ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ระบบเตือนภัยจากการก่อความไม่สงบ เมืองหาดใหญ่

เริ่มโดย oklpppp, 05:15 น. 22 พ.ค 55

oklpppp

ระบบเตือนภัยจากการก่อความไม่สงบ เมืองหาดใหญ่
ข้อมูลจาก

http://naru222.exteen.com/20120428/entry


1559 นายกไพร หน่วยความมั่นคง ศอบต. ฯลฯ ลองพิจารณาดูว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ อย่างน้อยในตอนนี้เราคงต้องสร้างระบบอะไรก็ได้สักอย่างเพื่อรับมือกับปัญหา เพราะความไม่สงบมันเสียหายร้ายแรงกว่าน้ำท่วมหลายสิบเท่า



oklpppp

1.บทคัดย่อ (abstract)
[attach=1]
ระบบการเตือนภัยจากน้ำท่วมเมืองหาดใหญ่ เป็นระบบ "ข้อมูลแบบรวมศูนย์" ที่มีประสิทธิภาพสูง


ระบบเตือนภัยจากน้ำท่วมเมืองหาดใหญ่ เป็นระบบการเตือนภัยแบบ "ข้อมูลรวมศูนย์" ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงมาก และสามารถลดความสูญเสีย ทางด้านชีวิต และทรัพย์สินได้อย่างมหาศาล แต่ทว่าภัยคุกคามต่อเมืองหาดใหญ่ ไม่ได้มีแต่เฉพาะ ภัยจากน้ำท่วมเพียงอย่างเดียว แต่ทว่ายังมี ภัยคุกคามจาก "การก่อความไม่สงบ" ซึ่งลามมาจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีความรุนแรงกว่ามาก ทางเทศบาลนครหาดใหญ่ น่าจะปรับปรุง รูปแบบการเตือนภัยจากน้ำท่วม มาพัฒนาต่อยอด เป็น ระบบการเตือนภัยจากการก่อความไม่สงบ เพราะประชาชนชาวหาดใหญ่ "คุ้นเคย" กับระบบการเตือนภัยแบบนี้ดีอยู่แล้ว


และจากเหตุการณ์คาร์บอมที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 31/03/55 ทางเทศบาล ควรมี มาตรการ อะไรก็ได้ สักอย่าง เพื่อเอาไปบอกกับ นักท่องเที่ยว นักลงทุน และประชาชน เพื่อสร้างความมั่นอกมั่นใจ ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก และผู้เขียนเห็นว่า "ระบบการเตือนภัยจากการก่อความไม่สงบ" ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก "ระบบการเตือนภัยน้ำท่วม" เป็นรูปแบบที่ง่าย ลงทุนน้อย แต่ทว่า มีประสิทธิภาพสูง








2.บริบทของเหตุการณ์
[attach=2]
เหตุการณ์ระเบิดที่โรงแรมลีการ์เด้น และระเบิดที่ยะลา กับปัตตานี เมื่อวันที่ 31/03/55




เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2012  เกิดระเบิด ที่หาดใหญ่ ยะลา และ ปัตตานี  มีผู้เสียชีวีตรวม 15 คน และได้รับ บาดเจ็บจำนวนมาก  ซึ่งกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก สร้างผลกระทบต่อการท่องเที่ยว และการลงทุนเป็นอย่างมาก

แต่ทว่า  สิ่งที่น่ากลัวกลับไม่ใช่ตัวระเบิดคาร์บอม    หากแต่เป็น "เจตนาของคนร้าย" ต่างหาก ที่ต้องการสังหารประชาชนจำนวนมาก   ดังนั้น การวางระเบิดโรงแรม ลีการ์เด้นส์  "ในเวลาเที่ยง"  ในตอนที่มีการจัดกิจกรรมค้นหาดาราหน้าใหม่ของทางช่อง 3 ซึ่งล้วนแต่มีมีเด็ก และเยาวชน  รวมถึงผู้ปกครองจำนวนมาก 

อีกทั้งยังมีงานสัมมนา และมินิคอนเสิร์ทของกระแต และกระต่าย จากค่ายอาร์สยาม  สรุปแล้ว มีผู้คนอาศัยอยู่ในตึก นับพันคน  แต่คนร้ายก็เลือกวางระเบิด ในช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อหวังให้เกิดการเสียชีวิตจำนวนมาก  นี้คือ "เจตนา" ที่น่ากลัวของคนร้าย   เพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเมืองคือ การก่อตั้งรัฐปัตตานี (ประเทศอิสระ)  โดยใช้การบิดเบือนศาสนาเป็นเครื่องมือในการสนับสนุนแนวคิด 





3.ใครเป็นใครในปัญหาการก่อความไม่สงบ
[attach=3]
ข้อความที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ทิ้งเอาไว้ ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายทางการเมืองสูงสุดของพวกเขา  ซึ่งเป็นชุดความคิดโบราณ ล้าสมัย ที่ถูกบอกกล่าวจากรุ่นสู่ร่น



คนไทยจำนวนมาก มักมีทัศนคติที่ไม่ดีเกี่ยวกับชาวมุสลิม  อาจจะเป็นเพราะอิทธิพลของสื่อตะวันตก  แต่ถ้าหากจะลอง  "ละทิ้งอคติ"  ออกไปก่อนแล้วมองดูดีๆว่า  คนกลุ่มไหนกันแน่  ที่มีปัญหา   เราก็จะเริ่มมองเห็นว่า ชาวมุสลิม ที่คิดว่าตัวเองเป็นคนไทย  คนกลุ่มนี้ ไม่มีปัญหาเลย  แต่คนกลุ่มที่มีปัญหาจริงๆ คือกลุ่มคนที่มีแนวคิดการสร้างรัฐปัตตานี (ประเทศอิสระ)



พวกเขาต้องการเอกราช โดยไม่เลือกวิธีการ และมักมีการบิดเบือนหลักศาสนา เพื่อสร้างความชอบธรรม ให้กับการกระทำความเลวร้ายของตัวเอง  ช่วงแรกๆ ก็มีอุดมการณ์ดี  แต่พอหลังๆ  ฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบเริ่มสูญเสีย  สูญเสียเพื่อน สูญเสียพี่ สูญเสียญาติ  หลังๆมาเลยกลายเป็นการแก้แค้น ทั้งการแก้แค้นเจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนทั่วไป  แทรกด้วยเรื่องผลประโยชน์ผิดกฎหมาย  ทั้งจากเจ้าหน้าที่รัฐบางกลุ่ม และผู้ค้าของผิดกฎหมาย  ผสมปนแปกันมั่วไปหมด

