ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ผบช.ภ.9 ฉุน ตร.ทำผู้ต้องหาสำคัญหนีขณะเข้าห้องน้ำ

เริ่มโดย JaY_SoniC, 17:20 น. 20 เม.ย 55

JaY_SoniC

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 20 เม.ย. 55 พ.ต.อ.ธรรมนูญ ประยืนยง ผกก.ศสส.บชภ.9 ได้นำกำลังเข้าจับกุม นายณัฐพงษ์ จอหวัง ผู้ต้องหาตามหมายจับ 215/54 ลงวันที่ 31 ธ.ค. 2554 ในคดีฆ่า นายสุธีร์ หลังปูเต๊ะ เหตุเกิดในท้องที่ ต.บ้านควน อ.เมือง จ.สตูล ขณะที่ นายณัฐพงษ์ พักอยู่ในบ้านพักไม่มีเลขที่ในชุมชนเก้าเส้ง เขตเทศบาลนครสงขลา พร้อมทั้งยึดอาวุธปืนสั้นได้ 3 กระบอก โดยเป็นปืนขนาด 11 ม.ม. 9 ม.ม. และ ปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหามาสอบสวนขยายผลที่ห้องสอบสวน ศสส.ภ.9

เมื่อมาถึงปรากฏว่า นายณัฐพงษ์ ได้ขอไปเข้าห้องน้ำ และอาศัยจังหวะในขณะที่เจ้าหน้าที่เผลอวิ่งหนีออกจากห้องสอบสวน โดยเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้น แต่ไม่พบตัว จึงได้รายงานให้ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.ภ.9 ทราบ และ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประสานงานกับ กก.ภ.จว.สตูล เพื่อติดตามตัว เนื่องจากทราบว่า นายณัฐพงษ์ มีภรรยาอยู่ในพื้นที่ อ.เมือง จ.สตูล

สำหรับ นายณัฐพงษ์ นั้น เป็นผู้ต้องหาสำคัญในแฟ้มอาชญากรรมของ บชภ.9 มีคดีฆ่าผู้อื่นในพื้นที่จังหวัดต่างๆรวม 10 คดี ซึ่งเป็นที่ต้องการของเจ้าหน้าที่มานาน โดยหลังจากที่จับตัวได้ ชุดจับกุมได้มีการเตรียมให้ พล.ต.ท.จักรทิพย์ แถลงข่าว แต่ปรากฏว่า ผู้ต้องหาฉวยจังหวะหลบหนีไปได้ ซึ่งต่อมาทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบไปซ่อนตัวในห้องพักของตำรวจชั้นประทวนผู้หนึ่ง และได้ลักทรัพย์เป็นเงินสด 5,000 บาท หลบหนีไปด้วย
/////

manu_uman


DtawanDigital


นักมวย

.

...สงสัยมีของดี ขอมดำดิน เล็ดรอดได้ตั้งสิบคดีมาแล้ว... ส.โอ้โห ส.โอ้โห ส.ยกน้ิวให้

puiey

โกธรกับแฟน ขึ้นสเตตัส "โสด" ถ้าวันนึง แม่มึงโกธร มึงไม่ขึ้นสเตตัส "กำพร้า" เลยเหรอ

(o_o)


xyc


channakhon

แล้วไปหวังเพิ่งอะไรได้อีก กับสีกากีบ้านเรา ผู้ร้ายถีบหน้าเห็นๆ อย่างนี้  เวรกรรม

ขำขัน

จะเล่าเรื่อขำขันเก่าๆเกี่ยวกับตำรวจซื่อบื้อให้ฟัง สมัยก่อนเวลาไปจับผู้ต้องหาต้องเดินเท้าเข้าป่าไปดักจับ พอได้ตัวมาก็ใส่กุญแจมือแล้วจูงให้เดินตามตำรวจกว่าจะถึงโรงพักบางทีเป็นวันๆ ระหว่างทางผู้ต้องหาออกอุบายว่าขอไปฉี่แล้วก็วิ่งหนี(แบบนี้เลย)ตำรวจวิ่งไปตามจับมาได้ก็จูงให้เดินต่อ สักพักพอเดินผ่านร้านค้าผู้ต้องหาออกอุบายว่าอยากบุหรี่จังขอแวะซื้อหน่อย จ่ารู้ทัน...แล้วร้องว่า
"มึงไม่ต้องมาเหลี่ยมกับกู คอยนี่แหละเดี๋ยวกูไปซื้อมาให้" ว๊าก ก๊ากๆๆๆๆๆๆ ส.หัว

