ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

เล่าเรื่องเก่าผ่านเทปคาสเซ็ทกองหนึ่งที่ฉันแอบเก็บไว้ในตู้เก็บของ...........

เริ่มโดย คุณาพร., 16:52 น. 13 มี.ค 55

คุณาพร.

เล่าเรื่องเก่าผ่านเทปคาสเซ็ทกองหนึ่งที่ฉันแอบเก็บไว้ในตู้เก็บของ...........

                   สมัยที่ผู้เขียนยังเป็นเด็ก(ราวปี พ.ศ.2528)สมัยนั้นยังพอจำได้อย่างลางเลือน  เด็ก-วัยรุ่น-วัยหนุ่มสาวส่วนใหญ่ในเมืองนิยมฟังเพลงจากคลื่นวิทยุ(ที่มีไม่หลากหลายอย่างยุคปัจจุบัน) บ้างก็ฟังเพลงจากเทปคาสเซ็ทซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในสมัยนั้น  ถึงราคาของท้วนเทปดังกล่าวจะค่อนไปทางแพงอยู่ไม่น้อยแต่ในเมื่อเป็นความบันเทิงเริงใจของมวลหมู่มหาชน ณ ห้วงเวลานั้น  เทปคาสเซ็ทจึงเป็นเสมือนสวรรค์ของนักฟังเพลงหลากหลายแนวทาง  สามารถเลือกชมหาซื้อได้ตามร้านขายใหญ่โต ยันเพิงขายแบกะดินข้างถนนที่สามารถพบเห็นได้โดยทั่วไปในหาดใหญ่ 

                   วัยรุ่นสมัยก่อนเคยได้ฟังเพลงที่เป็นที่นิยมผ่านเทปคาสเซ็ทมากมาย  อาทิ ได้ฟังเพลง สบาย สบาย(2530), คู่กัด, บูมเมอแรง(2533) รวมถึงเพลงพริกขี้หนู(2534)จากพี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์  ได้ฟังเพลง ฝากเลี้ยง(2534), ยุ่งน่า เเละก็ใครมันจะไปรู้ละ(2536) จากเจ เจตริน วรรธนะสิน  นอกจากนี้ยังสามารถรับฟังเพลงสากลที่กำลังเป็นที่นิยมของวัยรุ่นสมัยนั้นผ่านเทปคาสเซ็ท อาทิ เพลง Forever Love, Say Anything, Crucify my love ของ X Japan รวมถึงเพลง Bye Bye Boy ของศิลปินญี่ปุ่น Nanase Aikawa และฯลฯ ซึ่งรถโพธิ์ทองขนส่ง หาดใหญ่-สงขลาสมัยนั้นนิยมเปิดเพื่อเอาใจลูกค้ากลุ่มใหญ่คือนักเรียน-นักศึกษา

                   ในหาดใหญ่สมัยยุคปี พ.ศ.2539 เป็นต้นมาแผ่น CD เพลงเริ่มเข้ามามีอิทธิพลและบทบาทเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการเก็บรายละเอียดของเพลงที่ดีกว่าชัดกว่าและได้เพลงที่มีน้ำเสียงใสบาดใจคนฟังมากกว่าเทปคาสเซ็ท  แต่อย่างไรก็ตามในช่วงแรกๆแผ่น CD เพลงได้รับความนิยมในคนหมู่น้อยสืบเนื่องมาจากราคาแผ่นที่ค่อนข้างแพง  ศิลปินยังไม่ค่อยนิยมอัดเสียงลงแผ่น CD มากนัก  เครื่องเล่นดังกล่าวมีราคาแพง  และที่สำคัญหาซื้อแผ่นเพลงได้ค่อนข้างยาก  ด้วยมูลเหตุดังกล่าวมาข้างต้นนี้เองเทปคาสเซ็ทจึงยังเป็นที่นิยมเป็นอย่างสูงต่อไปอีกระยะหนึ่ง  โดยระยะหลังๆผู้ผลิตเทปคาสเซ็ทเพลงจากศิลปินดังๆเริ่มมีปัญหาใหญ่ที่เข้ามารบกวนก็คือเรื่องของเทปผี-เทปปลอม ซึ่งแพร่ระบาดอย่างหนักในหมู่นักฟังเพลงรุ่นใหม่ประเภทเบี้ยน้อยหอยน้อย  โดยเป้าหมายของคนกลุ่มนี้มักเห็นวางขายกันทั่วไป เช่น ตามหน้าหอนาฬิกา  ตามตลาดนัด  และเปิดท้ายขายของ  เทปผีราคา 3 ม้วน 100 เดียว   ของราคาถูกมักล่อตาล่อใจให้กลุ่มผู้ฟังในสมัยนั้นยอมควักกระเป๋าจ่ายได้ไม่ยาก  เพราะได้เพลงจากศิลปินคนโปรดในราคาถูกจ่ายสบายกระเป๋า  หาซื้อง่าย  แต่ก็มีข้อเสียนิดที่ว่าเทปคาสเซ็ทที่ใช้นำมาก๊อปปี้เพลงส่วนใหญ่มีคุณภาพต่ำ  เก็บไว้ได้ไม่นาน  เผลอเดี๋ยวเดียวม้วนเทปดังกล่าวก็เสียงยานเพี้ยนไป  แต่ก็มีวิธีแก้นะเด็กวัยรุ่นสมัยก่อนมักแก้เทปก๊อปปี้เสียงยานด้วยการนำม้วนเทปดังกล่าวมาใส่ถุงก๊อปแก๊ป(ก็ถุงพลาสติกนั่นแหล่ะ) โดยทำการมัดปากถุงให้แน่นแล้วนำม้วนเทปดังกล่าวไปแช่ไว้ในตู้เย็นประมาณ 30 นาที  เอาออกมาตากให้แห้ง  สักพักก็ฟังได้ปกติ(ภูมิปัญญาแบบบ้านๆสมัยปี 2540)

