กิมหยง - ตะลุงเว็บบอร์ด

มาอีกแล้ว!! ผีอำมาตย์-ผีรัฐประหาร : นงนุช สิงหเดชะ

วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555 เวลา 17:50:00 น.

Share411

แฟ้มภาพ

   

บทความพิเศษ

นงนุช สิงหเดชะ


ผลพวงจากการที่มีม็อบออกมาต่อต้านร่าง พ.ร.บ. (ที่อ้างว่า) ปรองดอง (ซึ่งเนื้อในคือการล้างผิด) จนฝ่ายรัฐบาลต้องยอมเลื่อนการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวออกไป

ประกอบกับการที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งให้สภาชะลอการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 นั้น ก่อให้เกิดปรากฏการณ์อย่างน้อย 2 อย่างจากฟากฝั่งของพรรคเพื่อไทย นั่นคือ

1. มีการปลุกผีอำมาตย์-ผีรัฐประหาร ขึ้นมาหลอน เพื่อปลุกระดมมวลชนอีกรอบหนึ่งเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน และ

2. คุณทักษิณ ที่เคยกล่าวกับมวลชนเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่แยกราชประสงค์ว่าจะวิดีโอลิงก์-โฟนอิน เป็นครั้งสุดท้าย และขอให้คนเสื้อแดงอยู่ในเรือ ไม่ต้องตามมา เพราะคุณทักษิณจะขอขึ้นรถยนต์ (ที่มีบิ๊กบังขับ) ไปขึ้นภูเขาต่อไป บัดนี้ได้หันกลับมาใช้บริการเรือแจวของคนเสื้อแดงอีกรอบหนึ่ง ด้วยการวิดีโอลิงก์มาหามวลชน เมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา

การปลุกผีอำมาตย์-ผีรัฐประหาร เป็นเครื่องมือที่ฝ่ายพรรคเพื่อไทยและมวลชนนำมาใช้โดยตลอด เมื่อใดก็ตามที่ความปรารถนาของตนเองไม่สำเร็จ

ทัศนคติของพรรคเพื่อไทยและมวลชนของพรรคเพื่อไทยที่มีต่อศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระอื่นๆมักมีลักษณะ 2 มาตรฐานมาโดยตลอด

นั่นคือ ถ้าตัดสินเข้าข้างฝ่ายของตนเอง ก็สรรเสริญและยอมรับ เช่น กรณีเมื่อไม่นานมานี้ ที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเป็นคุณกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ กรณีพระราชกำหนด 2 ฉบับคือ พ.ร.ก.กู้เงินแก้ปัญหาน้ำท่วม 3 แสนล้านบาท และ พ.ร.ก.โอนหนี้ไปให้แบงก์ชาติไม่ขัดรัฐธรรมนูญ โฆษกพรรคเพื่อไทยได้ออกมาสรรเสริญศาล

แต่เมื่อสัปดาห์ก่อน ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้สภาชะลอการพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลับมีการออกมาโจมตีอย่างรุนแรง (เช่นเคย) และมีการอ้างว่าเป็นแผนของอำมาตย์เพื่อล้มรัฐบาล (อีกแล้ว)

ถ้าจะไม่ยอมรับศาลรัฐธรรมนูญ ควรจะไม่ยอมรับไปโดยตลอด ไม่ใช่คดีไหนดีกับตัวก็ยอมรับ อันไหนตัวเองเสียประโยชน์ก็ไม่ยอมรับ

ศาลรัฐธรรมนูญในสายตาคนเหล่านี้มีดีอยู่ชุดเดียว คือชุดที่วินิจฉัยให้คุณทักษิณหลุดพ้นคดีซุกหุ้นเมื่อปี 2544 จนได้เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ไม่น่าจะหลุดไปได้ และก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดวิกฤตมาจนถึงปัจจุบัน เพราะตอนนั้นดูเหมือนศาลจะได้รับแรงกดดันจากมวลชนของพรรคไทยรักไทยจนต้องตัดสินใจไปอย่างนั้น

นักการเมืองพรรคการเมือง ที่ไม่เคารพศาล ไม่เคารพองค์กรอิสระ พยายามบ่อนเซาะศาลยุติธรรมและองค์กรอิสระ ในภายภาคหน้าจะเชื่อได้อย่างไรว่าจะเคารพประชาชนและกระทั่งคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศเหนือกว่าประโยชน์ของพรรคและพวกพ้อง