ผีดำ1


แฟนเก่าชื่อส้ม

ก่อนตายคุณอยากอยู่กับใครเป็นคนสุดท้าย

จัดฉากป่าว

รู้เห็นให้หนีไปแน่เลย อยู่ในรังแท้ๆ ต้องมีใครช่วยแน่ๆ มันรู้ได้ไงว่าเงินซ่อนอยู่ไหน ยังมีเวลาหนีไปเอาเงินอีก
ผู้ต้องหาต้องใส่กุญแจไว้ตลอดไม่ใช่หรือ เข้าห้องน้ำใช้แบบโซ่ยาวก็ล้างขี้ได้ แลนแท้ โจรตั้งเป็น 10 คดี
ปล่อยให้หนีไปได้อย่างนี้ ต้องเรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปสอบปากคำเพื่อ จับพิรุธ ว่ามีมูลจากเจ้าหน้าที่รู้เห็น
ให้หลุดไปรึเปล่า ถ้าเป็นความบกพร่องจริงๆของเจ้าหน้าที่ แล้ว ว. สกัดจับกันยังไง เวรแท้ เค้าฝึกกันมายังไง
นี่ แล้วหนีไปยังไง ไม่เห็นหลังเลยเหรอ วิ่งตามไม่ทันลงพุง โจรมันถอดรองเท้าวิ่งหนีเหรอ เป็นไปได้ยากอยู่ใน
รังตัวเองแท้ๆ มีมูลเหตุให้น่าคิดว่า มีใครรู้เห็นจัดฉากให้โจรหลุดไปสูง โจรตัวนี้ต้องกุมความลับอะไรที่สาวถึงตัวการใหญ่และผู้มีอิทธิพลในพื้นที่แน่นอน ถ้าสอบปากคำไอ้ชั่วหลายคนอาจจะอยู่ไม่สุข ผีเห็นผีขัดกันแล้วกลัว
ต่างฝ่ายต่างออกมาแฉแน่แท้ จับมาให้ได้โจรตัวนี้มันรู้อะไรที่จะสาวถึงตัวการใหญ่ให้สะเทือนวงการชั่วได้อย่างแน่นอน   

ผู้เฒ่าเต่า

อย่าใช้ภาษาผิด ๆ สะกดผิด ๆ เดี๋ยวภาษาที่ ปู่ ย่า ตา ยาย ใช้กันมานมนานจะวิบัติไปกันหมด   
              พลังคลื่นเต่า..........ปู๊ด !!!!!!



ซุปเปอร์ฮีโร่

ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่นะครับ จับตัวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ววันนะครับ  ส.สู้ๆ

คิดแบบบ้าๆ

คิดเล่นๆ แบบบ้าๆ แผนของตำรวจต่างหาก ทำเป็นหลุดไป แล้วให้เจ้าหน้าที่สะกดรอยว่ามันไปหาใครบ้าง เพื่อได้จับแนวร่วมตัวการที่แท้จริงใครเกี่ยวข้องให้ที่พักพิงจะได้สาวไปเรื่องอื่นที่พัวพัน เหมือนหนังฝรั่งเลยเนอะ แต่ถ้า
มาคิดดูอีกที ถ้าฉลาดแบบนั้นคงไม่มีโจรก่อการร้ายบ้านเราให้เห็นแน่ๆ ส-เหอเหอ ส-เหอเหอ ส-เหอเหอ

