ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ปรับราคาก๊าซเอ็นจีวี อย่าให้ ปตท.โกงชาวบ้าน ต้นทุนไม่เกิน 10.5 บาท/กก.

เริ่มโดย ลูกชาวนาไทย, 00:04 น. 12 เม.ย 55

ลูกชาวนาไทย

ปรับราคาก๊าซเอ็นจีวี อย่าให้ ปตท.โกงชาวบ้าน ต้นทุนไม่เกิน 10.5 บาท/กก.

ผมลองค้นคว้าข้อมูลดูว่าต้นทุน เอ็นจีวีที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร ก็หาข้อมูลมาได้หลายส่วนครับตั้งแต่ เว็บไซต์ของกระทรวงพลังงาน และข้อมูลอื่นๆ สอบถามคนที่รู้จักบ้าง ก็พอจะได้ข้อมูลคร่าวๆ ของราคาเอ็นจีวีที่ใช้ในรถยนต์แล้ว

ตามที่เราได้ยินมาตลอดว่า ปตท.อ้างว่าต้นทุนเอ็นจีวีของ ปตท.อยู่ที่ 14.50 บาท/กก. แล้ว ปตท.ก็ดิ้นรนมาที่จะขึ้นราคาเอ็นจีวีจาก 8.50 บาท/กก เป็น 14.50 บาทมาโดยตลอด แล้วในที่สุดในยุค นายพิชัย นริพทะพันธุ์เป็น รมต. พลังงาน ก็ออกเป็นมติ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ขึ้นราคาจนได้ โดยจะขึ้นครั้งละ 70 สต./เดือน ไปจนถึงสิ้นปีนี้  และการที่มีแผนจะขึ้นราคาพลังงานยกแผง ในที่สุดนายพิชัย ก็ถูกถีบออกจาก รมต.พลังงานจนได้

และเราก็ได้เห็นการประท้วงของสมาคมรถขนส่ง ตามข่าวหนังสือพิมพ์ จนต้องมีการศึกษาต้นทุนเอ็นจีวีกันใหม่ โดยจ้างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยศึก ผลเป็นอย่างไรผมก็ยังไม่ทราบเหมือนกัน ติดตามจากสื่อได้ข่าวว่ามีการสัมนนารับฟังความเห็นไปสองครั้งแล้ว

เท่าที่ผมค้นคว้ามา การคิดต้นทุนของ เอ็นจีวี แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ

ต้นทุนเนื้อก๊าซ +ต้นทุนค่าผ่านท่อ + ต้นทุนปั้มเอ็นจีวี

1. ต้นทุนเนื้อก๊าซฯ นั้นการซื้อก๊าซฯจากหลุมขุดเจาะต่างๆ ทั้งในอ่าวไทยและจากพม่านั้นมีสัญญาที่ชัดเจน จากอ่าวไทยข้อมูลจาก IEA นั้นบอกว่า 6 US$/ล้านบีทียู จากพม่านั้น เข้าใจว่าประมาณ 8-10 US$/ล้านบีทียู สัญญาเหล่านี้แตกต่างกันไปในแต่ละหลุม และแก้ไขสัญญาคงเป็นไปได้ยาก นอกจากนี้ยังมีการนำเข้า LNG จากต่างประเทศอีก ต้นทุนน่าจะแพงกว่านี้มาก

ปตท.คิดต้นทุนส่วนนี้ โดย เอาราคาก๊าซจากอ่าวไทย+ก๊าซจากพม่า+LNG มาเฉลี่ยกัน ได้ประมาณ 8 บาท/กก. อะไรนี่แหละ

2. ค่าผ่านท่อนั้น ปัจจุบัน คณะกรรมกรรมการกำกับกิจการพลังงานเป็นผู้ควบคุม เท่าที่ค้นข้อมูลได้ก็ประมาณ 90 สตางค์/กก.

3. ต้นทุนที่ปั้มเอ็นจีวี แบ่งออกเป็น สถานีแม่ สถานีลูกและค่าขนแก้สโดยรถลาก รวมแล้ว ผมเห็นต้วเลขคร่าวๆ จากการเอา ส่วนที่ 1และ 2 ไปลบ 14.5 บาท ก็จะตกประมาณ 5.5 บาท/กก.