                   เทปคาสเซ็ทเริ่มมียอดขายตกลงเพราะตลาดนักฟังรุ่นใหม่ใส่ใจในเรื่องรายละเอียด-คุณภาพเสียงเพลงเพิ่มมากขึ้น  ประจวบกับเครื่องเล่นและแผ่น CD เพลงมีราคาถูกลงมากกว่าแต่ก่อน  ศิลปินดังๆในเมืองไทยนิยมอัดเสียงลงแผ่น CD เพิ่มมากขึ้นจากแต่ก่อนหลายเท่าตัว  ปรากฏการณ์ดังกล่าวจึงเป็นเหมือนกระแสให้มีร้านค้าในหาดใหญ่นำเครื่องเล่นและแผ่น CD เพลงมาวางจำหน่ายเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย  จากข้อมูลของ โสภิตา ธรรมสังคีติ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เมโทรแผ่นเสียง-เทป (1981) จำกัด ได้กล่าวสรุปเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้ว่า "การบริโภคเทปเพลงในปัจจุบันตั้งแต่ต้นปี 2547 มีสัดส่วนเหลือเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายรวมเท่านั้น ซึ่งสิ้นปี 2547 นี้คาดว่าโรงงานผลิตหลายแห่งจะเลิกผลิตวัสดุชนิดนี้ คนซื้อเทปลดลงจากเดิมเราเห็นความเปลี่ยนแปลงของสินค้าประเภทนี้เมื่อประมาณ 3-4 ปีที่ผ่านมา แล้วมันก็เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนปัจจุบันเราสั่งผลิตเพียง 20 เปอร์เซนต์ ของยอดรวมก็ประมาณ 2,000 ม้วน ธุรกิจของเราเน้นไปที่เพลงเก่า ทำให้ยังพอมีคนซื้อเทปคาสเซ็ทอยู่ แต่ก็ไม่มากมายอะไร ถ้าพูดในแง่ต้นทุนเทป ขายได้กำไรน้อยกว่าซีดีมาก แถมเทปเพลงเก็บรักษายากขึ้น ต้องอยู่ในห้องแอร์ ส่วนการผลิตก็มีขั้นตอนที่ยุ่งยากกว่าซีดี ตั้งแต่การซื้อเนื้อเทปใหญ่มาตัดเป็นม้วนเล็กๆ ซึ่งต้องนำเข้าจากต่างประเทศ จากนั้นจัดวางลงในตลับวางกระดาษและขันนอต ขณะที่แผ่นซีดีปั๊มได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยเทปกับซีดีนั้นมีต้นทุนพอๆ กัน" (โสภิตา ธรรมสังคีติ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เมโทรแผ่นเสียง-เทป / หัวข้อ  : อวสาน "เทปคาสเซ็ท" สู่ยุคซีดีดิจิทัล หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก, 2547)

