ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

บันทึกคนเดินทาง : ฉบับลงเรือเลน้อยเเละตามตาวันลาลับที่ตะลุมพุก

เริ่มโดย คุณาพร., 16:53 น. 20 มิ.ย 55

คุณาพร.

บันทึกคนเดินทาง : ฉบับลงเรือเลน้อยเเละตามตาวันลาลับที่ตะลุมพุก (14 - 16 มิถุนายน 2555)

ถ่ายภาพประกอบ  :  อ.คุณาพร ไชยโรจน์

#not66 #not66 #not66 #not66 #not66



เรื่องเล่าตำนาน ตำนานบ้านทะเลน้อย

ความเป็นมาในอดีต

บ้านทะเลน้อย เป็นหมู่บ้านหนึ่งในตำบลพนางตุง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง มีตำนานเล่าสืบมาว่า เมื่อสมัยที่ทะเลน้อยยังไม่เป็นทะเล บริเวณนี้เป็นป่าดงตะเคียนและมีและมีพรุอยู่ทั่วไป ประชาชนได้ตั้งบ้านเรือนอยู่ทางทิศใต้ของบ้านทะเลน้อย ปัจจุบัน เรียกชื่อว่า บ้านกล้วย บ้านกลาง ต่อมาในสมัยอยุธยาเสียแก่พม่าครั้งที่ 2 พ.ศ. 2310 พระเจ้าตากสินทรงกู้เอกราชตั้งกรุงธนบุรีเป็นเมืองหลวง ทรงทราบว่ามีป่าต้นตะเคียนอยู่มากในที่นี้ จึงสั่งให้เจ้าเมืองพัทลุงต่อเรือรบเป็นจำนวนมาก เพื่อส่งเข้าไปยังเมืองหลวง จึงได้เกณฑ์ราษฎรมาตัดฟันไม้ตะเคียนเพื่อนำไปต่อเรือ สถานที่ต่อเรือครั้งนั้นเล่ากันว่า คือ บริเวณที่วัดป่าเลไลยก์ ตำบลลำปำ และที่วัดเขียนบางแก้วในปัจจุบัน พอถึงฤดูแล้งน้ำในพรุแห้ง ไม้ที่ตัดทิ้งไว้ก็แห้ง ต่อมาเกิดไฟป่าหรือคนอาจจุดขึ้น ไหม้ป่าดงตะเคียนจนเป็นทุ่งโล่ง เมื่อถึงฤดูฝนตกหนัก น้ำไหลลงไปรวมกันในดงตะเคียนและน้ำได้พัดพาโคลนตมไปทางทิศใต้ทับถมบ้านกล้วย บ้านกลาง ประชาชนจึงได้อพยพบ้านเรือนขึ้นไปตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของทะเลน้อย คือ บ้านทะเลน้อยในปัจจุบัน
           จะเห็นได้ว่าตำนานบ้านทะเลน้อย เป็นตำนานสถานที่ โดยการนำสภาพธรรมชาติรวมกับประวัติท้องถิ่น จึงทำให้เรื่องสับสนเกินความเป็นจริงที่จะเชื่อได้ การอ้างประวัติศาสตร์ก็เพื่อให้ตำนานสมจริง อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะเป็นเพียงตำนานที่เล่าต่อ ๆ กันมา แต่ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่ง ก็คือ บ้านกล้วย บ้านกลางซึ่งเป็นชุมชนเริ่มแรกต้องร้างไป เพราะที่ตั้งเป็นที่ลุ่มน้ำและโคลนท่วมถึง จึงต้องย้ายขึ้นมาตั้งที่บ้านทะเลน้อย

(อ้างอิงข้อมูล  :  http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=1778.0)


เลน้อยวันนี้




เพื่อนร่วมทาง(คุณพี่สาว)




ทริปนี้สนุกสนานกันมาก.......ได้ อ.อำพร เป็นนายหัวเรือ  #not47







ส-ดีใจ ส-ดีใจ ส-ดีใจ ส-ดีใจ ส-ดีใจ ส-ดีใจ

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

ลงเล  ดูบัว  ดูนก  ธรรมชาติเเท้ๆเจ้า ^^







เกาะกลางน้ำ....น่าซื้อมาปลูกขะหนำ



อันนี้พระตำหนักที่เลน้อย.......

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

ตำนานทะเลน้อย

           
           ขุนวิจารณ์จรรยา อดีตศึกษาธิการจังหวัดพัทลุง เคยเล่าให้ฟังว่า เดิมทะเลน้อยเป็นที่ลุ่ม มีไม้ตะเคียนขึ้นอยู่หนาแน่น ต่อมาเกิดไฟไหม้ป่าเป็นบริเวณกว้างขวาง สันนิษฐานว่าเมื่อประมาณ 400 ปีมาแล้ว ยังมีตอไม้ตะเคียนขนาดใหญ่เหลืออยู่เป็นจำนวนมาก นานปีเข้าถูกโคลนตมทับถม ขุดลึกไปจากผิวน้ำประมาณ 2 เมตร ก็จะพบตอไม้เหล่านี้เหลืออยู่ในทะเลน้อยอีกเป็นจำนวนมาก สายน้ำจากคลองตลิ่งชัน คลองป่าพะยอม ไหลมาลงที่ลุ่มแห่งนี้ กลายเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่เรียกชื่อแอ่งน้ำนี้ว่า ทะเลน้อย
           นายสุข ทองพูลเอียด อดีตกำนันตำบลพนางตุงเขียนในหนังสือประวัติวัดทะเลน้อย กล่าวถึงคำบอกเล่าของขุนทิพย์โอสถหรือขุนพลโยธา นายกองที่คุมพลไปรบไทรบุรี ที่สอดคล้องกันว่าฒคนเฒ่าคนแก่ก่อนๆ นั้นเล่าว่าสมัยหนึ่งเมื่อประมาณ 700 ปีมาแล้ว พระเจ้ากรุงสุโขทัยแผ่อำนาจลงมาทางปักษ์ใต้ และต่อมาเรียกว่าภาคใต้ ได้เกณฑ์ให้เจ้าเมืองเกณฑ์ราษฎรตัดฟันต้นไม้มา
           ต่อเรือรบเพื่อลำเลียงพลไปตีหัวเมืองมลายูทางใต้ การตัดไม้มาต่อเรือในครั้งนั้นได้มาตัดไม้ตะเคียนในป่าที่เป็นทะเลน้อยเดี๋ยวนี้ ส่วนเจ้าเมืองที่เกณฑ์ราษฎรมานั้นจะเป็นเจ้าเมืองพัทลุง หรือเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชไม่ปรากฏชัดเจน ครั้นต่อมา 1-2 ปีหลังจากทางการได้เกณฑ์ให้ราษฎรตัดไม้ตะเคียนต่อเรือในครั้งนั้นเองฝนเกิดแล้งเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน แม้ถึงฤดูฝนฝนตกน้อย แต่เมื่อพ้นฤดูฝนแล้วมันแล้งเอาจริงๆ เป็นเวลาหลายเดือน เป็นอยู่อย่างนี้ทั้ง 3 ปีติดต่อกันจึงเกิดไฟไหม้ป่าขึ้น เฉพาะป่าที่เป็นป่าขึ้น เฉพาะป่าที่เป็นทะเลน้อยนี้ไฟไหม้อย่างแรงเพราะปลายไม้ตะเคียนที่ตัดทิ้งที่ตัดทิ้งเอาไว้เป็นเชื้อไฟอย่างดี ตามว่าไฟได้ไหม้ลึกลงสู่พื้นดินบางแห่งตั้งเมตรครึ่งก็มี กว้าง ยาว เป็นเนื้อที่หลายพันไร่พอฝนตกน้ำขังในที่แห่งนี้ก็กลายเป็นบึงกว้างใหญ่ต่อมาในบึงก็เป็นที่อยู่อาศัยของฝูงจระเข้ ช้างป่า กระบือฝูงเหยียบย่ำผัด1 มัน นานวันเข้าที่แห่งนี้จึงค่อยๆ ลึกลงไปและกว้างออกไปทุกทีเมื่อเป็นคลื่น คลื่นก็เซาะตลิ่งออกไปบ้างจนทุกวันนี้ (พ.ศ. 2498) ทะเลน้อยยังกว้างออกไปอีกตลอดเวลา เมื่อข้าพเจ้ายังหนุ่มๆ เคยเที่ยวไปในทะเลน้อยและทะเลสาบได้พบเห็นตอไม้ตะเคียนและขอนไม้อื่นๆ เช่น ของไม้ตำเสา มีอยู่เกือบทั่วไปในทะเลน้อยและริมทะเลสาบนี้ แสดงให้เห็นว่าเคยเป็นป่าดงไม้ตะเคียนและไม้อื่นมาก่อน (***1ผัดเป็นภาษาท้องถิ่นหมายถึง การเหยียบ ย่ำ ลุย บด จนแหลก***)