เพราะฉะนั้นจากข้อความที่ผู้ก่อความไม่สงบทิ้งเอาไว้ "ไทยจงพินาศ ปัตตานีกู้เอกราช"  จึงไม่ใช้ปัญหาความขัดแย้งกันทางด้านศาสนา  เป็นเป็นความขัดแย้งทางแนวคิดด้านการเมืองโดยแท้

oklpppp

4.ความคิดที่ต่างกัน คือ คืนต้นเหตุแห่งความรุนแรง
[attach=1]
รูปการรวมตัวของอาเซียน เป็นชุดความคิดที่ใหม่กว่า ทันสมัยกว่า เป็นกรอบความคิดทางการเมืองที่ใหญ่กว่า ซึ่งแนวคิดของอาเซียน เป็นการย่อยสลายเส้นพรมแดน หลักคิดเดียวกับ สหภาพยุโรป (มี 27 ประเทศ มารวมตัวกัน) และ สหรัฐอเมริกา (มี 50 ประเทศ มารวมกันเป็นประเทศเดียว) อเมริกา กับยุโรป ก้าวข้ามชุดความคิดโบราณไปหมดแล้ว แต่ดูเหมือน ผู้ก่อความไม่สงบ ก็ยังวนเวียนอยู่ในกรอบความคิดโบราณอยู่ต่อไป ถ้าจะแก้ไขความคิดเรื่องนี้ ต้องให้ประชาชน ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ของไทย และภาคเหนือของมาเลเซีย โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ เข้าใจ เกี่ยวกับอาเซียน ให้ดีพอ





4.1 แนวคิดทางการเมือง "รัฐไทย" ปะทะ แนวคิด "รัฐมาลายู"

เจ้าหน้าที่จากรัฐบาลไทย หรือคนที่ถูกปลูกฝังเรื่องรัฐไทย  จะบอกว่า "แผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย  จะแบ่งแยกมิได้"  ส่วนคนที่ชายแดน 3 จังหวัด ที่คนส่วนใหญ่พูดภาษามาลายู และนับถือศาสนาอิสลาม บอกว่า ในอดีตเขาเป็นประเทศอิสระ และพูดภาษายาวี  (ภาษาตระกูลเดียวกับ บาฮาซ่า ของอินโดนีเซีย และมาเลเซีย)  และผู้ก่อความไม่สงบบอกว่า รัฐไทยกำลังล้างสมองเยาวชนของเขาให้กลายเป็นคนไทย  ดังนั้นจึงต้องทำการต่อต้าน








4.2 พื้นที่ต่อเนื่องสนับสนุนแนวคิดรัฐมาลายู

4.2.1 กลุ่มชาติพันธุ์คนมาลายู  หรือกลุ่มคนที่พูดภาษาตระกูลบาฮาซ่า คือตั้งแต่อินโดนีเซีย มาเลเซีย บรูไน ภาคใต้ของไทย และภาคใต้ของฟิลิปปินส์  คือยังมีคนที่มีแนวคิดที่จะสร้างมหาอาณาจักร ที่จะรวมรวมคนที่พูดภาษาตระกูลบาฮาซ่า เข้าไว้ด้วยกัน แต่แนวคิดนี้ก็เริ่มอ่อนแรงลงแล้วหลังยุคซูฮาโต้



4.2.2 ส่วนอีกพื้นที่หนึ่ง คือตอนเหนือของมาเลเซีย เรียกว่า เป็นพื้นที่สนับสนุนการก่อความไม่สงบ  จะมีการเผยแพร่ความคิดว่า  "พี่น้องชนชาติมาลายู ถูกเจ้าหน้าที่ "ซิเย" หรือ เจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยรังแก"  เช่นกรณี การแจกจายซีดีเหตุการณ์กรือแสะ  ตากใบ ถูกแพร่กระจายในทั้ง ชายแดนใต้ และภาคเหนือของมาเลเซีย  ผสมกับข่าวลือ หรือใบปลิว ที่ปลุกระดม ปลุกปั่นบอกว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยรังแกคนมาลายูที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้   ซึ่งพื้นที่ภาคเหนือของมาเลเซีย จะกลายเป็นแหล่งท่อน้ำเลี้ยงของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ได้เป็นอย่างดี



4.2.3 กลุ่มเก่าหาย กลุ่มใหม่เกิด ซึ่ง แน่นอน คนบางส่วนก็เห็นใจผู้ก่อความไม่สงบ คนบางส่วนก็เฉยๆ  คนบางส่วนก็อยากจะช่วย แต่ถ้าลำบากเกินไปก็ขอผ่าน  คนบางส่วนก็เห็นใจให้ที่หลบภัยชั่วคราว  บางคนอาจจะช่วยเรื่องเงินเรื่องทองเล็กๆน้อยๆ  บางส่วนก็เป็นคน 2 สัญชาติ    บางส่วนก็เข้าร่วมปฎิบัติการณ์เลย หรือที่เจ้าหน้าที่ไทยเรียกว่ากลุ่ม RKK    หรือบางคนที่มีแนวคิดเรื่องการสร้างรัฐปัตตานี หรือชนชาติมาลายู  ซึ่งมีหลายกลุ่มมาก  คือพอกลุ่มเก่าหาย กลุ่มใหม่ก็เกิด  คือมันมั่วไปหมด  หรือแค่คนๆเดียว ที่มีความคิดเรื่องรัฐปัตตานี หัดประกอบระเบิดจากอินเตอร์เน็ต ก็สามารถวางระเบิดที่รุนแรงได้แล้ว




4.2.4 กลุ่มก่อความไม่สงบ มีหลายกลุ่ม กลุ่มเก่าหาย  กลุ่มใหม่เกิด คล้ายแผลเรื้อรัง เป็นๆหายๆ และแต่ละกลุ่มขาดเอกภาพ  เลยไม่รู้จะเจรจากับใคร  คือการเกิดขึ้นของกลุ่มใหม่ๆก็เช่น  มีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง 4-5 คน มานั่งกินน้ำชากัน แล้วพูดคุยกันเรื่องอดีตรัฐปัตตานี  อดีตของรัฐปัตตานี พูดเรื่องศาสนาเกี่ยวกับการถูกกดขี่ต้องต่อสู้เสริมเข้าไปจากนั้นก็มีคนหนึ่งพูดเสริมเข้ามาว่า พี่ชายถูกทหารอุ้มไป แล้วหายไปเลย  จากนั้นก็มีคนเสริมอีกว่า ทั้งพี่ชายและน้องชาย ถูกทหารจับขึ้นรถแล้วตายในช่วงถือศีลอดกรณีเหตุการณ์ตากใบ

[attach=2]
เหตุการณ์ตากใบ และเหตุการณ์ทางการเมืองที่กรุงเทพฯ เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุโดยเจ้าหน้าที่รัฐต่อประชาชนเหมือนกัน  แต่กลายเป็นว่า เสื้อแดงได้ 7.5 ล้าน แต่ ประชาชนภาคใต้ได้ 5 แสน  ... จึงกลายเป็นเงื่อนไขใหม่ที่ถูกพูดถึงอยู่ในพื้นที่อยู่ในขณะนี้