เอาแต่ก่นด่าว่ารัฐประหารทำให้ประเทศไม่เจริญแต่การที่พยายามบ่อนเซาะทำลายศาลยุติธรรมและองค์กรอิสระ จะทำให้ประเทศเจริญได้อย่างไรและแบบไหน ในเมื่อนิสัยคอร์รัปชั่นยังฝังรากลึก



เรื่องการปลุกผีรัฐประหารก็เช่นกัน เห็นหมอเหวงกับนายจตุพร กุเรื่องรัฐประหาร สร้างพล็อตละครชวนสะเทือนใจถึงขนาดว่าจะมีการอุ้มตัวนายกฯ ยิ่งลักษณ์ไปไว้ที่เซฟเฮ้าส์กรมทหารราบที่ 11 หลายคนฟังแล้วถึงกับหัวเราะน้ำตาเล็ด เพราะถือเป็นตลกชิ้นเอกที่สุดประจำปีก็ว่าได้ ยิ่งดูหน้าตาหมอเหวงออกแอ๊กชั่นแล้ว ต้องหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง

นับจากรัฐประหารปี 2549 หากใครไปย้อนอ่านข่าว ก็จะได้ทราบว่า นายจตุพรได้กล่าวอ้างว่าจะมีการรัฐประหารนับครั้งไม่ถ้วน ครั้งนี้อ้างว่าแหล่งข่าวจากทหารแตงโม เป็นคนมากระซิบ ครั้งก่อนหน้านั้นก็อ้างว่าหน่วยข่าวกรองสหรัฐเป็นคนกระซิบบอก ซึ่งก็ถูกสถานทูตสหรัฐออกมาปฏิเสธทันควัน แต่ก็นับว่าเก่งที่นายจตุพร พูดไม่จริงตั้งหลายครั้งยังมีคนเชื่อ ทั้งๆ ที่ก็โดนจับได้จังๆ มาแล้วกรณีตัดต่อคลิปเสียงว่านายอภิสิทธิ์สั่งฆ่าประชาชน

คงไม่มีใครเขากล้ารัฐประหาร เพราะแกนนำบอกเองไม่ใช่หรือว่ารัฐประหารเมื่อไหร่จะนำคนเสื้อแดง 2 แสนออกมาสู้ ถ้าจับตัวนายกฯ ยิ่งลักษณ์ไปเมื่อไหร่จะเอาคน 2 แสน ไปบุกกรมทหารราบที่ 11 เพื่อช่วยนายกฯ ออกมา

แต่ว่าคงมีอยู่กรณีเดียวเท่านั้นที่จะทำรัฐประหารได้ นั่นคือทำรัฐประหารเพื่อช่วยรัฐบาล มีบางคนตั้งข้อสังเกตว่า เป็นไปได้หรือเปล่าว่าพอรัฐบาลเห็นว่าวิธีออกกฎหมายนิรโทษกรรมและแก้รัฐธรรมนูญทำท่าจะไม่สำเร็จ ก็อาจใช้วิธีรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งเสียเลย แล้วเขียนขึ้นใหม่ให้เป็นประโยชน์กับรัฐบาล (พล็อตนี้เข้าท่ากว่าเยอะ)

สมมุติว่าถ้าเกิดมีการรัฐประหารแล้ว ไม่มีคนเสื้อแดงไปต่อต้าน อาจสันนิษฐานได้ว่า นั่นคือการรัฐประหารเพื่อช่วยรัฐบาล



เคยทำนายไว้ก่อนหน้านี้แล้วตั้งแต่ตอนที่คุณยิ่งลักษณ์ไปเข้าพบ พล.อ.เปรม ซึ่งมีคนตั้งข้อสังเกตว่าไปปรองดองกับอำมาตย์ว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่ฝ่ายของคุณทักษิณเดินหน้า พ.ร.บ. ปรองดองไม่สำเร็จเพราะมีม็อบออกมาต่อต้าน ก็จะต้องหันกลับมาโทษอำมาตย์ เล่นงานศาลและองค์กรอิสระ ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริง เพราะโฟนอินครั้งล่าสุดที่เมืองทองธานีก็เปิดฉากโจมตีศาลรัฐธรรมนูญแล้ว