(อ้างอิงข้อมูล  :  http://www.dnp.go.th/tln/history1.htm)





****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.


****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

ศาลบนเกาะกลางเลน้อย  :  ที่สิงสถิตของเทวะเเห่งผืนน้ำนาม "ทวดเเม่นางเรียม"
ดังมีตำนาน  ดังนี้

ตำนานทวดจระเข้คลองนางเรียม

เป็นความเชื่อของชาวจังหวัดพัทลุง สืบเนื่องไปจนถึง ตำบลบ้านขาว อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา  เนื้อความในตำนานบอกเล่าว่า สมัยก่อนทวดจระเข้ชื่อ ?ทวดตาขุนคำ? อยู่ครองรักกับ ?ทวดนางเรียม? อย่างเป็นสุข ครั้งกาลต่อมา ทวดตาขุนคำแอบไปมีภรรยาน้อยอยู่ฝั่งระโนด รู้ถึงหูของทวดนางเรียมภรรยาหลวง นางจึงเดินทางตามสามีมาขึ้นฝั่งที่ระโนด ซึ่งการเดินทางก็ยากลำบากยิ่งนัก เนื่องด้วยไม่มีลำคลองให้ว่ายน้ำตาม นางจึงใช้ลำตัวและหัวมุดดำดิน เพื่อให้เกิดเป็นทางน้ำ จากนั้นจึงเดินทางไปหาสามี จนกระทั้งสำเร็จเกิดเป็นคลอง เรียกกันติดปากว่า ?คลองนางเรียง? ดังปรากฏในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ความเชื่อของชาวบ้านตำบลบ้านขาว อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา ที่เกี่ยวข้องกับทวดเรียม หรือทวดคลองนางเรียม ยังมีเล่ากันมาแต่ครั้งรุ่นปู่ย่าตาทวดว่า ภายในคลองนางเรียมมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันถือเป็นเทวดาประจำถิ่น  สถิตหรือพำนับอยู่  เรียกว่า  ?ทวดเรียม?  หรือ  ?ทวดคลองนางเรียม?  ซึ่งทวดของที่นี่จะแสดงรูปในลักษณะครึ่งเทวดาครึ่งสัตว์  กล่าวคือ  ทวดคลองนางเรียมในความเชื่อของชาวบ้านที่นี่แสดงรูปลักษณะของจระเข้น้ำจืดขนาดยักษ์ 

สืบเนื่องด้วยเชื่อกันว่าคนในสมัยก่อนเคยเห็นทวดเรียมเป็นจระเข้ใหญ่มีขนาดของส่วนหัวจรดปลายหางเทียบเท่ากับความกว้างของคลองนางเรียมพอดิบพอดี  ชาวบ้านเชื่อกันว่าจระเข้ดังกล่าวไม่ทำอันตรายต่อคนเพราะเป็นจระเข้ศักดิ์สิทธิ์หรือจระเข้เจ้าเรียกว่า ?ทวดคลองนางเรียม?นอกจากนี้ชาวบ้านเชื่อว่าหากขอพรกับทวดคลองนางเรียมแล้วจะทำให้ทำไรทำนาได้ผลผลิตดี สัตว์เลี้ยงไม่ล้มป่วยและตายลงด้วยโรคระบาด  นอกจากนี้ในสมัยก่อนคนที่อำเภอระโนดจะนิยมเดินทางไปซื้อวัว ซื้อควาย ซื้อสัตว์เลี้ยงเพื่อทำการเกษตรที่จังหวัดพัทลุงหรือในพื้นที่ใกล้เคียง  ขากลับจึงเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องต้อนฝูงสัตว์เหล่านั้นเดินผ่านข้ามคลองนางเรียม  ดังมีความเชื่อแต่ครั้งเก่าก่อนสืบทอดกันมาว่า  ?หากผู้ใดจะนำฝูงสัตว์ข้ามคลองนางเรียมต้องกระทำการบอกกล่าวให้ทวดคลองนางเรียมรู้เสียก่อน  ด้วยการลอยหมากพลูขอขมาแก่ทวด  ไม่เช่นนั้นฝูงสัตว์จะไม่เดินย่ำเท้าข้ามลำคลองเด็ดขาด?

