ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

สุดท้ายตายในคุก..

เริ่มโดย ฟานดี้, 17:06 น. 08 พ.ค 55

ฟานดี้

นายอำพล ตั้งนพกุล หรือ "อากง" คดีหมิ่นสุดท้ายก็ตายในคุกจนได้
และแล้ว..เสื้อแดงก็หากินกับศพต่อไป..โดยเฉพาะคอมมิวนิสต์หลงยุค
อย่างสุรชัย แซ่ด่าน..หมอนี่น่าจะตายในคุกรายต่อไป..




http://www.komchadluek.net/detail/20120508/129759/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B9%8C%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%87SMS%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7.html

ซัมเบ้ Note 7 Jr.

หมดเวรหมดกรรมแล้ว ไปสู่สุคติเถอะครับ

ผมว่า ม.112 ไม่ได้รังแกอากง แต่เพราะอากงโดนหลอกใช้มากกว่า
ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป

linkin park

บันทัดเริ่มต้นของบทอวสาน

http://www.youtube.com/watch?v=1yw1Tgj9-VU

Aluglass 2004

กว่า อากง จะรู้ว่าที่ทำไปถูกหรือผิด

อากง ก็หมดหนทางที่จะแก้ไขแล้ว

ยังมีคนอีกมากที่ยังไม่ตาย ยังมีโอกาส

กลับตัวกลับใจ อย่าให้สายเหมือน อากง เลย ส.มองลอดแว่น ส.มองลอดแว่น
กระจกที่ว่าคม ยังแพ้คารม คนเลีย

เด็กคลองแห

เห้อ คอมมิวนิสต์มาพูดเรื่องประชาธิปไตย

ตอนอากงอยู่ในคุกใครรู้บ้างว่าป่วย สุรชัย รู้มั้ย ถ้ารู้ทำไรบ้าง พออากงตายกลับจะเอาไปหาประโยชน์ให้กับตัวเอง เอาไปสนองความอยากของตน ใช้เป็นเครื่องมือให้ตัวเอง

ถ้าในคุกเขาดูแลไม่ดีก็หาหลักฐานช่วยฟ้องร้องให้ญาติเขาสิ นี่กลับจะไปห้ามไม่ให้เผาจนกว่าตัวเองจะได้ในสิ่งที่ต้องการ

เห้อ

เพลบอย

เกลียดคนที่โดนข้อหานี่มากเลย ส.โกรธอย่างแรง

ธรรมในใจ

ไอ้สุชัยอยู่บนผืนดินนี้ได้เพราะพระมหากษัตริย์ฯ ทุกๆ พระองค์ในอดีตที่ทำการรักษาผืนแผ่นดินไทย  แล้วไอ้หมอนี่มาจากไหน  เกิดมายังไม่กี่ผืนผ้าถุง มันรักษาผืนแผ่นดินไทยหรือทำประโยชน์อะไรให้กับแผ่นดินไทยบ้าง  ที่ดินมันเองมันยังรักษาไม่ได้  แล้วคนๆ นี้เหรอจะรักษาประเทศไทย  ไม่กี่ปีก็ตายแล้ว  ทำความดีซะบ้าง

คอหงษ์

ไม่ว่าคดีอะไร ถ้ากฏหมายเขียนว่าห้ามทำ แล้วไปทำ ทำไหร่ กลุ้มใจแทนนิ

แพะ

 ผมยังเชื่อว่า อากงส่งsmsไม่เป็น ส.โกรธอย่างแรง

puiey

เค้าได้รับกรรมอย่างสาสมแล้ว ไปสู่สุคตินะ เกิดชาติหน้าอย่ามีคดีหมิ่นเบื้องสูงอีกหละ
โกธรกับแฟน ขึ้นสเตตัส "โสด" ถ้าวันนึง แม่มึงโกธร มึงไม่ขึ้นสเตตัส "กำพร้า" เลยเหรอ

ซุปเปอร์ฮีโร่

กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตอบสนองครับ

ลูกชาวนาไทย

อากงคงไม่ใช่เหยื่อ 112 คนสุดท้าย แต่เป็นฟางเส้นใกล้ ๆ สุดท้าย ทีจะทำให้อูฐหลังหักได้

เรื่องของอากง เป็นเรื่องของสิทธิมนุษยชน และศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ที่ถูกละเมิดโดยกฎหมายที่โหดอำมหิต ไร้ความปรานี รวมทั้งระบบยุติธรรม ที่มุ่งกดหัวประชาชนให้หวาดกลัวหรือแก้แค้น ไม่ใช่ระบบยุติธรรมที่มุ่งลงโทษให้คนพอแต่หลาบจำ

ระบบยุติธรรมแบบนี้ มันจะทำลายตัวของมันเองไปเรื่อยๆ

พวกเขาชะล่าใจไม่แคร์ใครทั้งสิ้น เพราะคิดว่าข้าเป็นศาลยิ่งใหญ่ ไม่มีใครทำอะไรได้

พวกเขาคงคิดว่า "ขังมันไว้สักครู่" เพื่อขู่พวกที่เหลือ อีกสักปีสองปีค่อยอภัยโทษ

ไม่นึกว่า "อากง" จะด่วนตายอย่างรวดเร็ว จนพวกเขาตั้งตัวไม่ทัน กลายเป็นบูมเมอแรงมหึมา เหวี่ยงกลับมาอย่างรวดเร็ว

เรื่องอากง มันท้าทายมโนธรรมอย่างยิ่ง ใครได้ยินข่าวอากงตาย ใจไม่สะเทือน คนนั้นก็ไม่ใช่มนุษย์ปุถุชนปกติแล้ว แต่จิตใจหยาบกระด้าง ไร้ซึ่งความปรานี

การไม่ยอมให้ประกันตัวหลายครั้งของศาล อ้างว่ากลัวหลบหนี ทั้งๆ ที่กรณี สนธิ ลิ้มทองกุล หรือ แม้แต่นักค้ายาเสพติด ก็ยอมให้ประกันตัว แต่ชายแก่เป็นโรคมะเร็ง ฐานะไม่ได้ร่ำรวยอะไรเลย จะหลบหนีไปอยู่ประเทศไหนกัน เขาจะอยู่คนเดียวได้หรือ ห่างจากสังคมที่เขารู้จัก

เป็นข้ออ้างของศาลที่ฟังไม่ขึ้น แต่ต้องการใช้อำนาจเพื่อ "กดขี่" พวกที่เห็นแตกต่างให้สยบยอม

ความตายของอากง จึงเป็นเหมือนสายฟ้าที่ฟาดใส่ พวกเขาอย่างรุนแรง เผยให้เห็นความ อำมหิต ไร้คุณธรรม จริยธรรมของพวกเขาเอง

ต่อไป พวกเขาอ้างธรรมะ คนส่วนใหญ่ก็คงหัวเราะในใจว่า พวกนี้เป็น "สมี" เหมือนพระที่ปาราชิก เพราะอ้างคุณธรรมที่ไม่มีในตน หรืออวดตริมนุษธรรม นั่นเอง

ไม่มีความกรุณาปรานี ไม่มีจิตใจที่มีเมตตา จะให้คนทั้งหลายรักพวกเขาไปได้อย่างไร
โลกยุคนี้ ไม่ใช่จะโปรประกันดา แต่ข้างเดียวได้เหมือนยุคก่อนๆ เพราะข่าวสารไม่ได้ถูกผูกขาดอีกแล้ว