จากนั้นก็มีคนเสริมอีก ดูสิเสื้อแดงตายได้ตั้ง 7.5 ล้าน แต่พวกเราตาย ขนาดหมายังไม่แลเลย  เมื่อความเกลียดชังได้ที  ทั้ง5คนก็เริ่มหาวิธีประกอบระเบิดกัน  วิธีประกอบระเบิดหาได้ง่ายในอินเตอร์เน็ต และเป็นระเบิดที่รุนแรงด้วย     โดยกลุ่มนี้ไม่ขึ้นกับกลุ่มเก่าๆที่เรารู้จักกันดีแล้ว เช่น BRN  พลูโล  ฯลฯ    ปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดจาก คนทั้ง 5 คนที่มาคุยกัน รู้สึกว่าตัวเองถูกเลือกปฎิบัติ รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เกลียดชังเจ้าหน้าที่รัฐ เสริมด้วยแนวคิดเก่ารัฐปัตตานี





4.2.5 สรุปแล้วก็คือ   เป็นการปะทะกันทางด้านความคิด    ระหว่าง "ชนชาติไทย" กับ "ชนชาติมาลายู"  ซึ่งเป็นชุดความคิดที่โบราณมาก    และทั้ง รัฐบาลไทย  และรัฐบาลมาเลเซีย ก็ทำอะไร ไม่ได้มาก  เพราะเป็นความคิด  หรือแนวความคิดชุดโบราณ ที่ถูกพูดต่อๆกันมา  ในระดับประชาชนในพื้นที่

[attach=3]
ธงอาเซียน เป็นชุดความคิดทางการเมืองที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่  ถ้าประชาชนในพื้นที่ และกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ เข้าใจอาเซียนดีพอ  ก็จะรู้ว่า การแยกเอกราช และไปอยู่อย่างโดดเดี่ยวนั้น  เป็นกรอบความคิดที่ล้าสมัย และไม่สามารถแข่งขันกับใครได้เลย  ดีไม่ดีแยกไปแล้วก็อาจจะทะเลาะกันเองอีก



ถ้าจะแก้แนวคิดทางการเมือง ก็ต้องใช้แนวคิดทางการเมือง ในกรอบที่ใหญ่กว่า  และ เป็นกรอบที่ทุกคนยอมรับ  นั้นคือ  "ประชาคมอาเซียน"  ถ้า ประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ของไทย และภาคเหนือของมาเลเซีย เข้าใจอาเซียนดีพอ  ประชาชนก็จะเข้าใจว่า "เขตแดน" และ "รัฐชาติ" มันกำลังถูกทำให้จางลง ภายในกรอบของอาเซียน    ดังนั้น รัฐบาลไทย และรัฐบาลมาเลเซีย ต้องให้การศึกษาเกี่ยวกับประชาคมอาเซียน  ให้ประชาชนในพื้นที่เข้าใจ    ส่วนพวกหัวเก่า ที่ถูกปลูกฝังชุดความคิดโบราณ   ก็ต้องให้ค่อยๆหมดไปตามกาลเวลา

oklpppp

5.หาดใหญ่ถูกน้ำท่วม ดีกว่าถูกระเบิด
[attach=1]
น้ำท่วมว่าเสียหายหนักแล้ว แต่ ระเบิดกลับเสียหายหนักกว่าอีก

"เมืองหาดใหญ่ถูกน้ำท่วม ดีกว่าถูกระเบิด" นี้เป็นคำบอกกล่าวของแม่ค้า ประชาชน ผู้ประกอบการ และทุกภาคส่วนฯลฯ ที่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ซึ่งเรื่องภัยจากน้ำท่วม ทางเทศบาลนครหาดใหญ่ มีระบบเตือนภัยเป็นอย่างดี แต่ทว่า ระบบเตือนภัยจากการก่อความไม่สงบ ที่ก่อความเสียหายได้ร้ายแรงกว่า กลับไม่มี (ซะงั้น)





6.ระบบเฝ้าระวังเตือนภัยจากน้ำท่วมเมืองหาดใหญ่

[attach=2]
เว๊ปไซต์เตือนภัยน้ำท่วมเป็นระบบ "ข้อมูลรวมศูนย์" ที่มีประสิทธิภาพสูง


ระบบเฝ้าระวังน้ำท่วมเมืองหาดใหญ่ที่ทางเทศบาลทำ เป็นระบบรวมรวมข้อมูลข่าวสารที่ได้ผลมาก จนสามารถลดความสูญเสียจากน้ำท่วมได้อย่างมหาศาล จนรัฐบาลจากส่วนกลางต้องมาดูงาน และเอาไปพัฒนาต่อยอดในระดับประเทศ แล้วทำไมทางเทศบาลจึงไม่พัฒนาระบบที่เป็นไปในรูปแบบเดียวกันนี้ พัฒนาเป็น "ระบบเฝ้าระวังเตือนภัยจากการก่อความไม่สงบเมืองหาดใหญ่" ละ











7.เทศบาลเรียกร้องให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา ให้กับทางเจ้าหน้าที่ แต่ทางเทศบาลลืมนึกถึงปัญหาอะไรหรือป่าว
[attach=3]
ระบบข้อมูลแบบรวมศูนย์ ที่เป็นระบบเดียวกับระบบเตือนภัยน้ำท่วม เมื่อกดเข้าไปดู จะพบข้อมูลผู้ที่ถูกออกหมายจับ รถยนต์ต้องสงสัย ฯลฯ ส่วน ในรูปจะเป็นระดับการเตือน ธงเหลือง อาจจะหมายถึงให้เฝ้าระวัง อาจจะอยู่ในช่วงเทศกาลสำคัญ หรือวันสำคัญของผู้ก่อความไม่สงบ เว๊ปไซต์แบบนี้จึงทำให้ประชาชนชาวหาดใหญ่เข้าถึงข้อมูลได้อย่างเป็นระบบ




ปัญหาเรื่องนั้นก็คือ ประชาชน ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นต่อการเป็นหูเป็นตาได้ง่ายนัก เพราะข้อมูลมันสับสน ข้อมูลมาจากหลายแหล่ง จากข่าวบ้าง จากใบปลิวบ้าง จากฝ่ายปกครองบ้าง ดังนั้นทางเทศบาลนครหาดใหญ่ ควรเอาข้อมูลพวกนี้ มาจัดระบบ รวบรวมข้อมูล และสร้างระบบติดตาม เช่นเดียวกับระบบเฝ้าระวังเตือนภัยน้ำท่วมเมืองหาดใหญ่ เพราะประชานชนชาวหาดใหญ่ คุ้นเคยกับระบบเตือนภัยน้ำท่วมนี้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว แถมยังได้ทบทวนระบบเตือนภัยน้ำท่วมอย่างน้อยปีละครั้ง เพราะฉะนั้น ระบบเตือนภัยในรูปแบบนี้จึงมีประสิทธิภาพสูง จึงสามารถปรับเอามาใช้เป็น "ระบบเตือนภัยจากการก่อความไม่สงบ" ได้เป็นอย่างดี


oklpppp

8. เราระวังตัวตลอดเวลา 24 ชม. แต่ก็แพ้คนที่จ้องหาโอกาสเวลาเราเผลอ?!?
[attach=1]
ดวงตาคือหน้าตาของหัวใจ เรามาจ้องมองกันเถอะ
เวลาเกิดเหตุการณ์ระเบิด เกิดความสูญเสีย เราก็มักจะได้ยินคำพูดประโยคนี้จากผู้ที่เกี่ยวข้อง "เป็นประจำ" มันเหมือนเป็น "ข้อเท็จ" จริงผสมๆกับ "คำแก้ตัว" หรืออาจจะเป็นคำพูด "ปลอบใจตัวเอง" คิดไปคิดมามันก็ช่างน่าเศร้าซะจริงๆ

แต่เราจะมานั่งเศร้าก็คงจะไม่ได้ เราต้องหาวิธีแก้ทาง โอเค!! "มันจ้องเรา เราก็ต้องจ้องมัน แต่ว่า เรามีหลายคนช่วยกันจ้อง"


บางคนอาจจะงง และอาจจะ ขำอยู่ในใจว่า คนเขียนบทความนี้ "เพี้ยนป่าวฟ๊ะ" ความจริงผู้เขียนไม่ได้เพี้ยนแต่อย่างใด  เพียงแต่ต้องการหาวิธีแก้ทางพวกผู้ก่อความไม่สงบ เราจะต้องรวบรวมข้อมูล เป็นแบบ "ข้อมูลรวมศูนย์" เช่นเดียวกับ ระบบเตือนภัยน้ำท่วมหาดใหญ่ ทำการอับเดทข้อมูล ว่า ใครเป็นใคร ใครถูกจับแล้ว ใครยังไม่ถูกจับ คดีไปถึงไหนแล้ว สร้างให้ผู้ก่อความไม่สงบกลายเป็นคนดังในหมู่ประชาชน ให้ช่วยกันตาม และจำกัดความเครื่องไหวของผู้ก่อความไม่สงบ เรียกว่า "ให้ประชาชน และฝ่ายความมั่นคง ช่วยกันจ้องมองพวกเขา" และสร้างให้ผู้ก่อความไม่สงบกลายเป็น "คนดัง" ให้ได้











9.ถ้าพวกผู้ก่อความไม่สงบอยากเป็นคนดัง เราก็ควร "จัดให้" ไม่ใช่แค่นั้น แถมเรายังจะสร้าง "แฟนคลับ" ให้ด้วย

9.1 พี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์
[attach=2]
"ซูปตาร์" อันดับ 1 ตลอดกาล ของเมืองไทย ที่ใครๆก็รู้จัก ใครๆก็จำได้ ต่อให้ปลอมตัวก็จำได้


พี่เบิร์ด ธงไชย นับว่าเป็นซูปเปอร์สตาร์ อันดับ 1 ของเมืองไทยตลอดการณ์ ไปที่ไหน ใครๆก็รู้จัก ไปที่ไหน ใครๆก็จำได้ เวลาส่วนตัวก็แทบจะไม่มี เพราะแฟนคลับตามกริ๊ด ตามขอลายเซ็นส์ จนจะทำอะไรก็ลำบาก ก็เป็นคนของประชาชนนี้เนอะ ก็คงต้องทำใจกันหน่อย ต่อให้ปลอมตัว ใส่หมวกแก๊ป ใส่หนวด คนก็จำได้ รับรอง!! เฮ้อ... ชีวิตมันชั่งลำบากจริงจริ๊ง!!...








9.2 ผู้ก่อความไม่สงบ อยากจะเป็นคนดังนักใช่มะ ได้เลย เราจะ "จัดให้"
[attach=3]
เป็นคนดัง แค่จะเข้าไปซื้อกาแฟในเซเว่นยังลำบาก เพราะคนจำได้

ในเว๊ปไซต์ระบบเฝ้าระวังเตือนภัยจากการก่อความไม่สงบเมืองหาดใหญ่ ที่ถูกพัฒนาในรูปแบบเดียวกันกับ เว๊ปไซต์ระบบเฝ้าระวังเตือนภัยน้ำท่วมเมืองหาดใหญ่ จะต้องมีการสร้างฐานข้อมูล "ผู้ที่ถูกออกหมายจับ" 1 คน ต่อ 1 เว๊ปเพจ ในเว๊ปเพจจะต้องมีข้อมูลรูปภาพ รูปหน้า รูปถ่ายที่เคยถ่ายในอิริยาบถต่างๆ รวมถึงรูปที่ใส่หมวก ใส่หนวด ปลอมตัว (สามารถสร้างได้จากโปรแกรมแต่งภาพ) ลงรูปไปหลายๆรูป (ถ้าหาได้)

แล้วข้อมูลอื่นๆ เช่น มีพี่น้องกี่คน เป็นคนที่ไหน ชอบกินข้าวกับอะไร เคยเจอตัวครั้งล่าสุดที่ไหน ซึ่งข้อมูลพวกนี้ทางเทศบาลมีหน้าที่แค่เอาข้อมูลมารวบรวม โดยประสานงานกับฝ่ายความมั่นคง ถ้าคนร้ายรู้สึกว่า ตัวเองเป็นคนดัง จะทำให้การเคลื่อนไหวลำบาก กล่าวคือ จะไปซื้อถังแก๊ซ หรือปุ๋ยยูเรีย มาประกอบเป็นระเบิด หรือแม้แต่การเข้าไปซื้อกาแฟในเซเว่น ก็จะทำได้อย่างอยากลำบาก" พวกผู้ก่อความไม่สงบจะต้องเกิดความระแวงตลอดเวลา เช่นเดียวกับที่ ทำให้พวกเราระแวงเรื่องระเบิดตลอดเวลาเช่นกัน

oklpppp

9.3 เป็นคนดังอย่างเดียวคงไม่พอ เรายังจะสร้างฐาน "แฟนคลับ" ให้ด้วย
[attach=1]
เมื่อเป็นคนดังแล้ว ก็ต้องมีแฟนคลับซิ ตอนนี้ ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง พร้อมที่จะสมัครเป็นแฟนคลับเกรด A แล้ว
ตอนนี้ เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ อส. และผู้สูญเสียโดยตรง พร้อมที่จะเป็นแฟนคลับเกรด A ส่วนประชาชนทั่วไป ก็พร้อมเป็นแฟนคลับเกรดรองๆลงมาตามความสนใจ ถ้าแฟนคลับเจอ "พวกท่าน" ที่ไหน เราก็จะตามไปขอลายเซ็นส์ มีคนอยากขอลายเซ็นส์ "พวกท่าน" เยอะมากเลย









9.4 รูปถ่ายหน้าตรง ที่ติดตามสถานที่ต่างๆ นอกจากจะช่วยเสริมความดังแล้ว ยังจะเป็น "ยันต์กันผี" ของแท้!!

