ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

คนร้ายบุกเผาศูนย์รถยนต์ฮอนด้า วอด15คัน จ.ปัตตานี

เริ่มโดย กู้ภัยพเนจร, 00:33 น. 23 ส.ค 55

กู้ภัยพเนจร

ภาพข่าว : มูลนิธิกู้ภัย แม่กอเหนี่ยวยะลา

ปัตตานี :  วันที่ 22 ส.ค. เมื่อเวลา 02.30 น. เกิดเหตุคนร้ายกว่า 10 คน พร้อมอาวุธปืนสงครามได้ปีนกำแพงบุกเข้าไปภายในบริษัทปัตตานีฮอนด้าคาร์ ซึ่งจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้า ตั้งอยู่ริมถนนสายปัตตานี-หาดใหญ่ เลขที่ 295 บ้านโคกม่วง ม.7 ต.ตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี โดยคนร้ายได้กระจายกำลังเข้าไปล็อกตัวเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย จำนวน 3 คน พร้อมใช้อาวุธปืนจี้บังคับไม่ให้ขัดขืน ก่อนที่คนร้ายอีกชุดจะทุบกระจกรถ และใช้น้ำมันเบนซินราดไปยังรถยนต์ จำนวน 15 คัน ซึ่งจอดไว้ในโรงรถด้านหลัง แล้วจุดไฟเผารถยนต์ป้ายแดงได้รับความเสียหายทั้งหมด





   หลังปฏิบัติการอุกอาจ กลุ่มคนร้ายได้ปีนกำแพงหนีไปทางด้านหลังอย่างลอยนวล เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกว่า 10 คันระดมเข้ามาฉีดน้ำสกัดเพลิงที่ลุกไหม้กว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ความเสียหายทั้งหมดจนเหลือแต่ซากเศษเหล็ก เหลือเพียง 1 คัน ที่รถถูกเผาทั้งคันเหลือแต่ป้ายแดง ทะเบียน ศ 9759 กทม. ยังสมบูรณ์ พบร่องรอยของคนร้ายหลายแห่ง และมีคราบน้ำมันเบนซิน ภาพจากกล้องวงจรปิดที่อยู่ริมถนน และของบริษัทที่เกิดเหตุ พบว่ากล้องสามารถจับภาพคนร้ายซึ่งมีประมาณกว่า 10 คน โดยทุกคนสวมหมวกไหมพรม พร้อมอาวุธปืนสงคราม และปืนสั้นปีนเข้ามาจากกำแพง ก่อนที่จะกระจายกำลังเข้าไปก่อเหตุ สำหรับรถยนต์ที่ได้รับความเสียหาย จำนวน 15 คัน ทั้งหมดเป็นรถใหม่ป้ายแดง โดยเป็นของลูกค้า 1 คัน รถเตรียมส่งมอบให้ลูกค้าอีก 10 คัน และเป็นรถทดลองขับ 4 คัน






MadMeng@gurUFOrd

บริษัทฮอนด้า ไปทำอะไรให้พวกมันเจ็บช้ำน้ำใจเหรอครับ?

คนดีดี ทำการค้า โดนทำลายทรัพย์สิน จนเสียหายหมด

เห็นใจผู้ประกอบการด้วยครับ ขนาดมีกำแพง กะ รปภ.แล้วนะเนี๊ยะ
รับอุดEGR + Ground Wire + Volt stabilizer รถทุกชนิด // ชมผลงานได้ที่ลิ้งค์นี้ครับ

https://www.facebook.com/profile.php?id=100000851301866

นายไข่นุ้ย

อ้างจาก: MadMeng@gurUFOrd เมื่อ 09:09 น.  23 ส.ค 55
บริษัทฮอนด้า ไปทำอะไรให้พวกมันเจ็บช้ำน้ำใจเหรอครับ?