เจตนาทำอะไร เจตนาอย่างไร มีหรือประชาชนจะโง่ มองไม่ออก

อากง อาจไม่ถึงกับเป็นฟางเส้นสุดท้าย แต่มันก็ใกล้จะถึงเส้นสุดท้ายแล้ว

อูฐคงได้หลังหักเข้าสักวันแน่นอน
ทุกวันนี้ ผมก็รู้สึกว่า บ่าของผมจะแบกไม่ไหวแล้ว กับเรื่องพวกนี้

HardCoreLady

" อากง กลับบ้านเรานะ ตอนนี้เค้าปล่อยตัวลื้อแล้ว "

เพียงข้อความนี้ ดิฉันอ่านแล้วน้ำตาซึมและไหลลงมาอย่างไม่อายใคร..ค่ะ ดิฉันนั่งทำงานหน้าจอคอมฯ เปิดดูข่าวเกี่ยวกับอากง วันนี้..ภรรยาของอากง กำลังไปรับศพ พร้อมกับคำบอกชักชวน คู่ชีวิตของตัวเอง..กลับบ้านเรา!

ครั้งหนึ่ง ดิฉันเองก็เคยสูญเสีย บุคคลที่รักและบูชาที่สุดในชีวิต ..นั่นคือ พ่อ ของดิฉันเอง..ดิฉันจำคำนี้ได้ดี..วันสุดท้าย ที่เราต้องจากกัน..คือวันฌาปณะกิจ..ดิฉันเป็นผู้ถือรูปถ่ายหน้าศพ..พร้อมกับพร่ำบอก คำๆนี้ ไปตลอดการเดินทาง..พร้อมน้ำตา "พ่อคะ กลับบ้านเราเถิดนะ หนู แม่ และน้องอยากอยู่กับพ่อตลอดไป"

ความรู้สึก คงไม่ต้องอธิบาย..ถ้าใครเคยมีเหตุการณ์เฉกเช่นกับของดิฉัน..

แต่นี่..การจากไป ของ อากง..ชายวัย 61 ปี ที่เราไม่ได้เป็นญาติ หรือรู้จักมักคุ้นโดยส่วนตัว..มันกลับทำให้เราหม่นหมอง และร้องไห้จากการติดตามข่าวตามเวปไซค์ หน้าหนังสือพิมพ์..

ความรู้สึกของ ภรรยาอากง-ป้าอุ๊ คงเจ็บปวดเหนือคำบรรยายเลยนะคะ ที่สามี คู่ทุกข์ คู่ยาก ถึง 44 ปี ต้องมาเสียชีวิต เพราะ คำพิพากษา..อย่างไร้ความปรานี..ไร้คู่กรณี ไร้ผู้สูญเสีย แต่เป็นเพราะ คำกล่าวหา...และการพิจารณาจากหลักฐาน และพยานเพียงไม่กี่ปาก ดิฉันอยากให้คำๆนี้ มันเข้าไปดังกึกก้องในหูของผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ทุกๆคน ..

นายชนาธิป นายสมเกียรติ นายอภิสิทธิ์ ผู้คุมราชฑัณช์..และ นายประชา ผู้รับตำแหน่งคนล่าสุด... 

 

หลับให้สบายนะคะ อากง..วันนี้ ลื้อไม่ต้องทุกข์ ทรมาน ตรอมใจ กับอิสระภาพที่ไร้ความปรานีอีกแล้ว..ลื้อ ไม่ต้องร้องขอ อุทรธ์ หรือเรียกร้องความยุติธรรม ใดๆอีกแล้ว..

และสักวัน ดิฉันเชื่อว่า..แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าใด เมื่อความจริงปรากฎ ชื่อเสียงของอากง จะยังคงอยู่ไปตราบนานเท่านาน ถ้าทุกอย่างมันได้มีการพิสูจน์ขึ้นมาอีกครั้งว่า..อากง เป็น แพะ! จริงๆ

สนนท.

แถลงการณ์ ฉบับที่ ๓ แสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตอากง


สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ขอไว้อาลัยต่อการจากไปและและแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักต่อครอบครัวตั้งนพกุล หรือ อากง และไว้อาลัยต่อเสรีภาพในการประกันตัวของนักโทษทางการเมือง ในการถูกดำเนินคดีอันอัปยศแห่งระบบตุลาการไทย ผู้ตกเป็นเหยื่อกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือกฎหมายอาญามาตรา 112ภายใต้ความไร้เสรีภาพแห่งอำนาจอธิปไตยแห่งรัฐ ภายใต้การสูญเสียหยดน้ำตาความหดหู่ไร้ซึ่งเสรีภาพในการได้รับสิทธิของผู้ต้องขัง ไม่ว่าจะเป็นสิทธิประกันตัว สิทธิในการเข้าถึงสาธารณสุข ฯลฯ ทั้งหมดที่อยู่ภายใต้แรงกดทับของอำนาจเผด็จการในคราบบทบัญญัติแห่งกฎหมายไทย นั้นแสดงออกซึ่งการละเมิดสิทธิมนุษยชนสากลโดยชัดเจน




การซ่อนเร้นความเคลือบเเคลงสงสัยต่อการจากไปของอากง การกำราบให้ยอมสิโรราบต่ออำนาจเผด็จการนอกระบบโดยอำนาจตุลาการ ได้ส่งผลสั่นสะเทือนต่อทั้งความรู้สึก ต่อคำถามที่มีต่อกระบวนการยุติธรรม อากง ผู้ต้องหาในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็นอาชญากรรมโดยแท้จริงใช่หรือไม่ กระบวนการการไต่สวนรองรับความเป็นพลเมืองในประเทศนี้เพียงแค่คดี การส่ง sms หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือเพราะเหยื่ออากง เข้าทางภาพมิติทางการเมืองใช่หรือไม่ เป็นอาวุธที่ให้ผู้มีอำนาจลงทัณฑ์ อากงถูกหยิบใช้ ขณะที่อารยประเทศกำลังจับตามองประเด็นการละเมิดสิทธิ การคุกคามจากอำนาจรัฐที่มีต่อเสรีภาพของประชาชน อากง ถูกเซ่นไหว้ด้วยความตายพร้อมกับเสรีภาพในการเรียกร้องต่อกระบวนการยุติธรรม ด้วยการคุกคามแห่งอำนาจรัฐ ด้วยกฎหมายที่ถูกตีตราแห่งอำนาจเผด็จการ การตอบคำถามต่อผู้สูญเสีย การได้รับความยุติธรรม การได้รับการรักษา การได้สิทธิในการต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมเพียงพอหรือไม่ ขณะเดียวกันโทษอัตราสูงเยี่ยงคดีของ อากง กับขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลกับถูกปล่อยตัว หรือ อากง ถูกคดี ม112 หมิ่นพระบรมเดชานุภาพกระบวนการศาลยุติธรรมต้องมีข้อยกเว้น เลือกกระทำ เลือกปฏิบัติ ในการใช้อำนาจอธิปัตย์ทางตุลาการ