สรุปแล้วราคาต้นทุนที่ ปตท.อ้างว่าอยู่ที่ 14.50 บาท/ลิตรนั้น ก็มาจากสามส่วนนั้น

หากเราเชื่อ Methodology นี้ (ซึ่งมีน้ำหนักในทางวิชาการ) แล้วคิดตามข้อมูลที่ได้ จาก ปตท.อีกนั้นแหละ ราคาจะเป็น 14.5 บาท/กก.จริงๆ

แต่ผมลองมาเจาะลึกลงไปอีก

- คือ ต้นทุนค่าเนื้อก๊าซฯ ที่เอาก๊าซอ่าวไทย+ก๊าซพม่า + LNG มาคิดต้นทุน นั้น ไม่น่าจุถูก (หรือผิดเอามากๆ) เพราะจริงๆ แล้ว ก๊าซฯที่ ปตท.เอามาขายให้ NGV เป็นก๊าซฯของประเทศไทยอย่างเดียว ไม่ใช่กีาซฯนำเข้า จากพม่าหรือ LNG ก๊าซอ่าวไทยต้นทุนแค่ 6 US$/ล้านบีทียู คิดออกมาเป็น บาท/กก. ที่อัตราแลกเปลี่ยน 30.5 บาท ก็จะได้ประมาณ 6.57 บาท/กก. ไม่ใช่ 8 บาท/กก.แบบที่เอามาเฉลี่ยทั้งก๊าซฯนำเข้าและก๊าซฯในประเทศ

สรุปคือต้นทุนเนื้อก๊าซฯอยู่ที่ 6.57 บาท/กก.

- ค่าผ่านท่อ ยืนยันตาม มติ กก.กำกับกิจการพลังงาน ประมาณ 92 สตางค์/กก (อันที่จริงเท่าที่ผมไปค้น หากตัดค่าจัดหาและอื่นๆออกไปเอาค่าผ่านท่อจริงๆ ประมาณ 74 สต./กก.

- ต้นทุนที่ปั๊มเอ็นจีวี เท่าที่ทราบ สามารถลดได้อีก เช่น รถที่ใช้ขนก๊าซฯเอ็นจีวี ผมเคยคุยกับผู้ประกอบการเขาบอกว่า ปตท.คิดต้นทุนรถจากน้ำมันดีเซล แต่จริงๆ รถที่ขนก๊าซฯหากใช้เอ็๋นจีวีก็ลดได้อีก ต้นทุนปั้มจริง ๆ ก็ลดได้อีก สรุปเท่าที่ทราบ 4 บาท/กก. ก็สามารถดำเนินการได้แล้ว

สรุปคือ ต้นทุนเนื้อก๊าซ+ค่าผ่านท่อ+ต้นทุนปั๊ม =6.57+.92+4=11.49 บาท/กก.

อันนี้เป็นต้นทุนที่ใช้ Methodology ของ ปตท. แต่ปรับตัวเลขและเอาส่วนที่ไม่เกี่ยวข้อง (เช่น ก๊าซพม่า ที่ท่อก๊าซก็ไม่ได้เขามาเชื่อมกับระบบอ่าวไทยและ LNG) ยังมีเรื่อง CO2 อีก

คร่าวๆ น่าจะไม่เกิน 11.50 บาท/ลิตร

แต่ผมคิดว่า ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ เป็นธุรกิจผูกขาด ดังนั้นต้นทุนที่เราเห็นเป็นต้นทุนที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ได้เกิดการแข่งขันทำให้ไม่มีการประหยัด ข้อมูลต้นทุนก็ไม่ค่อยน่าเชื่อถือ เพราะมีความลับหลายจุด แต่ที่แน่ๆ นั้น ธุรกิจผูกขาดนั้นมีแนวโน้มที่จะ "รายงานต้นทุน" ที่เกินจริงไปมาก หากเราถือเกณฑ์นี้ ตัดต้นทุนออกไปอีก 10% หรือคิดตัวเลขกลมๆ ก็ประมาณ 1 บาท/ลิตร 11.50-1.0=10.50