[attach=2]
นี้คือภาพถ่ายหน้าตรงของ นายโดเรม่อน ผู้ต้องสงสัยวางระเบิด หากมีการเอารูปนี้ไปแปะตามที่ต่างๆ เอาไปแปะตามใบปลิ้ว จะทำให้นายโดเรม่อน เคลื่อนไหวก่อการได้อย่างยากลำบาก

เคยเจอเหตุการณ์ไหมว่า เวลาเจ้าหน้าที่แจกใบปลิวรูปหน้าตาคนร้าย ประชาชนมักจะจำหน้าคนร้ายไม่ได้ และมักจะลืม เพราะหน้าก็คล้ายๆกันไปหมด


แต่ปัญหานี้แก้ได้ โดยใช้หลักการ "จดจำแบบ ไม่ต้องจดจำ" เช่น ในสมัยเด็กๆ มีสูตรทางคณิตศาสตร์ มากมายที่ต้องจดจำ ซึ่งล้วนเป็นสูตรที่ยาก แต่ถ้าหากว่า เอาสูตรทางคณิตศาสตร์พวกนี้ ไปแปะตามที่ต่างๆในบ้าน หรือในโรงเรียน เจอทุกวัน เดินผ่านทุกวัน มันก็จะจำได้เอง แบบไม่ต้องใช้กำลังสมองมากมายนัก


ดังนั้น รูปถ่ายคนร้ายตามหมายจับ ที่ถูกติดอยู่ตาม สถานที่ราชการ สถานีขนส่ง หน้าธนาคาร หน้าเซนเว่น ฯลฯ ก็ใช้หลักการเดียวกัน นอกจากจะช่วยเสริมความดังให้แก่คนร้ายแล้ว ยังจะทำให้คนร้ายทำงานลำบากอย่างมาก





9.5 ส่งต่อข้อมูลผ่านทางเครือข่ายสังคมออนไลน์

[attach=3]
เครือข่ายสังคมออนไลน์ ช่วยแพร่กระจายข่าวสาร

อาจจะเป็นเว๊ปไซต์ต่างๆ เครือข่ายสังคมออนไลน์ เช่น พันทิพ เฟสบุก กิมหยง สนุก ฯลฯ เพื่อเสริมความดัง เอาให้เป็นไอดอลไปเลย ต่อให้ปลอมตัว ใส่หมวกแก๊ป ติดหนวด ติดเครา แต่รับรองว่า "ไม่เนียน" เพราะยิ่งทำแบบนั้น ก็จะยิ่งเป็นที่สังเกต จากจากเอาปิ๊บคลุมหัว หรือไม่ก็ไปทำศัลยกรรม นั่นแหละคนจึงจะจำไม่ได้ ที่นี้แหละ จะไปซื้อระเบิดก็จะลำบากมาก

oklpppp

9.6ใบปลิวหรือ โบว์ชัวร์รูปแบบเดียวกับน้ำท่วม สร้างความดังให้ผู้ก่อความไม่สงบ และฝึกประชาชนให้เป็นนักสังเกตที่ดี
[attach=1]
ใบปลิวหรือ โบว์ชัวร์ มีประสิทธิภาพสูง

รูปแบบใบปลิวการเตรียมตัวรับมือจากภัยน้ำท่วมที่ทางเทศบาลเคยแจกให้ประชาชนชาวหาดใหญ่ เป็นรูปแบบที่มีประสิทธิภาพสูง และได้ผลดีกับพ่อค้าแม่ค้า รถรับจ้าง และประชาชนทั่วๆไป ที่ไม่ค่อยได้เข้าระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ดังนั้นควรจะต้องปรับรูปแบบนี้มาใช้
 

โดยในใบปลิว จะมีรูปของผู้หาตามหมายจับ ผู้ต้องสงสัยที่ทางตำรวจตามหา รถยนต์ต้องสงสัย รวมถึงวิธีการสังเกต พิรุษของผู้ก่อความไม่สงบ รวมทั้งสังเกตรถยนต์ต้องสงสัยที่อาจจะถูกดัดแปลง เรียกได้ว่า ฝึกประชาชนให้เป็นนักสืบสมัครเล่นกันเลยทีเดียว และในใบปลิว ควรจะต้องมีเบอร์โทรหน่วยงานความมั่นคง และวิธีปฎิบัติ เมื่อเจอกับเหตุการณ์ต้องสงสัย






10. ระบบธงเขียว ธงเหลือง ธงแดง และ ธงแดง+ไซเลน
[attach=2]
ระบบนี้จะมีประสิทธิภาพสูง ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ชาวหาดใหญ่ คุ้นๆไหม ว่ามันคืออะไร ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันคือระบบเตือนภัยน้ำท่วมของคนหาดใหญ่ ระบบนี้ช่วยลดความสูญเสียจากน้ำท่วมได้มหาศาล และเป็นระบบที่คนหาดใหญ่คุ้นเคยมาก แถมยังได้ทบทวนระบบ อย่างน้อยปีละครั้งด้วย แล้วเราจะสามารถเอาระบบนี้ มาใช้ในกรณี เป็นระบบเตือนภัยจากการก่อความไม่สงบได้หรือไม่อันนี้ก็ต้องอยู่ที่การตัดสินใจของทางเทศบาลนครหาดใหญ่ แต่ถ้าเอาระบบนี้ (ระบบธง) ไปใช้ในกรณี 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ๆมีภัยคุกคามจากการก่อความไม่สงบค่อนข้างสูง รับรองได้ว่า ผู้ก่อความไม่สงบจะลำบากอย่างมากแน่นอน และเมื่อผู้ก่อความไม่สงบถูกจำกัดความเคลื่อนไหวใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ การที่จะขยายความรุนแรงมาสู่ อ.หาดใหญ่ ก็จะเป็นเรื่องอยาก ส่วนนิยามของธงแล้วแต่จะคิด เช่น


10.1 แดงเขียวคือ เหตุการณ์สงบ ไม่มีข่าวเกี่ยวกับการก่อความไม่สงบ

10.2 ธงเหลืองคือ เป็นช่วงเวลาที่ต้องระวัง อาจะเป็นช่วงเวลาที่มีเทศกาล หรือเป็นวันสำคัญของผู้ก่อความไม่สงบ ขอให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่

10.3 ธงแดงคือ มีข่าวที่น่าเชื่อถือได้ว่า มีรถยนต์ติดระเบิดมาจอดในพื้นที่ ขอให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา และระวังตัวเอง

10.4 ธงแดง+ไซเลนส์ คือ เกิดเหตุการณ์ระเบิดไปแล้ว ขอให้ประชาชน ช่วยกันให้เบาะแส และช่วยกันจับคนร้าย