เราสหพันธ์นิศิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย(สนนท.) ขอแสดงความเสียใจต่อการสูญเสีย และขอเรียกร้องต่อผู้มีอำนาจ ผู้ไม่มีอำนาจ ผู้กระหายในอำนาจ และผู้ไม่อยากจะมีอำนาจ ดังนี้



1.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลภายใต้การบริหารประเทศ โดย ฯพณฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงมาแก้ไขปัญหาให้ ความเป็นธรรมต่อคดีนักโทษทางการเมืองตลอดจนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองทุกกรณี ทั้งกระบวนการศาลยุติธรรม และการละเมิดสิทธิเสรีภาพ แห่งสิทธิการเป็นพลเมืองแห่งรัฐ จากความอัปยศที่ถูกเป็นเหยื่อในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ


2.ขอเรียกร้องให้มีการปล่อยตัว ผู้ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงทางการเมือง ม.112 ให้ได้รับอิสรภาพ มีสิทธิในการต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมที่เป็นธรรม พร้อมทั้งการเยียวยาผู้ถูกผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง


3.ขอเรียกร้องให้มีการยกเลิกหรือแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา112 โดยเร็ว ซึ่งถูกนำมาเป็นเงื่อนไขในการใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ทั้งที่มาแห่งบทบัญญัติอันไม่ชอบธรรมแห่งรัฐธรรมนูญเผด็จการ เพื่อมิให้ ผู้บริสุทธิ์ถูกกระทำโดยเครื่องมือแห่งอำนาจตุลาการของราชอาณาจักรไทย


ด้วยจิตคารวะ



สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย

Sealand

ชายคนหนึ่งต้องจ่ายค่าอีเอ็มเอสด้วยชีวิต







ชายคนหนึ่งต้องจ่ายค่าอีเอ็มเอสด้วยชีวิต

Tweety

ทำพิธีเชิญดวงวิญญาณกลับบ้าน โดยกล่าวว่า

"กลับบ้านเรานะ ตอนนี้เค้าปล่อยตัวลื้อแล้ว"

http://www.youtube.com/watch?v=Z8QyAPW-vLM&feature=player_embedded

นางรสมาลิน ภรรยานายอำพล (ขอสงวนนามสกุล) หรือ "อากง" ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลังดูศพสามี โดยกล่าวว่า

"แกเคยบอกว่าถ้าแกไปก็เอาไว้วัดด่านนะ แกจะดูแลหลานเอง
เรื่องการเสียชีวิตดิฉันไม่ทราบ แต่ติดใจเรื่องอื่นมากกว่าว่า
ทำไมคนแก่อย่างอากงต้องมาติดคุกทรมานแบบนี้"





http://thaienews.blogspot.com/2012/05/1-12.html

ใบตองแห้ง

 

".....สำหรับบุคคลที่เจนโลก โชกโชน สันดานเป็นโจรผู้ร้าย มีเจตนาทำร้ายสังคมสถาบันหลักของประเทศชาติและองค์พระประมุข อันเป็นที่เคารพสักการะของคนในชาติให้เกิดความหลงผิดก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง  ผู้เขียนเชื่อว่า ไม่มีใครอยากให้คนเช่นนี้ลอยนวลอยู่ในสังคมเพื่อสร้างความเสียหายต่อเนื่องหรือแก่ผู้อื่นอีก เพราะสักวันคนใกล้ตัวของคนเหล่านี้อาจตกเป็นเหยื่อด้วยก็ได้ มาตรการที่เหมาะสมจึงควรตัดโอกาสในการกระทำผิด ลงโทษให้หลาบจำสาสมไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้ที่กระทำความผิดคิดวางแผนไตร่ตรองในการกระทำความผิดอย่างแยบยลแนบเนียนด้วยแล้ว ก็ยิ่งสมควรใช้วิธีการที่เหมาะสมในการคุ้มครองรักษาความสงบสุขของประเทศชาติและประชาชนด้วย จึงไม่แน่แท้เสมอไปว่าชราชน ที่กระทำความผิดจะต้องได้รับการลดโทษ ลงโทษน้อย หรือปล่อยตัวไปเสมอไป...."

บทความ "อากงปลงไม่ตก"
โดยโฆษกศาลยุติธรรม
14 ธ.ค.2554


'อากง' ชั่วร้ายกว่าเป๊าะ วัฒนา และ...ทักษิณ?
โดย ใบตองแห้ง  09-05-2555

อากงจบชีวิตลงแล้ว ระหว่างอยู่ในเงื้อมมือของกระบวนการยุติธรรม โดยสังคมยังไม่สิ้นสงสัยว่า อากงทำความผิดจริงหรือไม่ เป็นความผิดที่สมควรลงโทษจำคุก 20 ปี รุนแรงยิ่งกว่าคนร้ายฆ่าคนตายขนาดนั้นหรือไม่ เพราะอากงไม่มีโอกาสยื่นอุทธรณ์ ฎีกา

ก่อนจบชีวิต อากงตัดสินใจไม่ยื่นอุทธรณ์ เช่นเดียวกับจำเลยคดี 112 คนอื่นๆ เพราะหากยื่นอุทธรณ์ ฎีกา ก็อาจต้องถูกจองจำอีกยาวนาน กว่าจะมีคำพิพากษาที่เป็นบรรทัดฐานว่าผิด หรือไม่ผิด หนทางเดียวที่จะได้อิสระ คือยอมรับสารภาพ หรือยอมให้คดีสิ้นสุด เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ

นี่คือความโหดร้ายของมาตรา 112 ที่ทำให้จำเลยต้องพึ่งพระมหากรุณาธิคุณทางเดียวเท่านั้น หลายสิบปีที่ผ่านมา จึงไม่เคยมีคดีใดขึ้นถึงฎีกา จนมีคำพิพากษาที่เป็นบรรทัดฐาน

แน่ละ บางคนอาจเถียงได้ว่า สุขภาพของอากงย่ำแย่มานาน ถ้าได้รับการประกันตัวตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ อากงก็อาจเสียชีวิตที่บ้าน หรือต่อให้ไม่ถูกดำเนินคดีอะไรเลย อากงก็คงเสียชีวิตด้วยโรคร้ายอยู่ดี แต่ป่วยการที่จะโต้แย้ง เพราะความตายของอากงครั้งนี้อยู่ในความรับผิดชอบของกระบวนการยุติธรรมเต็มๆ ไม่ใช่เรื่องอ้าง "ถ้า" (เพราะเราก็อ้างได้ว่าถ้าอากงได้อยู่บ้านกับลูกหลาน มีกำลังใจมีความสุขตามอัตภาพ ก็อาจสู้โรคร้ายได้อีกหลายปี)


ทำไมอากงจึงไม่ได้ประกันตัวระหว่างสู้คดี ขณะที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีฆ่าคน ทุจริต ฉ้อฉล ยังได้ประกันตัวกันเกร่อ

ยกตัวอย่างผู้กว้างขวางระดับชาติ "กำนันเป๊าะ" สมชาย คุณปลื้ม ต้องคดีจ้างวานฆ่า "กำนันยูร" นายประยูร สิทธิโชติ ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 25 ปี พร้อม สท.เหี่ยว เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2547 ให้จำคุก 25 ปี โดยก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2547 ศาลอุทธรณ์ก็พิพากษายืนคดีทุจริตที่ดินทิ้งขยะเขาไม้แก้ว จำคุก 5 ปี 4 เดือน ศาลให้นับโทษต่อกันเป็นจำคุก 30 ปี 4 เดือน แต่ก็ยังให้ประกันตัวในวงเงิน 10 ล้านบาท

โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยเป็นบุคคลมีชื่อเสียง ไม่มีเจตนาหลบหนี ทั้งยังไม่มีพฤติการณ์ที่จะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน

วันที่ 12 ตุลาคม 2548 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคดีฆ่ากำนันยูร วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 ศาลฎีกานัดอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตที่ดินทิ้งขยะ กำนันเป๊าะอ้างว่าป่วย ขอเลื่อน เลื่อนไปเรื่อยๆ จนหนีไปในที่สุด เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2549 ศาลฎีกาจึงอ่านคำพิพากษาลับหลัง ว่ากำนันเป๊าะผิดจริง แต่ให้ลดโทษเป็น 3 ปี 5 เดือน

ส่วนคดีฆ่ากำนันยูร ศาลฎีกานัดอ่านคำพิพากษาเมื่อ 29 พ.ย.2554 แต่อย่างที่รู้กัน กำนันเป๊าะหายแซบหายสอยไปแล้ว ศาลจึงสั่งปรับนายประกันคือลูกสาว 15 ล้านบาท ส่วน สท.เหี่ยวมีหนังสือขอเลื่อน อ้างว่าติดภารกิจช่วยเหลือน้ำท่วมที่ปทุมธานี (?) ศาลมาอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2555 นี่เอง ให้จำคุกทั้งคู่ 25 ปี โดยจำเลยหนีไปเรียบร้อย

วัฒนา อัศวเหม "เจ้าพ่อปากน้ำ" ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุก 10 ปี ตามมาตรา 148 ฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจ หรือ จูงใจ ให้บุคคลอื่นมอบให้ซึ่งทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่น คือใช้อำนาจข่มขู่หรือจูงใจ ให้เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง และกรมที่ดิน ร่วมกันออกโฉนดที่ดิน ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เนื้อที่ 1,900 ไร่ ซึ่งทับที่คลองสาธารณประโยชน์ และที่เทขยะมูลฝอย ซึ่งเป็นที่สงวนหวงห้าม ต่อมาได้มีการนำที่ดินแปลงดังกล่าวไปสร้างสนามกอล์ฟ และนำไปขายให้กับกรมควบคุมมลพิษ เพื่อใช้ก่อสร้างโครงการบ่อบำบัดน้ำเสีย ต.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ

คดีนี้ ปปช.ชี้มูลความผิดตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย.2550 และมาตัดสินในวันที่ 18 สิงหาคม 2551 โดยศาลนัดอ่านคำพิพากษาครั้งแรกวันที่ 9 กรกฎาคม 2551 แต่นายวัฒนาหลบหนี ศาลสั่งปรับนายประกัน 2.2 ล้านบาทตามที่จำเลยยื่นบัญชีเงินฝากเป็นหลักทรัพย์ประกันตัว (ศูนย์ข่าวอิศราเคยประเมินทรัพย์สินวัฒนาว่า มีสินทรัพย์ 9,760 ล้านบาท กำนันเป๊าะ 1,254 ล้านบาท)

"เจ้าพ่อปากน้ำ" ไปเบิกความที่ศาลครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ยืนยันความบริสุทธิ์ของตน ถ้าทำผิดจริงให้ลงโทษประหารชีวิต และยังให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าจะไม่หนีไปไหน จะไปฟังคำพิพากษาแน่นอน แต่ถึงวันที่ 18 สิงหาคม วัฒนาก็ไม่ไป โดยก่อนหน้านั้น 3 วันยังคุยโทรศัพท์กับทนายว่า จะไปฟังคำพิพากษา แต่ไม่ทราบว่ารู้อะไรมาจึงเปลี่ยนใจ

คดีวัฒนายังไม่พิลึกเท่าคดี "น.ช.ทักษิณ"

วันที่ 29 กรกฎาคม 2551 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนพยานโจทก์ครั้งสุดท้าย ในคดีที่ดินรัชดา ซึ่งทักษิณ-พจมาน เป็นจำเลย ก่อนหน้านั้น 1 วัน จำเลยได้ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกประเทศ ทักษิณขอไปญี่ปุ่น และจีน ระหว่างวันที่ 31 ก.ค.ถึง 10 ส.ค. พจมานขอไปจีน 5-10 ส.ค.และไปอังกฤษ 15-20 ส.ค. องค์คณะผู้พิพากษาอนุญาตให้ไปญี่ปุ่นและจีนแต่ให้กลับมาวันที่ 11 ถ้าจะไปอังกฤษให้ยื่นคำร้องใหม่

เหตุผลที่ทักษิณขอไปจีน ถ้ายังจำกันได้ ทนายคำนวณ ชโลปถัมภ์ อ้างว่าเพื่อไปรับเสด็จฯ สมเด็จพระเทพฯ ในพิธีเปิดโอลิมปิก

แล้วเป็นไงละครับ ทักกี้ก็ลอยนวลมาจนทุกวันนี้ท่ามกลางความเป็นเดือดเป็นแค้นของพวกเสื้อเหลือง สลิ่ม แมลงสาบ โดยศาลนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 17 กันยายน 2551 แต่จำเลยหลบหนีไปอยู่ที่อังกฤษเรียบร้อย จึงมาอ่านคำพิพากษาใหม่วันที่ 21 ตุลาคม โดยมีมติ 5 ต่อ 4 "ไม่ทุจริตแต่ติดคุก 2 ปี"

แทนที่พวกพันธมิตรจะเป็นเดือดเป็นแค้นว่าทักกี้เล่นเล่ห์หนีคดี พวกเขาควรตั้งคำถามว่า ทำไมศาลจึงอนุญาตให้ผู้ร้ายตัวเอ้เดินทางออกนอกประเทศ เพื่อไปดูโอลิมปิก ผมยังจำข่าวได้ว่าตอนนั้นพจมานขนกระเป๋าไป 9 ใบ โอ๊ค เอม อุ๊งอิ๊ง ไปส่ง ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย บางคนถึงกับร่ำไห้ (แค่ไปดูโอลิมปิกเนี่ยนะ)

คำถามวัดใจ
จะลดแรงกดดันไหม
ที่ยกตัวอย่างมาคือ 3 "ชราชน" คนดัง ซึ่งในวันที่หลบหนีอายุได้ 67,71 และ 59 ตามลำดับ โดยมีโทษหนักเบาต่างกัน (25 ปี, 10 ปี, 2 ปี) ทั้งสามได้ประกันตนตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ แม้วางหลักทรัพย์สูง แต่เทียบกับทรัพย์สินทั้งหมดที่มีก็ไม่ถือเป็นขนหน้าแข้ง

ถามว่าถ้าอากงได้ประกัน อากงมีปัญญาหลบหนีไปอยู่เขมร จีน อังกฤษ หรือไม่ ลูกหลานอากงมีทรัพย์สินพอจะยอมเสี่ยงให้ถูกปรับ ถูกยึด หรือไม่ ระหว่างอากง กำนันเป๊าะ กับวัฒนา ใครมีปัญญาไปยุ่งกับพยานหลักฐานมากกว่ากัน

