ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

อ่านเรื่องนี้แล้ว พี่น้อง เห็นว่าอย่างไรกันบ้างครับ

เริ่มโดย เด็กจนๆครับ, 17:20 น. 26 พ.ค 55

เด็กจนๆครับ

เรื่องที่จะเล่าทุกท่านต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงทุกประการไม่ได้เสริมเติมแต่งเนื้อหาแต่อย่างใด โปรดพิจารณา
   ผมเติบโตมาในครอบครัวที่ถือว่ายากจนครอบครัวหนึ่งครับ ตอนที่ผมเรียนอยู่ ป.2 ชะตาชีวิตของผมก็เปลี่ยนแปลงไปเพราะพ่อกับแม่แยกทางกัน ผมกับน้อง(ตอนนั้นมีกันสองคนพี่น้อง)ต้องย้ายมาอยู่กับปู่กับย่าที่จังหวัดนครศรีธรรมราช บ้านปู่กับย่าที่ผมอาศัยในตอนนั้น ไม่มีแม้กระทั่งไฟฟ้า น้ำปะปาไม่ต้องพูดถึงยังเป็นคลองที่ใช้แกลลอนตักขึ้นมาอาบ บ้านยังมุงด้วยหลังคาจาก  แต่ผมก็มีความสุขครับเพราะปู่กับย่าเป็นคนใจดีเลี้ยงเราอย่างเอ็นดูรักใคร่ ย่าค่อนข้างจะรักผมมากเป็นพิเศษเพราะหนึ่งมีปมด้อยตัวดำ หาคนดำเท่านี้ได้ยาก (ย่าบอกมาอย่างนั้นครับ)  ซึ่งปู่กับย่าแต่เดิมมีอาชีพทำนา แล้วก็รับจ้างทุกอย่างเช่นรานไม่จ้าง(รานไม้คือการแต่งกิ่งไม้ใหญ่สูงๆมีความเสี่ยงที่ไม้จะดีดคนที่อยู่ด้านบนให้ตกลงมา) รับจ้างขุดแต่งคูน้ำ รับจ้างไถ่นา  รับจ้างทำสวน และอื่นๆที่แล้วแต่คนมาว่าจ้าง รายได้ก็พออยู่ได้ ที่หยิบยืมก็มีบ่อยๆ นานๆครั้งที่ อาๆป้าๆ หรือแม้แต่พ่อแม่หนึ่งจะส่งมาให้บ้าง แต่ก็ไม่ค่อยจะพอเท่าไหร่นัก เพราะหลานๆที่ปู่กับย่าต้องเลี้ยงดูในบ้านหลังนี้มีถึงสี่ชีวิต(ก็จะมีผมกับน้อง แล้วก็ลูกพี่ลูกน้องอีกสองคน)
   เมื่อเงินที่เลี้ยงพวกเราไม่พอสิ่งที่ย่าพอจะทำได้ ก็คือ การทำไม้กวาดบ้าง ขนมบ้าง ให้เราสี่คนไปเร่ขาย ตามบ้านช่อง ซึ่งมักจะได้รับความเอ็นดูจากชาวบ้านที่ซื้อของพวกเราเป็นประจำ ก็พอได้ค่าขนม ไปโรงเรียน  โดยค่าขนมที่ย่ากับปู่จัดสรรให้นั้น จะแบ่งออกเป็น  น้องผมชื่อว่านายและตัวผมเอง ได้คนละ 2 บาท(วันที่ไม่ได้ตังไปโรงเรียนก็มีครับ)ที่ให้น้อยสุดเพราะไม่ต้องซื้อข้าวที่โรงเรียนเขาเลี้ยงข้าว  พี่ชายสองคนขึ้นมัธยม(ลูกของลุงกับป้า) ได้คนละยี่สิบ เพราะต้องจ่ายค่ารถไปกลับ และค่าข้าว พวกเราสี่คนอยู่กับปู่กับย่ามาได้สามปี พี่ที่เป็นลูกของลุงต้องไปเรียนต่อลุงก็มารับไปเลี้ยงดู เพราะลุงย้ายมาอยู่ที่นคร บ้านช่องก็เริ่มเจริญมากขึ้นมีน้ำมีไฟฟ้าใช้ แต่บ้านก็ยังคงมุงหลังคาด้วยจากเหมือนเดิม พอผมเข้าเรียนป.6 น้องผมก็ย้ายไปอยู่กับแม่ ส่วนพี่อีกคนก็เริ่มเป็นวัยรุ่นเที่ยวกับเพื่อน เมื่ออยู่ในช่วงวัยนี้ผม ก็ออกไปช่วยปู่ไถนา (แรงไม่มีหรอกครับตอนนั้นเดินตามอย่างเดียวแต่หลังๆก็ไถเป็น)