11.ระบบธงเขียว ธงเหลือง ธงแดง และ ธงแดง+ไซเลน จะทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยว และการลงทุนไหม

เรื่องนี้ คงต้องแยกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคืน พื้นที่หาดใหญ่ ซึ่งนานๆเกิดที ระบบธงอาจจะมีการขึ้นระดับการเตือนภัยบนหน้าเว๊ปไซต์เทศบาลก็น่าจะเพียงพอ ส่วนกลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มเขตเมืองของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ น่าจะต้องขึ้นป้ายจะได้ผลมากกว่า











12. ระบบ "ตรวจเข้ม" หรือที่หน่วยงานราชการเรียกว่า "เซฟตี้โซน" มีประสิทธิภาพในการป้องกันเหตุร้ายสูง แต่ทว่า "มันมากเกินไปหรือป่าว"
[attach=3]
ระบบเซฟตี้โซน สร้างความเดือดให้แก่ประชาชน ทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยว และมักทำได้ไม่นาน

เมื่อเกิดการระเบิด ก็เหมือนไฟไหม้ฟาง จะมีการตรวจตรา อย่างเข้มงด รถจักรยานยนต์ทุกคันต้องเปิดเบาะ เกิดการตรวจเข้ม ตั้งด่านกันอุตหลุด เกิดรถติดมากมาย สร้างความเดือนร้อน แทนที่ดูเหมือนจะสร้างความปลอดภัย แต่การที่มีเจ้าหน้าที่จำนวนมาก ตรวจตราเข้มข้น จักรยานยนต์ทุกคันเปิดเบาะ มันเป็นการแสดงให้เห็นว่า พื้นที่นี้ มีภัยคุกคามจากการก่อความไม่สงบอย่างสูง ซึ่งจะทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยว และการลงทุนอย่างมาก และไม่หน่ำซ้ำ ระบบ "ตรวจเข้ม" ก็มักทำได้ไม่นานนัก เพราะเจ้าหน้าที่ มักจะเกิดอาการล้า และผ่อนคลายไปในที่สุด ในทรรศนะของผู้เขียน ระบบ ตรวจเข้ม นอกจากจะสร้างความร้อนแก่ประชาชน และทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นระบบที่ไม่มีประสิทธิภาพอย่างแรง เพราะเงื่อนไข "เวลาที่ยาวนาน" ต้องคอยระวังตลอด 24 ชม. ดังนั้นผู้ก่อความไม่สงบ จึงใช้ข้อได้เปรียบตรงนี้ ค่อยหาโอกาส ก่อเหตุร้ายอยู่ตลอดเวลา


oklpppp

13.ระบบ "เซฟตี้โซน" เปรียบเทียบกับ "ระบบธงเขียว ธงเหลือง ธงแดง และ ธงแดง+ไซเลน"

ระบบตรวจเข้ม หรือ "เซฟตี้โซน" มีจุดอ่อน ที่ระยะเวลา ที่ต้องเฝ้าระวังตลอด และยังทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยว การลงทุน รวมถึงการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน แล้วระบบ ระบบธงเขียว ธงเหลือง ธงแดง และ ธงแดง+ไซเลน ละมีจุดอ่อนไหม
จะว่าไปแล้ว ระบบธง มันก็เหมือนกับระบบป้าย ที่ใครจะอ่านก็ได้ ไม่อ่านก็ได้ ดังนั้นจึงไม่ได้รบกวนเวลา หรือสร้างความเดือดร้อนมากมายนัก ระบบป้าย หรือระบบธง เป็นแค่ระบบที่ใช้เตือน "สติ" เพื่อไม่ให้ประชาชนลืม ว่า เรากำลังอยู่ในภัยคุกคามของการก่อความไม่สงบ ดังนั้น ด้วยเงื่อนไขของเวลา ระบบนี้จึงเป็นระบบที่ดี เพราะเกมส์นี้เป็นเกมส์ ยาว เหมือน "เกมส์แมวจับหนู"

ถามว่าระบบนี้กระทบบรรยากาศการท่องเที่ยวไหม ก็อาจจะกระทบบ้าง แต่ก็คงเป็นในช่วงระยะแรก เพราะคนอาจจะไม่ค่อยชิน แต่ในระยะยาว ระบบนี้ดีมาก เมื่อใช้ไปสักพัก คนก็จะเริ่มชิน และเริ่มปรับตัวได้ แถมยังเป็นระบบที่ เตือนประชาชน ให้รู้ว่า ยังคงมีภัยคุกคามซ่อนอยู่ในการใช้ชีวิตประจำวัน ดีกว่าหลอกตัวเองว่าไม่มีปัญหา แล้วซุกปัญหาไว้ใต้พรม วันดีคืนดี พอเราเผลอ ผู้ก่อความไม่สงบก็เอาระเบิดเข้ามาวางในตอนที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว






14.สิ่งที่น่ากลัว ไม่ใช่ "ระเบิด" แต่เป็น "เจตนา" ของผู้ก่อความไม่สงบต่างหาก
[attach=1]
เจตนาของผู้ก่อความไม่สงบ เป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างมาก การวางระเบิดโรงแรม ลีการ์เด้นส์ ในเวลาเที่ยง ในตอนที่มีการจัดกิจกรรมค้นหาดาราหน้าใหม่ของทางช่อง 3 ซึ่งล้วนแต่มีมีเด็กและเยาวชนจำนวนมาก มีงานสัมมนา และมินิคอนเสิร์ทของกระแต และกระต่าย จากค่ายอาร์สยาม สรุปแล้ว มีผู้คนอาศัยอยู่ในตึก เป็นพันคน แต่คนร้ายก็เลือกวางระเบิดในช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อหวังให้เกิดการเสียชีวิตจำนวนมาก นี้คือเจตนาที่น่ากลัว และเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของผู้ก่อความไม่สงบ ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่เทศบาลนครหาดใหญ่ จะเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ได้ เพราะหาดใหญ่ มีจุดรวมตัวของประชาชนอย่างหนาหนาแน่นหลายจุด เช่น ตลาดนัดเปิดท้าย ตลาดกรีนเวย์ ตลาดน้ำคลองแห ตลาดนัดหาดใหญ่ใน ตลาดสดหน้าหอ ฯลฯ

ตลาดพวกนี้ เป็นลักษณะ "ตลาดเปิด" ที่ไม่มีกำแพง เสา คาน ป้องกันแรงระเบิดของคาร์บอมได้ ถ้ามันเกิดเหตุในตลาดพวกนี้ จะมีประชาชนเสียชีวิตนับร้อย ซึ่งนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่จะสามารถดูแคลนได้ เพราะเจตนาของผู้ก่อความไม่สงบต้องการสังหารประชาชนจำนวนมาก จึงเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก









15. ระบบนี้สามารถปรับใช้กับ 3 จังหวัดชายแดนใต้ได้ จะทำให้ความรุนแรงเข้าไม่ถึงหาดใหญ่
ระบบธงเขียว ธงเหลือง ธงแดง ธงแดง+ไซเลน และระบบข้อมูลเว๊ปไซต์รวมศูนย์ จะได้ผลอย่างดีมาก ในเขตเมืองของ 3 จังหวัดชายแดนภายใต้ เพราะที่นั้น เจอภัยคุกคามจากการก่อความไม่สงบบ่อยครั้งกว่าหาดใหญ่ ถ้าเราสามารถใช้ระบบธง และระบบอื่นๆที่พัฒนาต่อยอดมากจาก ระบบป้องกันภัยน้ำท่วมหาดใหญ่ นั่นเพราะเป็นรูปแบบ "รวมศูนย์ข้อมูล" และ "ใช้พลังทางสังคมเข้ากดดัน" ซึ่งจะเป็นการจำกัดการเคลื่อนไหวของคนร้ายในพื้นที่ 3 จังหวัด จนทำให้พวกเขาไม่สามารถขยายความรุนแรงมาถึงเขตหาดใหญ่ได้









16. จับคนร้ายได้ก็จริง แต่หลักฐานก็ต้องสามารถมัดตัวได้
[attach=2]
กระบวนการยุติธรรม

ในหลายๆครั้ง เมื่อจับกุมคนร้ายมาได้ด้วยความยากลำบาก แต่ก็ต้องถูกปล่อยตัวไปเนื่องจาก "หลักฐานอ่อน" ศาลจึงสั่ง "ยกฟ้อง" ปล่อยให้คนร้ายลอยนวล และเข้ามาก่อเหตุอีก เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งมาก ในเวลาที่ผ่านมา

แต่แน่นอน คำว่า "หลักฐานอ่อน" ก็ไม่ได้แปลความว่า ผู้ที่ถูกจับกุม จะเป็นคนร้ายเสมอไป เขาอาจจะเป็น "ผู้บริสุทธิ์" ก็ได้ ดังนั้นเรื่องนี้จึงต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะหากไม่ระวัง แทนที่ปัญหาจะเบาบางลง อาจจะทำให้ปัญหาหนักข้อขึ้นไปอีก แล้วเราจะหาหลักฐานที่มีน้ำหนักได้อย่างไร ในที่นี้ ผู้เขียนจะขอเสนอให้ในส่วนของที่ทางเทศบาลนครหาดใหญ่น่าทำได้ ส่วนเรื่องทางคดี คงต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กับฝ่ายนิติวิทยาศาสตร์ หาหลักฐานเพื่อจัดการคนร้ายในทางคดีต่อไป ถ้าจับกุมคนร้ายได้เร็ว หลักฐานก็จะยิ่งหาได้ง่ายขึ้น

16.1 ภาพถ่ายวิดิโอหน้าตรง ชัดๆ
หามุมกล้อง ถ่ายรูปหน้าคนร้ายชัดๆ เพื่อให้การติดตามตัวคนร้าย หลังจากก่อเหตุเป็นไป ด้วยความเร็วที่สุด เพราะถ้าจับกุมได้เร็ว หลักฐานต่างๆจะหาได้ง่ายขึ้น จะส่งผลให้หลักฐานมีน้ำหนักมากขึ้น จนไม่ต้องกลัวกับการ "ยกฟ้อง" เพราะหลักฐานอ่อนอีกต่อไป

อนึง คนร้ายที่กระทำความผิด มักจะมีพิรุษ และมักอำพรางใบหน้า เช่นใส่หมวกแก๊ป หรือเดินก้มหน้าก้มตา ทางแก้คือ การติดมุมกล้องในจุดต่ำ แล้วเงยกล้องขึ้น หรือที่เรียกว่า "มุมมองมด" หรือ "Ant Eye View"


16.2 ภาพถ่ายวิดีโอ ในลักษณะคนร้ายทั้งตัว อันนี้เหมาะกับฝ่ายสืบสวน ฝ่ายสืบสวน จะดูรูปร่าง ดูการเดิน ดูอากัปกริยาต่างๆ รวมถึงปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ข้อนี้ ทางเทศบาลทำอยู่แล้ว


16.3 กล้องวงจรปิดทั่วเมือง จะได้รู้ว่าคนร้ายไปไหน อย่างไร อันนี้เทศบาลก็ทำอยู่แล้ว









17.ข้อมูลที่ควรมีในเว๊ปไซต์การเตือนภัยความไม่สงบของเทศบาล
[attach=3]
ระบบเตือนภัยความไม่สงบเมืองหาดใหญ่

เว๊ปไซต์การเตือนภัยความไม่สงบ ที่ถูกพัฒนามาในรูปแบบเดียวกับ เว๊ปไซต์การเตือนภัยจากน้ำท่วมของเทศบาล ถือได้ว่า เป็น "ระบบข้อมูลรวมศูนย์" หมายถึง เอาข้อมูลที่อยู่อย่างกระจัดกระจาย เอามาจัดระบบ ให้อ่านง่าย ให้เข้าถึงได้ง่าย มีระบบติดตาม ระบบอับเด็ดข้อมูล ระบบตรวจสอบข้อมูล และระบบเผยแพร่ข้อมูล ซึ่งเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ทว่า กลับลงทุนแค่เพียงเล็กน้อย ซึ่งผู้เขียนขอเสนอให้มีข้อมูลดังนี้

17.1 ระบบที่ทำให้ผู้ก่อความไม่สงบเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ให้ประชาชนรู้ว่า ใครเป็นใคร ใครถูกออกหมายจับ ใครเป็นผู้ต้องสงสัย หารูปจากฝ่ายความมั่นคงมาจัดระบบ เพื่อให้ประชาชน ช่วยกันแจ้งเบาะแสเพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดี
 

17.2 เว๊ปบอร์ด เป็นพื้นที่ให้ประชาชน เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เจ้าหน้าที่เทศบาล แจ้งข่าวการก่อความไม่สงบ และการสมัครเป็นสมาชิก ควรจะมีทั้ง ขาจร (ไม่ต้องสมัครสมาชิก) เพื่อแจ้งข่าวอย่างง่าย ข่าวจากขาจร ต้องมีการกรองอีกชั้น และ การสมัครสมาชิก จากฝ่ายความมั่นคง เพื่อแจ้งข่าวที่กรองแล้วอย่างรวดเร็ว
 

17.3 บอร์ดแจ้งข่าว บอร์ดนี้ จะเป็นการแจ้งข่าว และมีระดับธงแดง ธงเขียว ธงเหลือแจ้งเตือนหน้าเว๊ป เช่น ข่าวรถต้องสงสัย ให้ประชาชนช่วยกันตามหา
 