แน่นอน ประเด็นนี้ถ้ากล่าวให้ถึงที่สุด อย่างที่ อ.วรเจตน์พูดเสมอ ปัญหาของ 112 ข้อสำคัญที่สุด อยู่ที่อุดมการณ์ซึ่งกำกับการบังคับใช้

แต่ขณะเดียวกัน ผู้พิพากษาก็อ้างได้ว่าเนื่องจากความผิดตามมาตรา 112 กำหนดโทษ 3-15 ปี หมายถึงมีโทษขั้นต่ำ ศาลจะลงโทษจำคุกต่ำกว่า 3 ปีไม่ได้ในแต่ละกระทง เมื่อโทษสูงเช่นนี้ก็มีแนวโน้มที่จำเลยจะหลบหนี และมักหลบหนี

ซึ่งมันก็พันกันเป็นงูกินหาง เมื่อโทษสูง และมีแนวโน้มว่าศาลไม่ให้ประกัน ถ้าจำเลยหนีได้ก็หนี หนีไม่ได้ก็ต้องรับสารภาพ เพื่อเร่งให้คดีจบๆ จะได้ขอพระราชทานอภัยโทษ ผลก็คือคำพิพากษาที่ออกมา มักสิ้นสุดแค่ศาลชั้นต้น ไม่มีคำพิพากษาที่เป็นบรรทัดฐานจริงๆ ว่า การกระทำอย่างนั้น คำพูดอย่างนี้ เป็นการ "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" จริงหรือไม่ มาตรฐานของการดำเนินคดี 112 ก็ยิ่งคลุมเครือขึ้นไปอีก

คำถามสุดท้ายคือ เมื่อคดีอากงสิ้นสุดลงด้วยความตายของจำเลย ผลสะเทือนที่เกิดขึ้นจะนำไปสู่อะไร

1.อยู่เฉยๆ ไม่เห็นเป็นไร สื่อทั่วโลกก็ตีข่าวไป สื่อไทยไม่ได้สนใจลงข่าว ใครวิพากษ์วิจารณ์ในเฟซบุคก็ Let It Be (ปากไม่ดีก็เล่นงานอีก)

2.ผู้จงรักภักดีที่มองการณ์ไกล ออกมาเป็นตัวกลางเสนอให้แก้ไขปัญหาบางประการ เช่น แก้ไขกฎหมายที่ไม่ใช่แก้ตามข้อเสนอนิติราษฎร์ แต่แก้เพื่อลดข้อวิพากษ์วิจารณ์ลงระดับหนึ่ง สมมติเช่น ลดโทษจำคุกเหลือไม่เกิน 7 ปี (เหมือนก่อน 6 ตุลาคม 2519) และให้มีหน่วยงานกลางวินิจฉัยการแจ้งความกล่าวโทษก่อนดำเนินคดี นอกจากนี้ อาจรวมถึงเร่งรัดให้มีการประกันตัว หรือเร่งกระบวนการขอพระราชทานอภัยโทษสำหรับผู้ที่คดีถึงที่สุดแล้ว

ข้อสองเป็นการมองโลกในแง่ดีสุดๆ คือถึงไม่สามารถแก้ไขปัญหาในเชิงหลักการ แต่ถ้ามันสามารถประนีประนอมไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสันติในระยะเฉพาะหน้า ผมก็ยอมรับได้ กลัวแต่จะเป็นข้อหนึ่งสิครับ นี่คือเรื่องที่ต้อง "วัดใจ" กัน และต้องวัดพลังว่าพวกผู้จงรักภักดีที่คิดสั้น กับผู้จงรักภักดีที่มองการณ์ไกล อย่างอานันท์ ปันยารชุน หรือราชนิกูลที่เคยเสนอแก้ 112 ใครจะมีพลังผลักดันมากกว่า

สิ่งที่น่ากลัวคือกลัวจะเป็นอย่างที่ อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ วิเคราะห์ไว้ในบทความเรื่อง "สัมพันธภาพเชิงอำนาจ กับความรุนแรง" ว่าพวก "สถาบันเชิงเครือข่าย" ยอมรับไม่ได้กับข้อเสนอของนิติราษฎร์ ไม่ใช่เพราะตัวเนื้อหา "คณะนิติราษฎร์เสนออะไรก็ไม่สำคัญ แต่ท่าทีของคณะนิติราษฎร์ที่กล้าเสนอต่างหากที่สำคัญกว่า"

พูดง่ายๆ คือพวกอนุรักษ์นิยมสุดขั้วมักคิดว่า "ถ้าไม่เรียกร้อง ก็อาจให้ด้วยความกรุณา เหมือนหยาดฝนหลั่งมาเอง แต่ถ้ามาเรียกร้อง แล้วยอมให้ ก็แปลว่ายอมแพ้แรงกดดัน ฉะนั้นยอมไม่ได้"

ถ้าคิดแบบนี้ก็จะหลีกเลี่ยงแรงกดดันไม่พ้น มีแต่จะถาโถมหนักหน่วงขึ้นทุกที

                                                                                     ใบตองแห้ง
                                                                                       9 พ.ค.55



ป.ล.ที่จริงคดีกำนันเป๊าะเป็นคดีพิสดาร เพราะถึงที่สุดแล้วไม่สามารถหาตัวได้ว่าใครเป็นมือปืนฆ่ากำนันยูร แต่มีมือปืนอีกทีม แอ่นอกมารับสารภาพกับตำรวจ ว่ากำนันเป๊าะ กับ สท.เหี่ยว จ้างวานฆ่ากำนันยูร แต่วางแผนฆ่าตั้ง 4 ครั้งไม่สำเร็จ รวมทั้งที่งานแต่งงานซึ่งกำนันยูรถูกฆ่าจริง ก็วางแผนไว้แต่แผนรั่วกำนันเป๊าะสั่งระงับ

ศาลชี้ว่าแม้ความผิดยังไม่เกิด แต่จำเลยก็มีความผิดฐานจ้างวาน ส่วนที่จำเลยอ้างว่า หัวหน้าพนักงานสอบสวนคือ พล.ต.ต.ภานุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบช.ก.(ยศตำแหน่งขณะนั้น) ให้ตำรวจกองปราบอุ้มพยาน (มือปืนที่ไม่ได้ยิงปืน) ไปซ้อมเพื่อให้ปรักปรำโดยหวังเลื่อนตำแหน่งนั้น ศาลเห็นว่าฟังไม่ขึ้น

ส่วนคดีวัฒนา "เจ้าพ่อปากน้ำ" เคยร่วมกับ สุรเกียรติ์ เสถียรไทย, พินิจ จารุสมบัติ, พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก และไพโรจน์ สุวรรณฉวี ตั้งพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่ "ชนชั้นนำ" ฝากความหวังว่าจะช่วยหยุดทักษิณและพรรคพลังประชาชนในภาคกลางและภาคอีสาน แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ จำต้องกลับลำร่วมรัฐบาล กระนั้น ระหว่างพิจารณาคดี มั่น พัธโนทัย รมว.ไอซีที (ในรัฐบาลสมัคร) ก็ให้การต่อศาลเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2551 ว่าวัฒนาถูกทักษิณใช้อำนาจทางการเมืองกลั่นแกล้ง เช่นเดียวกับกำนันเซี๊ยะ (ประชา โพธิพิพิธ) และกำนันเป๊าะ เพื่อบีบให้รวมกับพรรคไทยรักไทย แต่ศาลชี้ว่า "แม้อาจมีมูลความจริงอยู่บ้าง แต่เหตุดังกล่าวก็เกิดจากที่จำเลยมีจุดอ่อนให้การเมืองเข้ามาสอดแทรกได้ ข้อต่อสู้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น"

