ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

เรื่องเล่า เจ้าสี่ขา กับ Mr.No ตอน : ยักษ์ใหญ่เกรทเดน

เริ่มโดย Mr.No, 16:16 น. 07 ส.ค 55

Mr.No

[attach=1]

วันนี้...พอจะมีเวลาว่าง ก็เลยอยากเขียนอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องสัตว์เลี้ยงในลักษณะ เล่าสู่ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ก็น่าจะคลายเครียดดี โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่ทุกอย่างมัน ร้อน! ไปหมด ตั้งแต่ แดดแผดจ้า...จนมาถึงการเมือง และเรื่องใกล้ตัวอย่าง สามสี่จังหวัดใต้...

ก่อนหน้าผมเขียนเกี่ยวกับเรื่องนก(ไม่ใช่น้องนก) เพราะตัวเองเป็นคนชอบศึกษา..และสรรหามาเลี้ยง จนกระทั่งบัดนี้ก็เริ่มจะโรยรา..เลี้ยงนกลง เพราะเวลา...และ ภาระ

นอกจาก "นก" แล้ว สัตว์เลี้ยงที่ผมเลี้ยงมาตลอดชีวิตก็คือ  เหล่าสี่ขา ที่แปลว่า "ผู้มีเล็บงาม" หรือ  "หมา!" นี่ละครับ
วันนี้เลยอยากเล่าเรื่อง "หมาๆ" ในฐานะผู้เคยเลี้ยงและ "เล่าสู่" กันเพลิน ๆ มิใช่ เล่าในฐานะ "ผู้รู้" หรือ "กูรู" นะครับ

ถ้านับเนื่องถอยหลังไปตั้งแต่มนุษย์ยุคหินมาจนยุค นายกปู (แวะไปจนได้) ก็ยังไม่มีนักชีววิทยาคนไหนบอกได้ว่า "หมา" กับ "คน" สัตว์โลกสองสปีชี่ส์นี้ ใครมีวิวัฒนาการที่ล้ำหน้ากว่ากัน...

นับแต่ลืมตาดูโลกมาจนบัดนี้ ..ผมจำไม่ได้แล้วว่า เลี้ยงหมามากี่สายพันธุ์ ...กี่ตัว... รู้แต่ว่า เลี้ยงตั้งแต่หมาที่ใครก็บอกว่า "ฉลาดสุดๆ " อย่างพวก เยอรมันเชพเพอด,ลาบราดอร์ มาจนถึงสายพันธุ์ที่ใครๆ มักนินทากันว่าออกจะ "โง่"  อย่างเจ้ายักษ์โย่ง ที่มีนามว่า "เกรทเดน" ซึ่งผมขอยืนยัน..นอนยันด้วยประสบการณ์ที่เลี้ยงมาแล้วว่า    เจ้ายักษ์ใหญ่นี่ ไม่ได้ "โง่!" แบบที่หลายคนครหา...ทว่า  ความจริงแล้วก็คือ  มนุษย์นี่ละที่โง่กว่า...เพราะมักจะคิดว่า หมาควรจะมีสมองแบบมนุษย์ ...และถ้าหมาตัวไหน คิดไม่เหมือนมนุษย์ตนนั้น...ก็ถูกข้อหา "โง่" จน หมาเองก็ยัง "งง"!???

ผมเลี้ยงหมาเกรทเดนมาจนชั่วอายุของมัน เลี้ยงกันหลายสี แต่ตั้ง พวก ขาวดำ,กะปิ, และทีดูเป็นไทย ๆ หน่อยก็คือพวกสีฟอนหรือสีลูกวัว

สมัยก่อนนั้น เกรทเดน ถูกนำเข้ามาเลี้ยงเฉพาะในรั้วบ้านของ ผู้มีอันจะกิน เพราะสนนราคาค่าตัวของเจ้ายักษ์ปักหลั่นนี่..สมัยก่อนว่ากันทีเป็น แสนบาท!

อ๊ะ ๆ อย่าอมยิ้มนะครับ  เพราะเงินแสนบาท เมื่อเกือบสี่ห้าสิบปีที่แล้วนั่น ลองเทียบกับสมัยนี้..บอกได้คำเดียวว่า "ตาลุก!"

ในยุคสี่ห้าสิบปีที่ผ่านมา ..เจ้าพ่อเกรทเดนอย่าง เจ้าสัวโชคชัย บุลกุล เจ้าของธุรกิจฟาร์มโชคชัย นี่ก็ต้องถือว่าเป็น แฟนพันธุ์แท้หมาเกรทเดน เพราะแกเล่นสั่งเข้ามาเลี้ยงและเพาะพันธุ์กันอย่างเอาจริงเอาจังในยุคนั้นเลยทีเดียว

สมัยที่ผมยังเป็นเด็ก ๆ จำได้ว่า มีเจ้าของโรงแรมใหญ่แห่งหนึ่ง นำลูกหมาเกรทเดนมาเลี้ยง ทราบจากคนเลี้ยงว่า เป็นสุนัขนำเข้ามาจากอเมริกา สีเปรอะ ๆ ขาวดำที่ฝรั่งเรียกว่าสี ฮาริควิน 

[attach=2]

ครั้งแรกที่เห็นหมาพันธุ์นี้ ...ผมถึงกับอึ้ง ในความสูงใหญ่ของมัน.. และฉายา "ไอ้ทึ่ม" ที่ผมได้ยินครั้งแรกสำหรับคนเลี้ยงหมาตัวนี้ ที่ให้ฉายามัน เหตุเพราะชอบยืนเหยียบเท้า(ตีน) คนเลี้ยงบ่อยครั้ง

เรื่องเกรทเดน กัดคนนั้นคงมีข่าวน้อยมาก...เพราะสายพันธุ์นี้..ไซส์ขนาดนี้ ถ้าเกิดมีนิสัยดุร้าย คงน่ากลัวพิลึก...

