ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

เกร็ด...

เริ่มโดย คุณหลวง, 12:14 น. 28 มี.ค 55

คุณหลวง

    กระทู้นี้ อยากชวนท่านๆร่วมกันเล่าเรื่องเกร็ดธรรมที่เกิดจากการอ่านก็ดี ฟังมาก็ดี ประสบมาก็ดี (ไม่ว่าจากหนังสือ พระ ญาติโยม ได้ทั้งสิ้น)ประทับใจ สงสัย แปลกใจ ฯลฯ ก็เล่ากันไปคนละเรื่องสองสาม..สี่ ...ห้า...สุดแล้วแต่น่ะครับ

    เพราะเกร็ดธรรมโดนใจ อาจให้สมองหลั่งเอ็นดอร์ฟินมาเสริมสุขแก่จิตใจ ร่างกายได้ครับ(อาจโพล่งธรรมได้นะเออ)

    และเมื่อตั้งกระทู้มาเองก็ขอเล่าเรื่องที่ผมประทับใจก่อนครับ มาจากการอ่านเจอในพระไตรปิฎกเมื่อนานมาแล้ว และยังตราใจอยู่จนบัดเดี๋ยวนี้ (คิดไม่ออกเลยว่าทำไมประทับใจนักหนา) เล่าในสำนวน จินตนาการของตัวเองนะครับ

    วาระนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกหาพระโมคคัลลาน์ เมื่อพระอัครสาวกเบื้องซ้ายผู้ทรงฤทธิ์เหนือกว่าผู้ใดในสากลโลก เว้นเสียแต่พระผู้มีพระภาคเท่านั้นมาถึงยังเบื้องพระพักตร์แล้วก็เบญจางคประดิษฐ์ ๓ ครั้ง นั่งในที่อันควรรอฟังอยู่

    "แน่ะ โมคคัลลานะ" พระผู้จอมไตรตรัส "เธอทราบข่าวเรื่องญาติของเราที่ครรภ์นานเกินปกติอยู่ใช่ไหม"

    "พระเจ้าข้า"

    "บัดนี้ เธอได้ให้ประสูติบุตรของเธอเป็นที่เรียบร้อย ปลอดภัยดีทั้งแม่แลลูก เธอจึงส่งคนมาอาราธนานิมนต์เราพร้อมทั้งหมู่สงฆ์ทั้งสิ้นไปรับสังฆทานในพระราชวังเป็นเวลาเจ็ดวัน แต่ว่าเราได้รับนิมนต์ของท่านเศรษฐี(จำชื่อไม่ได้)ไว้แล้ว"

    "พระองค์ประสงค์จะโปรดพระญาติก่อน" พระโมคคัลลาน์ทราบถึงพระพุทธประสงค์เป็นอันดี "อย่างนั้น ข้าพระองค์ขอรับหน้าที่นี้เอง พระเจ้าข้า"
    "ดีแล้ว โมคคัลานะ"

   
    พระโมคคัลลาน์จึงเดินทางไปสู่วิหารแห่งมหาเศรษฐีนั้น และหลังจากสนทนาพอเป็นเครื่องระลึกถึงกันแล้ว พระผู้ทรงฤทธิ์จึงแจ้งพระพุทธประสงค์ให้ท่านเศรษฐีทราบ

    "โอ ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าได้อาราธนานิมนต์ไว้เนิ่นนาน กลับจะมาเลื่อนเสียได้อย่างไรเล่า" ท่านเศรษฐีโอด
    "ท่านทราบดีมิใช่หรือว่าพระนางผู้เป็นพระญาติพระพุทธองค์นั้นตั้งครรภ์นานกว่าคนธรรมดา ได้รับทุกขเวทนาสาหัสนัก เมื่อคลอดปลอดภัยแล้วย่อมยินดียิ่งกว่าคนทั่วไปเป็นอันมาก"
    "ท่านผู้เจริญ ข้อนั้นข้าพเจ้าทราบดี แต่ข้าพเจ้ามิต้องการให้เจตนาทานของข้าพเจ้าต้องเสียไป" เศรษฐีตรึกตรองอย่างเต็มที่ แล้วกล่าวต่อว่า