ผีดำ1

ตอนอากงไม่ตาย ทำไม่พวกคุณๆๆๆๆๆๆๆๆๆเฉยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆกันหละไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นหรือประท้วงหรือเรียกร้องให้มากกว่านี้ ยังมีอีกหลายคนหลายคดีถ้าเชื่อว่าเขาไม่ผิดคุณๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆไม่ไปรับรองเรียกร้องแทนเขาเสียเดี๋ยวนี้ก่อนเขาจะตายแบบอากง มาวิจารณ์กันมันนิตอนนี้

http://www.prachatai.com

ไขความจริงอีกครึ่ง ไล่ลำดับการประกันตัว 'อากง' ตั้งแต่ต้นจนจบ

วันนี้ (9 พ.ค.55)

เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์รายงานกรณีอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ชี้แจงเกี่ยวกับ "อากง" หรือนายอำพล ผู้ต้องขังส่งเอสเอ็มเอสหมิ่นเบื้องสูง หลังมีความเคลื่อนไหวชูป้ายทวงถามว่า "ใครฆ่าอากง" ระบุ คดีถึงที่สุดแล้ว เหตุจำเลยถอนอุทธรณ์เพื่อขอถวายฎีกา จึงไม่อาจยื่นประกันได้ แนะอัยการยื่นไต่สวนชันสูตรศพ

โดยทีมข่าวอาชญากรรม ไทยรัฐออนไลน์รายงานคำชี้แจงของนายทวี ประจวบลาภ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาว่า คดีนี้ศาลอาญามีคำพิพากษาไปแล้ว จำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ จำเลยได้ยื่นประกันตัวชั้นศาลอุทธรณ์ ศาลอาญาส่งคำร้องขอประกันตัวให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาสั่ง แต่ระหว่างการพิจารณาชั้นอุทธรณ์ดังกล่าว จำเลยได้ขอถอนอุทธรณ์ประมาณเดือนมีนาคม 2555 โดยตนทราบจากข่าวว่า จำเลยโดยทนายความประสงค์จะใช้สิทธิ์ยื่นถวายฎีกาเพราะจะถวายได้ต่อเมื่อคดีต้องถึงที่สุด ดังนั้น เมื่อคดีถึงที่สุด ก็ไม่อาจยื่นประกันตัวอีกได้ ถึงยื่นประกันก็คงไม่ได้ประกันเนื่องจากคดีไม่ได้ค้างพิจารณาอยู่ในศาลยุติธรรม

อธิบดีศาลอาญา กล่าวว่า ดังนั้น ตัวนายอำพลจึงอยู่ในการควบคุมของราชทัณฑ์ ซึ่งมีการรักษาพยาบาลของเขาอยู่แล้ว หากจะนำตัวมารักษาข้างนอกก็อาจทำได้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้ควบคุม ต่อมาเมื่อนายอำพลเสียชีวิตไม่ว่าด้วยสาเหตุใด ก็ถือว่าตายในระหว่างการควบคุมของเจ้าพนักงาน ซึ่งกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 150-156 กำหนดให้อัยการยื่นคำร้องไต่สวนชันสูตรพลิกศพ เพื่อหาสาเหตุการตาย ซึ่งอาจจะมีการพิจารณาคดีนี้ในศาลอาญาอีกครั้ง.



คำชี้แจงจากทนายจำเลย

ด้านพูนสุข พูนสุขเจริญ ทนายจำเลยได้ชี้แจงเรื่องนี้ในเฟซบุ๊คส่วนตัวระบุว่า "ทนายความจำเลยขอชี้แจงเพิ่มเติมว่าในการขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นอุทธรณ์ซึ่งเป็นสองครั้งสุดท้ายก่อนมีการขอถอนอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2555 นั้น

1.ทนายความได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวไปยังศาลอาญา ศาลอาญาให้ส่งเรื่องไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพร้อมกับอุทธรณ์เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2555 ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2555 "พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีกับพยานหลักฐานที่ศาล ชั้นต้นได้พิจารณาแล้วนับว่าร้ายแรง ประกอบกับข้อที่จำเลยอุทธรณ์โต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้น ยังไม่มีเหตุให้เชื่อว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิด หากให้ปล่อยตัวชั่วคราวไม่น่าเชื่อว่าจำเลยจะไม่หลบหนี และที่จำเลยอ้างเหตุความเจ็บป่วยไม่ปรากฏว่าถึงขนาดจะเป็นอันตรายแก่ชีวิต ได้ ทั้งทางราชการก็มีโรงพยาบาลที่จะรองรับให้การรักษาจำเลยได้อยู่แล้ว จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ ให้ยกคำร้องและแจ้งเหตุการไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวให้จำเลยและผู้ขอประกัน ทราบโดยเร็วรายละเอียดปรากฏตาม "http://www.prachatai3.info/journal/2012/02/39377

2.ต่อจากนั้นทนายความได้ยื่นเรื่องอุทธรณ์ขอปล่อยตัวชั่วคราวไปยังศาลฎีกา ศาลฎีกามีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2555 "พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี และเหตุผลแห่งคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นแล้ว เห็นว่า เป็นเรื่องร้ายแรงประกอบกับศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยถึง 20 ปี หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเชื่อว่าจำเลยจะหลบหนี ส่วนที่จำเลยอ้างความป่วยเจ็บนั้นเห็นว่า จำเลยมีสิทธิที่จะได้รับการรักษาพยาบาลโดยหน่วยงานของรัฐอยู่แล้ว จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวชอบแล้ว ยกคำร้อง" รายละเอียดปรากฏตาม http://www.flickr.com/photos/78114750@N07/7158608810/

นับแต่วันฟ้องคดี 18 มกราคม 2555 จนถึงวันที่ขอถอนอุทธรณ์วันที่ 3 เมษายน 2555 รวมศาลชั้นต้นยกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวจำนวน 4 ครั้ง ศาลอุทธรณ์ยกคำร้องจำนวน 3 ครั้ง และศาลฎีกายกคำร้องจำนวน 1 ครั้ง

จำเลยยื่นอุทธรณ์ด้วยความหวังว่าจะได้รับการปล่อยตัวระหว่างพิจารณาคดี แต่เมื่อไม่ได้รับสิทธิดังกล่าวทำให้จำเลยต้องต่อสู้คดีในเรือนจำเป็นระยะเวลานานประกอบกับมีปัญหาสุขภาพ จำเลยจึงใช้สิทธิถอนอุทธรณ์และเตรียมขอพระราชทานอภัยโทษ เพื่อให้ได้รับอิสรภาพโดยเร็วที่สุด

