ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

OK. เบตง (ปีใหม่)

เริ่มโดย Sol.KNE, 18:41 น. 21 ก.พ 55

warin

คิดถึงจังเลย  ผมไปเที่ยวรอบสุดท้านก็ปี 2533  ว่าจะๆไปอีกสักที  แต่ก็ยังไม่ได้ไป ส.ร้อง ส.ร้อง ส.ร้อง

บ้านเกิดโพ๊มมม

เป็นเวลากว่า 10 ปี บ้านเกิดของข้าพเจ้าเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพกาลเวลา
บ้านเกิดที่ได้ขึ้นชื่อว่า "เมืองในหมอก ดอกไม้งาม " 
ผมได้กลับไปเมื่อตรุษจีนของปีนี้ 
ความรู้สึกของเด็กบ้านเกิดอย่างข้าพเจ้า
รู้สึกเมืองมันเล็กลง (แคบลง)  ด้วยสิ่งปลูกสร้างที่เติบโตมากขึ้น
หรืออาจเป็นเพราะเราได้ไปเจอที่ที่มันกว้างกว่าเลยทำให้เรารู้สึกไปแบบนั้น
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไป
คือ...ความทรงจำเก่าๆเริ่มกลับมาหลังจากที่ได้ไปผ่านที่ตรงนั้นอีกครั้งหนึ่ง
ใบหน้าของผู้คน  เพื่อนเก่า   ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคยรู้จัก วันนี้ยังคงได้รับรอยยิ้มและความอบอุ่น
ไมตรีจิตที่ได้รับนั้น  มันทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกอยากหยุดพักผ่อนที่นี่อีกสักสองสามวัน
แต่ด้วยภาระหน้าที่  จึงอยู่ได้เพียง วันสองวัน 


.....
.........


      บ้านเกิดผม.....

......



.....ระยะเวลาผ่านไปเรื่อยๆ   ความทรงจำดีๆ ไม่เคยจางหายไป



   

๛๏uๅellwu llสulwลิu๏๛

อ้างจาก: บ้านเกิดโพ๊มมม เมื่อ 11:21 น.  22 มี.ค 56
เป็นเวลากว่า 10 ปี บ้านเกิดของข้าพเจ้าเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพกาลเวลา
บ้านเกิดที่ได้ขึ้นชื่อว่า "เมืองในหมอก ดอกไม้งาม " 
ผมได้กลับไปเมื่อตรุษจีนของปีนี้ 
ความรู้สึกของเด็กบ้านเกิดอย่างข้าพเจ้า
รู้สึกเมืองมันเล็กลง (แคบลง)  ด้วยสิ่งปลูกสร้างที่เติบโตมากขึ้น
หรืออาจเป็นเพราะเราได้ไปเจอที่ที่มันกว้างกว่าเลยทำให้เรารู้สึกไปแบบนั้น
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไป
คือ...ความทรงจำเก่าๆเริ่มกลับมาหลังจากที่ได้ไปผ่านที่ตรงนั้นอีกครั้งหนึ่ง
ใบหน้าของผู้คน  เพื่อนเก่า   ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคยรู้จัก วันนี้ยังคงได้รับรอยยิ้มและความอบอุ่น
ไมตรีจิตที่ได้รับนั้น  มันทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกอยากหยุดพักผ่อนที่นี่อีกสักสองสามวัน
แต่ด้วยภาระหน้าที่  จึงอยู่ได้เพียง วันสองวัน 


.....
.........


      บ้านเกิดผม.....

......