(อ้างอิงข้อมูล  :  http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=248.0)






นี่ครับ ทวดเเม่นางเรียม  หรือทวดจระเข้คลองนางเรียม








ผู้เขียนกับรูปประติมากรรมทวดเเม่นางเรียม  หรือทวดจระเข้คลองนางเรียม กลางเกาะทะเลน้อย






อีกนิดดดด......กับตำนานทวดจระเข้ในภาคใต้ของประเทศไทย  #not66


ทวดจระเข้ กับคติทางความเชื่อในแบบไทยถิ่นใต้
                                                     
จระเข้(crocodile)  คำๆนี้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 หน้า 290 อธิบายความหมายเอาไว้ว่า  ?จระเข้(จอระ-) น.  ชื่อสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ในวงศ์ Crocodylidae อาศัยบริเวณปากน้ำ หนังเป็นเกล็ดแข็งปากยาวและปลายปากนูนสูงขึ้นเป็นช่องเปิดของรูจมูกเรียกว่า ก้อนขี้หมา  หางแบนยาวใช้โบกว่ายน้ำ มักหากินในน้ำ  ในประเทศไทยมี 3 ชนิดคือ

1.จระเข้บึง  จระเข้น้ำจืด หรือจระเข้สยาม(crocodylus siamensis) 
2.จระเข้อ้ายเคี่ยม  หรือจระเข้น้ำเค็ม(c. porosus) 
3.จระเข้ปากกระทุงเหว หรือตะโขง (tomistoma schlegelii) ,ตะเข้ หรือ อ้ายเข้ ก็เรียก,อีสานเรียก แข้,ปักษ์ใต้เรียก เข้
                             
สวนสัตว์สงขลา อธิบายความหมายและรูปลักษณะของจระเข้น้ำเค็มหรือจระเข้อ้ายเคี่ยม ว่า จระเข้น้ำเค็ม ชื่อสามัญ salt-water crocodile ส่วนชื่อวิทยาศาสตร์ของจระเข้น้ำเค็มเรียกว่า crocodylus porosus ปากมีลักษณะเรียวยาวไม่มีเกล็ด 4 เกล็ดบนท้ายทอย  ขนาดยาวเฉลี่ยประมาณ 5.50 เมตร น้ำหนักประมาณ 600 กิโลกรัม สีลำตัวค่อนไปทางสีเหลืองอ่อน มีนิสัยดุร้ายและเป็นอันตรายต่อคน จัดเป็นจระเข้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด หากโตเต็มที่จะยาวประมาณ 9 เมตร  ถิ่นอาศัยบริเวณน้ำกร่อยแถวปากแม่น้ำ ป่าชายเลนซึ่งเป็นน้ำนิ่งและลึกพอประมาณ พบกระจายตั้งแต่ชายฝั่งทะเลทางตะวันออกของอินเดีย  ศรีลังกา  บังคลาเทศ  พม่า
ไทย  มาเลเซีย  อินโดนีเซีย  เวียดนาม  ฟิลิปปินส์  และทางตอนเหนือของออสเตรเลีย  ส่วนอาหารของจระเข้น้ำเค็มคือ จระเข้  นก  และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ได้แก่  หมูป่า  สมเสร็จ  เป็นต้น
                             
จระเข้ คือสัตว์ขนาดกลาง เป็นสัตว์ประเภทครึ่งบกครึ่งน้ำที่คนไทยเราทุกยุคทุกสมัยรู้จักกันเป็นอย่างดี  โดยเฉพาะจระเข้ร้ายที่ชื่อ ชาละวัน อันเป็นตัวเด่นในเรื่อง ไกรทอง ซึ่งชาละวันนี้เองเป็นจระเข้ที่สามารถแปลงกายให้เป็นคนก็ได้ จัดเป็นจระเข้เจ้าที่ฤทธิ์มาก  แต่ถึงจะมีฤทธิ์มากอย่างไรเสียก็มาพ่ายแพ้ให้แก่ความเก่งกล้าสามารถของ ไกรทอง หมอจระเข้หนุ่มฝีมือดีเมืองพิจิตรอันเป็นพระเอกในเรื่อง  นอกจากชาละวันแล้วจระเข้ที่มีผู้นิยมกล่าวถึงมากอีกตัวหนึ่งก็คือ ?ไอ้ด่างเกยชัย? หรือ ไอ้ด่างคลองบางมุด อันเป็นจระเข้ขนาดยักษ์  ออกอาละวาดไล่กัดกินคนเป็นอาหารในช่วงปี พ.ศ.2507 ในพื้นที่คุ้งน้ำละแวกคลองบางมุด  อำเภอหลังสวน  จังหวัดชุมพร

ไอ้ด่างคลองบางมุด เป็นจระเข้ที่ชาญฉลาดมันรู้ว่าเมื่อไรควรออกล่าและเมื่อไรควรหลบหนี  ชาวบ้านคลองบางมุดถึงกับขนานนามให้มันว่า จระเข้ปีศาจ หรือ จระเข้ผีสิง เลยทีเดียว
                             
ในหนังสือ ?ชีวิตสัตว์ป่านานาชนิด? ของ ?ตัณติมา  ประภาวิชัย?  หน้า 78-81
ได้กล่าวอ้างถึงนักสัตวศาสตร์ชาวอังกฤษชื่อ เมริกัน ว่า  อเมริกันได้กล่าวว่าจำพวกจระเข้มีด้วยกัน 6 ชนิดคือ

1.อัลลิกาเตอร์(alligator) 
2.ไกมัน(caiman) 
3.โกรโกไดลัส(crocodiles)
4.โอสติโอเลมัส(osteolemus) 
5.กาไวเอลิส(cavialis) 
6.โตมิสโตมา(tomistoma)

จระเข้ในเมืองไทยเป็นแบบโกรโกได เนื่องด้วยมีความยาวของกระดูกกรามได้ 1 เท่าครึ่ง ขนาดกว้างของต้นกรามประเภทหนี่ง และอีกประการหนึ่งนั้นเขี้ยวยาวของมันพ้นขึ้นไปเหนือกรามข้างบน  โดยเฉพาะจระเข้ที่อาศัยอยู่ตามปากน้ำรอยต่อของทะเลจะมีขนาดใหญ่ที่สุดคือยาวถึง 20 ฟุตเลยทีเดียว?
                             
ทวด(tuad)  หมายถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ซึ่งชาวไทยถิ่นใต้และคนในรัฐทางตอนเหนือของประเทศมาเลเซีย ในหมู่ชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยอันเรียกตนเองว่า ?ไทยสยาม? ให้ความเคารพนับถือเป็นประหนึ่งผีบรรพบุรุษ หรือดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อันนำมาสู่ความเจริญงอกงาม
                             
ในพจนานุกรมภาษาถิ่นใต้พุทธศักราช 2525  หน้า165  ได้ให้ความหมายของคำว่าทวดว่า  ทวด  หมายถึง

1.พ่อ แม่ ของปู่ ย่า ตา ยาย,บรรพบุรุษ หรือผู้มีบุญวาสนาที่ล่วงลับไปแล้ว
2.สัตว์ที่มีอายุมาก ตัวใหญ่ หรือมีลักษณะพิเศษเชื่อว่าเป็นพญาสัตว์ ชาวบ้านถือว่าศักดิ์สิทธิ์ เช่น จระเข้ทวด  งูทวด  ช้างทวด  เสือทวด  เป็นต้น 

นอกจากนี้ในหนังสือเรื่อง ศึกษาพัง ในคาบสมุทรสทิงพระ จังหวัดสงขลา หน้า 64 ของ ทรงพรรณ  สังฆะโต ยังได้อธิบายความหมายของคำว่าทวดไว้เพิ่มเติมว่า  ทวด  หมายถึง  วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านเชื่อถือ  เช่น  ภูติผีปีศาจ เทวดา  โดยมีความเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้จะสามารถดลบันดาลให้เกิดความสุขหรือทุกข์ภัยแก่มนุษย์ได้หากผู้ใดปฏิบัติได้ถูกต้อง  ความเคารพต่อสิ่งที่ตนเองนับถือก็จะเกิดผลดี แต่หากผู้ใดดูหมิ่นหรือล่วงละเมิดก็จะดลบันดาลให้เกิดผลร้าย
                             