    "ข้าพเจ้าอาจเลื่อนกิจนิมนต์ของข้าพเจ้าได้ ขอเพียงท่านผู้ทรงฤทธารับปากข้าพเจ้า ๓ ประการ"
    "๓ ประการนั้นเป็นอย่างไรเล่า"

    "ข้อ ๑ หากท่านรับปากว่าข้าพเจ้าไม่ตายใน ๗ วันนี้ ข้อ ๒ หากท่านรับปากว่าทรัพย์สมบัติทั้งสิ้นข้าพเจ้าจักไม่ฉิบหายไปใน ๗ วันนี้ และข้อ ๓ หากท่านรับปากว่าข้าพเจ้าจักไม่เสื่อมศรัทธาในพระรัตนตรัย"

    พระโมคคัลลานะ ฟังแล้วก็ตอบว่า
    "ท่านผู้มีทรัพย์มาก ท่านจักไม่ตายภายในเจ็ดวันนี้เป็นแน่ และทรัพย์ทั้งหลายของท่านก็จักไม่ฉิบหายไปอย่างแน่นอน สองข้อนี้เรารับประกันได้ แต่เรื่องใจของท่านนั้น เรามิอาจรับประกันได้"

    ท่านเศรษฐีฟังแล้วก็ยินดีเลื่อนกิจนิมนต์ของตนไป

   ผมประทับใจตรงที่พระโมคคัลลานะไม่รับประกันเรื่องใจให้แก่ใคร มันน่าทึ่งมาก และทำให้รู้ว่า จงฝึกใจให้หนักแน่นแก่ตน เป็นพยานแก่ตนให้จงได้ สมดังพุทธภาษิตว่า "จงมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง จงมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง"



สะบายดี...

   

     
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

wareerant

อ้างถึง"บัดนี้ เธอได้ให้ประสูติบุตรของเธอเป็นที่เรียบร้อย ปลอดภัยดีทั้งแม่แลลูก เธอจึงส่งคนมาอาราธนานิมนต์เราพร้อมทั้งหมู่สงฆ์ทั้งสิ้นไปรับสังฆทานในพระราชวังเป็นเวลาเจ็ดวัน แต่ว่าเราได้รับนิมนต์ของท่านเศรษฐี(จำชื่อไม่ได้)ไว้แล้ว"


เศรษฐีชื่อ ธนินทรเศรษฐีหรือเปล่าท่าน ร่ำรวยมาจากการขายสินค้าทางการเกษตร

อ้างถึง"ท่านผู้มีทรัพย์มาก ท่านจักไม่ตายภายในเจ็ดวันนี้เป็นแน่ และทรัพย์ทั้งหลายของท่านก็จักไม่ฉิบหายไปอย่างแน่นอน สองข้อนี้เรารับประกันได้ แต่เรื่องใจของท่านนั้น เรามิอาจรับประกันได้"


ทำไมรับประกันสองข้อได้ล่ะครับ หรือว่าท่านรู้อนาคต

wareerant

ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์ เสวยชาติเป็น พราหมณ์พ่อค้า คือเป็นพราหมณ์ด้วย เป็นพ่อค้าด้วย วันหนึ่ง พราหมณ์พ่อค้าได้เดินทางไปค้าขายทางทะเลโดยเรือสำเภา พร้อมด้วยลูกเรือ 99 คน รวมเจ้าของ(พราหมณ์พ่อค้า) ด้วยเป็น 100 คน

เรือเดินทางรอนแรมในทะเลอยู่นาน วันหนึ่งเกิดพายุโหมกระหน่ำ เรือทรงตัวไม่อยู่ ล่มลงกลางทะเล เหล่าลูกเรือว่ายน้ำหนีตายกันอลหม่าน