                  ปัจจุบันปี พ.ศ.2555 ม้วนเทปคาสเซ็ทยังพอมีวางขายอยู่บ้างอย่างประปลายโดยเฉพาะการวางขายเพื่อนกลุ่มเป้าหมายใหญ่คือคนรุ่นเก่า  คนเดินทาง-คนขับรถส่งของทางไกล แต่คนกลุ่มนี้ก็เป็นเพียงนักฟังเพลงกลุ่มเล็กๆในสัมคมไปแล้ว  CD เพลงเองก็เช่นกันปัจจุบันเจอกับกระแสของการโหลดเพลงในโลกไซเบอร์เข้าจู่โจมอย่างหนักหน่วง  โลกไซเบอร์-โลกส่วนใหญ่ของวัยรุ่นยุคนี้สมัยนี้ กับการนั่งโหลดเพลงมาฟังที่บ้านอย่างสบายอารมณ์  ไม่ต้องเสียเวลาออกไปเดินเลือกซื้อ  ไม่ต้องจ่ายเงินให้สิ้นเปลือง  มีความรู้นิดหน่อย มีเครื่องคอมพิวเตอร์ แค่นี้ก็สามารถหาเพลงที่เป็นที่นิยมมาฟังได้อย่างสบายๆ มีทั้งเพลงเก่า-ใหม่ให้ได้เลือกหามากมายหลากหลาย  นั่งโหลดกัน 10 วัน10 คืนก็ไม่มีหมด  นั่งมองปัจจุบันแล้วย้อนภาพกลับไปยังอดีตเราได้เห็นคลื่นลูกหนึ่งถาโถมเข้าสู่ฝั่งอย่างรุนแรงและน่ากลัว  เวลาผ่านไปเพียงไม่นานคลื่นลูกแรกหมดกำลังลง  อ่อนล้า  และถูกคลื่นลูกที่สองถาโถมเข้าใส่อย่างน่ายำเกรง  ไม่นานนักคลื่นลูกที่สองเองก็อ่อนกำลังลงกลายเป็นเพียงกระแสน้ำที่ไร้พลังอำนาจ ไร้ทิศทาง  ชั่วอึดใจคลื่นลูกใหม่ก็กำลังก่อตัวขึ้นและท้าทายคลื่นสองลูกแรกอย่างอหังการ  นั่งพิมพ์มาถึงตรงนี้ทำให้นึกถึงหนังสือชื่อ The Third Wave ของ อัลวิน ทอฟเลอร์ เมื่อหลายปีก่อนขึ้นมา  ยกแก้วกาแฟดำขมๆขึ้นมาดื่มอย่างเชื่องช้า  มองคลื่นอีกลูกที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างอาจอง  โลกใบนี้เปลี่ยนไปแล้ว  ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว............

คุณาพร / 13 / มีนาคม / 2555
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0


เมื่อวานทำความสะอาดห้องนอน  เลยรื้อม้วนเทปคาสเซ็ทเก่าๆสมัยฟังเมื่อ 15-20 ก่อนมาทำความสะอาด









อันนี้เป็นเทปคาสเซ็ทรวมฮิต  ดังมากสมัยราวปี 2540 เพลงที่ดังๆก็ เช่น Bye Bye Boy ของ Nanase Aikawa



อันนี้ป๋าเบิร์ด ชุดมุมเมอเเรง



สองหนุ่มแร็พเตอร์  อัลบั้มแรกเลยล่ะ



ทีสเกิร์ต  และโจอี้ บอย(ชุดแรก)



ทาทา ยัง(ชุดแรก)  นอกจากนี้ก็มี เต๋า  และ X3



ป๋าไมเคิล แจ็กสัน จอมลูบเป้า



พี่เเหม่ม พัชริดา วัฒนา  เพลงที่ดังสุดๆสมัยนั้นก็  เพลงทิ้ง



ละอองฟอง......อินดี้ส่วนตัว  เสียงใสๆดี



แอนเดรีย สวอเรซ(ชุดแรก)



X Japan กับเพลงเพราะๆ Forever Love



เจ็บนี้รสปูอัด.....โตเป็นผู้ใหญ่กันหมดล่ะ  ^^



พี่เจ.....ขวัญใจของใครหลายๆคน(สมัยนั้น)




ติ๊ก ชีโร่.....สมัยก่อนดังมากกกก



แถมอีกนิดดด.....เทปเพลงของสถาบันราชภัฏสงขลา(แจกฟรีสมัยปี 2540)




ส.อ่านหลังสือ ส.อ่านหลังสือ ส.อ่านหลังสือ ส.อ่านหลังสือ ส.อ่านหลังสือ


****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

นายไข่นุ้ย

ใช่แล้ว ที่พูดมาผมทันครับ แต่เสียดายพวกเทปเก่าที่มีอยู่รักษาไว้อย่างดี จมน้ำหมด เสียดายมาก ขอบคุณเรื่องดีๆ ส.สู้ๆ ส.ยกน้ิวให้
DO YOU KNOW ME? I AM A CAT 28 YEARS. AND YOU?    แมวแท้สู (แมวยิ้ม)

Thanakorn P.

