ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ความจริงของธรรมชาติที่ต้องเร่งสร้างความเข้าใจและเปลี่ยนแปลง

เริ่มโดย ทีมงานประชาสัมพันธ์, 09:19 น. 06 มี.ค 55

ทีมงานประชาสัมพันธ์

             การปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติที่เป็นอยู่เป็นสิ่งสำคัญของสิ่งมีชีวิตเพื่อให้สามารถดำรงอยู่ได้หลากหลายปรากฏการณ์ในอดีตได้ส่งผลมายังปัจจุบันและสืบเนื่องไปยังอนาคต อย่างที่เห็นได้ชัดก็คือการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ปรากฏการณ์เรือนกระจก (Greenhouse effect) ในอดีตได้ส่งผลกระทบทำให้โลกร้อนหรือที่เราเรียกว่า Global Warming นั้น ปัจจุบันโลกของเราได้เข้าสู่ยุคการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate change) อากาศร้อนจัด หนาวจัด ลมแรง พายุที่เพิ่มจำนวนและกำลังมากขึ้น หรืออย่างที่ปรากฏในข่าวต่างประเทศบางเมืองหิมะหนาอย่างเป็นประวัติการณ์ มีผู้ลมตายจากอากาศที่หนาวเย็น และร้อนจัดนั้น ทำให้ผู้คนทั่วไปสงสัยและหวั่นวิตกกับการเตรียมการรับมือ ทั้งเรื่องปริมาณน้ำ อากาศที่ร้อนขึ้นอย่างมาก

              อาจารย์ศักดิ์อนันต์ ปลาทอง อาจารย์ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า "การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ หรือฤดูกาลเป็นปรากฏการณ์ปกติ ซึ่งเป็นวงจรของธรรมชาติ  แต่ปัจจุบัน โลกกำลังเข้าสู่ยุค Climate change ซึ่งจะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น หนาวจัด ร้อนจัด ฝนตกมากเกินไป ฝนแล้งมากเกินไป อีกทั้งยังเป็นสาเหตุให้ฤดูกาลเปลี่ยนแปลงอีกด้วย สังเกตได้จากการที่ผลไม้ออกไม่ตรงตามฤดูกาล คลื่นลมทะเลแรงขึ้น และพายุที่เกิดในระดับภูมิภาคที่มากขึ้นแม้จะไม่รุนแรง

            ในปีนี้ ประชาชนอย่าเพิ่งตระหนกเกินไปเรื่องฝนจะตก น้ำจะท่วมมากกว่าปีที่แล้วที่เกิดขึ้นตามข่าว อาจจะไม่เป็นอย่างนั้น เนื่องจากสภาพภูมิอากาศในปัจจุบันเป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ยาก ดังนั้นจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับปริมาณน้ำอย่าเพิ่งระบายน้ำทิ้งมากเกินไป ไม่เช่นนั้น อาจจะเกิดปัญหาแล้งได้ ซึ่งยังจะต้องเฝ้าระวังปริมาณน้ำฝนในช่วงลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และแนวพายุที่มาทางมหาสมุทรอินเดียอีกด้วย
ในส่วนของประเทศไทย ฝั่งอ่าวไทยถือว่าโชคดีที่มีกลุ่มประเทศฟิลิปปินส์เป็นแนวขวางกั้นของพายุระดับไต้ฝุ่นก่อนจะเข้าประเทศไทย หากพายุสามารถเข้ามายังทะเลจีนใต้แล้วก็ยังมีประเทศเวียดนามและกัมพูชาเป็นแนวกั้นอีกชั้น ดังนั้น ในต่างประเทศที่พยากรณ์จำนวนพายุจะเพิ่มมากขึ้นจะส่งผลกระทบต่อฟิลิปปินส์มากกว่า แต่ประเทศไทยก็ยังได้รับผลกระทบจากหางพายุ หรือ พายุที่อ่อนกำลังลงแล้วแต่ยังพัดพาเมฆและฝนเข้ามายังภาคใต้ของไทย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำฝนที่มากขึ้นในบางช่วงเวลา

              สำหรับอากาศที่ร้อนขึ้นผู้คนทั่วไปเข้าใจว่าอุณหภูมิของโลกสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว อุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นไม่ถึง 1 องศา และส่งผลกระทบต่อระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นในแต่ละปีวัดได้ประมาน 1-2 มิลลิเมตรเท่านั้น แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าการที่ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น คือ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลให้เกิดความแปรปรวนของคลื่นลม เช่น การที่มีคลื่นลมแรง ซึ่งส่งผลให้เกิดคลื่นสูง 2-3 เมตร และมีผลต่อการกัดเซาะชายฝั่ง"

             การที่มนุษย์พยายามฝืนธรรมชาติอาจส่งผลเสียมากกว่าปล่อยให้ธรรมชาติปรับสมดุลของตัวเอง อาจารย์ศักดิ์อนันต์ ได้กล่าวถึงประเด็น คลื่นลมแรงที่กัดเซาะชายฝั่งว่า "ลมที่แรงขึ้นนั้นส่งผลให้คลื่นสูงขึ้น ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น และส่งผลต่อการกัดเซาะชายฝั่งในที่สุด และสาเหตุสำคัญ คือ สิ่งปลูกสร้างบริเวณชายฝั่ง เช่น กำแพงกันคลื่น หรือเขื่อนหินที่สร้างขึ้น ที่มิได้ช่วยลดระดับความรุนแรงของการกัดเซาะชายฝั่ง แต่จะยิ่งทำให้ชายฝั่งพังเร็วมากขึ้น เพราะแรงสะท้อนของคลื่นที่กระทบกำแพงทำให้ทรายด้านหน้ากำแพงหายไป ตามหลักการไหลเวียนตะกอนจากการพัดพาของคลื่น และกระแสน้ำเลียบชายฝั่ง และทำให้ชายหาดบริเวณใกล้เคียงพังตามกันไปด้วย กำแพงที่สร้างขึ้นถือปัจจัยส่งเสริมให้ชายฝั่งหายไปเร็วขึ้น