.....ระยะเวลาผ่านไปเรื่อยๆ   ความทรงจำดีๆ ไม่เคยจางหายไป



   
เศร้าจัง  ส.ร้อง ส.ร้อง
ระยะทางแม้ยาวไกล .. หากใจมุ่งมั่น ..แม้จะเป็นเพียงก้าวเล็กๆ ..
แต่ก็สามารถไปถึงที่หมาย .. ไม่ต่างกัน ..

solo1075

อ้างจาก: ๛๏uๅellwu llสulwลิu๏๛ เมื่อ 08:21 น.  23 มี.ค 56
เศร้าจัง  ส.ร้อง ส.ร้อง
ขอบคุณความผิดหวังในวันนั้น..........ที่ทำให้มี............วันนี้

เชื่อว่าใครหลายๆคนคงเคยประสบพบเจอกับเหตุการณ์ความรู้สึกประทับใจบนความผิดหวังแบบนี้
ความพยายามที่จะทำตัวเองให้ดีขึ้นเพื่อหวังว่าใครคนนั้นจะหันมามองคนอย่างเรา


พอมานั่งนึกถึงความทรงจำเก่าๆทำให้อดอมยิ้มไม่ได้ทุกที




...
.......
...........

สมัยที่ผมเริ่มแตกหนุ่ม  ช่วงราวๆ มัธยมต้น  ช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงความเป็นหนุ่มขึ้นมา
ผมเริ่มรู้จักคำว่าความรักเป็นครั้งแรก  โดยที่ไม่รู้ตัวว่า   


"นี่หรอ..... ที่เค้าเรียกว่า....ความรัก...."


ทุกคนคงเคยมีใครสักคนที่เรารู้สึกว่าเค้าน่ารักที่สุด  คนที่ทำให้เราหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
ทำอะไรไม่ถูกเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
เหงื่อไหลออกทางมือ

ความรักที่เกิดจาก  โซเชียลเน็ตเวิร์ค
นำให้เราสองคนมาพบเจอกัน


....ผมจำได้ว่า 
เป็นช่วงแรกๆที่โปรแกรมระบบที่ทุกคนเรียกกันว่า " แชท" ได้เปิดตัวใช้ในการสื่อสารกับผู้คนที่เราไม่เคยพบเจอมาก่อน  จากทุกที่บนโลกได้บันดาลให้มาพบปะพูดคุยกัน

แต่กับเธอคนนี้....

เราเรียน โรงเรียนเดียวกัน

เธอเป็นรุ่นน้องผม 1 ปี  (ตอนนั้นผมเรียน ม. 5)
เราเริ่มคุยกันมาสักระยะหนึ่ง  ทั้งๆที่อยู่ใกล้กันแต่เราไม่เคยเห็นหน้า แม้ใจจริงก็มีความรู้สึกอยากจะนัดพบกันสักครั้ง
แต่ด้วยเธอเป็นคนขี้เล่น  จึงไม่ยอมให้เห็นหน้าแม้สักครั้งเดียว

ผมจึงหลอกล่อด้วยกลวิธีต่างๆ จนสุดท้ายก็ได้เห็นหน้าเธอคนนั้น

เธอบอกผมว่าเธออ้วน
.....เธอดำ
....เธอผมหยิก
....สิวเกรอะ
....  ทุกอย่างที่ทำให้คุณรู้สึกว่าเค้าดูไม่ดีในสายตาคนบนโลกนี้เลย


แต่มันกลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่เธอพูดมาทั้งสิ้น  ผมเห็นเธอครั้งแรกตอนเธอกำลังนั่งคุยกับเพื่อนอยู่ในชั้นเรียน ในช่วงพักเที่ยง
เธอทำให้ผมรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนไปพักหนึ่ง
ครั้งแรกที่เห็นเธอ ผมกลับไม่รู้สึกโกรธเธอเลยสักนิด
กับสิ่งที่เธอแกล้งหลอกผมมาตลอด

ผมเดินเข้าไปหาเธอพร้อมแนะนำตัวว่าผมคือบุคคลบนโลกไซเบอร์คนนั้น
แต่เธอกลับยิ้มและหัวเราะเบาพร้อมบอกกับผมว่า 


...."เค้ารู้ตั้งนานแล้วจ้ะ.......