ทวดจระเข้  หรือ  จระเข้ทวด   จัดเป็นทวดในอีกรูปลักษณะหนึ่ง  เป็นประเภททวดครึ่งเทวดาครึ่งสัตว์ ซึ่งในคติทางความเชื่อในแบบไทยถิ่นใต้ล้วนเชื่อกันว่าเป็น
จระเข้ศักดิ์สิทธิ์ หรือ เข้เจ้า (จระเข้เจ้า)  อันมีดวงวิญญาณของบรรพชนสถิตอยู่  มีอำนาจที่จะสามารถให้คุณแก่ผู้ทำการสักการบูชาและให้โทษแก่ผู้ทำการลบหลู่ดูหมิ่นได้  เป็นต้น 

รูปลักษณะของทวดจระเข้   
                         
จากคำเล่าลือรวมถึงตำนานชาวบ้านเล่าปากต่อปากรุ่นสู่รุ่นมาว่า  ทวดจระเข้มีลักษณะเป็นจระเข้ใหญ่  มีดวงตาเป็นสีแดงสุก หากได้จ้องมองในยามค่ำคืนจะดูคล้ายเปลวไฟสองดวงลุกไหม้แลดูน่าเกรงขาม  ทวดจระเข้มีลักษณะของส่วนลำตัวที่ใหญ่และยาวมากตามคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ชาวเลในจังหวัดสงขลาว่า ทวดหัวเขาแดง ที่แสดงอยู่ในรูปของจระเข้ใหญ่นั้นมีลักษณะที่ใหญ่มากพอๆกับเรือหาปลา  แต่ครั้งพอจ้องมองดูไปนานๆเข้าทวดก็จะหายไปกับความมืด  นอกจากนี้ในตำนานของทวดเรียม  หรือทวดคลองนางเรียมซึ่งเป็นทวดที่แสดงอยู่ในรูปของจระเข้ใหญ่ด้วยเช่นเดียวกันนั้นก็ปรากฏว่าเป็นจระเข้ที่มีขนาดใหญ่มากโดยมีความยาวจากหัวจรดปลายหางเท่ากับความกว้างของคลองนางเรียมพอดี  จึงพอสรุปได้ว่ารูปลักษณะของทวดจระเข้นั้นจะมี 2 สิ่งที่แตกต่างจากจระเข้โดยทั่วไปคือ

1.ทวดจระเข้มีขนาดใหญ่กว่าจระเข้ในแบบธรรมดามาก 

2.ทวดจระเข้มีดวงตาเป็นสีแดงสุกคล้ายเปลวไฟลุกไหม้

อายุของทวดจระเข้
                             
ในเรื่องอายุของทวดจระเข้หรือจระเข้ทวดนี้ดูจะคล้ายๆกันกับงูทวดกล่าวคือ  เนื่องด้วยชาวไทยถิ่นใต้ล้วนมีคติทางความเชื่อว่าเมื่อเกิดเป็นทวดจระเข้แล้วก็จะดำรงคงเป็นทวดจระเข้ตลอดไป  ดวงวิญญาณไม่มีวันดับสลายหรือแตกสลายหายไปแต่ประการใด  อายุของทวดจระเข้ก็จะเพิ่มทวีขึ้นไปเรื่อยๆไม่มีวันแตกดับและยังคงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวไทยถิ่นใต้ให้ความเคารพสักการบูชาเรื่อยมาจวบจนยุคปัจจุบัน

ถิ่นที่อยู่ของทวดจระเข้
                 
สำหรับในเรื่องถิ่นที่อยู่หรือที่สถิตของทวดจระเข้นี้ก็ปรากฏเป็นคติทางความเชื่อที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละพื้นที่  กล่าวคือ  ชาวบ้านตำบลหัวเขา  อำเภอสิงหนคร  จังหวัดสงขลาเชื่อว่าทวดหัวเขาแดง  สถิตอยู่ในบริเวณทะเลปากน้ำเมืองสงขลา
                             
ชาวบ้านตำบลบ้านขาว  อำเภอระโนด  จังหวัดสงขลา  เชื่อว่าทวดคลองนางเรียมสถิตอยู่ในบริเวณคลองนางเรียม
                             
ชาวบ้านตำบลเกาะใหญ่  อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา เชื่อว่าทวดแหลมจาก สถิตอยู่ในบริเวณถ้ำใหญ่ในพื้นที่ของหมู่ที่ 1 อันถือเป็นถ้ำศักดิ์สิทธิ์
                             
ชาวบ้านบริเวณควนท่าข้าม หรือ ควนพุนพิน  จังหวัดสุราษฎร์ธานี  เชื่อว่าทวดท่าข้าม หรือ พญาท่าข้าม  สถิตอยู่ในบริเวณควนท่าข้าม และในแม่น้ำตาปี หรือ แม่น้ำหลวง เป็นต้น

ทวดจระเข้  อำนาจความศักดิ์สิทธิ์และการบวงสรวงบูชา
                             
เป็นความเชื่อเฉพาะถิ่นใต้ว่าการบูชาทวดจระเข้จะก่อให้เกิดโชคลาภนานับประการ  อาทิ  คนที่มีอาชีพหาของป่าหากบูชาทวดจระเข้ก็เชื่อว่าจะทำให้หาของป่าได้ในปริมาณที่มากกว่าเดิม  คนที่ออกทะเลหาปลาหากบูชาทวดจระเข้ก็จะทำให้สามารถหาปลาได้ในปริมาณที่มากกว่าเดิมด้วยเช่นเดียวกัน  นอกจากนี้ยังเชื่อว่าทวดจระเข้จะช่วยคุ้มครองและปกป้องให้แคล้วคลาดจากอันตรายต่างๆนานารอบด้าน  ส่วนการบวงสรวงบูชาทวดจระเข้นั้นก็มีความเชื่อที่เหมือนกันบ้างแตกต่างกันบ้างออกไปในแต่ละพื้นที่  กล่าวคือ 
                             
ชาวบ้านตำบลหัวเขา  อำเภอสิงหนคร  จังหวัดสงขลา  จะทำกรบวงสรวงบูชาทวดหัวเขาแดงด้วยการลอยหมากพลู หรือจุดประทัด
                             
ชาวบ้านตำบลบ้านขาว  อำเภอระโนด  จังหวัดสงขลา  จะทำการบวงสรวงบูชาทวดคลองนางเรียมด้วยการลอยหมากพลูลงในคลองนางเรียม  แต่ไม่ปรากฏว่ามีการจุดประทัดแต่ประการใด 
                             
ส่วนการบูชาทวดจระเข้ในสถานที่อื่นๆนิยมการตั้งเครื่องเซ่นไหว้ด้วยอาหารคาวหวาน  หมากพลู  ข้างตอกดอกไม้แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละบุคคลไป

ตำนานเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับทวดจระเข้
                             
ตำนาน(legend)  หมายถึงเรื่องราวอันมีมานมนานและเล่าขานสืบทอดต่อๆกันมาโดยส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวเข้าทำนองประวัติศาสตร์  ประวัติต่างๆที่ซึ่งอาจจะมีการเพิ่มเติมเสริมแต่งเนื้อเรื่องในบางตอนอันเกี่ยวข้องกับอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เข้าไปด้วยเพื่อตอบสนองความเชื่อและพลังศรัทธาเชื่อถือในตำนานบทนั้นๆ  ซึ่งในเรื่องตำนานเล่าขานเกี่ยวกับทวดจระเข้ก็ปรากฏพบว่าเกิดรูปแบบทางความคิด  รูปแบบทางความเชื่อที่ซึ่งแพร่หลายในสังคมของชาวไทยถิ่นใต้  ในทิศทางที่สอดคล้องสัมพันธ์กันบ้างขัดแย้งกันบ้าง  ผู้เขียนจึงใคร่ขอนำเสนอรูปแบบทางความคิดรูปแบบทางความเชื่อในแง่ตำนานเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับทวดจระเข้ที่ซึ่งแพร่สะพัดในสังคมของชาวไทยถิ่นใต้ไว้เพื่อสำหรับเป็นกรณีศึกษาแก่ท่านผู้สนใจสักเล็กน้อย  ดังต่อไปนี้

ทวดแหลมจาก
                             
เป็นความเชื่อของชาวบ้านตำบลเกาะใหญ่  อำเภอกระแสสินธุ์  จังหวัดสงขลา ตำนานทวดแหลมจากมีดังนี้กล่าวคือ  ภายในอาณาบริเวณของหมู่ที่ 1  ตำบลเกาะใหญ่  อำเภอกระแสสินธุ์  จังหวัดสงขลา  ปรากฏว่ามีถ้ำใหญ่อยู่แห่งหนึ่งที่ซึ่ง ณ ถ้ำแห่งนี้เองชาวบ้านล้วนเชื่อกันว่าภายในถ้ำมีทรัพย์สมบัติ  แก้วแหวนเงินทอง  ถ้วยชามที่เป็นทองคำฝังเอาไว้อยู่ภายในเป็นจำนวนมาก  และภายในถ้ำนี้เองปรากฏว่ามีจระเข้ใหญ่  ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นจระเข้เจ้าและศักดิ์สิทธิ์

พร้อมทั้งขนานนามให้ว่า  ?ทวดแหลมจาก?  มีหน้าที่เฝ้าปกปักรักษาทรัพย์สมบัติดังกล่าวอยู่  คนแต่ครั้งโบราณหรือชาวบ้านในสมัยก่อนจะสามารถเข้าไปหยิบยืมทรัพย์สมบัติต่างๆของทวดแหลมจากได้แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องนำมาคืนในระยะเวลาที่กำหนด  ครั้งกาลต่อมามีคนพาลเข้าไปหยิบยืมทรัพย์ของทวดแล้วไม่ได้นำไปคืนให้  ทวดแหลมจากจึงโกรธและปิดถ้ำลงด้วยหินก้อนขนาดใหญ่ตรงบริเวณปากทางเข้าถ้ำ  ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครสามารถเข้าไปหยิบยืมทรัพย์สมบัติของทวดได้อีก  แต่ชาวบ้านในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวก็ยังเชื่อว่าทวดแหลมจากในรูปของจระเข้ทวดขนาดใหญ่ยังคงสถิตอยู่ภายในถ้ำแห่งนั้น

ทวดท่าข้าม  หรือ  ทวดพญาท่าข้าม
                             
เป็นความเชื่อของชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี  ตำนานทวดท่าข้าม  หรือทวดพญาท่าข้าม  มีดังนี้กล่าวคือ  เชื่อกันว่าทวดท่าข้ามเป็นจระเข้ใหญ่มีถิ่นที่อยู่อาศัยภายในบริเวณวังน้ำของควนท่าข้าม  หรือควนพุนพิน  จังหวัดสุราษฎร์ธานี  กล่าวกันว่าทวดท่าข้ามเป็นเทวดากึงสัตว์มีฤทธิ์เดชแก่กล้าสามารถ  ยามใดที่แผดเสียงคำรามฟ้าดินจะสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งบาง  อยู่มาวันหนึ่งทวดท่าข้ามคิดถึงสาวคนรักนาม  ?แม่ศรีขวัญทอง?  อันเป็นนางพญาจระเข้มีที่สถิตอยู่ ณ วังวนตรงบริเวณปากคลองอีปันซึ่งเชื่อมต่อกับแม่น้ำตาปี(แม่น้ำหลวง)  เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วทวดท่าข้ามจึงได้กระโจนลงน้ำแหวกว่ายกระแสธารเดินทางไปหาแม่ศรีขวัญทองในทันที  แต่ปรากฏว่าขณะเดียวกันนั้นเอง  ทวดยอดน้ำ หรือ  พญายอดน้ำ ซึ่งเป็นงูทวดขนาดใหญ่(บ้างก็ว่าเป็นงูเทวดา)  ก็เกิดมาชอบพอกับแม่ศรีขวัญทองอยู่เช่นเดียวกัน  จึงเกิดการต่อสู้นองเลือดของสองพญาสัตว์ขึ้น  หลายวัน  หลายคืน  นานเข้าจนน้ำในลำคลองขุ่นข้นไปด้วยกระแสโลหิตของพญาสัตว์ทั้งสอง  ในที่สุดทวดยอดน้ำเริ่มอ่อนแรงลงจนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และจำต้องล่าถอยกลับไป  เนื่องด้วยสายโลหิตอันแดงฉานที่ปกคลุมบริเวณพื้นที่ดังกล่าวยังผลให้พื้นดินเปลี่ยนเป็นสีแดงจึงได้ชื่อ บ้านย่านดินแดง หรือ
อำเภอพระแสง  จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในปัจจุบัน
                             
ทวดยอดน้ำ  หรือ  พญายอดน้ำ นั้นคนโบราณแทนด้วยลำคลองอีปันอันคดเคี้ยวไหลลงมาจากภูเขา  ฤดูน้ำหลากน้ำจะเชี่ยวกรากเป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับผู้สัญจรโดยทางเรือ  ทวดท่าข้าม  หรือ  พญาท่าข้าม แทนด้วยแม่น้ำตาปี(แม่น้ำหลวง)  ส่วนแม่ศรีขวัญทองอันเป็นนางพญาจระเข้นั้นแทนด้วยจุดบรรจบของแม่น้ำทั้งสองสายนัยจะบอกให้รู้ว่าคลองอีปันหรือทวดยอดน้ำนั้นพ่ายแพ้ถอยล่นกลับไปเพราะช่วงฤดูน้ำหลากมีแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆเพียงเท่านั้น