กู้เกียรติยศตำรวจไทย

"ผมแพ้อำนาจเงิน" เด้ง ผอ.คุกนครศรีฯ เจอไอโฟนอื้อ
22 เม.ย. 55 14.50 น.    พิมพ์หน้านี้ สนับสนุนเนื้อหา  (+ให้คะแนนบทความ) เปิดอ่าน  ความคิดเห็น 65
"ผมแพ้อำนาจเงิน" เด้ง ผอ.คุกนครศรีฯ เจอไอโฟนอื้อ
22 เม.ย. - รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ร่วมกับ ตร.ภาค 8 แถลงผลตรวจค้นแดนผู้ต้องขังเรือนจำนครศรีธรรมราช ล็อกตัวผู้คุม ยึดโทรศัพท์มือถือเกือบ 300 เครื่อง ยาบ้าเกือบ 2,000 เม็ด และยาไอซ์ เด้ง ผบ.เรือนจำฯ พร้อมขยายผลเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง คาดยึดทรัพย์นับร้อยล้าน เตรียมเสนอ "นครศรีธรรมราชโมเดล" เป็นต้นแบบปราบปรามของต้องห้ามในเรือนจำทั่วประเทศ
นายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พล.ต.ต.สันติ เพ็ญสูตร ผบช.ภ.8 นายชลัยสิน โพธิเจริญ ผอ.ปปส.ภ.8 และ พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ร่วมแถลงผลการจู่โจมตรวจค้นเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เช้ามืดวันนี้ (22 เม.ย.) ว่าได้นำกำลังคอมมานโดกรมราชทัณฑ์บุกเข้ายึดเรือนจำ เข้าทำการล็อกตัว รปภ.ที่ป้อมยามรักษาการณ์หน้าเรือนจำ และประตูเรือนจำ พร้อมปลดเครื่องมือสื่อสารของเจ้าหน้าที่ จากนั้นได้ให้กำลังเจ้าหน้าที่คอมมานโดและเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวม 650 นาย จู่โจมเข้าไปค้นเรือนจำในแดน 4, 5 และ 6 ซึ่งเป็นแดนที่มีนักโทษค้ายาเสพติดและนักโทษเด็ดขาดถูกคุมขังอยู่ภายใน ซึ่งกำลังนอนหลับ ท่ามกลางความตระหนกของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่อยู่ภายในเรือนจำที่ไม่รู้ตัวมาก่อน
หลังจากทำการตรวจค้นจนถึงเวลา 09.00 น. สามารถตรวจยึดสิ่งของต้องห้ามหลายรายการ ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ 280 เครื่อง ในจำนวนนี้มีแท็บเล็ตยี่ห้อต่างๆ และไอโฟนนับสิบเครื่อง อุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ ยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) 1,700 เม็ด และยาไอซ์ 50 กรัม นอกจากนั้น ยังมีอุปกรณ์เสพยาไอซ์และอุปกรณ์เสพยาบ้าจำนวนหลายสิบชุด อาวุธมีด ของมีคมดัดแปลง เหล็กขูดชาร์ป อุปกรณ์เล่นการพนันดัดแปลงทำเองจำนวนมาก รวมทั้งเงินสดอีก 47,000 บาท
นายโสภณ กล่าวว่า การปฏิบัติการครั้งนี้ได้ประสานข้อมูลกับ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช มาระยะหนึ่งแล้ว โดยจะนำเสนออธิบดีกรมราชทัณฑ์ให้รูปแบบการปฏิบัติหน้าที่แบบเรียกว่า "นครศรีธรรมราชโมเดล" เป็นต้นแบบในการปราบปรามของต้องห้ามในเรือนจำทั่วประเทศ พร้อมกล่าวว่าจะต้องย้าย ผบ.เรือนจำนครศรีธรรมราช โดยให้นายสุรพล แก้วภราดัย มาดำรงตำแหน่งแทน
ขณะที่ นายณรงค์ ยงณรงค์เดชกุล ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช มีสีหน้าเคร่งเครียด กล่าวเปรยกับ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ต่อหน้าผู้สื่อข่าวว่า ได้พยายามดำเนินการแล้ว แต่ยอมรับว่าแพ้อำนาจเงิน
ด้าน พล.ต.ต.รณพงศ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้เตรียมการหลายเดือนก่อนจะเข้าค้นวันนี้ แต่ก็มีข่าวรั่ว เนื่องจากพบโทรศัพท์มือถือของนักโทษเครื่องหนึ่งมีข้อความแจ้งว่า "อีก 2 ชั่วโมง คอมมานโดจะเข้าตรวจค้นเรือนจำ" ทำให้สิ่งของที่ละลายได้ เช่น ยาเสพติด ซึ่งทราบว่ามีเป็นกิโลกรัม ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก ส่วนโทรศัพท์ที่นำเข้าไปในเรือนจำนั้น มีเจ้าหน้าที่บางคนนำเข้าไปให้ มีค่านำเข้าเครื่องละ 30,000 บาท มีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอย่างน้อย 10 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังทำข้อมูลและขอออกหมายจับ ส่วนผู้ต้องขังที่เป็นผู้ค้ารายใหญ่มีอยู่ 2 คน ส่วนอื่นๆ นั้นเป็นรายกลางและรายย่อย หากจัดการขบวนการค้ายาเสพติดในเรือนจำได้ทั่วประเทศอย่างที่ จ.นครศรีธรรมราช เชื่อว่าผู้ค้ายาเสพติดในประเทศไทยจะลดลงกว่าครึ่ง
ขณะที่ พล.ต.ท.สันติ กล่าวว่า ผู้ค้ายาเสพติดในเขตภาค 8 นั้น เมื่อจับกุมได้ส่วนใหญ่จะสารภาพว่าสั่งซื้อจากเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ซึ่งการนำโทรศัพท์มือถือหรือยาเสพติดเข้าไปนั้น มีทั้งเข้าทางประตูและโยนข้ามกำแพง จะต้องเร่งสืบสวนสอบสวนขยายผลให้สิ้นซาก
สำหรับโทรศัพท์ที่ตรวจยึดได้ครั้งนี้ มีกระบวนการที่ส่งเข้าไปขายในเรือนจำ แบบธรรมดามีราคาเครื่องละประมาณ 200,000-250,000 บาท โทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟน ราคาเครื่องละ 300,000-350,000 บาท หากคิดเป็นเม็ดเงินที่สะพัดตามจำนวนเครื่องโทรศัพท์ที่ยึดได้ มีมูลค่าอยู่ที่ 70-150 ล้านบาท โดยค่าเช่าในการใช้โทรศัพท์ของนักโทษด้วยกันอยู่ที่ครั้งละ 10,000-18,000 บาท - สำนักข่าวไทย
ตามติดข่าว ข่าววันนี้ ข่าวบันเทิง ก่อนใครผ่านทาง http://news.sanook.com
ร่วมเป็นแฟนเพจ Facebook..กับเราได้เลยที่นี่!!