เป็นอีกหนึ่งเซอไพร ที่ทำเอาผมถึงกับอึ้งและรู้สึกเหมือนถูกกลั่นแกล้งอย่างโหดร้ายทารุณ







พวกเราค่อยๆทำความรู้จักกันมากขึ้นๆ

จนถึงวันเวลาที่ต้องแยกย้ายกันไปตามทางที่ตัวเองต้องเดินไป

เราสัญญากันว่าจะตามไปเรียนยังสถาบันเดียวกัน
ซึ่งผมต้องเป็นคนเดินไปยังสถาบันมหาลัยแห่งนั้นก่อนและรอเธอตามมาตามคำสัญญา


...แต่ก็อย่างที่ทุกคนคิดล่ะครับ

ความห่างไกลบวกกับเราทะเลาะกันมากขึ้นทุกๆวันทางสายโทรศัพท์

พร้อมกับคำพูดประโยคที่เธอขอยกเลิกสัญญา


ทำให้ความสัมพันธ์ของสองเราจบลงตั้งแต่วันนั้น



แต่หลังจากนั้น 1 ปี  ผมกลับเห็นเดินอยู่ในรั้วมหาลัยเดียวกัน



....เธอทำตามสัญญาที่ให้ไว้

....แต่ทุกอย่างไม่เป็นเหมือนเดิม

ผมรู้สึกเธออยู่ใกล้ผมแต่เหมือนอยู่ห่างไกลมาก


ในช่วงเวลานั้นผมได้กลายเป็นนักกิจกรรมดีเด่น 
เป็นประธานสภาของมหาลัยแห่งนั้น
ทำกิจกรรมดีๆเพื่อสังคมไว้มากมาย


กีต้าร์ที่เคยเล่นไว้เพื่อคิดจะเอาไว้เล่นจีบเธอนั้น

วันนี้กลับกลายเป็นอาชีพงานพิเศษในช่วงกลางคืนไว้หาเลี้ยงชีพเป็นรายได้เสริม
จากวันนั้นถึงวันนี้

ต้องขอบคุณความผิดหวัง....วันนั้น
ทำให้ผมมีวันนี้ได้

แต่ความทรงจำดีๆ

ผมขอเก็บมันไว้ตลอดไป   

บางครั้งความรู้สึกดีๆไม่จำเป็นต้องมีความสุขเสมอไป

ขอแค่วันนั้นเคยเป็นครั้งหนึ่งที่เรารู้สึกประทับใจกับสิ่งๆนั้น  ก็เพียงพอ

tanqoo

ผมเคยไป(แฟนเป็นคนที่นั้น)สวยจริงครับอากาศดีมากตัวเมืองไม่มีอะไรสงบครับ เคยไปแต่ทางไทยตอนนี้รู้สึกว่าจะมีทางเพิ่มอีกสายนะครับก่อนถึงคอกช้างผมยังไม่เคยไปแต่่เห็นติดป้ายแล้วว่าไปเบตง(เชงเม้งที่ผ่านมาปี56)คราวหน้าว่าจะลองไปทางมาเลดูครับ พี่ๆในกิมหยง ช่วยหน่อยนะครับอยากทราบว่าเราต้องทำยังไงเกี่ยวกะรถบ้างได้ข่าวว่าต้องมีประกันกับป้ายดำของมาเลกำลังหาข้อมูลอยูครับพี่ๆที่เคยเข้ามาเลช่วยแนะนำหน่อยนะครับและมีค่าใช้จ่ายอย่างไรครับ ขอบคุณคับ

