ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ฟิลเลอร์หน้าผากดีไหม ? เหมาะกับใคร ? ต่างจากวิธีอื่นอย่างไร ? รู้ข้อดี-ข้อเสียก่

เริ่มโดย beautypost, 11:35 น. 24 ต.ค 67

beautypost




 
ฟิลเลอร์หน้าผาก
 
ฟิลเลอร์หน้าผาก เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมมาก ในการปรับรูปทรงหน้าผากให้ดูโหนกนูน และสมดุลกับใบหน้า รวมถึงแก้ไขปัญหาหน้าผากแบน ยุบ หรือมีร่องลึก 
 
แต่สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจทำ บางคนอาจสงสัยว่าวิธีการอื่น เช่น การเติมไขมันหรือการผ่าตัดเสริมหน้าผาก จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าหรือไม่ ในบทความนี้ จึงจะมาเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของแต่ละวิธี เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
 
คลิกอ่านหัวข้อ ฟิลเลอร์หน้าผาก
 
  • การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เหมาะกับใครบ้าง ?
  • ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก VS เติมไขมันหน้าผาก VS ผ่าตัดเสริมหน้าผาก แตกต่างกันอย่างไร ?
  • ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
  • เติมไขมันหน้าผาก
  • ผ่าตัดเสริมหน้าผาก
  • ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก อันตรายไหม ?
  • ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากกี่ CC จึงจะเห็นผล ?
  • ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก อยู่ได้นานแค่ไหน ?
  • ข้อควรระวังเมื่อเติมฟิลเลอร์หน้าผาก
  • สรุปเรื่องฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก



 
การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เหมาะกับใครบ้าง ?
 
การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเป็นหัตถการที่ช่วยเติมเต็มบริเวณหน้าผาก เพื่อปรับรูปทรงให้ดูเต็ม โหนกนูน และสมดุลกับส่วนอื่น ๆ ของใบหน้า โดยใช้สารเติมเต็มไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) ที่ปลอดภัยและได้รับการรับรองทางการแพทย์ 
 
ซึ่งฟิลเลอร์หน้าผากเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับ
 
  • ผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดหรือมีแผล
  • ผู้ที่มีปัญหาหน้าผากแบน หรือหน้าผากยุบ
  • ผู้ที่มีร่องลึกหรือรอยบุ๋มบริเวณหน้าผาก
  • ผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงหน้าผากให้โหนกนูนขึ้น
  • ผู้ที่มีปัญหาหน้าผากไม่เท่ากัน
  • ผู้ที่มีปัญหาหน้าผากเป็นคลื่น
  • ผู้ที่ต้องการเสริมโหงวเฮ้งให้หน้าผาก




 
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก VS เติมไขมันหน้าผาก VS ผ่าตัดเสริมหน้าผาก แตกต่างกันอย่างไร ?
 
การแก้ไขหรือปรับรูปทรงหน้าผากให้ดูโหนกนูนและสมดุล สามารถทำได้หลายวิธี โดยหลัก ๆ มี 3 วิธีที่ได้รับความนิยม ได้แก่ การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก, การเติมไขมันหน้าผาก, และการผ่าตัดเสริมหน้าผาก ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันดังนี้
 


 
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
 

การฉีด Filler หน้าผากเป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้สารเติมเต็มไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่ปลอดภัยและย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ 
 
ข้อดีของวิธีนี้ คือ สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังการฉีด และไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น แต่ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ใช้ หลังจากนั้นจะต้องฉีดใหม่เพื่อคงผลลัพธ์
 
ข้อดี
 
  • ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผลเป็น
  • เห็นผลทันที
  • ใช้เวลาทำไม่นาน และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที

ข้อเสีย
 
  • ผลลัพธ์ไม่ถาวร ต้องฉีดซ้ำเมื่อฟิลเลอร์ย่อยสลายไป



 
เติมไขมันหน้าผาก
 

การเติมไขมันหน้าผาก คือ การดูดไขมันจากส่วนอื่นของร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นขา และนำมาฉีดเติมเต็มบริเวณหน้าผาก วิธีนี้ใช้ไขมันตัวเองซึ่งมีความปลอดภัยสูง และมีโอกาสที่ไขมันจะอยู่ถาวรเมื่อไขมันที่ฉีดติดกับเนื้อเยื่อ 
 
