ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ศึกษาธรรมเพื่ออะไร

เริ่มโดย คุณหลวง, 10:39 น. 21 พ.ค 55

คุณหลวง

    เวลาที่ห่างหายไปจากกิมหยง เป็นเวลาที่ดีอีกระยะหนึ่งเพราะได้ทบทวนอะไรๆมากมาย รวมไปถึงการที่ได้ต้อนรับสมาชิกใหม่แห่งครอบครัวของผม คนที่สองเป็นผู้ชายครับ ส-ดีใจ

    เว็บกิมหยงยังคงเป็นสถานที่ที่ผมติดใจจะมา เพราะว่าการคุยในเว็บส่วนใหญ่(เฉพาะหน้านี้นะ กระดานลานบุญ)ไม่ได้เป็นไปอย่างอวดตัวเอง ข่มท่าน พาลทะเลาะกันอย่างที่เห็นในเว็บธรรมอื่นๆ(บางเว็บ)ที่เข้าไปแล้วก็น่าเบื่อ

    และโดยเฉพาะท่านคุณหลง ทำได้ไง เราอุตส่าห์เล่าเรื่องคนที่มีความสุขจากศาสนาเพื่อเป็นแนวทางให้คนที่ได้อ่านบ้าง ดั๊นเอาไปเปรียบกับคนบ้าเสียนี่ เฮ้อ.... ส.หลกจริง

    คิดถึงเพื่อนๆทุกๆท่านครับ ที่ได้ร่วมสนทนาและไม่สนทนาแต่ได้เข้ามาอ่าน เยี่ยมเยียนกัน เวลาที่ห่างหายทำให้เห็นตัวเองบ้างเหมือนกันว่าทำตัวน่าเกลียดอยู่สักหน่อยล่ะมั้ง เพราะท่าจะออกนอกลู่ที่ตั้งใจไว้เอาการอยู่ เมื่อมีเวลาคิดก็เลยต้องตอบคำถามตัวเองอีกครั้งว่า "เราศึกษาธรรม(และพูดธรรม)เพื่ออะไร"

    ในเมื่อธรรมที่พระพุทธองค์ค้นพบและนำมาเปิดเผย แจกแจง และชี้ทางไปนั้นเป็นไปเพื่อความรู้จักทุกข์และละทุกข์เสียได้ หลักๆมันก็เพียงแค่นั้น แต่เดี๋ยวนี้เราทำให้มันเฟ้อเกินไป ไปติดอะไรๆก็ตามที่นอกลู่นอกทาง (แต่มันดูดี มีราศี) ไปใส่ใจ สนใจกับอะไรก็ตามที่อ้างว่าเป็นธรรม ทั้งๆที่เป็นออปชั่นที่เสริมเข้ามาภายหลัง บางอย่างก็ถูกเสริมเข้ามาอย่างไร้สาระและน่าเกลียด แต่เราก็ยอมรับมันได้ เพราะสังคมมันเป็นอย่างนั้น แน่ะ...

    บางครั้ง การศึกษาธรรม แทนที่เราจะค้นเอาส่วนที่เป็นประโยชน์กับตน กับการละทุกข์ เราก็มัวมาถามว่า คนพูดดีพอหรือยัง กูดีพอไหม ธรรมนี้มันไม่เหมาะกับเรานะ มันต่ำไปนะ มัวแต่ตำหนิสิ่งรอบตัวจนลืมพิจารณาว่ามันเป็นประโยชน์หรือไม่ อย่างไร

    ผมเองก็เป็นคนที่สนใจ ศึกษาอยู่ แน่นอนเรามีผิดมีถูก แต่ผมว่าเราไม่ควรที่จะด่วนตัดรอนที่จะไม่ศึกษา เพราะว่าประโยชน์ของมันมีอยู่ อีกทั้งเราก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไร ทำไป ศึกษาไป เค้นเอาสาระไว้ และเอากากออกไป เอาส่วนเกินออกไป ศึกษาเน้นไปที่สาระ อย่าจริงจังกับส่วนเกินจนกลายเป็นประเด็นใหญ่ มันเสียเวลาเปล่าๆ

    พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้สอนมากในแต่ละคน แต่ที่มากเพราะเรารวบรวมที่ท่านสอนหลายๆคนเข้ามารวมกัน มันเป็นประโยชน์ที่ครอบคลุม เพื่อเลือกเฟ้นให้เหมาะแก่ตน แต่ใช่ว่าจะต้องเอามาทั้งหมดทั้งสิ้นที บางคนว่าต้องศึกษาให้สูงจึงจะรู้ บางคว่าต้องอภิธรรม บางคนว่าต้องแก้กรรมก่อน บางคนว่าต้องทำศีลให้ถูกต้องก่อน ฯลฯ

    ตอนที่พระพาหิยะ ในชุดเปลือยกายเพราะหลงอรหันต์แห่งตน วิ่งมาขอฟังธรรม พระพุทธองค์แสดงไม่มากแค่ "เห็นสักว่าเห็น ได้ยินสักว่าได้ยิน....กลิ่น... รส... สัมผัส... อารมณ์...เมื่อทำได้ดังนี้ ท่านก็จะไม่มีในโลกหน้า ไม่มีในโลกนี้ ไม่มีในระหว่างโลกทั้งสอง นั่นล่ะที่สุดแห่งทุกข์" พระพาหิยะก็บรรลุธรรมได้ทันที หรืออย่างองคุลีมาลก็เช่นกัน

    ท่านเหล่านี้ไม่เฟ้อกับความรู้ที่นอกเหนือจากสิ่งที่ควรรู้เพื่อการดับทุกข์ ท่านเลยดับทุกข์ได้เร็ว ท่านไม่สงสัย ว่านรกมีจริงไหม สวรรค์มีจริงไหม กรรมเก่าเราเป็นอย่างไร ต้องจุดเทียนทางไหนก่อน ต้องพระนิกายไหน ต้อง.... แต่ท่านจับเอาสาระล้วนๆว่าทุกข์เป็นอย่างนี้นะ และอย่างนี้จึงเป็นการดับทุกข์นะ

    คนสมัยนี้ออกจะเฟ้อเกินไปหรือไม่ แน่ล่ะ เราไม่ฉลาดอย่างท่านที่ผมยกตัวอย่าง แต่เราสามารถศึกษาท่านเป็นตัวอย่างได้ หากมัวแต่ศึกษาสิ่งที่มันเฟ้อไป และยึดติดกับมัน เราก็เสียเวลากับการศึกษาชนิดที่เกือบจะเรียกได้ว่าเสียเปล่า แต่หากพูดโดยธรรมแล้วก็เสียเปล่าครับ เพราะดับทุกข์ไม่ได้ ทั้งๆที่ท่องทางดับทุกข์คล่องปรื้ด

    อันนี้ เป็นคำรำพึงเพื่อที่จะตอบตัวเอง และอยากให้เพื่อนๆลองตอบตัวเองดูว่า เราศึกษาธรรมอย่างไร เพื่ออะไร

    ส่วนตัว หลังจากนี้ก็ได้เข้ามาน้อยครั้งอีกหน เพราะต้องเลี้ยงลูก ดูแลลูก และการย้ายบ้านที่ต้องตัดอินเตอร์เน็ต และอาจจะขอใหม่เมื่อย้ายที่อยู่พร้อมแล้ว จะแวะเข้ามาเพื่อคลายความคิดถึงครับ

    ป.ล.ขอบูชาคุณท่านพุทธทาส หลวงพ่อชา สุภัทโท ไว้ ณ ที่นี้ครับ ในฐานะผู้จุดประกายความสนใจธรรมแก่ผม นะโม สุภัทโท นะโม พุทธะทาโส


สะบายดี...
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

ซุปเปอร์ฮีโร่