   หลังจากนั้นเมื่อผมขึ้นมัธยม ปู่กับย่าก็ส่งเสียให้ผมเล่าเรียน ผมก็ตั้งใจเล่าเรียนจนจบม.3 ตอนแรกหนึ่งตั้งใจจะเรียนสายวิทยาศาสตร์ครับ แต่อาจารย์ที่โรงเรียนมาขอกับปู่ไว้ว่าให้ผมเรียนที่โรงเรียนเดิมแล้วจะให้ทุนปีละสามพัน(ด้วยความกรุณาของท่านผู้อำนวยการโรงเรียนเพราะท่านเห็นว่าผมไม่มีเงิน) ปู่กับย่าเลยให้ผมเรียนที่โรงเรียนเดิมโดยจะได้ไม่ต้องลำบาก ที่โรงเรียนไม่ได้เปิดสายวิทย์ผมเลยเรียนสายศิลป์ ตอนผมขึ้นมัธยมพี่ชายอีกคนก็เรียนจบไปแล้ว(ภายหลังมีครอบครัวก็ย้ายไปอยู่ที่อื่น) หลังจากจบม.6 ผมสอบได้ที่หาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจจะสอบหรอกครับ แต่อาจารย์เสียเงินค่าสมัครให้เลยลองสอบดู ปรากฏว่าได้ตอนแรกก็ดีใจครับ แต่พอบอกปู่กับย่า
ย่าบอกผมว่า "ลูกเหอย่าไม่มีตังค์จะส่งมึงเรียนหรอก ค่าเทอมตั้งหมื่นสามจะหาเงินจากไหนมาส่งมึงเล่า" ผมเองเสียใจครับคิดว่าน่าจะไม่ได้เรียนแล้ว ช่วงนั้นโรงงานรับซื้อปาล์มมาสร้างแถวบ้าน ผมไปรับจ้างเอาปาล์มขึ้นรถได้ค่าแรงครั้งละร้อยห้าสิบบาทก็พอได้ไปใช้จ่ายค่าทำรายงานบ้างซื้อกับข้าวมาทำให้ปู่กับย่ากินบ้าง  และผมก็คิดว่าสงสัยทั้งชีวิตนี้ต้องทำงานลานเทไปตลอดชีวิตแน่ๆ คืนนั้น ย่าเข้ามาในมุ้งที่ผมนอน ลูบหัวผมเบาๆ แล้วปลอบเพราะรู้ว่าผมเสียใจย่าบอกว่าถ้าย่ามีเงินย่าให้มึงเรียนอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ย่าไม่มีเลย ผมบอกย่าว่าหนึ่งเข้าใจ หลังย่าออกไปผผมนอนร้องไห้ทั้งคืน คิดหาทางออกทุกทาง รุ่งเช้าผมโทรศัพท์ไปหาปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราชสมัยที่ผมทำงานเป็นสภานักเรียนของจังหวัดท่านบอกว่าหากมีเรื่องเดือดร้อนอะไรโทรหาท่านได้ทันที วันนั้นผมโทรไปโดยหวังว่าจะได้รับการช่วยเหลือบ้างท่านก็แนะนำว่าลองเขียนจดหมายไปหาผู้ว่าราชการจังหวัดดู ผมก็ลองทำตามแต่ปรากฏว่าเรื่องเงียบหายไปหลายวันเข้าผมร้อนใจมากครับ ผมตัดสินใจว่าไหนๆก็ไหนๆแล้วลองเขียนไปที่สำนักนายกรัฐมนตรีดูสักทีส่งทั้งรูปบ้าน ไปด้วย เรื่องเงียบหายเข้ากีบเมฆ ผ่านไปหลายสัปดาห์แล้วมหาวิทยาลัยก็ใกล้จะเปิด ขั้นตอนต่างๆในมหาวิทยาลัยอะไรผมไม่รู้เลยสักอย่าง ทางสุดท้ายผมลองโทรศัพท์มาที่ กองกิจการนักศึกษา ดู ได้ผลครับ พี่ที่กองบอกว่าให้รีบมาที่มหาวิทยาลัย มาผ่อนผันค่าเทอมแล้วทำเรื่องกู้ กยศ.