กิมหยง - ตะลุงเว็บบอร์ด

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน   28 เมษายน 2555 05:59 น.   

[attach=1]
นาย วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ

[attach=2]
เนวิน ชิดชอบ

[attach=3]
ภาพที่เคยแนบแน่นระหว่าง นายวรวีร์ และ ระวิ โหลทอง อาจไม่มีให้เห็นอีก


   
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์- ภาพอันต่อเนื่องของนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ที่เปิดเกมบุกไปยัง สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย โดยพุ่งเป้าไปที่การตรวจสอบนายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฯ ลูกหนังที่แฟนบอลชาวไทยรักน้อยที่สุด เบื่อมากที่สุด และอยากให้ลาออกจากตำแหน่งโดยเร็วที่สุด เพราะนอกจากจะไม่เคยมีผลงานในการพัฒนาวงการฟุตบอลไทยให้ก้าวหน้าขึ้นจากเดิมนับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งในปี 2550 นายวรวีร์ ยังเป็นนายกสมาคมฯที่มีชื่อเข้าไปพัวพันกับการทุจริตมาโดยตลอด
       
           เรื่องที่ฉาวที่สุดเห็นจะเป็นข้อกล่าวหาระดับโลกเมื่อ ลอร์ด ทริสแมน อดีตนายกสมาคมฟุตบอลอังกฤษ อ้างในการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการรัฐสภาอังกฤษว่า นายวรวีร์นั้นเรียกรับสินบน แลกกับการลงคะแนนเสียงให้อังกฤษ เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก เหตุการณ์ครั้งนั้นนายวรวีร์ เอาตัวรอดมาได้ด้วยคำจำกัดความสั้นๆว่า "ไม่ยอมตายคนเดียว" ทำให้บรรดาผู้ถือผลประโยชน์เกาะเกี่ยวอยู่กับนายวรวีร์ ต้องออกมาช่วยกันพยุงจนพ้นอาการโคม่า โดยมีสื่อใหญ่ทำหน้าที่เคลียร์ภาพลักษณ์ให้
          
       แต่สำหรับ ศึกใหญ่หนนี้ที่นำทัพโดย "บิ๊กเซาะกราว" อย่างนายเนวิน ชิดชอบ นั้นดูจะหนักหนากว่าครั้งกรณี "ลอร์ด ทริสแมน" ยิ่งสยามสปอร์ต ประกาศถอนตัวในการบริหารสิทธิประโยชน์ฟุตบอลอาชีพของสมาคมฟุตบอลฯเมื่อวันศุกรที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา แม้ว่านายวรวีร์ จะพยายามยื้อด้วยการแบะท่าว่าอย่างไรคงต้องให้สยามสปอร์ตทำต่อเพราะช่วยเหลือกันมานาน
          
       ด้วยท่าทีดังกล่าว นายเนวิน จึงตั้งคำถามกับนายกฯลูกหนังในที่ประชุมว่า ระหว่างสมาคมฯ และ สยามสปอร์ต นั้นมีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ เพราะถ้ามีการทำสัญญา การบอกยกเลิกในฐานะบริษัทบริหารสิทธิประโยชน์คงไม่ได้ทำกันง่ายแบบนี้ และดูเหมือนคำถามของนายเนวิน จะจี้ไปที่จุดอ่อนของนายกสมาคมฯ เมื่อ นายวรวีร์ แสดงสีหน้าไม่พอใจพร้อมกับกล่าวว่า "ถ้าท่านประธานฯบุรีรัมย์อยากเห็นเอกสารต้องไปทำหนังสือขออย่างเป็นทางการอย่ามาพูดลอยๆแบบนี้"
       
          ไม่เพียงเท่านั้น นายวรวีร์ ยังใช้ประโยคที่เสมือนข่มขู่ทีมฟุตบอลทั้ง 18 แห่งที่เข้าร่วมประชุมในวันดังกล่าวว่า จะทำแบบสอบถามไปยังสโมสรสมาชิกว่าจะเข้าร่วมการแข่งขันต่อไปหรือไม่หากบริหารงานแบบนี้ ถ้าไม่ก็ขอให้ถอนตัวออกไปและเปิดโอกาสให้ทีมในดิวิชั่น 1 ขึ้นมาแทน ซึ่งคำพูดดังกล่วนั้น นายเนวินที่ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว MGR Sport หลังการประชุมหนึ่งวันว่า "คนเป็นนายกสมาคมฯ ไม่ควรพูดแบบนั้น"
          
       นอกจากนี้ "บิ๊กเซาะกราว" ยังพูดถึงการเข้ามาเรียกร้องของตนเอง ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ต้องการมีตำแหน่งนายกสมาคมลูกหนัง นายเนวิน ปฏิเสธในทันทีพร้อมกล่าวว่า "การเข้ามาตรวจสอบเรื่องการจัดการสิทธิประโยชน์ของสมาคมฯ ที่ไม่ชัดเจนในครั้งนี้ ไม่ได้หวังว่าจะได้มีตำแหน่งใดๆในสมาคมฯ หากแต่ต้องการทวงถามถึงสิ่งที่สโมสรทุกแห่งควรได้รับ และต้องการทราบว่ารายรับกว่าสองร้อยล้านบาทนั้น ทำไมจึงเหลือผลกำไรเพียงแค่แปดล้านกว่าบาท สมาคมฯ บริหารจัดการอย่างไร" และเมื่อผู้สื่อข่าวถามนายเนวิน ว่าอยากเห็นผู้บริหารสมาคมฯรวมไปถึงบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก รับผิดชอบต่อกรณีนี้อย่างไร นายเนวินกล่าวว่า
          