อย่างไรก็ตาม การเติมไขมันอาจต้องใช้เวลาฟื้นตัวมากกว่าการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก และผลลัพธ์อาจไม่คงที่ เพราะบางส่วนของไขมันอาจสลายไปหลังการฉีด
 
ข้อดี
 
  • ใช้ไขมันจากร่างกายตัวเอง ลดความเสี่ยงต่อการแพ้
  • ผลลัพธ์ถาวรมากกว่าฟิลเลอร์ หากไขมันติดอยู่กับเนื้อเยื่อ

ข้อเสีย
 
  • ต้องมีขั้นตอนการดูดไขมันก่อนฉีด จึงมีแผลจากตำแหน่งดูด
  • อาจต้องฉีดซ้ำหลายครั้ง เพราะไขมันบางส่วนสลายไปหลังการฉีด
  • ใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าฟิลเลอร์
  • โอกาสเกิดผิวไม่เรียบเสมอกันมีสูง



 
ผ่าตัดเสริมหน้าผาก
 

การผ่าตัดเสริมหน้าผากเป็นวิธีการที่ถาวร และเหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาว โดยศัลยแพทย์จะใช้ซิลิโคนหรือวัสดุทางการแพทย์อื่น ๆ ในการเสริมหน้าผากให้โหนกนูนตามที่ต้องการ 
 
วิธีนี้จะมีระยะเวลาการพักฟื้นที่นานกว่าการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก หรือการเติมไขมันหน้าผาก แต่ผลลัพธ์จะอยู่ถาวร ไม่ต้องทำซ้ำ
 
ข้อดี
 
  • ผลลัพธ์ถาวร ไม่ต้องทำซ้ำ
  • สามารถปรับรูปทรงได้ตามที่ต้องการ

ข้อเสีย
 
  • เป็นการผ่าตัดใหญ่ มีความเสี่ยงมากกว่าวิธีอื่น
  • มีระยะเวลาพักฟื้นนาน (เป็นเดือน)
  • มีความเสี่ยงของการติดเชื้อหรือปฏิกิริยากับวัสดุที่เสริมเข้าไป
  • มีรอยแผลและบวมช้ำมาก หลังเสริมซิลิโคนแล้วไม่สามารถปรับรูปทรงได้ ต้องผ่าตัดแก้ไขหากต้องการเปลี่ยนแปลง



 
สรุป การเลือกวิธีปรับรูปทรงหน้าผากขึ้นอยู่กับความต้องการ และความเหมาะสมของแต่ละบุคคล หากต้องการวิธีที่รวดเร็ว ไม่ต้องพักฟื้นมาก Filler หน้าผากเป็นทางเลือกที่ดี แต่ถ้าต้องการผลลัพธ์ที่ถาวรและพร้อมรับการผ่าตัด การผ่าตัดเสริมหน้าผากก็อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
 


 
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากกี่ CC จึงจะเห็นผล ?
 

การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเพื่อให้เห็นผลชัดเจน มักใช้ 1-2 CC ในกรณีแก้ร่องลึกหรือปรับรูปทรงหน้าผาก แต่สำหรับคนที่ต้องการให้หน้าผากโหนกนูนหรือเสริมโหงวเฮ้ง อาจต้องใช้ 3-5 CC ขึ้นไป 
 
อย่างไรก็ตาม ควรทยอยฉีด ครั้งละไม่เกิน 5 CC เพื่อป้องกันการกดทับเนื้อเยื่อ และลดความเสี่ยงในการบวมและเกิดปัญหาผิวหน้าผากไม่สม่ำเสมอ 
 


 
ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก อยู่ได้นานแค่ไหน ?
 