ประเด็นที่อธิบดีศาลพยายามชี้แจงคือ ณ ห้วงเวลาที่อากงเจ็บป่วยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จำเลยไม่มีสิทธิยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวต่อศาลแล้ว เป็นหน้าที่ราชทัณฑ์ แต่คำถามคือ แล้วการยื่นคำร้องขอปล่อยตัว ทั้งแปดครั้งที่ผ่านมาศาลไม่มีโอกาสในการสั่งอนุญาตหรือ พฤติการณ์ใดของจำเลยที่แสดงว่าจำเลยจะหลบหนีหรือ ในเมื่อวันที่สั่งฟ้องจำเลยเดินไปศาล ยุติ ธรรมด้วยตนเอง

หรือแม้กระทั่งไม่มีเหตุความเจ็บป่วย หลักการคือต้องให้จำเลยประกันเป็นหลัก การไม่อนุญาตให้ประกันเป็นข้อยกเว้นมิใช่หรือ หรือเราเรียนกฎหมายมาคนละตำรากับศาล นักกฎหมายท่านไหนมีความเห็นต่างเชิญแลกเปลี่ยนได้ค่ะ"



คำชี้แจงจากนักวิชาการที่ใช้ตำแหน่งประกันตัวให้อากง

นอกจากนี้พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ หนึ่งในนักวิชาการที่ยื่นประกันตัวอากงโพสต์ในเฟซบุ๊คว่า "....... ขอชี้แจงข้อมูลอย่างละเอียดอีกที วันที่ 20 ก.พ.นักวิชาการ 7 คนยื่นขอประกันอากงต่อศาลอุทธรณ์ (เป็นครั้งที่ 7) วันที่ 23 ก.พ.ศาลไม่ให้ประกัน, วันที่ 8 มี.ค.ยื่นอีกครั้งต่อศาลฎีกาโดยใช้ชื่อนักวิชาการกลุ่มเดิม ครั้งที่ 8 , 13 มี.ค.ศาลฎีกามีคำสั่่งปฏิเสธอีกเช่นเคย เรื่องขออภัยโทษเกิดขึ้นหลังจากการประกันสิ้นสุดแล้ว ไม่เกี่ยวกันเลย วันที่ไปยื่นขอประกันในชั้นศาลอุทธรณ์ ทั้งญาติและทนายก็ยังไม่ตัดสินใจว่าจะขออภัยโทษ เขาทำใจไม่ได้ที่จะต้องรับผิดกับสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ นอกจากนี้ ถ้าอ่านข่าวที่มากับข่าวการเสียชีวิตของอากง ทนายอานนท์ก็บอกแล้วว่า ยังไม่ได้ยื่นเรื่องขออภัยโทษเลย.."

ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับยื่นคำร้องของประกันตัวของนายอำพลคือ เขาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวทั้งระหว่างพิจารณาคดีในศาลชั้นต้น และระหว่างอุทธรณ์รวมทั้งสิ้น 4 ครั้ง และได้อุทธรณ์คำสั่งไม่ให้ประกันตัว 3 ครั้ง และในการยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ วันที่ 23 ก.พ. ในการขอประกันตัวชั้นอุทธรณ์ครั้งแรกโดยในครั้งนี้ใช้ตำแหน่งของนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยต่างๆ รวม 7 คน ศาลอุทธรณ์ระบุเหตุผลในการยกคำร้องว่า

"พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีกับพยานหลักฐานที่ศาล ชั้นต้นได้พิจารณาแล้วนับว่าร้ายแรง ประกอบกับข้อที่จำเลยอุทธรณ์โต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้น ยังไม่มีเหตุให้เชื่อว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิด หากให้ปล่อยตัวชั่วคราวไม่น่าเชื่อว่าจำเลยจะไม่หลบหนี และที่จำเลยอ้างเหตุความเจ็บป่วยไม่ปรากฏว่าถึงขนาดจะเป็นอันตรายแก่ชีวิต ได้ ทั้งทางราชการก็มีโรงพยาบาลที่จะรองรับให้การรักษาจำเลยได้อยู่แล้ว จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ ให้ยกคำร้องและแจ้งเหตุการณ์ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวให้จำเลยและผู้ขอประกัน ทราบโดยเร็ว"

http://www.prachatai.com/journal/2012/02/39377

จากนั้นทนายได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวต่อศาลฎีกาในวันที่ 8 มี.ค.โดยนักวิชาการกลุ่มเดิมเป็นผู้ยื่นประกัน ซึ่งต่อมาศาลฎีกาได้คำวินิจฉัยในวันที่ 15 มี.ค. ไม่ให้ประกันอากง โดยระบุเหตุผลว่า "พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี และเหตุผลแห่งคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นแล้ว เห็นว่า เป็นเรื่องร้ายแรงประกอบกับศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยถึง 20 ปี หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเชื่อว่าจำเลยจะหลบหนี ส่วนที่จำเลยอ้างความป่วยเจ็บนั้นเห็นว่า จำเลยมีสิทธิที่จะได้รับการรักษาพยาบาลโดยหน่วยงานของรัฐอยู่แล้ว จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวชอบแล้ว ยกคำร้อง"

http://prachatai.com/journal/2012/03/39683

ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 119 ทวิ นั้นระบุว่าแม้คำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวจะถูกยกไป และแม้เมื่ออุทธรณ์หรือฎีกาคำร้องแล้วศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา(แล้วแต่กรณี)จะไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว แต่ก็ไม่ตัดสิทธิที่จะร้องใหม่



"อากง" เคยได้ประกัน ชั้นสอบสวน

อย่างไรก็ดี ข้อเท็จจริงเรื่องการประกันตัวของอากงยังมีมากกว่านั้นอีก นั่นคือ อากงเคยได้ประกันตัวในชั้นสอบสวน เป็นอิสระช่วงสั้นๆ ประมาณ 3 เดือนก่อนติดคุกยาวในชั้นพิจารณาคดี 

หลังถูกจับกุมเมื่อวันที่ 3 ส.ค.53  เขาถูกคุมตัวในเรือนจำนวน 63 วัน ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว

จากนั้นในวันที่ 29 ก.ย.53 ทนายความยื่นประกันตัวครั้งที่สอง โดยใช้ที่ดินของญาติเป็นหลักทรัพย์ และเมื่อวันที่ 4 ต.ค.53 ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ประกันตัว โดยให้เหตุผลว่า หลักประกันน่าเชื่อถือได้ว่าจำเลยจะไม่หลบหนี

หลังจากนั้น ในวันที่ 18 ม.ค. 54  อัยการมีคำสั่งฟ้องนายอำพลเป็นจำเลยในคดีที่มีการส่งข้อความหมิ่นเบื้องสูง ไปยังนายกรัฐมนตรีและบุคคลสำคัญ มีความผิดตามมาตรา 14 (2), (3) ตามพ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวตเตอร์ฯ และมาตรา 112 ตามประมวลกฎหมายอาญา ในวันนั้นจำเลยเดินทางมาศาลตามนัดหมาย และถูกควบคุมตัวอีกครั้งโดยศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว ให้เหตุผลว่า

"ข้อเท็จจริงตามข้อหาการกระทำความผิดตามฟ้องกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนและ ความมั่นคงของประเทศอย่างร้ายแรง คดีอยู่ในชั้นพิจารณา หากผลการพิจารณาสืบพยานมีหลักฐานมั่นคงจำเลยอาจหลบหนี ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว"