แต่ถ้าใครที่ไม่เคยโดนหมาพันธุ์เกรทเดนเหยียบตีน ก็ขอให้นึกถึงภาพของลูกวัวตัวย่อม ๆ กำลังยืนย่ำอยู่บนหัวแม่เท้าของคุณ ..ก็คงพอจะเลา ๆ อารมณ์ความหงุดหงิดนั้นได้ไม่น้อยทีเดียว

ว่างๆ จะแวะมาเล่าเรื่อง หมายักษ์พันธุ์ ต่อนะครับ.
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

Mr.No

มาต่อนะครับ...


สำหรับนักเลี้ยงหมา..โดยเฉพาะในหาดใหญ่ ในห้วงเวลานี้ แทบจะมีน้อยมากที่จะคุ้นชื่อสุนัขสายพันธุ์นี้  ..
บางคนอาจจะแทบไม่เคยเห็นหน้าค่าตาจริง ๆ เลยด้วยซ้ำว่า หน้าตาเป็นอย่างไร.

[attach=1]

แต่ถ้าพูดถึงชื่อหนังการ์ตูนที่มีตัวละครเอก เป็นฝรั่งมึนๆ นามแช๊กกี้ พร้อมด้วยลูกน้องสุนัขพันธุ์เกรทเดนคู่ใจ ที่ทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง สไตล์บ๊องส์ ๆ ใกล้เคียงกัน  คิดว่าหลายคนคงพอจะนึกออก

เสน่ห์สำคัญของหมาเกรทเดน ก็คือ ความสูงใหญ่ ดูน่าเกรงขาม แต่นิสัยกลับตรงกันข้าม เพราะนุ่มนวล และเป็นมิตรกับเจ้าของโดยเฉพาะเด็ก ๆ นับตั้งแต่มันยังเป็นลูกหมา จวบจนกระทั่งวาระสุดท้าย

ผมเคยเลี้ยงเกรทเดนอยู่ 2 ตัว เป็นสีลูกวัว (Fawn) แล้วก็สี ขาวดำ ที่ฝรั่งเรียกว่าสี Mantle ....
ความทรงจำของการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้ พอจะนำมาเล่าสู่สำหรับ ผู้ที่กำลังสนใจอยากจะหามาเลี้ยง หรือผู้ที่ยังไม่เคยรู้จักสุนัขสายพันธุ์นี้ ลองมาติดตามกันในแต่ะละหัวข้อกันครับ

ความเป็นมาของสายพันธุ์
หมาใหญ่สายพันธุ์นี้ แรกเริ่มเดิมทีต้องย้อนกลับไปในราว ยุค คศ. 1800 ในแคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี ที่โน่นเป็นที่ๆ สุนัขสายพันธ์กำเนิดขึ้นและได้รับความนิยมกันอย่างมาก (แต่บางข้อมูลอาจระบุว่ากำเนิดในประเทศเดนมารก์ เพราะมีชื่อเรียกอีกอย่างคือ Danish Hound แต่จากการที่ เกรทเดนมีชื่อเรียกเป็นทางการอีกอย่างคือ มัสตีฟเยอรมัน (German Mastiff) นั่นก็คงพอเป็นหลักฐานยืนยันมั่นคงว่า เจ้ายักษ์โย่งนี่ต้นกำเนิดคือประเทศเยอรมันมากกว่า)

สีสันและรูปร่างหน้าตา
ในความรู้สึกของผม คิดว่าเจ้าเกรทเดน จัดเป็นหมาที่น่ารัก และสวยงามอยู่ สองช่วงก็คือ ช่วงที่เป็นลูกหมาในวัยประมาณ 3-4 เดือน ช่วงนี้ สัดส่วนรูปร่างจะค่อนข้างสมส่วน ไม่เทอะทะ,โยกเยก ขนาดประมาณกำลังอุ้มแล้วเหงื่อตกพอดี

ลักษณะขนจะสั้น..เกรียน ซึ่งค่อนข้างง่ายในการดูแลรักษาเวลาอาบน้ำหรือทำความสะอาด ส่วนสีที่ได้รับความนิยมนั้น พอจะแยกได้ตามความหายากและราคา ได้ดังนี้

[attach=2]
สีบลู
1. สีบลู  (Blue)  นี่เป็นสีที่หายาก และสนนราคาค่าตัวก็ค่อนข้างสูงอยู่ในอันดับต้น สีขนสีนี้ พอจะอนุมานได้กับสีของหมาไทยหลังอานจำพวก สีสวาท เพราะเป็นสีที่แปลก (ฝรั่งบางคนเรียกว่าเป็นสีเหล็ก) 

[attach=3]
สีฮาริควิน
2. สี ฮาริควิน (Harlequin)  คำว่า Harequin หมายถึงพวกตัวตลกฝรั่งที่ชอบสวมชุดสีข้าวหลามตัด สีขาวดำตัดกันแบบแปลก ๆ ซึ่งก็น่าจะตรงกับสีของหมาเกรทเดนสีนี้  เพราะสีพื้นลำตัวสีขาวแต่จะมีสีดำ กระจายทั่วไป ราวกับมีใครเอาสีดำมาสลัดใส่บนสีขาว

[attach=4]
สีดำ
3.สีดำ (Black)