ฟิลเลอร์หน้าผากมักอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน โดยระยะเวลาขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่ใช้รวมถึงการดูแลตัวเองหลังฉีด 
 
การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม เช่น หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหรือนอนตะแคงในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก จะช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่ และกลมกลืนกับเนื้อเยื่อของผิวได้ดียิ่งขึ้น เมื่อฟิลเลอร์หน้าผากเข้าที่แล้วจะคงตัว ไม่เปลี่ยนรูปหรือเสียทรง
 


 
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก อันตรายไหม ?
 
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากไม่อันตราย หากทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง เพราะแพทย์จะรู้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง ลดความเสี่ยงจากการฉีดฟิลเลอร์ผิดชั้นผิวหรือฉีดในเส้นเลือด 
 
อย่างไรก็ตาม หากฉีดโดยแพทย์ที่ขาดประสบการณ์ เช่น หมอกระเป๋า อาจเกิดปัญหา เช่น ฟิลเลอร์เป็นก้อน เป็นคลื่น หรือไหลย้อย ซึ่งมักเกิดจากการฉีดตื้นเกินไป หรือการใช้ฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน
 


 
ข้อควรระวังเมื่อเติมฟิลเลอร์หน้าผาก
 
การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเป็นทางเลือกยอดนิยม สำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงหน้าผากให้โหนกนูน สวยงาม หรือเพื่อแก้ไขปัญหาหน้าผากแบนและยุบโดยไม่ต้องผ่าตัด 
 
อย่างไรก็ตาม การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจำเป็นต้องระมัดระวังอย่างมาก เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เช่น การบวมช้ำหรือฟิลเลอร์เคลื่อนตัว การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งข้อควรระวังหลัก ๆ ในการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก มีดังนี้ 
 
  • เลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือได้มาตรฐาน : ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข มีป้ายชื่อและเลขใบอนุญาต 11 หลักแสดงชัดเจน และภายในคลินิกสะอาด สว่าง กว้างขวาง ปลอดเชื้อ
  • เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง : การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความชำนาญสูง แพทย์ควรมีประสบการณ์เฉพาะด้าน และควรตรวจสอบประวัติการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก หรือรีวิวจริงจากผู้ที่เคยใช้บริการก่อนตัดสินใจทำ
  • เลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ ผ่าน อย. ได้มาตรฐาน : ฟิลเลอร์ที่ใช้ควรได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) คลินิกควรยินดีแกะกล่องฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้าทุกครั้ง และเลข lot ต้องตรงกันกับบริษัทผู้นำเข้าเมื่อนำไปตรวจสอบ เพื่อป้องกันอันตรายจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอม ฟิลเลอร์หิ้ว
  • ระวังการฉีดปริมาณมากเกินไป : ควรฉีดทีละน้อย โดยไม่ควรฉีดฟิลเลอร์เกิน 5 CC ในครั้งเดียว เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดการบวมช้ำ และความผิดปกติของหน้าผาก
  • การดูแลหลังการฉีด : หลีกเลี่ยงการนวด กด ทับ หรือสัมผัสบริเวณที่ฉีดแรง ๆ เป็นเวลาอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
  • หลีกเลี่ยงการฉีดในช่วงที่มีการอักเสบหรือติดเชื้อ : หากมีการอักเสบหรือติดเชื้อบริเวณหน้าผาก ควรรอให้หายดีก่อนทำการฉีด เพื่อป้องกันปัญหาแทรกซ้อน

การปฏิบัติตามข้อควรระวังเหล่านี้ จะช่วยให้การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
 


 
สรุปเรื่องฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
 
การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเป็นทางเลือกยอดนิยม สำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงหน้าผากโดยไม่ต้องผ่าตัด ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและอยู่ได้นานหลายเดือน อย่างไรก็ตาม การเลือกระหว่างฟิลเลอร์ การเติมไขมัน หรือการผ่าตัด ควรพิจารณาจากความต้องการส่วนบุคคล ความปลอดภัย และความคุ้มค่าในระยะยาว 
 
สิ่งสำคัญคือต้องเลือกแพทย์ประสบการณ์สูง ใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้มาตรฐาน และปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลหลังทำอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยที่สุด
 
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://vsq-injector.com/forehead-filler/