ดังนั่นในความเห็นของผมราคา เอ็นจีวีไม่ควรเกิน 10.50 บาท/ลิตร

หากเป็น  14.50 บาท/ลิตร ตามที่ ปตท. อ้างมาโดยตลอด ผมว่า ก็จะมีเงินโอน Transfer money จำนวนมากจากประชาชนไปให้ บริษัทผูกขาด ไม่ใช่กำไรตามปกติแต่เป็นกำไรผิดปกติ และ ปตท.มีกำไรเท่าที่ผมทราบประมาณ 150,000 ล้านบาท/ปี นี่คือตัวเลขทางการ แต่ที่ซ่อนกำไร เช่นเอาไปลงทุนอื่นๆ เราไม่ทราบเหมือนกัน น่าจะมากกว่านี้ แสดงว่า สินค้าของ ปตท.(ก๊าซ/น้ำมัน/LPG) นั้นไม่เคยขายต่ำกว่าราคาทุนตามที่อ้างมาโดยตลอด ไม่อย่างนั้นจะได้กำไรจำนวนมากได้อย่างไร

สรุปแล้ว เพื่อให้บทความมีน้ำหนัก ก็ต้องอ้างทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์เสียหน่อย

ในทางเศรษฐศาสตร์นั้น ต้นทุนที่แท้จริงนั้น จะทราบได้จากสภาพตลาดที่มีการแข่งขันสมบูรณ์เท่านั้น เพราะหากมีการแข่งขัน ธุรกิจที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ประหยัด ก็ต้องออกจากตลาดไป ธุรกิจที่อยู่ได้คือ ธุรกิจที่ต้นทุนต่ำสุด

แต่การผูกขาดนั้น ทำให้บริษัทหรือหน่วยธุรกิจไม่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพ และเรื่องต้นทุนก็ไม่มีใครทราบต้นทุนที่แท้จริง

ตลาดก๊าซธรรมชาติ ปตท.ผูกขาดบริษัทเดียว เป็น Monopoly Market
ดังนั้น
1. หน่วนธุรกิจผูกขาดนั้น มีแนวโน้มที่จะไม่มีใครทราบต้นทุนที่แท้จริง หรือ ไม่รายงานต้นทุนที่แท้จริงให้ Legulator ในที่นี้คือรัฐบาลทราบ หรือต้นทุนที่ได้ก็คลุมเครือและมีแนวโน้มสูงเกินจริง เป็นทุนทุนบนกระดาษเท่านั้น

2. ธุรกิจผูกขาดนั้น ต้นทุน ได้รวมเอาต้นทุนที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ประหยัด และไม่จำเป็นเข้าไปด้วย

3. ปตท.เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ มีการประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale) และ Economy of scope (คือประหยัดเมื่อผลิตสินค้าหลายอย่างทำให้แชร์ต้นทุนกันได้) ดังนั้นการประหยัดในส่วนนี้น่าจะทำให้ ปตท.ต้นทุนต่ำกว่าที่เราทราบ

ประเด็นสุดท้าย ที่ผมอยากสรุปกรณีของ ปตท.กับตลาดแก๊สเอ็นจีวีคือ

4. การคิดต้นทุน ที่นำเอาต้นทุนของ "ก๊าซฯนำเข้า" (Imported natural gas) มารวมด้วย ไม่น่าจะถูกต้อง ทั้งในส่วนของ ก๊าซจากพม่า และ LNG เพราะจริงๆ เวลาขาย ปตท.ก็เอาก๊าซจากอ่าวไทยขายให้ NGV อย่างเดียว ไม่ได้เอาก๊าซจากพม่า ซึ่งใช้ที่โรงไฟฟ้าราชบุรีอย่างเดียว