ถิ่นน่านน้ำนั้นเป็นที่อยู่ของเต่ายักษ์ เป็นเต่าขนาดใหญ่พอ ๆ กับลำเรือสำเภา เต่าเห็นเหตุร้ายเกิดขึ้น จึงโผลขึ้นมาเหนือน้ำ และช่วยลูกเรือ ให้ลูกเรือและพราหมณ์พ่อค้าขี่หลังจนครบ 100 คน  ว่ายน้ำพาไปส่งยังเกาะกลางทะเลแห่งหนึ่ง

ทุกคนปลอดภัย แต่เมื่อสามวันผ่านไป ลูกเรืออดอยาก ไม่ได้กินอะไรเลย เพราะบนเกาะไม่มีอาหาร มีแต่น้ำ ลูกเรือจึงบอกกับพราหมณ์พ่อค้าว่า

          "เห็นทีเราต้องอดตายกันเป็นแน่ เพราะไม่มีอาหารอะไรเลย ท่านพราหมณ์ผู้เจริญ พวกเราอยากขอร้องท่าน ให้ไปบอกเต่ายักษ์ว่า ไหน ๆ ก็ช่วยพวกเราแล้ว ก็อยากให้ช่วยให้ถึงที่สุด หากเต่ายักษ์ยอมสละตัวเองให้พวกเรากิน เราคงจะรอดไปได้หลายวัน อาจมีเรือผ่านมา ช่วยเราให้ไปจากที่นี่ได้"

พราหมณ์พระโพธิสัตว์ รู้สึกหนักใจมาก ที่ต้องไปขอร้องผู้มีพระคุณให้ต้องเสียสละ เลือดเนื้อ ชีวิต เพื่อพวกพ้องของตน แต่ก็ต้องจำใจ ไม่มีทางเลือกอื่น จึงเรียกเต่ายักษ์มา และอธิบายขอร้องเต่ายักษ์ ให้ทำตามความประสงค์

เต่าได้ฟังจึงพิจารณา ว่า คนเหล่านี้ช่างเห็นแก่ตัวเสียจริง เราช่วยชีวิตไว้แล้ว ยังจะมาเอาร่างกายเราไปกินอีก จึงบอกพราหมณ์ว่า

"เราไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น เราช่วยชีวิตพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้าหาทางเอาชีวิตรอดเอาเองเถิด"

พราหมณ์กล่าวว่า "ถูกของท่าน ท่านไม่จำเป็นต้องช่วยพวกเรา อย่างไรก็สุดแล้วแต่ท่านเถิด"

พวกลูกเรือได้ฟัง กล่าวขึ้นว่า ท่านเต่ายักษ์ผู้เจริญ อันโบราณกล่าวว่า เมื่อได้ช่วยผู้ใดแล้ว ก็จงช่วยให้ถึงที่สุด อย่าได้ละเลย ท่านช่วยเราจากพายุ แต่เรากำลังอดตาย ท่านจะนิ่งดูดายกระนั้นหรือ ช่างเห็นแก่ตัวเสียจริง"

เต่ายักษ์ได้ฟัง จึงคิดได้ว่า เราช่วยคนผิดเสียแล้ว คนพวกนี้คิดแต่เอาตัวเองรอด ไม่ได้คิดถึงบุญคุณคนอื่นเลย

ขณะเต่ากำลังคิดอยู่นั้น พวกลูกเรือ ก็เริ่มมารุมล้อม บางคนถือไม้ บางคนถือหิน บางคนถือมีด เข้ามาทำร้ายเต่า เพื่อจะนำไปทำอาหาร

มีเพียงคนเดียวที่ไม่ได้กระทำการใด ๆ คือพราหมณ์พ่อค้า เต่ารู้สึกซาบซึ้งในความดีของพราหมณ์ และตายในที่สุด

เต่ายักษ์กลายเป็นอาหารอันโอชะของเหล่าลูกเรือ พราหมณ์โพธิสัตว์ ไม่ได้แตะต้องเนื้อเต่าเลย ในที่สุด ไม่กี่วันหลังจากที่เต่ายักษ์ตาย พราหมณ์ก็ตาย