ปัญหาสำคัญในขณะนี้เป็นเพราะฝ่ายรัฐบาลถือว่าเมื่อมีเสียงข้างมากแล้วจะทำอะไรก็ได้ แต่ต้องอย่าลืมว่าระบอบประชาธิปไตยและเสียงข้างมากนั้นต้องทำสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม มีคุณธรรม โปร่งใส และกระทั่งต้องไม่ทำร้ายกระบวนการยุติธรรมซึ่งเป็นฐานรากของประเทศ

ที่ผ่านมาจะเห็นว่าคุณยิ่งลักษณ์ทำงานได้โดยสะดวก ไม่มีฝ่ายตรงข้ามไปก่อกวนขับไล่ นายกฯ สามารถเดินทางไปได้ทุกพื้นที่แม้แต่ภาคใต้หรือแม้แต่กรุงเทพฯ ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ของพรรคเพื่อไทย นั่นเป็นเพราะว่ามวลชนฝ่ายตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทยเขาใจกว้างและเคารพกติกา (ผิดกับมวลชนพรรคเพื่อไทยที่ตามราวีนายอภิสิทธิ์แม้เป็นฝ่ายค้านแล้ว เช่น กรณีปลายปีที่แล้ว นายอภิสิทธิ์ลงพื้นที่ช่วยชาวบ้านที่น้ำท่วม คนเสื้อแดงยังมาตะโกนด่า) ตราบใดที่รัฐบาลยังไม่ทำอะไรล้ำเส้น เขาก็ไม่ออกมาแสดงปฏิกิริยา จะบริหารแย่ยังไง เช่น ปัญหาน้ำท่วม ของแพง เขาก็ไม่ออกมาขับไล่ แต่ตอนนี้ถือว่ารัฐบาลล้ำเส้นแล้ว นั่นคือการเสนอ พ.ร.บ.ปรองดองและแก้ไขรัฐธรรมนูญ

แต่หวั่นใจว่าหลังจากนี้หากรัฐบาลยังดึงดัน นายกฯ อาจไปไหนมาไหนไม่ได้สะดวก อาจจะเจอสภาพเดียวกับที่นายอภิสิทธิ์เจอ และถ้ารัฐบาลคิดจะใช้คนเสื้อแดงมาคอยเป็นองครักษ์ เวลาเดินทางไปไหนมาไหน ยิ่งจะเป็นภาพที่ไม่สง่างาม และย้ำให้เห็นว่านายกฯ ไม่ได้เป็นนายกฯ ของคนทั้งประเทศ เป็นแค่นายกฯ ของคนเสื้อแดง และไม่เกิดภาพความปรองดองอย่างที่รัฐบาลมักอ้าง

นอกจากนี้ จะทำให้เกิดภาพเปรียบเทียบระหว่างนายกฯ ยิ่งลักษณ์กับอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ เพราะตอนนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ และถูกเสื้อแดงคุกคามขัดขวางการทำงานตลอด 2 ปี นายอภิสิทธิ์ไม่มีคนเสื้อเหลืองหรือมวลชนที่สนับสนุนไปคอยคุ้มกันหรือเป็นตัวช่วย นี่ก็จะเกิดภาพเปรียบเทียบอีกว่าใครเป็นประชาธิปไตยมากกว่ากัน

ขณะเดียวกันการที่คนเสื้อแดงเคลื่อนไหวเพื่อกดดันคุกคามตุลาการ จะยิ่งทำให้รัฐบาลนี้ดูมีความน่ากลัว เพราะจะเป็นรัฐบาลที่ไม่มีองค์กรไหนมาตรวจสอบถ่วงดุลได้แม้จะทำผิด

ดูๆ ไปแล้วในตอนนี้ ไม่แน่ใจว่าเรามีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

แต่ที่แน่ๆ คือเรามีระบอบ "ม็อปธิปไตย" หรือการปกครองโดยม็อบของฝ่ายรัฐบาล

...............



ที่มา:มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 15-21 มิถุนายน 2555 ...คลิกสมัครสมาชิก

ไอ้เหลี่ยม จะกลับมาโดยไม่รับผิด ฝันไปเถอะ