           ปัญหาของทะเลไทย ยังมีสาเหตุมาจากการปลูกสิ่งก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม รีสอร์ทและร้านอาหารบริเวณชายฝั่งแล้วปล่อยตะกอนดิน สิ่งปฏิกูลและสิ่งก่อสร้างต่างๆ ลงสู่ชายฝั่งนั้น ได้สร้างความเสียหายให้กับสิ่งมีชีวิตในท้องทะเลเป็นอย่างมาก ทั้งสัตว์น้ำและปะการัง ตัวอย่างการศึกษาปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2553 ซึ่งเป็นผลจากอุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้น ซ้ำร้ายปะการังยังต้องเจอกับตะกอนดินและของเสียจากน้ำทิ้งที่ปล่อยลงทะเล ทำให้ปะการังตายเป็นจำนวนมาก

           การระบายน้ำจืดลงทะเลอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นน้ำจืดที่เร่งระบายลงบริเวณอ่าวไทยตอนใน หรือน้ำจืดที่ระบายลงทะเลสาบสงขลา และออกสู่ทะเลชายฝั่งจ.สงขลา ยังส่งผลกระทบต่อไปยังสัตว์น้ำไม่มีที่อยู่อาศัยต้องอพยพไปยังที่อื่น หรือทะเลน้ำลึกมากขึ้น ทำให้ชาวประมงชายฝั่งไม่สามารถจับสัตว์น้ำได้ ต้องออกเรือไปไกลมากขึ้น  เรื่องนี้เป็นปัญหาที่แก้ยาก เพราะเราต้องรักษาชุมชนเมืองไม่ให้น้ำท่วม แต่ต้องตระหนักว่า เป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลต่อการลงลงของทรัพยากรสัตว์น้ำในทะเล

           นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อที่ผิดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูแนวปะการังตามมาหลังการตายของปะการังจากการฟอกขาว คือ การที่หลายหน่วยงานรณรงค์ให้มีการปลูกปะการังเพื่อสร้างที่อยู่อาศัยให้กับสัตว์นั้น เป็นการเข้าใจผิดอย่างมาก การปลูกปะการังไม่ใช่การแก้ปัญหาและไม่สามารถทำให้เกิดผลได้ การหักกิ่งปะการังจากที่หนึ่ง ไปปลูกอีกที่หนึ่ง ซึ่งนอกจากจะไม่มีผลดีแล้ว ซ้ำยังเป็นการทำลายธรรมชาติมากขึ้น เพราะปะการังไม่สามารถปลูกได้ง่ายๆ ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล ซึ่งส่วนใหญ่ตาย สิ่งสำคัญคือแก้ปัญหาตะกอนที่ไหลลงทะเล "

           ท้ายสุดอาจารย์ศักดิ์อนันต์ ได้เพิ่มเติมว่า "คนในปัจจุบันพยายามปรับธรรมชาติให้เข้ากับตัวเอง ทั้งการก่อสร้างและการใช้ชีวิต การปรับตัวและการฟื้นฟูที่ดีที่สุด คือ การรักษาธรรมชาติให้ดี ปรับทัศนคติเกี่ยวกับธรรมชาติและท้องทะเลเสียใหม่ "ทะเลไม่ใช้ที่ทิ้งขยะ และน้ำเสีย" หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ควรให้ข้อมูลแก่ประชาชนและเข้มงวดกับผู้ประกอบการชายฝั่ง เพื่อรักษาท้องทะเลไว้ หากเราเริ่มแก้ไขอย่างจริงจังในวันนี้ อาจจะเห็นผลในอีกประมาน 50 ปี ตามการคาดการณ์ของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก เพราะเราเปลี่ยนธรรมชาติมานาน การจะนำกลับไปสู่จุดเดิมต้องใช้เวลา และการร่วมมืออย่างจริงจัง และเมื่อถังวันนั้น ลูกหลานของเราจะยังสามารถอยู่กับธรรมชาติได้อย่างเป็นสุข


puiey

ได้รับความรู้อีกแล้วครับ กระทู้นี้ เว็บนี้ดีมาก ๆ จริง ๆ ครับ
โกธรกับแฟน ขึ้นสเตตัส "โสด" ถ้าวันนึง แม่มึงโกธร มึงไม่ขึ้นสเตตัส "กำพร้า" เลยเหรอ

นายไข่นุ้ย

จะทำอะไรก็รีบๆเสีย เวลาไม่คอยท่าแล้ว สายเกินไปนะ
DO YOU KNOW ME? I AM A CAT 28 YEARS. AND YOU?    แมวแท้สู (แมวยิ้ม)

ซุปเปอร์ฮีโร่


น้ำเน่า

.



...ป่วยการพูด เสียเวลาเปล่า ในเมื่ฅนไทยยังเอาแม่น้ำลำคลองมาเป็นที่ทิ้งขยะ ขึ้ ของเน่าเสียทั้งปวง


ไม่มีบ่อบำบัดน้ำเสีย ฅนกินบ่อบำบัดน้ำเสียก็หนีไปนอกแล้ว ลูกยังอยู่กินเมืองกันต่อไป


ตัดสินจำคุก แต่ตัวไม่อยู่เมืองไทแล้ว....โอ้ อนิจจา ...กินกันต่อไป บ่นกันต่อไป....สิ้นสลายแล้ว.... ส.โกรธอย่างแรง ส.โอ้โห