เนื้อเต่ามีมาก จนกินไปได้หลายวัน ในที่สุดเนื้อเต่าก็หมด ลูกเรือเริ่มอดอยากอีกครั้ง และไม่มีวี่แววว่าจะมีเรือผ่านมาเลย

ไม่นาน ลูกเรือก็ตายหมด


เวลาผ่านไปหลายภพหลายชาติ พระโพธิสัตว์ เสวยชาติสุดท้ายเป็นพระพุทธเจ้า เต่ายักษ์มาเกิดในตระกูลเศรษฐี ชื่อ อหิงสกะ ภายหลังกลายไปเป็นมหาโจร ชื่อ องคุลีมาล (องคุลี= นิ้วที่ใช้กด LIKE) (มาล = มาลา หรือพวงมาลัย มักเขียนผิดเป็น มาร = ผู้ขัดขวาง ผู้ทำให้เสื่อม)

และลูกเรือ 99 คน ก็คือ เหยื่อขององคุลีมาล นั่นเอง....จบ

ผมได้อ่านนิทานเรื่องนี้ จากหนังสือเล่มหนึ่ง เมื่อตอนเป็นเด็ก หลังจากนั้นได้อ่านหนังสืออีกเป็นพันๆ เล่ม แต่ไม่เคยเจอนิทานเรื่องนี้เลย สอบถามผู้รู้ อรรถกถาจารย์ทั้งหลาย ก็ไม่มีใครทราบ ไม่แน่ใจว่าอยู่ในหนังสือพระเจ้า 500 ชาติหรือเปล่า หนังหนือพระเจ้า 500 ชาติ ก็ไม่เห็นจะมี 500 ชาติ อาจมีแค่ 10 -20 -50 ชาติ

ใครเคยอ่านนิทานเรื่องนี้บ้าง


คุณหลวง

เคยอ่านครับ น้าน นาน นาน นานมากแล้ว ตั้งแต่ยังไม่แก่โน่นแน่ะ... ส.หยิบตาข้างเดียว

    จำไม่ได้จริงๆครับว่าท่านเศรษฐีชื่ออะไร และพระโมคคัลลาน์ท่านรับรองสองข้อนั้นด้วยญาณหยั่งรู้อนาคตครับท่าน แต่ผมประทับใจเพราะเห็นว่าท่านผู้รวบรวมพระไตรปิฎกคงเห็นความสำคัญเรื่องการทำใจตนให้แจ้งด้วยตนมากกว่าการพึ่งผู้อื่น

    และแสดงออกถึงจริยาแห่งพระอริยเจ้าอีกนัยหนึ่งด้วยครับ


    ท่านwareerantครับ ท่านทำให้ผมทึ่งมากครับ ยอมรับว่าครั้งแรกๆที่ท่านเข้ามาตอบกระทู้ด้วยมาดกวนๆนั้น ผมรู้สึก เอ๊ะ..หมอนี่ นี่มัน.. ส.หัว
ขอบคุณที่เติมเต็มเนื้อหาสาระแห่งธรรมและกระทู้อันมีประโยชน์ครับท่าน

สะบายดี...
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

wareerant

คุณหลวงคงเคยอ่านการ์ตูน เรื่อง วากาบอน มาแล้วใช่มั้ย เห็นเอารูป มิยาโมโต้ มูซาชิมาเป็นอวตาร

คุนหลง

.



....มาเก็บความรู้ของคุณหลวง และ คุณวารี สัพพัญญู



ขอบคุณๆๆๆๆ

คุณหลวง

อ้างจาก: wareerant เมื่อ 15:05 น.  28 มี.ค 55
คุณหลวงคงเคยอ่านการ์ตูน เรื่อง วากาบอน มาแล้วใช่มั้ย เห็นเอารูป มิยาโมโต้ มูซาชิมาเป็นอวตาร

    เรียนตรงๆครับ ไม่รู้จักการ์ตูนเรื่องนี้เลยครับท่าน แต่ค้นภาพมูซาชิในเน็ต ถูกใจภาพนี้เลยนำมาใช้ อ่านการ์ตูนมาไม่กี่เรื่อง แต่อยากอ่านหลายเรื่อง