ของผมก็มีเยอะเหมือนกัน
แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าหายไปไหนหมดแล้วครับ  ส.ร้อง
การถ่ายภาพคือ การบันทึกความทรงจำ

คนคลองเรียน 2


sam08

มีเป็นลังเลยอาจารย์ เก็บไว้อย่างดี...เครื่องเล่นก็ยังใช้ได้ วันไหนนึกอยากฟังก็เอาออกมาฟัง สบายใจ มีหลายคนแนะนำให้เอาไปอัดสำเนาลงแผ่นซีดี...คิด ๆ อยู่น่าจะทำไว้เสียดายเพลงเพราะ ๆ ทั้งนั้น...


คุณาพร.

อ้างจาก: รถไฟตู้ดำๆ เมื่อ 06:48 น.  14 มี.ค 55
ยังเปิดฟังได้มั๊ยค๊ะ จารย์..... ส-เขิน เก็บค่ะเก็บ.... ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้

^

^

^

ยังฟังได้ครับ  เครื่องเล่นเทปก็ยังมี  นานๆเปิดฟังซักที  ย้อนบรรยากาศเก่าๆ   ส-ดีใจ

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

puiey

สุดยอดครับ ยังเก็บไว้ได้ ของผมก็ไปกับน้ำเมื่อปีที่แล้วหมดแล้ว ตอนนี้ก็หาโหลดมาเก็บไว้เรื่อย ๆ ครับ ยังจำได้ทุกเพลงเลย
โกธรกับแฟน ขึ้นสเตตัส "โสด" ถ้าวันนึง แม่มึงโกธร มึงไม่ขึ้นสเตตัส "กำพร้า" เลยเหรอ

คุณาพร.

บันทึกส่วนตัว : ดูหนังที่หาดใหญ่เมื่อ 30 ปีก่อน....จวบยุคปัจจุบัน (ปี พ.ศ.2555)

                   สมัยเมื่อประมาณ 30 ปีก่อนในความทรงจำอันเริ่มจะลางเลือนของผู้เขียน  หาดใหญ่ยังไม่เจริญเฉกเช่นยุคปัจจุบัน  ถนนหนทางหลายแห่งยังคงเป็นถนนดินแดง  รถรายังไม่มากนัก  การคมนาคมส่วนใหญ่ผู้คนยังนิยมโดยสารรถประจำทาง  ตุ๊กตุ๊ก  และรถสองแถว  ทีวีในสมัยก่อน(ราวปี พ.ศ.2524)ส่วนใหญ่ผู้คนยังนิยมบริโภคเป็นทีวีภาพขาว-ดำกันอยู่  สถานีโทรทัศน์เองก็มีกันอยู่แค่ 4 ช่อง โดยเริ่มออกอากาศเปิดสถานีตอนตี 5 ปิดเวลาประมาณเที่ยงคืนตรง  ความบันเทิงเกี่ยวกับเรื่องการดูหนัง(โดยเฉพาะหนังสยองขวัญ)นั้นหนังดีๆส่วนใหญ่หาชมยาก  นอกจากเข้าไปดูในวิกในโรงภาพยนตร์ในเมือง  หรือตามไปดูเป็นหนังกลางแปลงแถวบ้านกับเลือกดูในทีวีแล้วนี่  ก็ต้องเก็บสะสมเงินเพื่อซื้อเครื่องเล่น-เช่าม้วน VDO มาดูอย่างเดียว(ซึ่งสมัยนั้นเครื่องเล่น VDO ถือเป็นสินค้าราคาแพงสำหรับคนมีรายได้สูงเท่านั้น)

                  "หนังกลางแปลง"  หรือที่คนหาดใหญ่สมัยเมื่อราว 30 ปีก่อนเรียกว่า "หนังขายยา" หรือ "หนังเร่" มักเป็นที่นิยมและได้รับความสนอกสนใจจากเด็ก, วัยรุ่น  รวมถึงผู้ใหญ่-คนเฒ่าคนแก่โดยทั่วไป  เพราะนอกจากความบันเทิงในการรับฟังเพลงจากคลื่นวิทยุ  การชมละคร-หนังจากทีวีภาพขาว-ดำ  หนังตะลุง / มโนราห์ แล้วก็คงมีหนังกลางแปลงนี่แหล่ะที่เป็นเครื่องสนองความบันเทิงเริงใจในยามค่ำคืนได้เป็นอย่างดีในยุคสมัยที่ความเจริญทางวัตถุนิยมยังห่างไกลจากยุคปัจจุบันอยู่มาก 