[attach=5]
สีลูกกวาง
4. สีลูกกวาง (Fawn)  จริงๆ แล้วผมกลับคิดว่าน่าจะเรียกว่า สีลูกวัวมากกว่า เพราะดูใกล้เคียงกว่ามาก  หมาเกรทเดนสีนี้ ค่อนข้างคุ้นตา เพราะมีผู้เลี้ยงในเมืองไทยมากพอ ๆ กับสีฮาริควิน  ลักษณะสำคัญในสีนี้ก็คือทั้งตัวจะเป็นสีน้ำตาลเป็นพื้นทั้งหมด ส่วนบริเวณริมฝีปากจะมีสีดำมอม แบบยิ่งมอมยิ่งสวย

[attach=6]
สีลายเสือ
5. สีลายเสือ (Brindle) สีนี้คนไทยคุ้นตาพอ ๆ กับสีลูกวัว

[attach=7]
สีขาวดำ
6. สีขาวดำ (Mantle)

ทั้ง 6 สีข้างต้น เป็นสีที่ได้รับการรับรองจากฝรั่งที่เรียกว่า American Kennel Club ส่วนสีอื่นนอกจากนี้จัดเป็นสีมีบ้างแต่ไม่เป็นที่ยอมรับกัน เช่นพวกสีกะปิ (Merle) ฯลฯ
[attach=8]
สีกะปิ


ครั้งหน้าจะเขียนต่อถึงลักษณะนิสัย...การเลี้ยงดู และ  ความคิดเห็นส่วนตัวว่า ข้อจำกัดในการเลี้ยงหมาเกรทเดนมีอะไรบ้าง.
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

จันทร์กระจ่างฟ้า

Mr.No เขียนเรื่องที่หนูชอบอีกแล้ว ขอบคุณมากค่ะ  ส-ดีใจ
ในโลกนี้ มีคนเพียงแค่ 2 คนที่ไม่มีความทรงจำ คนหนึ่งยังไม่เกิด ส่วนอีกคนตายไปแล้ว

neken

ชอบครับ mr.no เขียนต่ออีกคับ กำลังเลี้ยงเลย

Mr.No

อ้างจาก: จันทร์กระจ่างฟ้า เมื่อ 22:16 น.  10 ส.ค 55
Mr.No เขียนเรื่องที่หนูชอบอีกแล้ว ขอบคุณมากค่ะ  ส-ดีใจ

สวัสดีหนูจันทร์ฯ  ไม่ได้คุยกันนานเลย... ขอบคุณที่ชอบอ่านนะครับ ส.ตากุลิบกุลิบ
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

Mr.No

อ้างจาก: neken เมื่อ 22:57 น.  10 ส.ค 55
ชอบครับ mr.no เขียนต่ออีกคับ กำลังเลี้ยงเลย

ขอบคุณครับ ที่ชอบ...ยังไงถ่ายภาพเจ้ายักษ์ที่เลี้ยงอยู่มาให้ชมกันบ้างนะครับ.. ส.ตากุลิบกุลิบ
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

Mr.No

[attach=1]

ตอนที่ 3 : ว่าด้วยลักษณะนิสัย,การเลี้ยงดู และความคิดเห็นส่วนตัวสำหรับการเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้

ก่อนจะเล่าเรื่องหมาพันธุ์นี้ต่อ..ต้องขออภัยสำหรับผู้รักสุนัขหลายท่าน ถ้าพบว่า หลายคำที่ผมชอบเรียกคำว่า "หมา" มากกว่า "สุนัข" ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เหตุผลง่าย ๆ ก็คือ เวลาพิมพ์คำว่า "หมา" มันพิมพ์ง่ายกว่าเพราะไม่ต้องใส่สารพัดสระทั้งบนทั้งล่าง...ฮา

เกรทเดน จัดเป็นหมาที่เหมาะสำหรับคนที่อยากเลี้ยงสุนัขแบบ ชอบความสงบ และไม่ค่อยวุ่นวาย ประกอบกับข้อดีของสุนัขพันธุ์ที่เป็นจุดเด่นก็คือ  ความนุ่มนวลอ่อนโยน และอารมณ์ที่เยือกเย็น  จึงสามารถไว้วางใจให้เป็นเพื่อนเล่นกับเด็กเล็ก ๆ และเป็นเพื่อนร่วมโลกแก้เหงาสำหรับผู้สูงอายุที่ชอบเลี้ยงสัตว์ได้เป็นอย่างดี

[attach=2]
สุนัขมาสตีฟ (Mastiff)

[attach=3]
สุนัขไอริช วุลฟ์ฮาวนด์ (Irish Wolfhound)
[/center]

ด้วยความพยายามของบรีดเดอร์ในอดีต ที่พยายามเค้นเอา สิ่งดี ๆ ที่มีอยู่ในสายเลือดของสุนัขดี ๆ อันถือเป็นต้นสายพันธุ์เกรทเดน อย่างพวกกลุ่มสุนัขมาสตีฟ (Mastiff) ที่มีข้อเด่นตรงที่มีความบึกบึนทรหดอดทน และได้อาศัยความสามารถพิเศษในด้านการเป็นนักล่าที่ชาญฉลาดอย่างพวกสุนัขกลุ่ม ไอริช วูลฟ์ฮาวนด์ (Irish Wolfhound) ทำให้การกำเนิดขึ้นของสุนัขที่ชื่อ เกรทเดน จึงถือเป็นส่วนผสมที่ลงตัวสำหรับการนำไปใช้เป็นสุนัขใช้งาน (Working Dog) โดยเฉพาะการไล่ล่าสัตว์ป่าที่อันตรายและมีพลังกำลังมากอย่างพวก หมี หรือ หมูป่า ฯลฯ  เกรทเดนจึงนับเป็นผู้ช่วยพระเอกให้กับมนุษย์ในยุคเกือบร้อยปีที่ผ่านมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