คนดีดี ทำการค้า โดนทำลายทรัพย์สิน จนเสียหายหมด

เห็นใจผู้ประกอบการด้วยครับ ขนาดมีกำแพง กะ รปภ.แล้วนะเนี๊ยะ

โจรพวกนี้ไม่เกี่ยวใครครับ มันเอาเพ เอาทุกอย่าง  ส.โกรธอย่างแรง
DO YOU KNOW ME? I AM A CAT 28 YEARS. AND YOU?    แมวแท้สู (แมวยิ้ม)

ประหารชีวิต 7 ชั่วโคตร

นี่มันไม่ธรรมดาเลย

ทำลายทรัพย์สินของชาติโดยปริยาย

รถใหม่ทั้งหมด 15 คนเป็นเงินเท่าไหร่?

ถ้าจับได้อยากให้ จัดการชั้นเด็ดขาด

ประหารชีวิต 7 ชั่วโคตรเลย

เพื่อจะได้ไม่เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป

คนที่ทำการรุนแรงแทบไม่ได้รับโทษ

ผิดกับคนธรรมดาถูกกระทำเลวๆตลอด

ขอให้รัฐเอาจริงเอาจังมากว่านี้

MadMeng@gurUFOrd

หากจับตัวได้ ยังไม่ทันทำไรที พี่น้องเพื่อนฝูง ก็จะมาประท้วงกันยกหมู่บ้าน

แล้วก็จะพูดว่า โดนกลั่นแกล้ง หรือ คนของรัฐกีดกันทางศาสนา + ไม่ยุติธรรม

มาใส่ร้ายลูกหลานได้ไง? พอรัฐได้ยินเยี่ยงนี้ ก็จะยิ่งเอาอกเอาใจอีก

จัดบัสติดแอร์ นำพาไปเที่ยวเมืองกรุง เพื่อปลอบใจ โดยปราศจากค่าใช้จ่าย

หากไม่เอาใจเดี๋ยวจะโดนนักสิทธิมนุษยชนเข้ามาต่อว่า+เรียกร้อง บลา บลา บลา

เหนื่อยใจ กะรายการลายบ้าเช่นนี้ ได้แต่สงสารประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ครับ
รับอุดEGR + Ground Wire + Volt stabilizer รถทุกชนิด // ชมผลงานได้ที่ลิ้งค์นี้ครับ

https://www.facebook.com/profile.php?id=100000851301866

Phung gold

และเลย น่าจะมาเผา ฮ้อนด้าหาดใหญ่ เกลียดแลแรง  ส.โขกกำแพง

นายตั้ม

ดูแล้วไม่น่าเป็นน่าเป็นโจรใต้ เพราะไมได้ฆ่ายาม แต่ควบคุมไว้ ที่จริง คงจะฆ่าหมดไม่เหลือ  ส.งอน

เห็นโจรชัดๆ



เตือนคาร์บอมอีกระลอกสอง

 ชาวหาดใหญ่ผวา "คาร์บอมบ์"ซ้ำอีกระลอก หลังรถยนต์ถูกโจรกรรม 15 คัน 
 
สถานการณ์การก่อการร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่รุนแรงมากขึ้นในช่วงของเดือนรอมฎอน หน่วยข่าวความมั่นคงต่างอ้างสาเหตุว่า

เกิดจากการปลุกระดมของ "อุสตาซ" ต่อ "อาร์เคเค" ให้ปฏิบัติการในช่วงของเดือนรอมฎอน (ถือศีลอด) เพื่อที่จะได้บุญจากการก่อการร้าย เข่นฆ่าศัตรูมากกว่าในเวลาปกติถึง 10 เท่า ดังนั้น หน่วยงานความมั่นคงจึงเชื่อว่า หลังเดือนรอมฎอน สถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะลดลงอยู่ในเกณฑ์ปกติ ที่ผ่านมามีเหตุการณ์ร้ายวันละไม่ต่ำกว่า 3 เหตุการณ์ ซึ่งน่าจะเป็นการวิเคราะห์สถานการณ์ผิดพลาดอีกครั้งของหน่วยข่าวความมั่นคง เพราะหลังเดือนรอมฎอน สถานการณ์การก่อการร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงรุนแรงอย่างต่อเนื่อง เช่น การก่อเหตุร้ายใน จ.นราธิวาส วันละ 4-5 เหตุการณ์ และการก่อเหตุร้ายใน จ.ปัตตานี วันละ 6-7 ครั้ง โดยเฉพาะการก่อวินาศกรรมโชว์รูมรถยนต์ ที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี

ซึ่งเป็นธุรกิจของ นายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล เจ้าของโรงแรมซีเอส ปัตตานี และโรงแรมซีเอส ปัตตานี ที่ถูก "คาร์บอมบ์" เมื่อต้นเดือนสิงหาคม

จนโชว์รูมและรถยนต์ป้ายแดง 15 คัน วอดวายในกองเพลิง รวมทั้งการขว้างระเบิดใส่บ้านชาวไทยพุทธ ที่หมู่บ้านทุ่งคม อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ปฏิบัติการทั้งหมดทำให้เห็นว่า ขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่มี "บีอาร์เอ็นฯ" เป็นหัวขบวน ยังมีเข็มมุ่งในการทำลายฐานทางเศรษฐกิจของคนไทยเชื้อสายจีน และการขับไล่คนไทยพุทธออกจากพื้นที่ ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายวิธีการที่ขบวนการแบ่งแยกดินแดนใช้ปฏิบัติการต่อพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้





สิ่งที่เป็นข้อสังเกตคือ ในขณะที่ยุทธวิธีของ "อาร์เคเค" ยังเป็นแบบเดิม ๆ ตลอดระยะเวลา 9 ปี ของการก่อความไม่สงบครั้งใหม่ใน จังหวัดชายแดนภาคใต้

ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระเบิดถังดับเพลิงฝังใต้ถนน การประกอบคาร์บอมบ์จากรถยนต์ที่โจรกรรมมา การซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร การขับรถประกบยิงเจ้าหน้าที่และประชาชน การเผาโรงเรียน การเผาทำลายโชว์รูม บริษัท ห้างร้าน และสิ่งสาธารณประโยชน์ การยิง และระเบิดหม้อแปลงไฟฟ้า การเผาเสาสัญญาณโทรศัพท์ การกราดยิงร้านน้ำชา และในระยะหลังมีการใช้ระเบิดมากขึ้น และในการประกอบระเบิดแต่ละครั้งมีการใช้น้ำมันเบนซิน เป็นตัวประกอบ เพื่อให้เกิดเพลิงไม้ สถานที่ซึ่งถูกระเบิดเพื่อเพิ่มความสูญเสียให้มากขึ้น

ในขณะที่วิธีการของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ยังคงเป็นที่ผิดหวังต่อประชาชนในพื้นที่ เพราะยังไม่สามารถหยุดเหตุการณ์ร้ายให้ลดน้อยลงแต่อย่างใด

รวมทั้งไม่สามารถสร้างความสูญเสียให้กับ "อาร์เคเค" ที่ยังปฏิบัติการอย่างเสรีในทุกพื้นที่ที่พวกเขาต้องการทำ รวมทั้งหลาย ๆ พื้นที่ ซึ่งไม่เกิดเหตุร้าย วันนี้มีการก่อเหตุร้ายขึ้น เช่นใน อ.ยี่งอ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส อ.กาบัง จ.ยะลา รวมทั้งการตรวจค้นหารถยนต์ ที่ กอ.รมน.แจ้งว่ามีจำนวน 15 คัน ที่ถูกโจรกรรมไปประกอบเป็น "คาร์บอมบ์" เพื่อรอโอกาสถล่มพื้นที่เป้าหมาย เวลาผ่านไป 1 เดือน ยังไม่พบว่ารถยนต์ที่เป็น "คาร์บอมบ์" ถูกซุกซ่อนในกระเป๋าเสื้อของ "อาร์เคเค" คนไหน ดังนั้นผู้คนในเมืองเศรษฐกิจ โดยเฉพาะพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ยังคงต้องผวากับ "คาร์บอมบ์" ทั้ง 15 คัน เพราะไม่รู้ว่าจะมาถึงเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ในวันไหน