                  หนังกลางแปลงในสมัยก่อนที่หาดใหญ่ในความทรงจำของผู้เขียนมีกันอยู่ 3 จำพวก คือ 1. หนังกลางแปลงประเภทฉายกั้นผ้าเก็บเงิน  2. หนังกลางแปลงประเภทได้รับการว่าจ้างให้มาเปิดฉาย  และ 3. หนังขายยา หรือหนังเร่ หนังประเภทสุดท้ายนี้มักจะมีการหยุดฉายตอนกลางเรื่องเพื่อขายยา และลูกอบ /ขนมขบเคี้ยวประเภทต่างๆ

                   ปกติคนหาดใหญ่จะคุ้นเคยกับหนังกลางแปลงประเภทแรกเสียมากกว่า  คือหนังประเภทฉายกั้นผ้าเก็บเงิน  ที่ผู้เขียนพอจำได้นี่ก็เป็นลานฉายหนังกลางแปลงแถวเยื้องๆกับวัดคลองเรียน  สถานที่แห่งนี้เองแต่ก่อนเป็นลานกว้างพอประมาณ  ก่อนวันฉายหนังจะมีการแจกใบปลิว  ใบโฆษณาติดประกาศตามสถานที่ต่างๆที่ผู้คนพลุกพล่าน  นอกจากนี้ก็เป็นการบอกกันปากต่อปากของเด็ก และวัยรุ่นในสมัยนั้นกันเอง  วันฉายหนังกลางแปลง  ทีมงานจะจัดวางจอหนังให้ได้ในมุมที่ดูดีที่สุด  จัดระบบเครื่องเสียง  และใช้ผ้าใบ หรือผ้าสีขาวหนาๆมาขึงเป็นกำแพงล้อมรอบ 4 ทิศ  กำแพงผ้าที่ขึงนี้เองกะเอาด้วยสายตาแล้วคงสูงราว 2 เมตรเห็นจะได้  ช่วงหัวค่ำขณะที่ฟ้ายังสว่างอยู่ไม่สามารถทำการฉายหนังได้  นายหนังกลางแปลงจะเปิดเครื่องเสียง-ดนตรีให้ดังเข้าไว้เพื่อเรียกลูกค้า-คนใช้บริการ  นอกจากนี้ก็ยังมีเสียงจากโทรโข่งขนาดย่อมๆดังคลอกับเสียงดนตรีมาเป็นระยะเพื่อชักจูงให้คนเข้ามาดูหนังกลางแปลงกันมากๆ  พอฟ้าเริ่มมืดสนิทของกินก็มาวางขายกันเต็มลานรอบๆกำแพงโรงหนัง  ผู้ชมเริ่มต่อแถวเพื่อจ่ายเงินเข้าโรง  สนนราคาการดูหนังกลางแปลง 1 เรื่องในสมัยนั้นคือ 1 บาท



                  ผู้เขียนก็เคยเข้าไปดูนะหนังกลางแปลงแบบกั้นผ้าเก็บเงินหน้าโรง  คือตามพี่ๆแถวบ้านเข้าไปดูเพราะอยากรู้ว่าเสียงที่มันดังๆอยู่ในแนวกั้นผ้าสีขาวน่ะ  มันคือเสียงอะไร  เข้าไปดูอะไรกัน?  แต่เพราะผู้เขียนอายุยังน้อย(ราว 5 ขวบ) เลยสนุกสนานกับการวิ่งเล่นในแนวกั้นรั้วผ้าเสียมากกว่า  พอหนังจบก็บอกไม่ได้ว่าดูเรื่องอะไรไปบ้าง  สนุกสนานแบบเด็กๆ(ฮา)  อีกนิดดด....ขอพูดเกี่ยวกับหนังประเภทที่ 3 เสียหน่อย  หนังขายยา หรือหนังเร่  ประมาณปี พ.ศ.2526 มีคณะหนังขายยาคณะหนึ่งเดินทางมาจากจังหวัดทางภาคเหนือเพื่อมาเยี่ยมญาติที่หาดใหญ่แถวซอยบ้านผู้เขียน  พักกันอยู่หลายวันจนใกล้เดินทางกลับ  ทางคณะหนังขายยาเลยอยากตอบแทนญาติๆที่เคยให้ความช่วยเหลือในหลายๆเรื่องในครั้งอดีตด้วยการจัดฉายหนังให้คนในซอยบ้านผมได้ชมกันฟรีๆ 1 เรื่อง  ตอนนั้นคุณป้าท่านหนึ่ง(ญาติกับทางคณะฉายหนัง)ถามผมซึ่งเป็นเด็กตัวเล็กๆมาแอบยืนดูด้วยความสนใจว่า "แล้วลูกอยากดูหนังเรื่องอะไรล่ะจ๊ะ"  ผมในวัยเด็กตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว "อยากดูหนังสยองขวัญครับ"  คืนนั้นเลยได้นั่งดูหนังขายยาหน้าบ้านเรื่อง งูผี เป็นผลตอบแทนที่อุตส่าไปยืนเฝ้าคณะฉายหนังเร่ทั้งวันด้วยความสนใจ  ฉายเรื่องแรกจบก็ต่อด้วยเรื่อง ใต้ฟ้าสีคราม  หนังเรื่องนี้เพลงเปิดตัวไพเราะดีครับ  แต่ทนดูได้แค่ 30 นาทีก็ง่วงล่ะ 