พัฒนาการด้านสรีระที่นักเพาะพันธุ์รุ่นหลังได้มีการปรับปรุง เพื่่อให้สอดคล้องกับการถูกนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงในครอบครัว (Companion Dog) ทำให้เกรทเดนถูกพัฒนาให้มีสีสันที่แปลกตามากขึ้น พร้อม ๆ กับ อารมณ์ที่สุขม นุ่มนวล และลดความก้าวร้าวลงจนแทบจะเหลือเพียง ความซุกซนในแบบลูกสุนัขที่อยู่ในคราบของยักษ์ใหญ่น่าเกรงขามเท่านั้น

เหตุผลสำคัญที่สุดของการพัฒนาด้านอารมณ์ให้เกรทเดน กลายเป็นยักษ์ใจดี จนได้รับฉายาว่าเป็น สุภาพบรุษหมา (Gentle Giant) ก็ไม่ถือว่าเกินเลยความจริงแต่อย่างใด เพราะถ้าลองนึกภาพของสุนัขขนาดมหึมาแต่มีอารมณ์ที่รุนแรง และดุดัน ราวกับพวกร๊อตไวเลอร์ คงไม่ใช่เรื่องเว่อร์ ถ้าจะบอกว่า มันจะกลายเป็นเรื่องสยองสำหรับในครอบครัวเพียงใด

สำหรับในเรื่องของสรีระของเกรทเดนนั้น ปัจจุบันจะพบว่า กลุ่มผู้เลี้ยงหมาพันธุ์นี้ แบ่งการพัฒนาสายพันธุ์ออกเป็นสองกลุ่ม คือ ในกลุ่มพัฒนาแบบดั้งเดิมที่นิยมเลี้ยงกันในเยอรมัน,และในยุโรปตะวันออก กับกลุ่มผู้เลี้ยงเกรทเดนในอเมริกา
สองกลุ่มมีการพัฒนารูปแบบ และรูปร่างสุนัขที่ต่างกัน ..กล่าวคือ  ถ้าเป็นแบบสไตล์เยอรมัน พวกนี้จะเน้น ความบึกบึน,กะโหลกใหญ่หนาโตมาก ส่วนในแบบของอเมริกันนั้น จะเน้นความสมดุล,สมส่วนและดูสะโอดสะองมากกว่า (ลองดูภาพเปรียบเทียบข้างล่างนะครับ)

[attach=4]
เกรทเดนสไตล์เยอรมัน

[attach=5]
เกรทเดนสไตล์อเมริกัน
ดังนั้น การจะพิจารณาสรรหาลูกหมามาเลี้ยง สรีระและลักษณะแบบไหนที่ชอบก็คงต้องเป็นอีกเรื่องที่จะต้องนำมาพิจารณาประกอบด้วย

ย้อนกลับมาเรื่องประสบการณ์เลี้ยงหมาพันธุ์นี้ จำได้ว่าเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ผมสูญเสียเกรทเดนเพศเมียสีลูกวัวพร้อมลูกๆ ในท้องไปในวัยที่เค้าเริ่มย่างเข้าสู่วัยชรา (12 ปี) เพราะสาเหตุแท้งลูก เนื่องจากเธอพยายามวิ่งเล่นกับหลาน ๆ ผมที่ชายทะเลสงขลา และเกิดอุบัติเหตุในขณะที่กำลังกระโดดขึ้นกระแทกกับท้ายรถกระบะ จนตกเลือดและเสียชีวิตในอีกวันต่อมา

แต่ในความทรงจำดี ๆ ของผมสำหรับเกรทเดนก็คือ เธอได้ทำหน้าที่เป็นเพื่อนให้แก่คุณแม่ของผม โดยการหมอบนิ่ง ๆ อยู่ข้าง ๆ เก้าอี้ตัวโปรดที่คุณแม่ของผมจะนั่งเป็นประจำทุกเช้าอย่างสม่ำเสมอ

เกรทเดน เป็นสุนัขที่มีหลากหลายความน่ารักในแต่ละท่วงทำนองของชีวิต ...
วัยที่เกรทเดนดูน่ารักน่าชังก็คงอยู่ในช่วงระหว่าง 2-3 เดือน ซึ่งในช่วงนี้ สัดส่วนของร่างกายจะดูสมดุล และขา+ตีนที่ใหญ่โตทำให้มันกลายเป็นลูกหมาที่ดูแข็งแรง และแข็งแกร่งมากกว่าสายพันธุ์ใดเมื่อเทียบในช่วงอายุเดียวกัน

แน่นอนว่า...ลูกหมา ทุกสายพันธุ์ ก็ไม่ต่างกับสัตว์โลกในวัยเด็ก ๆ ที่มีความซุกซุนและความน่ารัก น่าเอ็นดู
เกรทเดนก็เป็นอีกหนึ่งในลูกหมาแสนซน ที่ชอบเล่น,กัด,ฟัด และสอดรู้สอดเห็นทุกสิ่งรอบข้าง ...

แต่ความซุกซนของเกรทเดน เมื่อเทียบกับอีก ๆ  หลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นพวกหมาไทย ๆอย่าง บางแก้ว, ลาบราดอร์,เยอรมันเชพเพอด ฯลฯ  จะพบว่าเกรทเดนจะเริ่มลดความซุกซุนลงและเริ่ม "นิ่ง" กว่าสุนัขพันธุ์อื่น ๆ ในช่วงวัยเดียวกัน

ช่วงที่ดูจะเป็นช่วงที่ เกรทเดน ดูตลกที่สุด ก็คือช่วงที่สุนัขอยู่ในช่วงอายุ 4 เดือน  – 1 ปี  เพราะช่วงนี้ การยืดตัวของโครงสร้างกระดูกจะรวดเร็วกว่าพวกกล้ามเนื้อ นั่นทำให้ เกรทเดนอย่างในพวกสีขาวดำ,ฮาริควิน หรือพวกสีกะปิ ดูลักษณะแล้วจะเก้ ๆ กัง ๆ ดูคล้ายลูกยีราฟพึ่งเกิด..