เรียน ปู่กับย่าเองก็ดีใจที่ผมได้เข้าเรียน วันนั้นผมจำได้ดี ปู่ออกไปยืมตังร้านค้า ที่ปู่ส่งถ่านไปขายประจำ (ผมลืมบอกไปปู่เปลี่ยนอาชีพมาเป็นเผาถ่าน ต้องตัดไม่อันใหญ่ๆด้วยขวาน เป็นงานที่หนักมาก สงสารปู่อย่างจับใจเลยครับ) ปู่เอาเงินให้ผมติดกระเป๋ามา 300กว่าบาท นั่งรถไปกลับก็จะเหลือตังนิดหน่อย  เมื่อทำเรื่องเสร็จผมก็ได้มาเข้าเรียน โดยผมเคยโทรไปขอตังค์ค่าหอพ่อ  พ่อบอกจะให้ แต่สุดท้ายคนที่ให้มาก็คือปู่กับย่า พอผมมาเรียนแล้ว เงินที่ต้องจ่ายรายวันก็ไม่ใช่น้อยๆไหนค่ารายงาน โชคดีที่มีเงินกยศ. เดือนละ 2200 แต่ก็ใช่ว่าจะพอ ตอนปีหนึ่งก็มี เพื่อนที่ให้ยืมตังหลายๆคน แต่เค้าก็คงไม่รู้หรอกว่าผมลำบากเพราะผมไม่เคยเล่าใคร ผมบอกตรงๆนะครับว่าผมเองก็อาย ผมสนิทกับเพื่อนคนหนึ่ง ถึงคราวผมไม่มีเพื่อนก็ให้ผมยืม ถึงเวลาเพื่อนไม่มีผมก็ให้เพื่อน แบบคนละครึ่งทั้งกระเป๋ายังเคยมี เคราะห์ยังดีตรงที่บ้านเพื่อนขอเท่าไหร่พ่อของเพื่อนก็ให้ได้แต่บ้านผมขอปู่กับย่าได้ครับ แต่ปู่กับย่าก็ต้องยืมเค้ามาหรือไม่ก็อยู่แบบอดมื้อกินมื้อ ขอพ่อก็เดือนนึงได้สักสามสี่ร้อยบาท ขอแม่ก็เลี้ยงน้องตั้งสองคน แถมลาออกจากโรงงานไม้มาตั้งแต่เลิกกับพ่อเงินก็หาไม่ค่อยได้ น้องผมก็ส่งตัวเองเรียนเหมือนกันตอนนี้ ) พอมาเทอมสองสำนักนายกรัฐมนตรีก็โทรมาถามว่าได้เรียนหรือยัง ผมบอกได้เรียนแล้ว เค้าบอกงั้นจะช่วยเรื่องสร้างบ้าน แต่ปัจจุบัน ยังไม่เคยเหลียวแลเลย
   พอผมขึ้นปีสองผมขอทุนคณะได้ ก็พอได้มีเงินใช้จ่ายแบบไม่ต้องยืมเพื่อนก็ค่อยสบายใจขึ้นมาบ้างครับ คณะเคยไปเยี่ยมที่บ้านเจ้าหน้าที่คณะเองก็เห็นใจในชีวิตความเป็นอยู่เลยเรียกผมไปถามอยู่บ่อยๆเหมือนกัน ช่วงปิดเทอมผมเองก็ยังไปทำงานรับจ้างก่อสร้างจนได้ดาวส์รถเครื่อง แล้วก็ผ่อนเอง(ได้รับความสนับสนุนจากพ่อแม่ของผู้หญิงที่คบหากันเป็นผู้ค้ำประกันให้และคอยช่วยเหลือ) เงินทุนคณะผมก็อดออมเอาไว้จนได้ซื้อคอม
   มีอยู่วันหนึ่ง ผมกับเพื่อน ได้มานั่งคุยกันว่า เราสองคนชอบหนังสือเหมือนๆกันโดยเฉพาะหนังสือเก่า หนังสือการเมืองที่เราสนใจกันเป็นพิเศษ น่าจะลองไปตั้งหนังสือขายดู ผมเสนอความคิดว่าถ้ายังไงเราลองไปปรึกษาป้าที่ขายหนังสือกันก่อนดีไหม โดยเพื่อนเป็นคนเอ่ยป้าถามว่า "ป้าครับถ้าผมเอาหนังสือมาฝากขายป้าจะรับไหมครับ" ป้าตอบกลับมาว่า "ป้าจำไม่ได้หรอกว่าหรอกว่าหนังสือเล่มไหนเป็นของใคร เอาอย่างนี้ไหม ถ้าอยากหารายได้พิเศษ มาทำงานร้านป้า ก็ได้ป้าให้วันละสามร้อย เริ่มทำงานตอนบ่ายสี่โมงเย็น" ผมก็ตอบป้าไปว่า "ผมยังไม่เลิกเรียนเลยครับ" ป้าก็บอกว่า" งั้นป้าให้เหลดได้สูงสุดหกโมงครึ่งแล้วกัน" ผมกับเพื่อนกลับไปปรึกษากันโดยตกลงกันว่า จะให้เพื่อนกับแฟนผมมาทำงาน โดยเพื่อนบอกกับผมว่าเพื่อนไปทำงานร้านป้าแล้วจะให้ผมเอาหนังสือมาตั้งขายจะได้มีรายได้กันหลายทาง ภายหลังผมกับเพื่อนมีปัญหาในเรื่องการทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัย ทำให้เพื่อนแยกตัวออกไปแล้วมาตั้งร้านหนังสือก่อน ซึ่งสุดท้ายขายไม่ค่อยดี เพื่อนจึงหยุดกิจการ
   ในระหว่างนั้นผมเองก็เคยปรึกษาป้าว่าจะเปิดร้านหนังสือ ถามลุงลุงเองก็เคยแนะนำว่าลองเอาไปขายดู ถ้าไม่มีหนังสือ เอาหนังสือป้าไปลองขายก็ได้ ซึ่งผมเองก็คิดว่าเป็นความคิดที่น่าสนใจ แต่ว่าเหตุการณ์ที่ทำให้ผมไม่มั่นใจที่จะปรึกษาหรือพูดคุยเรื่องร้านหนังสืออีกก็มีครับ อย่างเช่น ป้าให้ลูกของป้าไปดูร้านที่มาเปิดขายหนังสือ หรือตอนที่เพื่อนผมเปิดร้านใหม่ๆป้าก็ไม่เห็นด้วย ทำให้ผมเองก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน ใจหนึ่งก็อยากบอกป้าเหลือเกินว่าผมก็อยากทำ อยากลองดูสักครั้ง หาตังผ่อนรถ ช่วยปู่กับย่าที่ตอนนี้สร้างบ้านโดยลูกๆของย่าช่วยๆกันทำแต่ก็ยังไม่เสร็จสักที ทำความฝันที่อยากทำให้เป็นจริง อยากมีร้านหนังสือ อยากได้หนังสือมาเก็บไว้ (เพราะเปิดเป็นร้านแล้วมีโอกาสที่หนังสือจะมาหาเรามากกว่าที่เราจะไปเดินหาหนังสือ ซึ่งตอนนี้ก็ได้มาหลายเล่มแล้ว) อยากหาเงินให้น้องเรียน แฟนผมเองก็ไม่อยากขอที่บ้านแล้ว ผมมาอยู่ข้างนอกด้วย เพราะหนังสือที่เก็บเยอะเหลือเกิน ไม่มีที่เก็บแล้ว เก็บที่บ้านก็ปลวกกินไหนจะควันไฟเผาถ่าน ปัญหาสารพันครับ
   และสุดท้ายวันนั้นอยู่ในช่วงสอบซัมเมอร์ผมลองเปิดเว็บเล่นๆไปเจอเค้าเซ้งร้านหนังสือถูกๆ  โทรไปต่อลองเค้าขายให้สามหมื่น ผมมาปรึกษาแฟน แฟนโทรไปหาแม่ แม่แฟนก็ใจดี เปียแชร์เอาเงินมาให้ สาบานจากใจเลยครับทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ภายในเวลาสองวันร้านหนังสือเกิดขึ้น ผมกับแฟนตกลงกันว่า จะให้แฟนกลับไปทำงานร้านป้าเหมือนเดิมโดยจะให้แฟนไปบอกว่าผมเปิดร้านหนังสือแล้ว และไปเปิดที่เปิดท้าย แต่สิ่งที่ผมทำพลาดคือผมรีบโพสโฆษณาไปหน่อยลูกป้ารู้เข้าลูกป้าโทรมาในคืนนั้น  และทำให้แฟนไม่กล้าไป ลูกป้าก็มาที่ร้านพร้อมมานำเงินค่าชั้นวางไป(ผมค้างเงินป้าอยู่) และหักตังค์รายวันไปอีกวันละห้าสิบบาท