                   กระโดดมาที่ประมาณต้นปี พ.ศ.2532 (โดยประมาณ) Big Cinema ได้เริ่มออกอากาศเป็นครั้งแรกทางช่อง 7  โดยการฉายครั้งแรกนี้เองประเดิมด้วยหนังสยองขวัญเรื่อง "สัตว์สยอง"  เป็นที่ฮือฮากันมากในสมัยนั้น  โดยในช่วงนี้เองที่ทางโรงภาพยนตร์ในหาดใหญ่เริ่มมีการพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นแล้ว  หนังดังๆจากต่างประเทศและในเมืองไทยจึงเริ่มทยอยเข้ามากวาดเงินบาทเข้ากระเป๋ากันอย่างสนุก  ส่วนสนนราคาในการรับชมหนังในโรงภาพยนตร์หาดใหญ่อยู่ที่ประมาณ 24 - 40 บาท  นอกจากนี้การที่เครื่องเล่น VDO เริ่มมีราคาถูกลงและกำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคระดับชั้นกลางเพิ่มมากขึ้น  ส่งผลให้ตลาดขายม้วน VDO เจริญเติบโตขึ้นตามลำดับด้วยเช่นเดียวกับโรงหนัง  ร้านเช่าม้วน VDO ทั้งกิจการเล็กๆระดับครอบครัวไปจนถึงกิจการใหญ่โตข้ามชาติอย่างร้านซึทาญ่าของญี่ปุ่นเริ่มมีเข้ามาให้ได้เห็นบ้างแล้วในหาดใหญ่(หาดใหญ่ : ร้านซึทาญ่าเริ่มเข้ามาเจาะตลาดคนรักหนังราวหลังปี พ.ศ.2540)  สมัยก่อนนี้เองที่ค่าเช่าม้วน VDO  หนึ่งเรื่องสนนราคาแค่ 20 บาท  โดยบางร้านถ้าเช่าถึง 5 ม้วนจะมีบริการตามเก็บถึงที่พัก(ให้ดูได้ 7 วัน / เช่น ร้านวัฒนาศิลป์ สุดสาย 3) คิดว่าหลายคนคงเคยได้รับชม เปรตเดินดินกินเนื้อคน ฉบับม้วน VDO กันมาแล้ว  แน่นอนว่ามีให้เช่าที่ร้านซึทาญ่า สาขาถนนศรีภูวนารถ ที่สำคัญหนังเรื่องนี้ไม่มีตัดทอนใดใดทั้งสิ้น

                   ในหาดใหญ่ม้วน VDO ยังคงได้รับความนิยมอยู่ในระดับหนึ่งจวบจนยุคสมัยเริ่มเปลี่ยนไปในราวปี พ.ศ.2544 เมื่อตลาดของหนังแผ่นประเภท VCD เริ่มเข้ามามีอิทธิพลในเมืองแห่งนี้  เริ่มจากร้านซึทาญ่าตรงหน้าห้างไดอาน่า สาขาถนนศรีภูวนารถ เริ่มมีมุมสำหรับให้บริการเช่าแผ่นหนัง VCD และเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนไม่เหลือม้วน VDO ภายในร้านแม้แต่ม้วนเดียว  ร้านค้าในเมืองหาดใหญ่ไล่ตั้งแต่ร้านแบกะดินยันร้านใหญ่-สุดหรูอย่างร้านบอส (แถวกลางสาย 3) เริ่มทยอยโล๊ะม้วน VDO ขายทิ้งในราคาถูกให้นักนิยมบริโภคของเก่าได้เลือกซื้อหาเพื่อสะสมกัน จากที่เคยขายกันม้วนละหลายร้อยบาทเหลือเพียงแค่ 20 บาทเท่านั้น(และที่สำคัญ....ซื้อ 5 แถม 1 ด้วยนะ)โดยมีการนำแผ่นหนังและแผ่นเพลง VCD เข้ามาแทนที่ 