[attach=6]

รูปร่างของเกรทเดนในความเห็นของผมที่ดูแล้วสมบุรณ์และดูดีที่สุดก็เมื่อสุนัขอายุเลย 2 ขวบไปแล้ว....ซึ่งเมื่อวัดความสูงเฉลี่ยมาตรฐานโดยวัดจากเท้าหน้าจากพื้นไปจรดตะโหงกสุนัข
ตะโหงกสุนัข ตรงกับภาษาฝรั่งว่า Withers คือตำแหน่งบริเวณที่สูงสุดของสะบักหัวไหล่ (ดูภาพประกอบครับ) ในเพศผู้ไม่ควรสูงน้อยกว่า 36 นิ้ว และ 34 นิ้ว ในเพศเมีย 

มีคำถามสำหรับผู้เลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ว่า จะสามารถรู้ได้อย่างไรว่า พัฒนาการของเกรทเดนนับแต่วัยเยาว์ จนกระทั่งเต็มวัย น้ำหนักและส่วนสูงจะเป็นอย่างไร ก็พอจะใช้ข้อมูลสถิติจากฝรั่งที่เก็บไว้เป็นมาตรฐานดังนี้ครับ

แรกเกิด น้ำหนักราว  1-2 ปอนด์ หรือประมาณ 0.45 กรัม – 1 กิโลกรัม
1 สัปดาห์ 2-3 ปอนด์
2 สัปดาห์ 3-5 ปอนด์
3 สัปดาห์  4-7 ปอนด์
1 เดือน 5-8  ปอนด์
6 สัปดาห์ 10-20 ปอนด์
2 เดือน 15-30 ปอนด์ สูง 13-18 นิ้ว
3 เดือน 25-45 ปอนด์  สูง 17-23 นิ้ว
4 เดือน 45-65 ปอนด์ สูง 20-25 นิ้ว
5 เดือน 60-85 ปอนด์  สูง 24-30 นิ้ว
6 เดือน 65-100 ปอนด์ สูง 26-33 นิ้ว
7 เดือน 70-110 ปอนด์ สูง 27-34 นิ้ว
8 เดือน 80-120 ปอนด์ สูง 28-34 นิ้ว
9 เดือน 85-125 ปอนด์  สูง 28-35 นิ้ว
1 ปี  95-140 ปอนด์ สูง 29-36 นิ้ว


มีต่อนะครับ...ว่างๆ จะแวะมาเขียนให้จบ  โดยเฉพาะ  ข้อจำกัดและสิ่งทีต้องพิจารณาหากจะเลือกหมาพันธุ์นี้มาเป็นหนึ่งในครอบครัว
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

จันทร์กระจ่างฟ้า

ในโลกนี้ มีคนเพียงแค่ 2 คนที่ไม่มีความทรงจำ คนหนึ่งยังไม่เกิด ส่วนอีกคนตายไปแล้ว

Mr.No


ตอบจบ :

[attach=1]
ยักษ์จอรจ์ (Giant George) เกรทเดนที่บันทึกในกินเนส์ทบุ๊คฯ ว่าสูงที่สุดในโลก

มีคำถามสำคัญที่สุดสำหรับการเลือก เพื่อนสี่ขา เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ..คือ  "ความพร้อม"

ใช่ครับ  การเลี้ยงสุนัขที่มีขนาดใหญ่โตมหึมา และต้องดูแลเยียวยาคบหากันเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวไปอีกอย่างน้อยนับสิบปี นั้น สิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจที่สุดก็คือ ถามตัวเองว่า  "มี 3 พร้อม" หรือไม่  และองค์ประกอบของความพร้อมที่อาจเป็นข้อจำกัดที่จะเกิดขึ้นในอนาคตสำหรับสุนัขพันธุ์นี้ คงต้องเริ่มจาก

พร้อมที่ 1   คุณพร้อมเลือกที่ทางสำหรับอีกหนึ่งชีวิตที่จะเข้ามาอยู่ในบ้านเพียงใด  เพราะที่ทางบ้านช่องของเรา หากเป็นห้องแถว,อพาร์ตเม้นท์ หรือบ้านที่มีบ้านติดกับเพื่อนบ้านที่ไม่ค่อยเสน่ห์หากับเสียงเห่าดังกังวาน รวมทั้งที่ทางสำหรับให้เจ้ายักษ์ใหญ่ตัวนี้สามารถเดินเหิน วิ่งเล่นได้อย่างไม่ต้องใช้ชีวิตติดแหง๋กอยู่แต่ในกรงสี่เหลี่ยมตลอดเวลา ถ้าที่ทาง..บ้านช่อง พร้อมเรื่องนี้ ก็ถือว่า  "ผ่าน"

พร้อมที่ 2 ต้องไม่ลืมว่า ขนาดร่างกายที่สวยงามได้สัดส่วนของเกรทเดน ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยคือ อาหาร และออกกำลังกาย ดังนั้นภายใต้เงื่อนไขอาหาร 3 มื้อ ที่ครบถ้วนด้วยธาตุอาหารที่จำเป็น ย่อมสร้างปัญหาด้านเศรษฐกิจให้แก่ผู้เลี้ยงได้ไม่น้อย ดังนั้นการเลี้ยงเกรทเดนให้ได้ผลดี มีความจำเป็นที่ผู้เลี้ยงจะต้องอยู่ในฐานะที่ไม่ลำบาก สำหรับยักษ์ใหญ่ตัวนี้