ทวดโต๊ะหินขวาง
                               
เป็นความเชื่อของชาวจังหวัดกระบี่  เรื่องราวของตำนานทวดโต๊ะหินขวางมีดังนี้กล่าวคือ  นานมาแล้วในจังหวัดกระบี่มีชายยากจนคนหนี่งชื่อ ?สูเฉม? มีอาชีพจับปลาในคลองกระบี่ใหญ่(คลองใหญ่)  สูเฉมทำมาหากินด้วยความขยันขันแข็งเรื่อยมา จนในที่สุดก็พบรักกับสาวงามนามว่า สูฝาย แต่เนื่องด้วยสูเฉมมีฐานะยากจนไม่มีเงินทองพอที่จะไปสู่ขอสาวคนรักได้  จึงได้เดินทางมาทำการ บน ต่อศาล โต๊ะหินขวาง อันเป็นศาลเจ้าเล็กๆตั้งอยู่ริมคลองกระบี่ใหญ่ ซึ่งตรงกลางของคลองกระบี่ใหญ่นี้เองมีแนวหินดานพาดผ่านร่องน้ำจึงได้ชื่อตามลักษณะปรากฏว่า หินขวาง  สูเฉมทำการบนบานต่อศาลโต๊ะหินขวางว่า  ต้องการขอให้เจ้าที่ซึ่งก็คือ ทวดโต๊ะหินขวาง ทำการช่วยขอให้ตนนั้นจับปลาได้ในปริมาณมากๆ  เพื่อจะได้นำไปขายได้เงินมาแต่งงานกับสาวคนรักได้  ในขณะเดียวกันนั้นเองลึกลงไปจนสุดก้นคลองอันเป็นวังน้ำลึกมีจระเข้น้อยใหญ่อาศัยอยู่หลายพันตัว  ตัวที่เป็นเจ้าที่เจ้าวังดังกล่าวปรากฏกายในรูปลักษณ์ของจระเข้ใหญ่ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นทวดจระเข้ หรือจระเข้เจ้า เรียกว่า ?ทวดโต๊ะหินขวาง?  ซึ่งทวดโต๊ะหินขวางเองก็รับรู้ถึงแรงอธิษฐานของสูเฉมดีจึงนำพาบริวารนับได้หลายพันตัวช่วยกันไล่ต้อนปลาในคลองกระบี่ใหญ่มารวมกันบริเวณโต๊ะหินขวาง  ฝ่ายสูเฉมจึงตั้งจิตอธิษฐานต่อว่าหากปลาตัวใดถึงที่ตายแล้วก็ขอให้ว่ายขึ้นมาบนโต๊ะหินขวาง  ในที่สุดสูเฉมก็สามารถตักปลาได้จนเต็มลำเรือเมื่อนำปลาไปขายแล้วสามารถมีเงินมากพอที่จะไปสู่ขอสาวคนรักได้  หลังจากนั้นผู้คนก็นิยมมาบนบานต่อศาลโต๊ะหินขวางกันอย่างแพร่หลาย


ทวดจระเข้ที่หัวเขาแดง

ตามความเชื่อของชาวบ้านในตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ล้วนมีความเชื่อในเรื่องอำนาจความศักดิ์สิทธิ์ของ "ทวดหัวเขาแดง" กันทั้งสิ้น ว่าเป็นประดุจดั่งเทวดาประจำสถานที่อันพำนับอยู่ในบริเวณหัวเขาแดงหากใครต้องการอะไรก็ขอให้มาทำการ "บน" ก็จะได้สมดั่งใจต้องการ ดังมีตำนานพื้นบ้านเล่าขานสืบต่อกันมาว่า ทวดหัวเขาแดง เดิมเป็นชายชราชาวจีนเดินทางมาจากผืนแผ่นดินใหญ่มุ่งสู่จังหวัดนครศรีธรรมราชโดยเรือสำเภาขนาดใหญ่ ด้วยเป็นคนมีความเลื่อมใสศัทธาในพระพุทธศาสนายิ่งจึงนำทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาลติดมาด้วยเพื่อนำมาร่วมบรรจุลงในพระบรมธาตุเมืองนครศรีธรรมราช แต่โชคไม่ดีที่เรือสำเภามาล่มบริเวณปากน้ำทางเข้าเมืองสงขลาเสียก่อน ดวงวิญญาณของท่านเมื่อตายไปก็มิได้หนีหายไปไหนยังคงวนเวียนอยู่ในบริเวณดังกล่าวในรูปของจระเข้ใหญ่ ชาวบ้านเรียก "จระเข้ทวด" หรือ "ทวดจระเข้" และเชื่อกันว่าทวดหัวเขาแดงในรูปของจระเข้ใหญ่จะคอยมาเฝ้าปากน้ำเมืองสงขลา คอยดูแลชาวบ้านมิให้เกิดอันตรายจากสัตว์ร้ายต่างๆได้ รวมทั้งป้องกันคลื่นลมในทะเลให้กับชาวบ้านยามออกเรือหาปลา ดังนั้นก่อนที่ชาวบ้านในบริเวณดังกล่าวจะออกเรือจับปลาหรือสัตว์น้ำใดๆก็ตามจึงต้องบอกกล่าวขอความคุ้มครองจากทวดหัวเขาแดงก่อนเสมอ ด้วยการลอยหมากพลู บ้างก็จุดประทัดก่อนออกเรือ เป็นต้นซึ่งปัจจุบันความเชื่อดังกล่าวก็ยังมีให้เห็นอยู่


(ภาพ  :  ทวดหัวเขาเเดง หรือทวดจระเข้หัวเขาเเดง / สงขลา)
ที่มาของภาพประกอบ / ทวดหัวเขาเเดง  : http://gimyong.com/talung/index.php?topic=80775.0



ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องจระเข้ที่คุณอาจยังไม่เคยรู้มาก่อน

                           
จระเข้กับความฝัน  ในตำราทำนายฝันเชื่อกันว่าถ้าฝันเห็นจระเข้ตาย จะมีเคราะห์ร้ายเข้ามาหาตัว  เพื่อนสนิทจะคิดร้ายและทรัพย์สินจะเสียหาย
                           
หากถูกจระเข้กัดอย่าให้จิ้งจกเลียแผล  เชื่อว่าหากถูกจิ้งจกเลียแผลแล้วจะตาย
                           
จระเข้กับก้อนหินในท้อง  เชื่อกันว่าหากจระเข้เดินทางผ่านวังน้ำใดก็ตามแต่  มันจะต้องกลืนก้อนหินขนาดเท่าไข่ไก่กลมเกลี้ยงไว้ในท้อง 1 ก้อน  ดังนั้นหากทำการผ่าท้องของจระเข้ออกมาแล้วพบก้อนหินจำนวนเท่าใด  ก็เชื่อกันว่าก้อนหินจะเป็นตัวบ่งบอกว่าจระเข้ตัวนั้นได้เคยเดินทางผ่านวังน้ำมาแล้วเป็นจำนวนเท่ากับก้อนหินในท้องของมัน
                     
หินในท้องของจระเข้  เชื่อกันว่าหากเอาหินที่ได้จากท้องของจระเข้ไปใส่ลงในตุ่มน้ำจะทำให้ปลอดภัยจากโรคห่า(อหิวาตกโรค)รวมถึงโรคมาลาเรีย,โรคไข้ป่า  เป็นต้น

อ้างอิงจากหนังสือ  ทวด ในรูปสัตว์ (ทวดงู,ทวดจระเข้,ทวดช้าง และทวดเสือ)  ของ คุณาพร ไชยโรจน์


*******เขียน,เรียบเรียง                        คุณาพร  ไชยโรจน์
*******ถ่ายภาพประกอบ                      กิตติพร  ไชยโรจน์

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

สวยที่สุด ณ เกาะกลางน้ำ(รึเปล่า / ฮา)  #not28







ควายที่เลน้อย........