แฟนก็รับผ้ามาขาย เรื่อยๆ แต่ที่เปิดท้ายคนไม่ค่อยเดิน ลูกค้าไม่ค่อยมี ผมเลยตัดสินใจว่าอยู่ที่นี้ต่อไปมีแต่จะจ่ายค่าล็อกไปเปล่าๆเงินที่ไม่มีก็จะยิ่งไม่มีใหญ่ ทำไงได้ล่ะครับ สุดท้ายก็ต้องมาขายที่ตลาดเดียวกับป้า ทั้งที่ใจจริงก็ไม่ได้อยากมาให้ป้ารู้สึกไม่ดี แต่ที่เล่ามาทั้งหมดผมอยากให้ป้าเข้าใจ ถึงความเป็นไป อยากขอร้องป้ากับลุง คำพูดของลุงวันนั้นยังอยู่ในใจผมอยู่ที่ว่า "ตามใจผมแล้วกันแต่ผมโตแล้วเรียนก็สูงน่าจะคิดได้" ผมคิดได้ครับว่ามันก็ไม่ค่อยถูกต้องนัก แต่ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะแข่งขันหรือแย่งลูกค้าป้าเลย ผมขายที่นี่ผมยังบอกลูกค้าไปร้านป้าเลย ผมก็บอกเค้ามาที่ร้านป้า ป้ากับลุงเป็นคนหนึ่งที่มีบุญคุณมากเหมือนกันครับ ผมไม่ลืมบุญคุณหรอกครับ แต่อยากให้ป้าเข้าใจเจตนาการขายของผมด้วยนะครับ หากป้า ลุง มีอะไรที่ผมช่วยได้ผมก็จะช่วย  อยากให้การเปิดร้านของผมครั้งนี้เหมือนร้านของลูกลุงกับป้าสักคนหนึ่ง  ยังคงเคารพเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนนะครับ 
   ในระหว่างนี้ เหตุการณ์ที่ไม่ค่อยดีก็มีมาเยอะเหลือเกินครับ ผมได้ยินข่าวหนาหูว่าผม โทรไปหาลูกค้าป้าเค้า ทั้งที่ส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาซื้อหนังสือร้านผมจะลูกค้าขาจร มีบ้างครับที่เป็นลูกค้าของป้า แต่ก็มาโดยบังเอิญไม่ใช่เพราะผมโทรตาม  ลูกค้าเหล่านั้นอาจไปพูดหรือถามร้านป้าว่า เห็นมีอีกร้านที่อีกตลาด ทำให้ป้าอาจเข้าใจผิดคิดว่าผมแอบอ้างชื่อ แต่ผมไม่เคยทำ อยากให้ป้าเข้าใจจริงๆครับ
   ที่ผมมาโพสกระทู้นี้เพียงแค่อยากถามความคิดเห็นในฐานะที่เป็นเด็กครับ อยากถามความเห็นจากผู้ใหญ่ว่าสิ่งที่ผมทำลงไปนั้น ผิดมากมายหรือไม่ หากผิดมากจนสังคมไม่อาจยอมรับได้ ผมเองก็จะหยุดเพียงเท่านี้ ขอความกรุณาทุกท่านที่ได้อ่านเรื่องนี้ ได้โปรดพิจารณา ช่วยผมคิด ช่วยผมหาทางออก ผมไม่อยากเป็นคนอกตัญญู แต่ผมก็อยากอยู่ในสังคมได้โดยไม่ลำบาก อยากให้ฟังความทั้งสองฝ่าย ผมเป็นเด็ก ผมทำได้แค่นี้ ท้ายที่สุดอยากยกคำกล่าวขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ตอนที่ที่พระองค์เผชิญกับนางจินจมารวิกา เป็นอุทาหร ว่า "ดูก่อนน้องหญิง คำที่เธอกล่าวนั้นมีแต่เพียงเราและเธอเท่านั้นที่รู้กัน" ให้ท่านได้คิดพิจารณา ว่าเหรียญมีสองด้านฉันใด โลกก็ย่อมมีสองด้านฉันนั้น ขอบคุณทุกท่านที่โปรดพิจารณา