                   ด้วยข้อเสียของม้วน VDO ที่มีขนาดใหญ่  พกพาไม่สะดวก  เก็บรักษาค่อนข้างยาก(เพราะมักมีเชื้อราขึ้นเป็นประจำ) ที่สำคัญหนังม้วนแบบ VDO มักมีราคาแพง  ด้วยมูลเหตุเหล่านี้เองหนังแผ่นประเภท VCD จึงถูกนำเข้ามาแทนที่อย่างง่ายดาย  ด้วยรูปร่างที่เล็ก / กะทัดรัดกว่า  ให้เสียงที่ใสชัดเจนกว่า  รวมถึงสนนราคาเครื่องเล่นและค่าแผ่นหนังที่ไม่แพงมากเกินไป  หาซื้อง่าย  ถ้าใครชอบแบบสบายกระเป๋า  มีหนังแผ่นแบบก๊อปปี้ให้เลือกซื้อ  ประมาณ 3 แผ่น 100 เดียว  อะไรประมาณนั้นแหล่ะ  หนังแผ่น VCD จึงเริ่มเป็นที่นิยมในหาดใหญ่เป็นอย่างมาก

                   อนึ่ง  เกี่ยวกับม้วน VDO ที่มักเกิดราขึ้น  และการทำความสะอาดแผ่น VCD แบบบ้านๆที่หาดใหญ่  ที่ผู้เขียนเคยรู้มานะ  อย่างแรกม้วน VDO ที่มักเกิดราขึ้นเพราะความชื้นอยู่บ่อยๆ  เชื้อราดังกล่าวจะมีลักษณะเป็นขุยขาวๆขึ้นตรงบริเวณแถบบันทึกสีดำในม้วน VDO  เข้าใจกันว่าถ้าเชื้อราสีขาวนี้เปลี่ยนไปเป็นสีเหลืองเมื่อไหร่จะไม่สามารถนำม้วน VDO มาเล่นได้อีก(คือเสีย ต้องทิ้งอย่างเดียว) วิธีการล้างราสีขาวในม้วน VDO สมัยก่อนก็คือนำม้วนเทปดังกล่าวมาทำการล้างรากับเครื่องล้างเฉพาะ(ราคาสมัยนั้นประมาณ 1,500 บาท)  ตัวเครื่องเล่น VDO ก็มีม้วนล้างหัวที่เรียกกันสมัยนั้นว่า "Super King" (ราคา 249 บาท)  ส่วนการทำความสะอาดแผ่น VCD เคยเห็นพวกพ่อค้าที่ตลาดเปิดท้ายหาดใหญ่นำแผ่นที่ลูกค้าอ้างว่าเป็นแผ่นเสียมาแก้ไขให้สามารถดูได้อีกครั้ง  โดยใช้น้ำยาจากขวดยาดมชนิดต่างๆทาลงไปบนแผ่น VCD (ตรงส่วนบันทึกข้อมูล)แล้วเช็ดให้แห้งด้วยผ้าผืนเล็กๆ  เอามาทดลองเปิดดู  ปรากฏว่าดูได้เป็นปกติ  คงเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านจากสิ่งที่มีอยู่รอบตัวน่ะ