ราคาเอ็นจีวี จึงไม่ควรเกิน 10.50 บาท/ลิต
ไม่ใช่ 14.50 บาท/ลิตร ตามที่ ปตท.อ้าง
อีกอย่างหนึ่ง ผมคิดว่า การใช้รถขนก๊าซฯ เอ็นจีวีนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องในทางความเป็นจริง ควรต้องมีการสร้างท่อก๊าซ (ขนาดเล็กกว่าท่อก๊าซฯจากอ่าวไทย) รอบกรุงเทพฯ เรียก Bangkok Ring และควรลงทุนสร้างท่อแก้สไปตามถนนสายเหนือ และสายอีสานสองสายคือ อีสานเหนือ ไปถึงอุดร และอีสานใต้ไปถึงอุบล

หากสร้างท่อก๊าซฯ อย่างที่ผมว่า จะทำให้เราสามารถใช้ก๊าซเอ็นจีวีได้ทั่วประเทศ และสถานีก๊าซฯ (ปั้ม) ก็ไม่ต้องเป็นปั้มใหญ่ เพราะไม่ต้องมีหลุมเก็บก๊าซฯ สามารถต่อท่อซอยเล็กๆ ไปตามถนนได้ จะทำให้สถานีเติมก๊าซฯย่อยๆ อีกมาก  รถก็ไม่ต้องเข้าคิวรอยาว เพราะมีสถานีเติมถี่ยิบ ตามถุนน และรอบ กทม.

อีกอย่างก๊าซเอ็นจีวีนั้นเบามาก หากก๊าซฯรั่ว ก็จะลอยตัวขึ้นสู่อากาศอย่างรวดเร็๋ว ทำให้ไม่ระเบิด เหมือนก๊าซอยุ่ในถังขนาดใหญ่แบบที่เราเห็นรถขนก๊าซฯ

หากรถยนต์ในประเทศไทยสามารถใช้ก๊าซเอ็นจีวีได้ 40% ของจำนวนรถทั้งหมด ประเทศไทยก็จะมีอิสระจากราคาน้ำมันทันที ราคาก็๋จะเสถียร รัฐบาลก็ไม่ต้องมาปวดหัวกับราคาพลังงานตลอด

และหากเราสามารถเจรจากับเขมรแล้วพัฒนาแหล่งก๊าซฯ ร่วมกันแบบมาเลเซีย เราก็จะได้สำรองก๊าซธรรมชาติอีกหลายสิบปี

รัฐบาลนายกฯปู ควรมองยาว ๆ ครับ และไม่ควร ฟัง ปตท.ให้มากนัก

เพราะ ปตท. เป็นบริษัทในตลาดหุ้น  ที่มีเป้าหมายคือ "แสวงหากำไรสูงสุด" และพฤติกรรมก็เป็นอย่างนั้นมาตลอด แต่สามารถเข้าไป Capture หรือ "ครอบงำ" ทางด้านนโยบายกับภาครัฐได้ (เพราะอ้างว่าเป็รัฐวิสาหกิจ) ก็เหมือนกับระบอบอำมาตย์ ที่ครองงำระบบตุลาการวิบัติ ที่สร้างความฉิบหายให้กับประเทศอย่างที่เราต้องสู้กันมา 5 ปีนี้

ปตท.ก็๋เข้าครอบงำแบบนั้น เรียกว่าการ Capture ทางด้าน Policy ทำให้นโยบายที่เกี่ยวกับ ปตท.นั้น ไม่ตอบสนองผลประโยชน์ของประชาชน

เพื่อมวลมนุษยชาติ

ผมคนหนึ่งที่เลิกใช้ผลิตภัณฑ์หรือเติมน้ำมันในกลุ่มของ ปตท. นานแล้ว นอกเสียจากเข้าปั๊ม ปตท. เพื่อ ซื้อของเซว่น เติมลมรถ และเข้าห้องน้ำเท่านั้น เหตุผลที่ต้องปรับราคาเพราะพวกโกงกินตัวหารมันเยอะขึ้น ดังนั้นทาง ปตท. จึงต้องจำเป็นต้องประกาศขึ้นราคาเชื้อเพลิงเพื่อนำเงินที่ได้จากน้ำพักน้ำแรงของประชาชนมาให้พวกเยี้ยเยี้ย ที่หิวกระหายและรอรับส่วนบุญอยู่ไงงงงงงง  ส.สั่งสอน ส.สั่งสอน