ช่อ2012

ความรู้สึกมันอยู่ในอกอยากจะอธิบาย ไม่ขอออกความคิดเห็น แต่จะขอเป็นกำลังใจให้นะ
เครื่องแบบเปื้อนดินไม่มีกินแต่มีเกียรติ

เห็ดนางฟ้า

ผมว่าเรื่องแบบนี้ตอบยากนะครับ...มีหลายเงื่อนไข ทั้งเรื่องของความอยู่รอด และเรื่องของจิตใจ...แต่สุดท้ายทุกคนก็ต้องมองตนเอง และคิดถึงตนเองเป็นอันดับหนึ่ง ลองนึกภาพดูนะครับ สมมุติว่าคุณป้า-คุณลุง เอามือมาบีบจมูกคุณ คุณจะยอมหมดลมหายใจ หรือจะหาวิธีเอามือออกแบบนุ่มนวล ...ไม่มีใครตอบแทนได้หรอกครับ คุณเท่านั้นที่จะรู้ใจตัวเองดีที่สุด...ขอเป็นกำลังใจให้และโชคดี

puiey

ทำเถอะครับ สักวันเราต้องหาที่ใหม่ได้ แล้วค่อยย้ายทีหลัง อยากให้ลุงกะป้าใจกว้างหน่อย ใช่ว่าคนเพิ่งเคยรู้จักกัน
โกธรกับแฟน ขึ้นสเตตัส "โสด" ถ้าวันนึง แม่มึงโกธร มึงไม่ขึ้นสเตตัส "กำพร้า" เลยเหรอ

เด็กจนๆครับ

ขอบคุณทุกท่านที่แสดงความคิดเห็นและให้กำลังใจครับ ขอให้ประสบความสำเร็จทุกสิ่งที่หวังทุกอย่างที่คิดอันเป็นสิ่งที่ชอบประกอบด้วยธรรมครับ

เด็กใต้รักจริง

...น้ำหมึกปลายปากกา ไม่ได้สอนประสบการณ์ชีวิต...

Joke_EJ7

ถ้าผมรู้จัก ลุงกับป้า ผมจะปริ้นท์ ข้อความนี้ไปให้ลุงกับป้าอ่าน

ผมคิดว่า ท่านคงเข้าใจครับ เพียงแค่ท่านไม่อาจทราบได้
The man who never mistakes is the man who never do anythings.