       "สมาคมฟุตบอลฯ และ บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก นั้นรับเงินสนับสนุนจากกท.อันเป็นเงินที่มาจากภาษีของประชาชน การที่คุณเป็นผู้บริหารองค์กรในลักษณะนี้ ผมคิดว่าต้องมีวุฒิภาวะพอว่าควรจะทำอย่างไรหากบริหารผิดพลาด" แม้ว่านายเนวิน จะไม่ได้บอกว่า "ต้องลาออก" แต่ประโยคดังกล่าวก็สามารถตีความไปได้ไกลขนาดนั้นเลยทีเดียว
          
       ถึงเวลานี้หากเปรียบสถานการณ์ของ นายวรวีร์ เป็นเกมลูกหนังดูเหมือนว่าการแข่งขันเข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย โดยที่ "แผงกองหลัง" ของ "ทีมบังยี" จะผิดพลาดทำลูกเข้าประตูตนเองไปแล้วถึงสองครั้งด้วยความละโมบ ขณะที่ฟากของ "ลูกหนังเซาะกราว" ก็เปิดเกมบุกอย่างถึงลูกถึงคนชนิดที่ถ้าแพ้ต้องลาออกตั้งแต่ผู้จัดการทีมยันเด็กยกน้ำกันเลยทีเดียว เพราะจนถึงเวลานี้สองเสียงที่คอยรองมือรองเท้าให้กับนายวรวีร์ และรู้ตื้นลึกหนาบางในสมาคมลูกหนังดีที่สุดอย่าง ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง (ประธานบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก) และ นายองอาจ ก่อสินค้า เลขาสมาคมฯ ต่างสงวนท่าที และ พร้อมลดระดับความสัมพันธ์ กับ "ลูกพี่ยี" ตลอดเวลา
          
       ส่วนฟากนายเนวิน และ พันธมิตร 18 สโมสรทีพีแอล นั้นนับวันกระชับความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด โดยหนังสือฉบับล่าสุดที่ยื่นให้กับ สมาคมฟุตบอลฯนั้นทำคลอดด้วยสองมือของ "บิ๊กเน" โดย 18 สโมสรสมาชิกส่งตัวแทนเข้าร่วมการประชุมทั้งหมด 15 แห่ง และมี 13 แห่งที่ลงนามในหนังสือ ขอสำเนาสัญญาและสอบถามนโยบายการบิรหารบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จากสมาคมขาดเพียงลายเซ็นของ ทีโอที เอสซี กับ บีบีซียู เอฟซี ที่ยังรอการตัดสินใจจากผู้มีอำนาจลงนาม
          
       ส่วน เชียงราย ยูไนเต็ด นั้นมีการโพสต์ในเฟซบุ๊คว่ายินดีให้ความร่วมมือหากทำเพื่อประโยชน์ของวงการฟุตบอลไทย ขาดเพียง อีสาน ยูไนเต็ด และ เอสซีจี - เมืองทอง ยูไนเต็ดที่ยังคงเก็บตัวกันเงียบ หากด้วยเสียงเพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่จะกดดันสมาคมฯ และ แสดงให้เห็นว่า ประธานสโมสร "ปราสาทสายฟ้า" นั้นซูเปอร์พาวเวอร์ขนาดไหน หาก "บังยี" ยังดันทุรังจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปเห็นทีต้องไปเช็คทีมแบ๊คอัพว่ายังรักกันดีอยู่หรือไม่ มิเช่นนั้นแล้วอาจจบเหมือนเกมที่ เชลซี เอาชนะ บาร์ซ่า ชนิดหักปากกาเซียนกันเลยทีเดียว

บังยี ออกไปได้แล้ว อยู่ก็แย่ลงๆ 

ถ้าเอามันออกไปได้  จะได้กลับ ไปดูบอลไทยเสียที
 

อ้างจาก: นกฮูกตาโต เมื่อ 10:16 น.  28 เม.ย 55
ถ้าเอามันออกไปได้  จะได้กลับ ไปดูบอลไทยเสียที

ใช่ครับ +10

ไอ  vv   มันสมควรลาออกได้ตั้งนานแล้ว
อยู่มาไม่เห็นวงการบอลจะดีขึ้น
มีแต่จะถอยหลังลงคลอง ออกๆไปซะ
อย่าให้วงการฟุตบอลไทยต้องแย่ไปกว่านี้

ป.ล  คนรักบอลไทย  ชอบเชียร์  วัวชน  ทีมรัก ลิเวอร์พูล

ไม่โปร่งใส ก็ต้องทำให้มันโปร่งใส ทำอะไรต้องให้มีหลักฐานยืนยัน เงินทองไม่เข้าใครออกใคร

 

ผมเสียความรู้สึกมาก

เคยเอียนนายวิจิตร เกตุแก้ว มาแล้ว
บังยี กลับทำ.... ซบ มากกว่าเสียอีก
หลายๆปี หลายๆเรื่องที่ผ่านมา มักมีแต่คำแก้ตัวจากปากบังยีทั้งนั้น

อ้างจาก: ผู้พันตาดำๆ เมื่อ 14:51 น.  01 พ.ค 55
ผมเสียความรู้สึกมาก

เคยเอียนนายวิจิตร เกตุแก้ว มาแล้ว
บังยี กลับทำ.... ซบ มากกว่าเสียอีก
หลายๆปี หลายๆเรื่องที่ผ่านมา มักมีแต่คำแก้ตัวจากปากบังยีทั้งนั้น

แรงกว่าเดิมอีก