กู้เกียรติยศตำรวจไทย

ใช้พลังจิตในการต่อสู้

--------------------------------------------------------------------------------

ถาม: ฝึกกำลังภายใน ฝึกไป...?

ตอบ: ท้ายๆ ก็เป็นเรื่องของจิตหมด ดูอย่างใน มังกรคู่สู้สิบทิศ ตอนนี้ถึงขั้นสัมพันธ์กับฟ้าดินแล้ว แต่ว่ายังมีอีกขั้นหนึ่งคือสู่อนุภาค ตอนนี้จะเหลือแต่จิตล้วนๆ

สมัยก่อนคนไทยของเรา เวลาฝึกมวยฝึกอาวุธ จะต้องหัดสมาธิภาวนาไปด้วย ระยะแรกๆ การใช้อาวุธ ท่าเท้า การเคลื่อนไหวของร่างกาย ต้องสัมพันธ์กันหมด ในเมื่อสัมพันธ์กันหมด พอเริ่มกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ก็อยู่ในระดับที่เรียกว่า ม้าย่อง พอต่อไปกำลังจิตเริ่มส่งออกมากดดันคู่ต่อสู้ได้ จะอยู่ในจุดที่เรียกว่า เสือย่าง คือเดินแบบเสือ เห็นแค่การเดินคู่ต่อสู้ก็รู้แล้วว่าเราเอาตายแน่ บางคนแพ้ตั้งแต่ไม่ทันจะลงมือ เพราะระดับห่างกันมาก พอสุดท้ายเขาเรียก สีหยาตร เดินแบบพญาราชสีห์ แบบนี้มีพลังจิตออกกดดันคู่ต่อสู้รุนแรงมาก ส่วนใหญ่คู่ต่อสู้จะยอมแพ้ตั้งแต่ก่อนที่จะลงมือ ที่เราอ่านๆ ไปในหนังสือนั่นแหละ สังเกตไหมว่าพอถึงระดับสุดท้ายแล้ว ของเขาสามารถที่จะใช้กำลังของเขาควบคุมคนอื่นได้

ในการฝึกพาหุยุทธ์ (มวยไทยโบราณ) มีท่า เหินเตะ ท่านี้เขาเรียกว่า หนุมานเหินหาว เป็นการใช้กำลังใจคุมร่างกายตัวเองให้ลอยขึ้น ตามเตะคู่ต่อสู้ไปเรื่อย ถ้าไม่หมอบคาเท้าก็ไม่เลิก ปัจจุบันเท่าที่รู้มีทำได้อยู่คนเดียว ก็คือ คุณสเกน แก้วผดุง ตอนนี้เปิดค่ายมวยอยู่อังกฤษ ต้องอัดกับพวกไอ้มืดไอ้หรั่งตัวยักษ์ๆ ที่มาท้าสู้เป็นประจำ สเกนเขาให้ฝรั่งๆ ๒ คนขี่คอกัน แล้วเอาดาบเสียบลูกแอ๊ปเปิ้ลชูขึ้นไปสุดแขน สูงน่าจะเกิน ๓ เมตร คุณสเกนเตะถึง ลักษณะเหมือนกระโดดในสายตาคนอื่นเขา แต่ในสายตาของพวกเราก็คือลอยขึ้นไปเฉยๆ