พร้อมที่ 3 คุณพร้อมสำหรับการเตรียมรับมือด้านอารมณ์และความอดทนของคุณเพียงใด สำหรับการต้องสละเวลาให้แก่เจ้ายักษ์ใหญ่นี้ เพื่อให้มันสามารถเติบโตขึ้นมาและกลายเป็นหมาที่มีความสมบูรณ์ทั้งทางร่างกาย,อารมณ์ และความสุข

[attach=2]

การสละเวลาส่วนตัวสำหรับภารกิจในชีวิต เช่นการพาสุนัขออกไปเดิน,วิ่งออกกำลังกาย ,อึถ่าย ฯลฯ
ถ้าเงื่อนไข 3 พร้อมข้างต้น คุณมีครบถ้วน ...ก็เชื่อได้ว่า คุณจะสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่จะครอบครองเจ้า ยักษ์เกรทเดน ได้อย่างมีความสุข ทั้งคน ทั้งหมา....

ท้ายสุด ..สุดท้าย สำหรับคนรักเกรทเดน ก็คือ มักมีคำถามว่า  ทำไมภาพเกรทเดนหรือพวกสุนัขที่เห็นในต่างประเทศ ดูแล้วคอตั้ง อกตึง...บึกบึน กล้ามเนื้อสวยงาม สง่า บางคนถึงกับแอบนินทาเกรทเดนฝรั่งในทำนองว่า ที่กล้ามโตเพราะสงสัยอัดพวกสารสเตียรรอย์ดกันมาก! ดูเกรทเดนเค้าแล้วมันไม่เหมือนเกรทเดนบ้านเราที่ดูแต่ละตัว หยั่งกะพวกพุงโรก้นปอด..คอตก..หัวลีบ แปลก ๆ ยังไงไม่รู้?

คำตอบนี้....ก็ต้องย้อนกลับไปที่ 3 พร้อมละครับ...  เพราะกล้ามเนื้อที่สวยงามบนเรือนร่างของเกรทเดนนั้น ผู้เลี้ยงใช้เวลาในการประคบประหงมทุ่มเท ทั้งอาหาร และการออกกำลังกายแบบจริงจัง (ว่ายน้ำ, วิ่งบนลู่ ฯลฯ) อย่างสม่ำเสมอ  ..

อีกคำถามก็คือ มักจะถามกันว่า  เกรทเดนที่ตัดหูและดามให้ตั้งแบบดั้งเดิม กับแบบใหม่ที่ปล่อยให้หูมันตกลงเป็นใบปรกเหมือนช้างแอฟริกานั้น อย่างไหนจะดูดีกว่า

การเลิกขลิบ/ตัดแต่งใบหู และปล่อยตามธรรมชาตินั้น ส่วนใหญ่จะเป็นสุนัขที่มาจากทางเยอรมันและยุโรป ที่ปัจจุบันได้มีการยกเลิกการตัดแต่งร่างกายสุนัขในหลาย ๆ สายพันธุ์กันมากแล้วด้วยเหตุผลของการทรมานสัตว์ อาทิ การยกเลิกการตัดหางของพวกร๊อตไวเลอร์, การเลิกขลิบปลายหูของสุนัขหลาย ๆ สายพันธุ์ ฯลฯ

สำหรับความเห็นส่วนตัวของผมในเรื่องใบหู.. ผมเห็นว่า สิ่งสำคัญที่สุดของการให้เกรทเดนดูดีมีสง่า การขลิปใบหูและดามให้ตั้งขึ้น แบบที่อเมริกันนิยมนั้น ดูแล้วสวยงาม และสร้างความสง่าให้เกรทเดนได้ไม่น้อย และคิดว่าหากกระทำในลูกสนัขวัยเยาว์ ที่ปัจจุบันวิวัฒนาการด้านการผ่าตัดได้ทันสมัยมากขึ้น คงไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้แก่สุนัขมากมายนัก (คล้าย ๆ กับการตัดหางพวกสุนัขพุดเดิ้ล)

ปิดท้าย ยักษ์ใหญ่เกรทเดน สำหรับข้อควรระวังสำหรับนักเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้จากประสบการณ์ก็คือ

1. ระวังเรื่องปัญหา "ข้อศอกสุนัขด้าน" ทีเกิดจากการแพ้ ซิเมนต์ และการอยู่บนพื้นที่เรียบลื่น ตลอดเวลา จะก่อให้เกิดปัญหากับสุนัขคือ  ตีนจะแบะออกไม่สวยงาม (เพราะสุนัขต้องพยายามกลางนิ้วเท้าออกเพื่อให้ตัวเองทรงตัวได้ง่ายในพื้นลื่น), การเกร็งข้อเท้าในพื้นลื่นบ่อย จะทำให้ขาหลังสอบเข้าหากันจนเสียบุคลิก

2. ระวังเรื่อง "ยุง"  ซึ่งสร้างความรำคาญให้สุนัขที่มีขนสั้นเกรียน และกลายเป็นพาหะนำมาซึ่งโรค พยาธิหนอนหัวใจ ที่รักษาได้ยากที่สุด และทำให้สุนัขต้องจากไปในวัยที่ยังไม่สมควร

3. ระวังเรื่อง "หาง" ที่เวลาเค้าดีใจแล้วมักจะไปฟาดกับพวกวัตถุจนได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อกระดูกหาง ซึ่งรักษาค่อนข้างยาก

ส่วนเรื่องอื่น ก็เป็นข้อควรระวังทั่วไปสำหรับการเลี้ยงสุนัข เช่นการฉีดวัคซีนต่าง ๆ ให้ครบโดส...อาหารดี ๆ...ออกกำลังสม่ำเสมอ ฯลฯ