17.4 รูปรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ ต้องสงสัย ที่ถูกโจรกรรมมา และควรเขียนเตือนว่า รถยนต์พวกนี้ อาจจะมีการดัดแปลง เช่น ทำสีใหม่ เปลี่ยนล้อใหม่ ฯลฯ เพื่อหลบสายตาเจ้าหน้าที่ (แต่ไม่ต้องกลัว รถที่ถูกดัดแปลง ยิ่งดัดแปลงสภาพมากเท่าไหร่ หลักฐานการดัดแปลงรถนั้นแหละจะยิ่งมัดตัวคนร้ายในชั้นศาล มากขึ้นเท่านั้น)

17.5 บอร์ดติดตามคดี หรือติดตามข่าวสาร เช่น นาย A ถูกจับในคดีความมั่นคง แล้วศาลตัดสินอย่างไร หรือข่าวอื่นๆ





oklpppp

...
[attach=1]
จุดประสงค์ของการสร้างรั้วก็คือ การป้องกันตัวเอง  รั้วไม่ได้สร้างขึ้นมาท้าทายผู้ใด



18. เราไม่ได้ท้าทาย เราแค่ป้องกันตัวเอง
ต่อให้เราขอร้องเขา อ้อนวอนเขา พูดกับเขาดีๆ แต่ถ้าเขายังไม่บรรลุเงือนไขการสร้างรัฐปัตตานี และการแก้แค้นเจ้าหน้าที่รัฐ เขาก็จะเอาระเบิดเข้ามาวางอยู่ดี พวกเขาไม่มีความเห็นใจใดๆทั้งนี้ สู้เรามาสร้างระบบการป้องกันตัวเอง เพื่อให้พวกเขาทำงานยากลำบากขึ้น จะดีกว่าไหม








19. ข้อเสนอแนะอื่นๆ


[attach=2]
ถังแก๊สและเชื้อเพลิง ก็คือ ลูกระเบิดดีๆนี้เอง

รถยนต์ที่ติดก๊าซ NGV LPG หรือ CNG รถยนต์พวกนี้ฝ่ายความมั่นคง ควรระมัดระวัง เพราะผู้ก่อความไม่สงบอาจจะ "ทำเนียน" โดยเอาระเบิดใส่เข้ามาได้ ซึ่งต้องหาวิธีการตรวจสอบ และโดยสภาพของถังก๊าซNGV LPG หรือ CNG รวมกับเชื้อเพลิงของมัน โดยสภาพแล้ว มันก็คือลูกระเบิดดีๆนี้เอง ถ้าผู้ก่อความไม่สงบใส่วงจรระเบิด โดยใช้ถังก๊าซ และแก๊สเชื้อเพลิงในถังนั้นแหละเป็นสารระเบิด นั้นก็จะเป็นระเบิดที่แรงมากเพราะฉะนั้น เรื่องนี้ก็น่ากลัว จะต้องมีวิธีการตรวจสอบ และรถติดก๊าซพวกนี้ และไม่ควรให้จอดใกล้สถานที่ๆ ผู้คนรวมตัวอยู่เป็นจำนวนมาก











20. บทสรุป

ดังคำกล่าว ที่ว่า "หาดใหญ่ถูกน้ำท่วม ดีกว่าถูกระเบิด" เป็นคำกล่าวที่ไม่มีใครกล้าเถียง แล้วทำไมเราไม่สร้างระบบการเตือนภัย ในรูปแบบที่ประชาชนชาวหาดใหญ่ เข้าใจดีอยู่แล้ว ระบบการเตือนภัยแบบนี้ สร้างง่าย ลงทุนน้อย แต่มีประสิทธิภาพสูง และจากเหตุการณ์คาร์บอมในครั้งนี้ ความน่ากลัวจริงๆ ไม่ใช่ตัวระเบิด หากแต่เป็น "เจตนา" ของผู้ก่อความไม่สงบ ต่างหากที่ ต้องการสังหารประชาชนจำนวนมาก ถ้าหากมันเกิด ใน "ตลาดเปิด" จะมีประชาชนเสียชีวิตนับร้อย ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย

ผู้เขียนคิดว่า หลังจากเหตุการณ์คาร์บอมในครั้งนี้ ทางเทศบาลนครหาดใหญ่ และรวมถึงฝ่ายความมั่นคง ควรจะต้องหามาตรการ อะไรก็ได้สักอย่าง เพื่อเอามาบอกกับนักท่องเที่ยว เอามาบอกกับนักลงทุน กับประชาชน เพื่อสร้างความมั่นใจ ว่าเหตุการณ์แบบนี้ จะไม่เกิดขึ้นอีก และระบบที่ผู้เขียนเสนอไว้ในบทความนี้ ก็เป็นระบบการเตือนภัยที่ทำได้ง่าย ลงทุนไม่เยอะแต่มีประสิทธิภาพสูง เพราะเป็นการใช้เครือข่ายสังคมเข้ากดดัน หวังใจว่า ทางเทศบาลนครหาดใหญ่ และอาจจะรวมถึง ศอ.บต. อาจจะลองพิจารณา ลองปรับระบบรูปแบบการเตือนภัยแบบนี้ไปลองใช้ดู เผื่อว่า เหตุการณ์ระเบิด จะลดน้อยลง





นายไข่นุ้ย

DO YOU KNOW ME? I AM A CAT 28 YEARS. AND YOU?    แมวแท้สู (แมวยิ้ม)

puiey

แล้วระบบแบบนี้ ต้องใช้ทรัพยากรณ์อะไรบ้าง จึงจะสามารถเตือนภัยการก่อการร้ายได้ แล้วการก่อการร้ายมันส่งสัญญาณก่อนจะลงมือเหรอ จึงสามารถสร้างระบบมาเตือนภัยมันก่อนได้ งง แต่ก็ยากเห็นสิ่งนี้นะ แม้จะดูแล้วนึกภาพไม่ออกว่าจะออกมาหน้าตาเป็นยังไงก็ตาม
โกธรกับแฟน ขึ้นสเตตัส "โสด" ถ้าวันนึง แม่มึงโกธร มึงไม่ขึ้นสเตตัส "กำพร้า" เลยเหรอ

12345685

อ้างจาก: puiey เมื่อ 19:24 น.  22 พ.ค 55
แล้วระบบแบบนี้ ต้องใช้ทรัพยากรณ์อะไรบ้าง จึงจะสามารถเตือนภัยการก่อการร้ายได้ แล้วการก่อการร้ายมันส่งสัญญาณก่อนจะลงมือเหรอ จึงสามารถสร้างระบบมาเตือนภัยมันก่อนได้ งง แต่ก็ยากเห็นสิ่งนี้นะ แม้จะดูแล้วนึกภาพไม่ออกว่าจะออกมาหน้าตาเป็นยังไงก็ตาม

สายข่าวของหน่วยความมั่นคง เขาจะแจ้งมา    สายข่าวของเราก็แทรกซึมอยู่ในขบวนการคอยแจ้งข่าวให้กับทางเจ้าหน้าที่

ก็เหมือนกับยาบ้า ถ้าไม่มีสายข่าวอยู่ในขบวนการค้ายา  ก็จับพวกมันยาก