แต่ในขณะเดียวกัน สิ่งที่รัฐบาลและกองทัพได้ทำในวันนี้ เพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้คือ

การเร่งดำเนินการเตรียมจัดตั้งหน่วยงานใหม่คือ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ปัญหาความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือชื่อย่อว่า ศปก.จชต. โดยอ้างเหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนรอมฎอน เพื่อตั้งหน่วยงานใหม่อย่างรีบเร่ง จนสวนทางกับความเห็นของสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และนักการเมืองส่วนหนึ่งในพื้นที่ ซึ่งเป็นว่า ศปก.จชต. เป็นหน่วยงานที่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานที่มีอยู่แล้ว รวมทั้งไม่เห็นประโยชน์อะไร ในการตั้ง ศปก.จชต.ขึ้นที่สวนรื่นฤดี กรุงเทพฯ เพื่อให้หน่วยงานในพื้นที่รายงานสถานการณ์ให้ทราบ และมีการสั่งการ จาก ศปก.จชต. ที่อยู่ในส่วนกลาง เพราะสุดท้ายอาจจะทำให้การตัดสินใจแก้ปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่ ล่าช้า และผิดพลาดมากยิ่งขึ้น


สิ่งที่ประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เรียกร้องให้มีการแก้ไขคือ การย้ายกำลังจากกองทัพภาค 1 ภาค 2 และ 3 ออกจากพื้นที่

และให้ใช้กำลังกองทัพภาคที่ 4 รับผิดชอบดูแลความสงบเรียบร้อยแทน เพราะกำลังจากกองทัพภาคที่ 4 ซึ่งเป็นคนในภาคใต้ จะมีความเข้าใจในทุกเรื่องราวมากกว่ากำลังพลจากภาคอื่น ๆ คนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องการให้ ศอ.บต. เดินหน้าในมิติของงานด้านการพัฒนา และอื่น ๆ ตามที่ พ.ร.บ.ศอ.บต.กำหนดไว้ ประชาชนในพื้นที่ ต้องการให้ยกเลิก พ.ร.ก.ความมั่นคงในพื้นที่ ซึ่งไม่มีเหตุการร้าย แต่ทุกเรื่องที่เป็นความต้องการของประชาชนกลับถูกเพิกเฉย

ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า การที่หน่วยข่าวความมั่นคงวิเคราะห์ว่า หลังเดือนรอมฎอนแล้ว สถานการณ์การก่อการร้ายจะลดลงนั้น เป็นการวิเคราะห์ที่ผิดพลาด

การตั้ง ศปก.จชต. ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง สถานการณ์ต่อจากนี้ไป การก่อเหตุร้ายจะทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง เป้าหมายที่ชัดเจนคือ หมู่บ้านไทยพุทธและพื้นที่เศรษฐกิจของจังหวัดชายแดนภาคใต้ และจะมีการใช้ระเบิด ทั้งแบบ "คาร์บอมบ์" จยย. บอมบ์ และชนิดต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น เพราะ "บีอาร์เอ็นฯ" จับประเด็นของเงื่อนไขแห่งความ "ขัดแย้ง" ที่เกิดขึ้นระหว่าง กอ.รมน. กับ ศอ.บต. มาเป็นประเด็นการขยายผลต่อประชาชนในพื้นที่สถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจะเป็นบทสรุปอีกครั้งว่า ศปก.จชต. ซึ่งเป็นหน่วยงานดับไฟใต้ที่ตั้งขึ้นใหม่จากความต้องการของกองทัพ จะสามารถเป็น "พระเอก" หรือ "ยาวิเศษ" ในการดับไฟใต้ได้จริง หรือสุดท้ายเป็นแค่การทดลองยา โดยมีประชาชนและแผ่นดินจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็น "หนูตะเภา" เพื่อการทดลองยาอีกครั้งเท่านั้น.