[attach=3]

หวังว่า คงเป็นประโยชน์สำหรับ มือใหม่ที่กำลังคิดจะเลี้ยงหมาเกรทเดน..ว่า จะเดินหน้า หรือ ถอยหลังดี นะครับ....
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

จันทร์กระจ่างฟ้า

ในโลกนี้ มีคนเพียงแค่ 2 คนที่ไม่มีความทรงจำ คนหนึ่งยังไม่เกิด ส่วนอีกคนตายไปแล้ว

noo_yod

ชื่อร้อยล้านค่า..เพิ่งย้ายถิ่นฐานมาจากภาคอีสานเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง..
ตอนนี้อายุ 65 วันแล้วค่า ส่วนสูงวัดเมื่อเช้า 34 ซม.
เพื่อนๆ สายพันธุ์เดียวกะหนูที่อยู่สงขลาและละแวกใกล้เคียง บอกแม่หนูมั่งน่ะค่ะ..
แถวบ้านหนูไม่มีเลยค่า..

ขอบคุณจขกท.ค่า..

Juicy

ชอบเหมือนกันครับพันธุ์นี้ Graden กับ Bullmastiff ศึกษาข้อมูลครับ

neken

ตอนนี้ 3 เดือน หนัก 18 กก. สูง 18 นิ้ว อยู่ยโสคับ ถาม mr.no แท้หรือเปล่าคับ

Mr.No

อ้างจาก: neken เมื่อ 17:28 น.  18 ก.ย 55
ตอนนี้ 3 เดือน หนัก 18 กก. สูง 18 นิ้ว อยู่ยโสคับ ถาม mr.no แท้หรือเปล่าคับ


สวัสดีคุณ neken

ขอโทษที่ไม่ได้แวะเข้ามาดูในบอร์ด

เจ้านี่...ดูแล้วหน่วยก้านดีแฮะ หน้าตาคมสัน ถ้าเป็นคนจัดว่า หล่อนะ...(ไม่รู้ ผู้หรือเมีย ส-เหอเหอ)

อายุ 3 เดือน นน.และส่วนสูงขนาดนี้ ถือว่าใช้ได้ครับ ส่วนว่าแท้หรือไม่ ถ้าดูจากภาพนี้บอกตรงว่า ผมไม่แน่ใจว่าแท้หรือไม่

เพราะต้องพิจารณาสัดส่วนเวลายืน...เดิน หัว ฯลฯ ถึงจะพอบอกได้ว่า แท้หรือไม่

มีหลายท่านได้ลูกสุนัขมาเลี้ยง เช่น เค้าให้มา..หรือบางท่านก็ซื้อมาแบบไม่ได้มีโอกาสเห็นหน้าพ่อแม่สุนัข ปัญหาว่า แท้ หรือ เทียม ก็อาจยุ่งยากเหมือนกัน

สรุปว่า ผมบอกจริง ๆว่า ไม่ทราบครับว่าแท้หรือ เทียม แต่ดูหน้าตาแล้ว มันก็ โอ.เค ครับ...

ฝากลองดูภาพ ลูกเกรทเดนสีลูกกวาง(วัว) วัย 3 เดือนข้างล่าง เปรียบเทียบดุนะครับ (สังเกตุ lip ปาก...ใบหู และสีบริเวณปากนะครับ
)[attach=1]
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

neken

ขอบคุณ mr.no คับ ที่กรุณาตอบ ผมมีรูปพ่อแม่ของเนเก้น ให้ดูด้วยคับและรูปเนเก้น ตอนยืนด้วย ถ่ายเมื่อ 2 เดือนครึ่ง อ้อ เนเก้น ตัวผู้คับวันนี้อายุ
3 เดือน 16 วัน สูง 21 นิ้ว หนัก 20 กก. คับ ยังไงดูให้อีกทีนะคับ ผมชอบที่ mr.no เขียนให้ความรู้ ขอบคุณคับ

Mr.No


อ้างจาก: neken เมื่อ 10:43 น.  26 ก.ย 55
ขอบคุณ mr.no คับ ที่กรุณาตอบ ผมมีรูปพ่อแม่ของเนเก้น ให้ดูด้วยคับและรูปเนเก้น ตอนยืนด้วย ถ่ายเมื่อ 2 เดือนครึ่ง อ้อ เนเก้น ตัวผู้คับวันนี้อายุ
3 เดือน 16 วัน สูง 21 นิ้ว หนัก 20 กก. คับ ยังไงดูให้อีกทีนะคับ ผมชอบที่ mr.no เขียนให้ความรู้ ขอบคุณคับ

ตกลงเจ้าตัวนี้ชื่อ เนเก้น (Negen) เสียดายเติม Hei ข้างหน้าชื่อหน่อยล่ะ...แจ่มเชียว ส.หัว

ดูภาพแล้ว เจ้าตัวพ่อสี fawn หัวโตดีครับ ส่วนแม่ดูแล้วจะเรียกว่าสีอะไรดี..เพราะน่าจะมาจาก ปู่หรือตา หรือย่ายายมาจาก ขาวดำ + สีกะปิ แล้วแถมสี fawn แม่จึงได้ออกมาสีนี้ ส.หยิบตาข้างเดียว

เห็นภาพเจ้า เนเก้น ยืนแล้ว แข้งขาก็โอเคครับ แม้สีมอมจะน้อยไปหน่อย แต่ก็ถือว่า "แท้" ส่วนจะ "เท่ห์" หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับคุณว่าจะปั้นเจ้านี่ ให้เป็น  "อพอลโล่แห่งสุนัข" หรือ  "หมาโหลท้ายซอย"  เงื่อนไขที่อยากให้ลองพิจารณาสำหรับการเริ่มปั้นให้หมา เป็น เทพ(หมา)  เริ่มที่

