไหลของน้ำพุเกลือแร่ร้อนนี้ได้นำไปสู่ทิวทัศน์ของน้ำตกสีขาวเป็นชั้นๆหลายชั้น รวมทั้งผลจากการแข็งตัวของแคลเซียมนำมาซึ่งเป็นแก่งหินสีขาวราวหิมะขัดขวางน้ำเป็นทางยาว ซึ่งมีความสวยงามมากมาย จนกระทั่งเรียกกันว่า พระราชวังปุยฝ้าย การันตีหากคุณมาเห็นมากับตา เสมือนอยู่ในดินแดนสรวงสวรรค์จริงๆงามจนกระทั่งไม่รู้จักจะชี้แจงอย่างไร เสมือนที่ฝรั่งเขาว่า "No word can describe" ภายหลังจับใจดินแดนในฝันไปแล้ว พวกเราก็กลับมาชั่วโมงประวัติศาสตร์กันต่อจ้ะ

เมืองคอนคุณย่า Konya สมัยก่อนเมืองหลวงของอาณาจักร เซลจูค ในตอนปี ค.ศ. 1071 – 1308 แล้วก็ยังเป็นศูนย์กลางที่สําคัญของภูมิภาคแถบนี้ ดูวิถีชีวิตตามบ้านนอกและก็ทิวภาพที่งามของท้องทุ่งสลับกับเทือกเขา รวมทั้งแวะดู คาราวานสไรน์ Caravanserai ค่ายพักแรมแล้วก็ที่แลกผลิตภัณฑ์กลางทางของชาวเติร์กในยุคออตโตมันอีกด้วย

และก็มาถึงเมืองที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง เมืองคัปขว้างโดเกีย Cappadocia ดินแดนที่มีพื้นที่อันน่าประหลาดใจ ที่เกิดจาการทับถมของลาวาตรงเวลาหลายล้านปี จนได้ชื่อว่า ดินแดนที่เทพนิยาย หรือดินแดนที่ปล่องนางอัปสร Fairy Chimney คัปขว้างโดเกีย ยังได้รับการแต่งจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติให้เป็นเมืองมรดกโลกทางธรรมชาติและก็วัฒนธรรมที่แรกของประเทศตุรกีอีกด้วย

คัปขว้างโดเกีย มีนครใต้ดินหลายที่ แม้กระนั้นที่มีชื่อเสียงของนักเดินทางสูงที่สุดเป็นนครใต้ดิน เมืองไคมักลี Underground City Derinkuyu or Kaymakli ที่มีความลึกถึง 11 ชั้น (ลึกที่สุดที่ 85 เมตร) พร้อมกับยังมีระบบระเบียบระบายอากาศ และก็มีภาวะวิถีชีวิตการดำรงชีวิตใต้ดินพร้อมมูล ซึ่งนครใต้ดินนับเป็นสิ่งอัศจรรย์ที่ผลิตขึ้นจากความสามารถมนุษย์ จากการเจาะพื้นดินลงไป เพื่อใช้เป็นที่หลบของคนกรุงจากการรุกรานของศัตรูในยุคทำศึกทำสงคราม ภายหลังพวกเราลอดเมืองใต้ดินไปดูความเก่งกล้าของคนโบราณ ซึ่งไม่เหมาะสมสำหรับคนกลัวที่แคบๆอย่างมาก ไม่ชี้แนะนะคะ พวกเราออกท่องเที่ยวที่มันอยู่ open air กันเลยดีกว่าจ้ะ

พิพิธภัณฑสถานที่โล่งแจ้ง เมืองเกอเรเม่ Goreme Open Air Museum ที่เป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในตอน คริสต์ศักราช ที่ 9 มีสาเหตุมาจากความนึกคิดของชาวคริสต์ที่ปรารถนาเผยแพร่ศาสนา โดยการขุดถ้ำเยอะๆเพื่อสร้างโบสถ์ แล้วก็ยังเป็นการคุ้มครองป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นพ้องกับศาสนาคริสต์อีกด้วย แล้วก็อีกหนึ่งไฮไลท์ ที่ไม่สมควรพลาดเป็นอย่างมากเป็นการ ขึ้นบอลลูนดูความงดงามของเมืองคัปขว้างโดเกีย

ผู้คนจำนวนมากบอกไว้ว่า ขึ้นบอลลูนที่คัปขว้างโดเกีย งามที่สุดในโลกแล้ว พวกเราไม่เคยขึ้นที่อื่นๆ แม้กระนั้นเพียงนี้ก็งามติดตาประทับใจไม่เคยรู้ลืมจริงๆอย่าลืมหาโอกาสได้ไปทดลองกันให้ได้นะ ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยไปก็ไม่มีช่องทางได้ขึ้นหากอากาศไม่ดี รัฐบาลเขาไม่ให้ขึ้นเด็ดขาด นึกถึงความปลอดภัยดีทีเดียว ภายหลังจากขึ้นบอลลูนลงมาพวกเราก็จำเป็นต้องจัดแจงกลับไปอยู่บ้านกันแล้ว โดยพวกเรามุ่งหน้าไปเมืองอังการา Ankara ซึ่งเมืองนี้หละจ้ะ เป็นเมืองหลวงของประเทศตุรกีและก็เป็นเมืองหลวงของจังหวัดอังการา เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นชั้นสองรองจากอิสตันบูล มาถึง Ankara พวกเราก็รับประทานแวะรับประทานข้าวแล้วตรงไปท่าอากาศยานเลย มิได้แวะท่องเที่ยวอะไรเพราะเหตุว่าเวลาไม่อวย

ที่มา : ทัวร์ตุรกี