solo1075

อ้างจาก: tanqoo เมื่อ 22:32 น.  08 เม.ย 56
ผมเคยไป(แฟนเป็นคนที่นั้น)สวยจริงครับอากาศดีมากตัวเมืองไม่มีอะไรสงบครับ เคยไปแต่ทางไทยตอนนี้รู้สึกว่าจะมีทางเพิ่มอีกสายนะครับก่อนถึงคอกช้างผมยังไม่เคยไปแต่่เห็นติดป้ายแล้วว่าไปเบตง(เชงเม้งที่ผ่านมาปี56)คราวหน้าว่าจะลองไปทางมาเลดูครับ พี่ๆในกิมหยง ช่วยหน่อยนะครับอยากทราบว่าเราต้องทำยังไงเกี่ยวกะรถบ้างได้ข่าวว่าต้องมีประกันกับป้ายดำของมาเลกำลังหาข้อมูลอยูครับพี่ๆที่เคยเข้ามาเลช่วยแนะนำหน่อยนะครับและมีค่าใช้จ่ายอย่างไรครับ ขอบคุณคับ

ใช่ครับ ต้องไปทำใบผ่านทั้งคนทั้งรถครับ 
คือพาสปอร์ตทั้งคนทั้งรถครับ
แต่ถ้าง่ายสุดคือนั่งรถตู้ไปก็ได้ครับ
ใช้แค่พาสปอร์ตผ่านทางอย่างเดียว  ใช้เวลาพอๆกับวิ่งทางไทยครับแต่สบายกว่าเพราะเป็นถนนวงแหวนรอบนอกของทางมาเล
และหลับเต็มตื่นมากกว่า

ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายที่ง่ายและประหยัดสุดก็  ค่ารถตู้อย่างเดียว ประมาณ  300 กว่าบาท(ไม่แน่ใจไม่เคยนั่งนานแล้ว)
แต่ถ้าคุณไปทำป้ายดำก็ค่าใช้จ่ายตรงนี้ผมไม่แน่ใจครับ

ผู้เฒ่าเต่า

อยากไปมากเลย ถ้าเรื่องทุกอย่างมันเงียบเป็นที่อีกแห่งน่าไปในภาคใต้ของเรา  ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้
อย่าใช้ภาษาผิด ๆ สะกดผิด ๆ เดี๋ยวภาษาที่ ปู่ ย่า ตา ยาย ใช้กันมานมนานจะวิบัติไปกันหมด   
              พลังคลื่นเต่า..........ปู๊ด !!!!!!



tanqoo

อ้างจาก: solo1075 เมื่อ 07:59 น.  09 เม.ย 56
ใช่ครับ ต้องไปทำใบผ่านทั้งคนทั้งรถครับ 
คือพาสปอร์ตทั้งคนทั้งรถครับ
แต่ถ้าง่ายสุดคือนั่งรถตู้ไปก็ได้ครับ
ใช้แค่พาสปอร์ตผ่านทางอย่างเดียว  ใช้เวลาพอๆกับวิ่งทางไทยครับแต่สบายกว่าเพราะเป็นถนนวงแหวนรอบนอกของทางมาเล
และหลับเต็มตื่นมากกว่า

ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายที่ง่ายและประหยัดสุดก็  ค่ารถตู้อย่างเดียว ประมาณ  300 กว่าบาท(ไม่แน่ใจไม่เคยนั่งนานแล้ว)
แต่ถ้าคุณไปทำป้ายดำก็ค่าใช้จ่ายตรงนี้ผมไม่แน่ใจครับ
ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล ว่าแต่รถยังผ่อนอยู่ไม่รู้เอาไปได้ป่าว

kohkritt

ขั้นตอนการนำรถยนต์ส่วนตัวเข้าประเทศมาเลเซีย
1.แปลสมุดทะเบียนรถ เป็นภาษาอังกฤษ (ทำได้ที่ขนส่ง เพื่อใช้ทำประกันภัย)
2.ใขขับขี่รถยนต์จะต้องเป็น smart card เท่านั้น
3.ตัดสติกเกอร์ป้ายทะเบียนรถ (เป็นภาษาอังกฤษ)
4.ทำประกันภัยมาเลเซีย (สามารถทำได้ที่ด่าน ตม.พร้อมกับสติกเกอร์)
5.ฟิลม์กรองแสงกระจกรถมีความเข้มไมเกิน 40%