1. อาหาร
    เจ้ายักษ์ใหญ่นี่ มักจะได้รับการดูแคลนจากบรรดาพวกเลี้ยงหมาอุ้ม ว่า ทึ่ม, และ ตระกละ ผมคนหนึ่งที่ขอปฎิเสธแทนเนเก้นว่าไม่จริ๊ง ไม่จริง... โดยเฉพาะในข้อหาว่า ตระกละนี่ ขอละ....เพราะพวกตัวโตขนาดนี้ จะให้กินเท่ากับพวกชิวาว่า คงเป็นไปบ่ได้

  เมื่อปริมาณอาหารที่ให้ ไม่สัมพันธ์กับธรรมชาติและสัดส่วน เป็นธรรมดาที่เกรทเดนมักแสดงความหิวสะสม โดยการกินอย่างมูมมาม ปัญหานี้แก้ไม่ยากครับ

    1.1 เกรทเดนในวัยเด็ก (แบบเจ้าเนเก้น) สำคัญที่สุดคือ อาหารและสารอาหาร ต้องเน้นเรื่องของโปรตีน และแคลเซี่ยม ..ซึ่งปัญหาว่า จะหาจากแหล่งไหนจึงจะครบถ้วนและพอเพียง เพราะการหาสาร-ธาตุอาหารและวิตามินลำพังจากในอาหารกระสอบ ผมคิดว่าคุณต้องเลือกอาหารหมากระสอบละพันบาท นั่นคือ ปัญหาใหญ่! 

       สมัยผมเลี้ยงเกรทเดน ผมมักเลี้ยงสลับกับการให้อาหารแบบที่ฝรั่งเรียกว่า Barf (เคยได้ยินบ้างมั้ยครับ)
Barf เป็นการเลี้ยงสุนัขโดยคำนึงถึงการให้อาหารสุนัขที่อิงแอบธรรมชาติมากที่สุด และที่สำคัญบ้านเรานั้น อาหารสดดีและราคาถูกกว่าในยุโรปหลายเท่า ดังนั้น เริ่มการเลี้ยงแบบผสมผสานให้กับเกรทเดนตั้งแต่วัยเด็ก จะสามารถช่วยให้สุนัขมีพัฒนาการทางการร่างกายที่สมดุล และที่สำคัญสภาพจิตใจของสุนัขจะดีกว่า
Barf  อาจมีหลักวิชาการบ้าง แต่สำหรับผม คิดว่า เอาแค่ผสมผสานก็น่าจะสบาย ๆ  หลัก ๆ ก็คือ การให้อาหารสุนัขด้วย เนื้อสด และสุดยอดคือ

           -พวก กระดูกติดเนื้อสด ๆ  (ตามแผงขายเนื้อ หรือ หมูสด ขอแบ่งซื้อ ราคาไม่แพงนัก)
           -พวกไก่สด อาจให้สะโพก+คอไก่ (เรื่องคอไก่ หรือกระดูกไก่ มีความเข้าใจผิดว่าการให้คอไก่ หรือพวกกระดูกไก่จะสร้างปัญหาให้กับพวกลำไส้สุนัข  (สำหรับผมเลี้ยงหมามาหมาแก่ตายไปหลายตัว ยังไม่เคยมีปัญหาเรื่องกระดูกไก่เลย) ที่สำคัญต้องเป็น กระดูกไก่สด หรือไก่ติดเนื้อสด เท่านั้นนะครับ

ในกระดูกสัตว์ที่มีเนื้อสดติดอยู่นั้น อุดมไปด้วยทั้งแคลเซี่ยม,แร่ธาตุ,โปรตีนและวิตามินที่ สด,ครบถ้วน ที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้มากกว่าพวกอาหารสำเร็จรูป ดังนั้น จะสังเกตว่า ในมูลสัตว์ที่กินอาหาร barf จะน้อยเพราะกว่า

2.อารมณ์และการออกกำลังกาย

   เทคนิคการเลี้ยงเกรทเดนแบบคนไทยบ้าน ๆ ที่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ให้หมาวิ่งบนลู่ หรือว่ายน้ำ แบบที่ฝรั่งเลี้ยง ข้อเสียเปรียบที่เห็นก็คือ ส่วนใหญ่ เกรทเดนไทย มักจะหัวโต และดูเก้งก้าง ผิดกับทางยุโรปที่ดูแล้วส่วนใหญ่ร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ

ตอนผมเลี้ยงเกรทเดน มีข้างบ้านมักขำว่า ผมเพี้ยน และชอบทรมานหมา เพราะผมชอบให้หมาวิ่งเล่นกับลูก ๆ โดยเอาหมาผูกกับพวกยางรถยนต์ (เริ่มตั้งแต่พวกยางเส้นเล็ก ๆ และใหญ่ขึ้นตามวัยหมา) สิ่งที่ได้มาก็คือ ช่วงกล้ามเนื้อหัวไหล่และหน้าอกของเกรทเดน ก็จะเริ่มมีรอน (น้อง ๆ พี่บัวขาว)

ว่าง ๆ ผมจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อครับ  แต่อย่าพึ่งเชื่อทุกสิ่งที่ผมเขียน เพราะผมเขียนจากที่ผมทำ อย่านำไปอ้างอิงเป็นวิชาการนะครับ ผิดพลาด ผมจะโดนด่าเละ...ฮา
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

ก้องเกียรติ

ไม่ทราบว่า เลี้ยงเพส ผู้หรือเมีย ผมมีเพสเมียกำลังสาว หาคนมาผสม อยุ่หาดใหญ่ คัฟ

boonlomfarm