เรื่องนี้ "ช็อค" เจ้าตัวและครอบครัวที่มารอฟังผลในวันนั้นอย่างมาก (อ่านเรื่องราวในวันดังกล่าวและสภาพครอบครัวได้ในรายงาน http://prachatai.com/journal/2011/01/32687)

แม้แต่เจ้าหน้าที่ของ ปอท. (กองบังคับการปรามปราบการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำคดีอากงเองก็เคยเอ่ยปากในการพูดคุยกับนักวิจัยเกี่ยวกับกฎหมายนี้ว่า เป็นกรณีที่เขาเองก็งง เพราะเคยได้รับการประกันตัวมาแล้ว และเมื่อมีการนัดหมายในคดีก็มาโดยปกติ ดูอย่างไรก็ไม่น่าจะหลบหนี

จากการพูดคุยกับผู้ต้องขังคดีเดียวกันที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำเดียวกับอากง เขาให้ข้อมูลในช่วงเวลานั้นว่า การเข้าคุกเป็นครั้งที่สองสร้างผลกระทบด้านจิตใจให้อากงอย่างมาก และเขานอนร้องไห้อยู่หลายคืนกว่าจะเริ่มปรับตัวได้อีกครั้ง ท่ามกลางการดูแลของเพื่อนนักโทษที่เห็นใจในชะตากรรม โดยเฉพาะเพื่อนคนสนิท ธันย์ฐวุฒิ (ขอสงวนนามสกุล) ผู้ต้องขังคดีหมิ่นฯ ในข้อหาเป็นเว็บมาสเตอร์เว็บไซต์ นปช.ยูเอสเอ ซึ่งถูกตัดสินจำคุก 13 ปี และในภายหลังได้ขอถอนอุทธรณ์และเตรียมขอพระราชทานอภัยโทษเช่นเดียวกับอากง



อ่านรายละเอียดคดี "อากง" http://freedom.ilaw.or.th/th/case/21

อ่านรายละเอียดคดี "ธันย์ฐวุฒิ" http://freedom.ilaw.or.th/th/case/19



=========================

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 119 ทวิ ในกรณีที่ศาลสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ผู้ร้องขอมีสิทธิยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ ดังต่อไปนี้

(1) คำสั่งของศาลชั้นต้น ให้อุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์

(2) คำสั่งของศาลอุทธรณ์ ให้อุทธรณ์ไปยังศาลฎีกา

ให้ศาลชั้นต้นที่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งรีบส่งคำร้องดังกล่าวพร้อมด้วยสำนวนความ หรือสำเนาสำนวนความเท่าที่จำเป็นไปยังศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา แล้วแต่กรณี เพื่อพิจารณาและมีคำสั่งโดยเร็ว

คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวยืนตามศาลชั้นต้นให้เป็นที่สุด แต่ทั้งนี้ ไม่ตัดสิทธิที่จะยื่นคำร้องให้ปล่อยชั่วคราวใหม่


โทรศัพท์มือถือหลายรุ่น สามารถเปลี่ยนเลขอี่มี่ได้ง่ายดายโดยใช้ชอฟแวร์ที่ช่างซ่อมมือถือมีใช้อยู่ทั่วไป จะเปลี่ยนเลขอี่มี่เป็นของใครอะไรก็ได้ เปลี่ยนกลับไปกลับมากี่ครั้งก็ได้ เลขอีมี่จะโชว์ที่ศูนย์เครือข่ายตามที่เปลี่ยน ใช้เวลาเปลี่ยนเลขอี่มี่ไม่ถึงนาที


เณรเทือง

อ้างจาก: Sealand เมื่อ 22:53 น.  09 พ.ค 55
ชายคนหนึ่งต้องจ่ายค่าอีเอ็มเอสด้วยชีวิต

ชายคนหนึ่งต้องจ่ายค่าอีเอ็มเอสด้วยชีวิต
อีเอมเอส มันไปรษณีย์น่ะมั่วป่าววววว

เณรเทือง

สำหรับผู้ที่นำภาพอันคิดว่าสุดน่ารักของนายอำพลกับครอบครัวตัวน้อยหรือที่ท่านเรียกว่าคุณปู่ (อากง)
เพื่อเพิ่มความหดหู่และน่าเห็นใจให้กับปู่ของท่าน โปรดลงทะเบียนเปิดหน้ามาคุยกันเถิด เรื่องนี้มันต้องคุยกันยาว
ถ้าผมจะพูดบ้างก็ไม่ต้องมาด่านะว่า "ไม่โดนเข้ากับตัวเองบ้างก็ไม่รู้สึกหรอก" เพราะยังไงๆก็ไม่โดนอยู่แล้ว
ผมขอเตือนสติท่านที่วิพากย์วิจารณ์ให้กลับไปดูพฤติการณ์แห่งคดีที่เป็นข้อเท็จจริงที่นำไปสู่การตัดสินของศาลชั้นต้น
คุณทั้งหลายต้องไปช่วยปู่ของคุณในตอนนั้น
เมื่อศาลตัดสินว่าผิดจริงจำคุก 20 ปี ควรมั่นใจและเคารพในกระบวนการ อันที่จริงตามแบบโบราณคือผิดจริงแล้ว
กระบวนการอื่นๆเป็นเพียงการให้โอกาสทางการยุติธรรมซึ่งถูกคิดค้นขึ้นใหม่ เมื่อไม่ได้รับ ก็ไม่ใช่ว่าไม่ยุติธรรมนะครับ
ทั้งนี้คนไทยอีกกว่าเจ็ดสิบล้านไม่มีปัญหานี้
อนึ่งผู้ที่มีตระกูลดั้งเดิมเป็นคนต่างชาติไม่มีส่วนร่วมทางประวัติศาสตร์แห่งชาติไทย ข้ามน้ำข้ามทะเลมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารแบบเสื่อผืนหมอนใบ ควรสอนลูกหลานอย่างมีระเบียบให้สำนึกบ้าง อย่าอ้างสิทธิอย่างเดียว เพราะการเกิดขึ้นเป็นประเทศไทยกับการเกิดขึ้นเป็นสหรัฐอเมริกามันไม่เหมือนกัน

mix99

จีนแผ่นดินใหญ่  เปิดประเทศให้ทุนนิยมเข้าประเทศไปบ้างแล้ว
แต่คอมมิวนิสส์เมืองไทย หูหนา ตาแตก ใช้วาจาแปลก ร่ำร้องเรียกหา ประชาธิปไตย  บ้าหรือเปล่า มันต้องโหยหาเผด็จการอำนาจซิ.
คนที่ตายในคุกรายต่อไป ต้องเป็นสุรชัย ลูกๆหลานๆเตรียมไว้ได้เลย.
ม.เท่าไรก็ไม่มีปัญญาเมื่อเราทำตัวเป็นประชาชนที่ดี  ไม่ปลุกระดม แค่เงินตบหัว  ไม่บอกคนเผาบ้านเผาเมืองเพื่อให้ตนเองใหญ่ขึ้น
แลเดินเข้าเสวยสุขบนซากศพที่เคยบอกเขาว่า ล้มล้างพวกอำมาตย์(ที่ไม่ใช่พวกกู).... นี่ไง สันดานคนสัปปรับ กลับกลอก..