tanqoo

มาตอบหน่อยครับ หลังจากไปทางมาเลมาแหละรถที่ยังผ่อนอยู่เอาไปได้นะครับ
แต่ต้องของเอกสารจากทางไฟแนนส์เลยคับแต่ต้องผ่อนให้เกิน18เดือนก่อนนะครับ
แหละไม่ค้างค่างวดค่าใช้จ่าย200บาทแต่ถ้าจะให้ทางไฟแนนตำเนินเรื่องให้ก็500แต่ช้าหน่อยผมเลยเลือก200บาทคับ(ธนชาติ)แล้วเอาไปแปลที่ขนส่ง20-30ไม่แน่ใจแหละแล้วนำเอกสารที่แปลมาไปทำประกันมาเลได้เลยครับ1620บาทได้หนึ่งเดือนผมให้ร้านไปทำให้นะครับ
เห็นคนอื่นบอกว่าถ้าไปทำเองจะถูกกว่านี้เยอะครับ(เสร็จไปแหละเรื่องของรถ)ค่าใช้จ่ายของรถประมาณสองพันต้นๆคับ
คราวนี้คน คนขับต้องมีพาสปอตร์-แหละใบขับขี่สากลถ้าเปงรุ่นเก่าก็เอาไปแปลก็ได้ครับที่ขนส่งอีกนั้นแหละครับ
คนนั้งพาสปอตร์อย่างเดี่ยวครั
คร่าวนี้ไปถึงด่านก็(ฝั่งไทย ด่านสะเดา)จอดรถก่อนถึงด่านลงไปที่ ตม ก่อนคับซ้ายมือกรอกเอกสารเสร็จให้เขาแสตมป์คนเสร็จแหละ
เหลือรถเอาหัวทะเบียนที่ถ่ายเอกสารไว้กับตัวแปลภาษาไปยื่นที่ตู้3
ไม่แน่ใจนะครับถามเขาได้ครับแนะนำดีมากแล้วเขาจะให้เอกสารมาหนึ่งใบครับ
ประมาณว่าอนุขาติให้รถคันนี้ออกนอกประเทศที่นี้ก็กลับมาที่รถครับ
ขับข้ามไปมาเลเลยครับคร่าวนี้ง่ายแหละด่านมาเล
ไม่ต้องลงจากรถครับยื่นพาสปอตร์ให้เขาแสตมป์อย่างเดี่ยวครับไม่ต้องลงจากรถเสร็จแล้วถัดมาอีกตู้หนึ่งจ่ายเงิน3ริ่งกิตแล้วก็เข้ามาเลได้แหละ   
ไปถึงด่านที่โน่นแล้วก็เหมือนเดิมครับ
.มาเลไม่ต้องลงจากรถยื่นให้เขาแสตมป์แล้วข้ามไปฝั่งไทยจอดรถก่อนถึงด่านเดินเข้าไปที่ฝั่งเข้าแล้ว
ให้เข้าแสตมป์อีกทีครับที่นี้ก็เขาเบตงไปที่ยวกันเลย......หากข้อมูลผิดพลาดตกหล่นกรุณาช่วยเพิ่มเติมด้วยนะครับเผื่อมีใครอยากเอารถไป
ทางมาเลเหมือนกับผมครับ

คนซอยสาม

เบตงเป็นอีกเมืองหนึ่งของภาคใต้ ที่น่าเที่ยวมาก ท้ังสภาพความเป็นอยู่ สภาพภูมิอากาศ อาหารการกิน เสียดายอย่างเดียวการเดินทาง ทางบ้านเราไม่ค่อยจะปลอดภัย ต้องข้ามไปทางมาเลย์ แต่คิดว่ายังไงก็จะต้องหาโอกาสไปเทื่ยวสักครั้ง