    ความจริงชอบชินจังครับ อยากเอาภาพชินจังมาใช้ ชอบความงาม ความทะลึ่ง ความฝึกฝน ความไม่ยอมแพ้ ความไม่ทุกข์นาน และความไม่ยึดติดชัยชนะ ไม่ทิ้งเพื่อนของชินจัง แต่มูซาชิดูจริงจังกว่า

    ชอบมูซาชิครับ อ่านเรื่องที่อ.สุวินัยแปล+ตกแต่งมาแล้ว นิยมในความฝึกฝนตนเองของมูซาชิ และหวังตนจะกล้าฝืนฝึกตัวเองอย่างนั้นบ้าง แต่เหลวประจำ  ส.ฉันเอง ส.โบยบิน ส.กลิ้ง

    เฮ้อ สงสารแต่ท่านคุนหลวง วันนี้มาหลายเป็นคุนหลงเสียแว้วววววววว ส.หัว

มีความสุขครับ
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

คุณหลง

.



...ผมว่า ผมชื่อคุณหลงก้อดีแว้วว เพราะผมยังหลงในรูป รส กลิ่น เสียง


เช้านี้ ไปตลาดสดมา เห็นวัว เห็นหมูถูกเชือด หั่นเป็นชิ้นๆ ขายทั้งขาก็มี ขายทั้งหัวก็มี


ใจนึกไปว่า สักวัน คงมีการตัดหัวฅน แขนคน มาวางขาย เสียบขายแบบนี้บ้าง....



ช่างอำมหิตเหลือเกิน....

Gemini

ไม่เคยอ่านเป็นเรื่องยาว ๆ อะค่ะ
เคยได้ยินแต่ว่า  ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน

ธรรมชาติสอนเราอยู่ตลอด ว่า ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน มีเกิด มีดับเป็นของธรรมดา

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรถ สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 7 ทรงเป็นรัตนกวี ของชาติ ที่องค์การยูเนสโก ประกาศ ยกย่องให้เป็น พระผู้มีผลงานดีเด่นด้านวัฒนธรรม ระดับโลก(กวีเอกของโลก) ทรงนิพนธ์ไว้ค่ะ

พฤษภกาษร      อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนต์เสน่ห์คง  สำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวาย   มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี   ประดับไว้ในโลกา
ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้
เมื่อก่อนไม่เข้าใจ  ตอนนี้เริ่มเข้าใจแล้ว
"ไม่สวย ไม่หล่อ หาหมอศัลยกรรม  ความคิด จิตต่ำ ศัลยกรรมช่วยไม่ได้จริง ๆ"

wareerant

อ้างถึงพฤษภกาษร      อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนต์เสน่ห์คง  สำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวาย   มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี   ประดับไว้ในโลกา

พฤษภ แปลว่า วัว
กาสร แปลว่า ควาย
กุญชร แปลว่าช้าง
ปลดปลง คือ ตาย
โท คือ สอง
ทนต์ คือ ฟัน ในที่นี้แปลว่า งา
เสน่ง (ไม่ใช่ เสน่ห์) แปลว่า กระดูก
นรชาติ คือ มนุษยชาติ

คำแปล วัว ควาย ช้าง ตาย เราก็สามารถดู งา ดูกระดูกของมันได้ว่า อ้อ นี่กระดูกวัว กระดูกควาย งาช้าง เป็นเครื่องหมายของสัตว์เหล่านั้น
มนุษย์เราตาย เครื่องหมายที่จะบอกว่าครั้งหนึ่งเราเคยมีชีวิตอยู่ คือ สิ่งดี ๆ และสิ่งเลว ๆ ที่เราเคยทำไว้ แล้วแต่ใครจะจำอย่างไหน
 

Gemini

อ้าว แปลอย่างนี้เหรอท่าน
หลงเข้าใจผิดคิดว่า วัวควายตายแล้ว ยังเหลือเขาไว้ให้ดู
แต่คนตายไปไม่เหลือไร นอกจากความดี ความชั่ว ที่เคยทำมา

ขออภัย ส.โขกกำแพง ส.โขกกำแพง
"ไม่สวย ไม่หล่อ หาหมอศัลยกรรม  ความคิด จิตต่ำ ศัลยกรรมช่วยไม่ได้จริง ๆ"

น่าอยู่ที่ลี

.