''คนที่ไม่เคยทำอะไรผิด คือ คนที่ไม่เคยทำอะไรเลย''

เด็กจนๆครับ

อ้างจาก: Joke_EJ7 เมื่อ 11:01 น.  29 พ.ค 55
ถ้าผมรู้จัก ลุงกับป้า ผมจะปริ้นท์ ข้อความนี้ไปให้ลุงกับป้าอ่าน

ผมคิดว่า ท่านคงเข้าใจครับ เพียงแค่ท่านไม่อาจทราบได้
ผมเคยลองทำดูแล้วครับ แต่ผลที่ออกมาก็เป็นไปในลักษณะเดิมครับ ผมเลยถามความเห็นทุกท่านครับ ขอบคุณที่ให้กำลังใจครับ

อุ่นจัง

คิดดี ทำดี พูดดี ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ มีแต่ความเจริญแน่นอน ขอเป็นกำลังใจให้คนสู้ชีวิตอย่างเต็มกำลังครับ

เด็กจนๆครับ

อ้างจาก: อุ่นจัง เมื่อ 15:50 น.  31 พ.ค 55
คิดดี ทำดี พูดดี ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ มีแต่ความเจริญแน่นอน ขอเป็นกำลังใจให้คนสู้ชีวิตอย่างเต็มกำลังครับ
ขอบคุณมากครับ จะพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนรู้ แม้ว่าจะต้องใช้เวลายาวนานแค่ไหน

เด็กจนๆครับ

หลังจากที่เขียนเล่าเรื่องราวไปแล้ว ได้ระบายความรู้สึก ได้รับกำลังใจ และได้รับความคิดเห็น ผมมีกำลังใจขึ้นมาก แต่เหตุการณ์ก็ดำเนินไปตามวิถีของมันเรื่อยๆ อุปสรรคยังคงถาโถม โหมกระหน่ำ ผมเผชิญ แรงกดดันจากคนรอบข้าง หลายอย่างที่เข้าใจผิด มีคนกลางเข้ามายุแยงตะแคลงรั่วให้เรื่องเลวร้ายมากกว่าเดิม มีการประชดประชัน แข่งขันทางราคา ผมพยายามที่จะอดทน ผมคิดในใจเสมอว่า ผมเป็นเด็กคงไม่มีสิทธิที่จะพูดอะไรให้คนอื่นเชื่อถือได้ แต่ขอได้ไหมผู้ใหญ่ที่รับฟังข่าวสารมา กลั่นกรองสักนิด ถามสักครั้ง เพราะคนที่เรารู้จักแท้ที่จริง หน้าตาสดใส ดูแล้วจิตใจน่าจะมีคุณธรรม อาจเป็นแค่คนหน้าเนื้อใจเสือ วันนี้ผมเติบโตขึ้นอีกนิด จากประสบการณ์ที่มีค่า ขอบคุณทุกท่านมากครับ "ไม่ได้จะมาแข่งขันหรืออกตัญญูใครจริงๆครับ"

Kungd4d

 ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้ เป็นกำลังใจให้ครับ เพราะชีวิตคือการต่อสู้ครับ  ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้

พี่สาว

เป็นกำลังใจให้นะ สักวันก็คงจะดีเอง กาลเวลาย่อมกลืนกินทุกอย่าง
แค่เราคิดดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็คงจะเห็นเอง

wareerant

ถ้าผมเป็นลุงกับป้า ผมจะดีใจ ที่หลานรู้จักทำมาหากิน ถ้าคนมาซื้อหนังสือแล้วไม่เจอที่ต้องการ ก็จะบอกว่า ไปดูที่ร้านของหลานสิ เผื่อจะมี

ถ้าลูกค้ามาที่ร้านของหลานแล้วไม่เจอที่ต้องการ หลานก็บอกว่า ไปดูที่ร้านลุงกับป้าสิครับ อาจจะมี

คู่แข่งหรือคู่ค้า แล้วแต่จะมอง