                   ปัจจุบันแผ่นหนัง VCD ยังคงได้รับความนิยมในหาดใหญ่อยู่จวบจนทุกวันนี้ ถึงแม้กระแสบางช่วงจะซบเซาลงไปบ้างก็ตามที มีแผ่นหนัง DVD และ Blu-ray Disc เข้ามาปันส่วนแบ่งของตลาด แต่เพราะว่าราคาที่ถูกลงมากกว่าแต่ก่อนของ VCD เลยทำให้แผ่นหนังประเภทนี้ยังเป็นที่นิยมในหมู่คนดูหนังเรื่อยมา แม้ยอมรับกันว่ายุคปี 2553 เป็นต้นมา การดูหนังโดยแผ่น DVD จะได้รับความนิยมสูงขึ้นมากด้วยสืบเนื่องจากระบบเสียงที่คมชัดขึ้น ระบบภาพที่ดีกว่า VCD ก็ตามที   แต่ช่วงหลังๆ VCD, DVD และ Blu-ray Disc ต่างตกอยู่ภายใต้กระแสการโหลดหนังฟรีในโลกไซเบอร์เข้าโจมตีอย่างหนักหน่วง  จนหลายๆค่ายเก็บผลกำไรได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย  ยอดขายตก  บางค่ายขาดทุนล้มหายตายจากไปเลยก็มี  โลกไซเบอร์-โลกส่วนใหญ่ของวัยรุ่นยุคนี้สมัยนี้ กับการนั่งโหลดหนังฟรีมาดูที่บ้านอย่างสบายอารมณ์  ไม่ต้องเสียเวลาออกไปเดินเลือกซื้อ  ไม่ต้องจ่ายเงินให้สิ้นเปลือง  มีความรู้นิดหน่อย มีเครื่องคอมพิวเตอร์ แค่นี้ก็สามารถหาหนังที่เป็นที่นิยมมาดูได้อย่างสบายๆ มีทั้งหนังเก่า-ใหม่มีให้ได้เลือกหามากมายหลากหลาย  นั่งโหลดกัน 10 วัน10 คืนก็ไม่มีหมด  นั่งมองปัจจุบันแล้วย้อนภาพกลับไปยังอดีตเราได้เห็นคลื่นลูกหนึ่งถาโถมเข้าสู่ฝั่งอย่างรุนแรงและน่ากลัว  เวลาผ่านไปเพียงไม่นานคลื่นลูกแรกหมดกำลังลง  อ่อนล้า  และถูกคลื่นลูกที่สองถาโถมเข้าใส่อย่างน่ายำเกรง  ไม่นานนักคลื่นลูกที่สองเองก็อ่อนกำลังลงกลายเป็นเพียงกระแสน้ำที่ไร้พลังอำนาจ ไร้ทิศทาง  ชั่วอึดใจคลื่นลูกใหม่ก็กำลังก่อตัวขึ้นและท้าทายคลื่นสองลูกแรกอย่างอหังการ  นั่งพิมพ์มาถึงตรงนี้ทำให้นึกถึงหนังสือชื่อ The Third Wave ของ อัลวิน ทอฟเลอร์ เมื่อหลายปีก่อนขึ้นมา  ยกแก้วกาแฟดำขมๆขึ้นมาดื่มอย่างเชื่องช้า  มองคลื่นอีกลูกที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างอาจอง  โลกใบนี้เปลี่ยนไปแล้ว  ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว............
                 

เครดิตบทความ / ภาพประกอบ  :  http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.84

                     
ม้วน VDO สำหรับใช้ดูหนังสมัยก่อน  มีราคาที่ค่อนข้างแพง....คนที่สงขลามักเรียก "เครื่องเล่น VDO" ว่า "เครื่องฉายหนัง"  ส่วนภาพประกอบข้างล่างเป็นม้วน VDO ที่ผู้เขียนซื้อเก็บสะสมไว้ระหว่างปี พ.ศ.2536-2544












อันนี้คือเครื่องล้างม้วน VDO ฝากญาติหิ้วมาจากประเทศมาเลเซียราวปี พ.ศ.2537.....ใช้ดีมาก  ปัจจุบันก็ยังใช้งานได้อยู่  ราคาในตอนนั้นประมาณ 1,500 บาท





เครื่องเล่น VDO รุ่น SD1 ซื้อไว้ราวปี พ.ศ.2538  ตอนนั้นราคาประมาณ 8,500 บาท  ปัจจุบันยังใช้ได้อยู่นะ



อันนี้เป็นม้วน VDO ล้างหัวอ่านเครื่องเล่น.....ราคา 249 บาท  ปัจจุบันใช้งานไม่ได้แล้ว  เก็บไว้เป็นที่ระลึกเฉยๆ  ^^




****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

นายไข่นุ้ย

สำหรับบ่าว มีแต่ม้วนvdo เครื่องเล่นพังไปแล้ว เล่นมากเลยขายไปเรียบร้อย
DO YOU KNOW ME? I AM A CAT 28 YEARS. AND YOU?    แมวแท้สู (แมวยิ้ม)

คุณาพร.


****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

อ้างจาก: มะม่วงเปรี้ยว เมื่อ 22:44 น.  14 มี.ค 55
โหตั้งแต่ โมเมกระดุ๊กกระดิ๊ก เอิร์น แรพเตอร์ ลิฟต์-ออย Giant

ปุ๊กกี้ อัลบั้มนี้อัลบั้มที่ 2 ชอบมากมากเลยสมัยนั้น  ส-เหอเหอ ส-เหอเหอ

อาจารย์มีเยอะมากๆเลยนะคะ  ส.ยกน้ิวให้


^

^

^

^

สมัยนั้นเป็นเด็ก Arts ครับ  กลางวันนอน  กลางคืนวาดรูปลายไทย / รูปสีน้ำมัน  เลยมักจะหาเพลงมาฟังเเก้ง่วงครับ  ซื้อดะทั้งม้วนเเท้ม้วนปลอม   ส-ดีใจ

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0