****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

ใกล้จะออกทะเลกันเเล้วเว๊ยเฮ๊ยยย.......... #not28









ดงบัวพาเพลินๆๆๆๆๆๆๆ.........








เม็ดบัวเเบบสดที่สุด!!!......ไปเก็บกันกลางเลน้อย  ทานกันสดๆ  สุดยอดดดดด  #not47







****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

คุณพี่สาวทั้งสอง......สวยซะ(กำลังพยายามสวย)  อิอิ  #not28 #not31



เดินทางไปเเหลมตะลุมพุกกัน  #not65





****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

ถึงล่ะ......เเหลมตะลุมพุก  #not66

แหลมตะลุมพุก แหลมทรายรูปจันทร์เสี้ยวที่ยื่นไปในอ่าวไทย บริเวณตอนบนสุดของอำเภอปากพนัง ด้านที่ติดกับทะเลในหรืออ่าวนคร เป็นชุมชนชาวประมงส่วนด้านอ่าวไทยเป็นหาดทรายยาวขนานไปกับทิวสนทะเลมีร้านจำหน่ายของที่ระลึก อาหารทะเลแปรรูป ร้านอาหารริมหาดมีส่วนแสดงเหตุการณ์ในอดีตครั้งเกิดมหาวาตภัยจากพายุโซนร้อนแฮเรียตเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2505 ซึ่งทำให้ชาวแหลมตะลุมพุกสูญหายไปกว่า 1300คน นับเป็นที่ท่องเที่ยวที่ให้ทั้งบรรยากาศชายทะเล ชิมอาหารทะเลสดๆและร่วมย้อนอดีตกันในพื้นที่ที่เกิดเหตุการณ์จริง

(อ้างอิงข้อมูล  :  http://www.siamfreestyle.com/travel-attraction/nakornsritammarat/talumpuk-cape.html)


เเหลมตะลุมพุกวันนี้  #not65







****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

เส้นทางลับ......สู่สุดเเหลมตะลุมพุก(ไปเเลตาวันตกดินกัน / สวยมากๆ)  #not47






















จบล่ะ   ส.ยกน้ิวให้

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

dj cop

            " ขอขอบคุณ สมาชิก คุณาพร  ที่พาร่วมเดินทางไปเลน้อย และแหลมลุมพุก  โดยทาง on line  รายละเอียดดี ๆ เยอะมาก  วันหลังต้องทำตัวให้ว่าง จะมาอ่านให้ละเอียดทุกตัวอักษรที่หน้าจอ  ทั้งสองสถานที่เราเคยไปมาแล้ว  แต่ก็นานมาแล้วเช่นกัน  ไปเลน้อยพัทลุงถ้าใช้เส้นทางจากระโนด ก็ต้องผ่านสะพานลอยข้ามน้ำ ข้ามทะเล  บรรยากาศสวยงามมาก  น่าจะเป็นสะพานที่ยาวที่สุดในประเทศ  บริเวณสะพานจะมีช่องไหล่ทางขยายเป็นระยะ ๆ  สามารถที่จะจอดรถ กินลม ชมวิว  จับภาพพระจันทร์ พระอาทิตย์ได้  ถ้ายิ่งบรรยากาศตอนเย็น  โรมานซ์มากกกกก ( ถ้าใครพาเพื่อนสาวไปเพื่อบอกรัก หรือขอแต่งงาน  น่าจะจบแบบ แฮปปี้ แอนด์ ดิ้ง 555 )  แนะนำนิดนึงเผื่อใครใช้บริการเส้นทางสายนี้   เมื่อขับรถข้ามทะเลมาสักระยะ เข้าแผ่นดินใหญ่เขตอำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง จะเจอร้านอาหารที่บริเวณทางโค้ง ชื่อร้านครูไพ (สามกัก สี่กัก ไม่แน่ใจ)   เป็นร้านอาหารที่ปลูกสร้างเป็นอาคารไม้ยื่นไปในบ่อปลาขนาดใหญ่   บรรยากาศดี     มีอาหารพืื้นบ้านหลากหลาย รสชาดดี  ( ไม่ต้องนั่่งกินที่พื้น 55555)  เขาเรียกปลาโอนหรือเปล่าไม่แน่ใจ ตัวบาง ๆ เนื้อหวาน ๆ  ทอดจนกรอบ พร้อมน้ำจิ้ม แซ่บอย่างแรง  แกงส้ม ต้มยำ ก็ผ่าน  ถ้าใครไปเที่ยวเลน้อยลองแวะชิมแล   ไปเลน้อยต้องไปเที่ยวตอนหน้านกน้ำ   ถ้าไปหน้าอื่นจะเจอแต่ควายน้ำ 5555    พูดถึงแหลมลุมพุกบ้าง ไปครั้งแรกและครั้งเดียวเมื่อหลายปีก่อน   สองข้างทางจะเป็นนากุ้ง   บ้านที่เราไปเยี่ยม  หลังประสบปํญหาในการเลี้ยงกุ้ง  เขาก็นำบ่อที่นากุ้งมาเลี้ยงปูนิ่มแทน   โดยรับซ้อปูจากชาวบ้านที่หาได้แถวนื้น  นำมาขุน  วิธิการก็คือนำแกลอนน้ำมันขนาด 5 ลิตร เจาะรู  ร้อยให้เป็นแพในนากุ้ง  เอาปูที่ได้มาใส่ลงไป  ถังละตัว  แต่ละวันก็นำเศษปลา ลูกปลา ให้เป็นอาหาร  เลี้ยงจนได้ขนาดก็นำส่งขายตามแหล่งรับซื้อทั่วไป    ตกกลางคืน บ้านที่เราพักอยู่บริเวณบ่อกุ้ง ( น่าจะเรียกว่าบ่อปู)  เราต้องกางมุ้งกินข้าวกัน  ( อย่าคิดมากท่านสมาชิก web )   คุณยุงทั้งหลายนับได้เป็นแสนเป็นล้านตัว มันมาแย่งกินข้าวกับเราด้วย  กว่าจะตักข้าวใส่ปากแต่ละคำ  เมื่อยมือ เจ็บใจ และเจ็บตัวไปตาม ๆ กัน  ถ้าไม่กางมุ้งคงไม่ต้องกินกัน    ด้วยลักษณะพื้นที่ของแหลมลุมพุก  เป็นแหลมที่ยื่นรับคลื่นรับของที่มาจากทะเล   มีอาชีพนึงที่เราไม่เคยรู้มาก่อนถ้าไม่ไปแหลมลุมพุก  อาชีพที่ว่าน่าจะเป็น ไซค์ไลน์  คือตอนเช้ามืดที่ชายหาด  จะมีชาวบ้านที่ตื่นเช้าข้ึนมาเดินหาสิ่งของต่าง ๆ ที่คลื่นทะเลซัดมา เกยฝั่ง  อะไรก็ได้ที่พอจะนำไปแลกเป็นเงิน  พลาสติค เชือกขนาดใหญ่ ๆ  ขวดเหล้า ขวดไวน์สวย ๆ  ไม้แผ่น  9ล9 ( ไม่รู้สาว ๆ คลื่นเคยซัดมาฝากบ้างหรือเปล่า เอาแบบร่างดี ๆ ตัวอุ่น ๆ น่ะ  5555 )    เพื่อนเล่าให้ฟังว่า  มีคุณป้าไซค์ไลน์คนนึง  แกก็ไปเดินหาของที่ชายทะเล  วันนั้นแกเดินไปเจอกระดาษ ใบสี่เหลี่ยม มีรูปใครไม่่รู้หน้าตาคล้างฝรั่ง  ตัวหนังสือก็ไม่รู้ภาษาอะไร อ่านไม่ออก   เต็มหาดไปหมดชายหาด  เก็บเล่นมาได้ปึกใหญ่ เดินฉีกเล่นที่ริมทะเล   กลับมาถึงบ้าน  ดูละครดูข่าวภาคคำ่ สมัยนั้นมีการบอกอัตตราการแลกเปลี่ยนเงินใน TV    " ฉิบหายแล้ว !!!  ที่กูเดินฉีกพล่านไปทั้งเล  มันเบี้ยฝรั่งดอลล่าร์นี่หว่า   ตายโหงแล้วฉาบรวยไปกู 555555  "  ตอนนั้นดอลล่าร์ก็ประมาณ 50 กว่าบาท   ช่วงนั้นมีเหตุการณ์บริษัทขุดเจาะน้ำมันขนาดใหญ่ของต่างชาติโดนพายุที่แท่นเจาะกลางะเลในอ่าวไทย "สงสัยเบี้ยเงินเดือนพวกทำงานในแท่นเจาะขุดน้ำมันม่ายไม่รู้  ถ้าแกไม่เดินฉีกเล่น ป่านี้ได้ออกวีโก้ปายแดงแล้ว "  จบได้ล่ะน่ะ รีวิว ทางใน ตอนทีเราเป็นวัยทีน   ขอขอบคุณท่านกิม คุณคุณาพร  และชาวกิมหยง  ขอให้มีความสุข ส.โบยบิน ส.โบยบิน ส.โบยบิน ส.โบยบิน ส.โบยบิน