...เจมินี่ แปลถูก...


...คนอื่น อย่าแถไปเลย... ส.โอ้โห ส.หัว

ถูก

ถูกทั้งคู่

เจมินิถูกกว่า




wareerant

อ้างถึงอ้าว แปลอย่างนี้เหรอท่าน
หลงเข้าใจผิดคิดว่า วัวควายตายแล้ว ยังเหลือเขาไว้ให้ดู
แต่คนตายไปไม่เหลือไร นอกจากความดี ความชั่ว ที่เคยทำมา

ขออภัย 

ก็ถูกแล้วนี่ครับ ความหมายเดียวกัน เพียงแต่แก้นิดนึงคือ เสน่ง แปลว่ากระดูก ไม่ใช่เสน่ห์ แค่นั้นเอง

ปากถือศีล

.


..เมื่อเช้าพายุลูกเห็บพัดถล่มวัดธรรมกาย เสียหายมาก...

อ่านข่าวได้ในผู้จัดการ..

Gemini

อ้างจาก: wareerant เมื่อ 19:12 น.  31 มี.ค 55
ก็ถูกแล้วนี่ครับ ความหมายเดียวกัน เพียงแต่แก้นิดนึงคือ เสน่ง แปลว่ากระดูก ไม่ใช่เสน่ห์ แค่นั้นเอง

ขอโทษก๊าบบ  ก๊อปเค้ามาอีกที
ขอบคุณที่แก้ไขให้ค่ะ
ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้
"ไม่สวย ไม่หล่อ หาหมอศัลยกรรม  ความคิด จิตต่ำ ศัลยกรรมช่วยไม่ได้จริง ๆ"

ปากถือ

.


เข้าใจก็ดีแล้ว

ขืนพูดมาก อาจจะโดนด่า ว่าฟาย...


ด่าไปหลายคนแล้ว.. ส.โอ้โห ส.หัว

wareerant

คนเดียวเอง

คุณหลวง

อ้างจาก: gemini เมื่อ 17:35 น.  31 มี.ค 55
ไม่เคยอ่านเป็นเรื่องยาว ๆ อะค่ะ
เคยได้ยินแต่ว่า  ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน

ธรรมชาติสอนเราอยู่ตลอด ว่า ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน มีเกิด มีดับเป็นของธรรมดา

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรถ สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 7 ทรงเป็นรัตนกวี ของชาติ ที่องค์การยูเนสโก ประกาศ ยกย่องให้เป็น พระผู้มีผลงานดีเด่นด้านวัฒนธรรม ระดับโลก(กวีเอกของโลก) ทรงนิพนธ์ไว้ค่ะ

พฤษภกาษร      อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนต์เสน่ห์คง  สำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวาย   มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี   ประดับไว้ในโลกา
ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้
เมื่อก่อนไม่เข้าใจ  ตอนนี้เริ่มเข้าใจแล้ว

    คุณน้ำผึ้ง ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์ เธอศึกษาธรรมท่านพุทธทาส และมีโอกาสลงมาปฏิบัติธรรมที่สวนโมกข์บ้าง ครั้งหนึ่งเธอสนทนากับท่านพุทธทาส แล้วเธอถามว่า

    "คนเราตายอย่างไรจึงะดีที่สุด"
    "อยู่ให้ดีที่สุด" ท่านพุทธทาสตอบ
    "แล้วอยู่อย่างไรจึงจะดีที่สุด" เธอถามต่อ
    "อยู่อย่างตายไปแล้ว"

    เธอว่าเป็นสิ่งที่เธอจดจำใช้ในชีวิตประจำวันตลอดมา

(จากหนังสือ ๑๐๐ คน ๑๐๐ ธรรม ๑๐๐ ปีพุทธทาส)
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

wareerant