หลวงพ่อวัดท่าซุง บอกว่าใช้กำลังใจไม่มาก แค่คุมอุเพ็งคาปิติให้อยู่ในระดับนั้นก็พอ กำหนดใจเมื่อไรให้ได้ตรงจุดนั้นก็ใช้ได้ แค่นั้นเอง[/color] ไม่ได้ใช้กำลังใจเยอะเลย แต่อย่าลืมว่าเป็นส่วนหนึ่งของสมาธิ เพราะฉะนั้น..ปัจจุบันของเราอย่างที่หัด ๆ กันอยู่ในเรื่องของอาวุธ อย่าง สำนักพุทไธสวรรย์ ตามปัจจุบันแย่มากแล้ว ถ้าสามารถใช้ได้แค่นี้เมืองไทยไม่รอดจากข้าศึกมาจนทุกวันนี้หรอก

เคยอ่านประวัติพระยาสีหราชเดโชหายตัวได้อึดใจหนึ่ง พอถึงเวลากลั้นใจว่าคาถา เขาเรียก คาถาวิรุฬจำบัง ข้าศึกจะมองไม่เห็นทั้งตัวทั้งเงาไปชั่วอึดใจหนึ่ง เหลือเฟือที่จะฟันหัวฝ่ายตรงข้าม ก็อาวุธยังเหมือนเดิมทุกอย่าง เพียงแต่เขามองไม่เห็น นั่นคือการใช้พลังจิตอย่างหนึ่ง

มารุ่นหลังๆ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ อยุธยา เจ้าของหนึ่งในเหรียญเบญจภาคี แพงที่สุดในประเทศไทย หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ ท่านเปิดสำนักสอนกระบี่กระบองในวัด สมัยนั้นยังมีการค้าขายสำเภากับจีนอยู่ มีมือกระบี่จากเมืองจีนมา อยากทดสอบวิชาตัวเองว่าอยู่ระดับไหนแล้ว ก็ตามลุยไปทีละสำนัก เขาชนะมาตลอด พอไปถึงวัดพระญาติก็ขอลองด้วย หลวงพ่อกลั่นบอกว่าท่านเป็นพระ ท่านสอนแต่ลูกศิษย์ ถ้าคุณอยากลองก็ยอมให้ลอง แต่ว่ามีข้อแม้

หลวงพ่อกลั่นท่านบอกจะปิดให้ตีเพลงหนึ่ง เพลงหนึ่งเขาตีกลองกันลิ้นห้อยเหมือนกัน ไม่ใช่แค่พักเดียว อย่าลืมว่าเพลงหนึ่งอาจจะมีสักร้อยแปดกระบวนท่า จะปิดให้ตีเพลงหนึ่ง ถ้าคุณไม่สามารถทำอันตรายได้ คุณต้องกลับเมืองจีน แล้วอย่ามารังควานคนไทยอีก เขาก็ตกลง หลวงพ่อกลั่นถือพลองสั้น ๒ อัน ฝ่ายตรงข้ามใช้อาวุธได้ตามถนัด ลูกศิษย์บอกว่าพอหลวงพ่อกลั่นควงไม้พลอง มองไม่เห็นตัวหลวงพ่อเลย เห็นแต่เงาพลองล้อมอยู่ เจ้านั่นฟันจนลิ้นห้อยไม่ถูกสักที เข้าไปเท่าไหร่กระดอนกลับออกมาหมด ก็เลยยอม วางกระบี่กราบหลวงพ่อกลั่นแล้วก็กลับ ไม่รู้จะสู้ไปทำไม เขายังไม่ทันจะตีคืนเลย นั่นแหละ..วิชาการต่อสู้ที่บวกกับการฝึกจิตไปด้วย จึงทำได้เกินกว่าคนทั่วๆ ไป


สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกันยาน ๒๕๔๕


ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard...ead.php?t=3281


บีซัง


powerphone2522

พิมพ์ข้อความผิดพลาดประการใดขออภัยมาน่ะที่นี้ด้วยครับ

นายไข่นุ้ย

DO YOU KNOW ME? I AM A CAT 28 YEARS. AND YOU?    แมวแท้สู (แมวยิ้ม)