นายไข่นุ้ย

บ่าวไปมาแล้ว ลงเรือด้วย สุดยอดมาก   ใครยังไม่ได้ไป มีเวลาว่างเชิญ คะร้าบบบบบ ส.หัว ส.โบยบิน ส.สู้ๆ ส.ยกน้ิวให้
DO YOU KNOW ME? I AM A CAT 28 YEARS. AND YOU?    แมวแท้สู (แมวยิ้ม)

dj cop

     "  ไข่นุ้ย  ไปต่อไดหล่่าว  ชวนเราไปมั่ง  เราเลี้ยงเอง  สูถ้าจ่าย 666666 " ส.โบยบิน ส.โบยบิน ส.โบยบิน ส.โบยบิน ส.โบยบิน

คุณาพร.


****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

powerphone2522

พิมพ์ข้อความผิดพลาดประการใดขออภัยมาน่ะที่นี้ด้วยครับ

นายไข่นุ้ย

อ้างจาก: dj cop เมื่อ 19:17 น.  21 มิ.ย 55
     "  ไข่นุ้ย  ไปต่อไดหล่่าว  ชวนเราไปมั่ง  เราเลี้ยงเอง  สูถ้าจ่าย 666666 " ส.โบยบิน ส.โบยบิน ส.โบยบิน ส.โบยบิน ส.โบยบิน
ส.ก๊ากๆ ส.หัว ส.โบยบิน
DO YOU KNOW ME? I AM A CAT 28 YEARS. AND YOU?    แมวแท้สู (แมวยิ้ม)

พี่โต

อยากไปมากแต่ยังไม่มีเวลา อยู่ในระหว่างบริหารเวลาอยู่จ้า

ซูชิ

อะหลายเอ่ย  ตัวดำ ๆ  มีเขา 2 เขา  หางชี้ ๆ  ปากยื่น ๆ  ใครทายถูก  เก๋งเก่ง !

IT 24 Hours

อ.คุณาพร ไม่ลองงมหม้อ ไหโบราณในทะเลน้อยดูละครับ
ผมเคยเห็นชาวบ้านเจอ หม้อใส่ผี มียันต์ติด เหมือนในหนังเปี๊ยบเลย
หมอผี จับผีมาถ่วงน้ำเยอะน่าดู

คุณาพร.

อ้างจาก: Hatyai Memory เมื่อ 11:16 น.  05 ต.ค 55
อ.คุณาพร ไม่ลองงมหม้อ ไหโบราณในทะเลน้อยดูละครับ
ผมเคยเห็นชาวบ้านเจอ หม้อใส่ผี มียันต์ติด เหมือนในหนังเปี๊ยบเลย
หมอผี จับผีมาถ่วงน้ำเยอะน่าดู

^

^

^

^

ไม่เสี่ยงดีกว่าครับ อิอิอิ    ส.ดุดุขำขำ

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

Bush

       
        ทำบุญแรกไปแถวระโนด ญาติ ๆ ไปวัดกัน เลยเอารถกะบะพี่เขยมาลุยเที่ยว กะชวนเพื่อนที่อ.บ.ต.ไปกินข้าวเลน้อยด้วย

       ไป อ.บ.ต.ไม่ถูกเลยแวะเทศบาลระโนด เอา GPS ของพวกก่อน  ส.หัว ส.หัว

        [attach=1]
       
             ตั้งได้ที่ก็ไปกันล่ะ

        [attach=2]

        เจอพวก   ที่ อ.บ.ต. ก็ยาวเลย

        [attach=3]

             แวะกินข้าวที่บ้านสามกั๊ก ก่อนเข้าทะเลน้อย

        [attach=4]

        [attach=5]

             อยากกินแกงส้มปลากลด(ใส่ก้านบัว) สั่งหม้อไฟได้เป็นถ้วย ก็อร่อยดี

        [attach=8]


             ยาวเลยไฟล์เที่ยวเลน้อยไม่รู้ไปไหน  แต่มีของอาจารย์แล้วก็โอเค   ส.หัว

        แวะริมทางขากลับ

        [attach=6]

                        มาฉลองต่อที่บ้าน อ.บ.ต. ยาวเกือบทั้งคืน    ส.ก๊ากๆ

                                               ส.บ๊ายบาย