ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

อณูเล็กๆบนโลกใบนี้ ๑ (ตาสำรุด)

เริ่มโดย คุณหลวง, 22:17 น. 27 ส.ค 55

คุณหลวง

อณูเล็กๆบนโลกใบนี้

    จู่ๆวันหนึ่งเรื่องราวของตาสำรุดก็ผุดเข้ามาในหัวของผมอย่างแจ่มชัด(เท่าที่ผมรู้) ทั้งๆที่ผมคิดว่าผมน่าจะลืมไปแล้ว เพราะเป็นชีวิตหนึ่งที่แทบไม่เคยมีความสัมพันธ์อะไรกัน ไม่เคยคุยกัน แค่อยู่ที่เดียวกันในระยะหนึ่งสั้นๆ (ในที่นี้ผมขอเรียกแกว่า "สำรุด" นะครับ)

    ไม่มีใครรู้หรือสนใจจะรู้ว่าตาสำรุด ว่ามีชื่อว่าอะไร ทุกคนเรียกแกว่าตาสำรุด ซึ่งทีแรกผมคิดว่าเป็นคำแซวว่าแก"ชำรุด"เพราะแกมีแขนข้างขวาแค่ไม่ถึงศอกและขาซ้ายไม่ถึงเข่า แต่แกล้งเพี้ยนเสียงด้วยความเกรงใจเป็นสำรุด ต่อมาจึงรู้ว่าคนใต้แต่เดิมมาเรียกคนบวชผ้าขาวว่า "สำรุด" ซึ่งเพี้ยนเสียงมาจาก "สัตบุรุษ" หรือ "สัปปบุรุษ"
    ชายชราทิ้งร่องรอยความกร้าวแกร่งแข็งแรงไว้เต็มร่างกายพิการ แต่ด้วยวัยใกล้เจ็ดสิบทำให้ผมคิดว่าผมเห็นแววตาที่บ่งถึงความท้อแท้ในบางครั้ง

    สำรุดหนุ่มในวัยไม่ถึงสามสิบปี ทิ้งลูกเมียไว้ข้างหลัง จากเมืองโคราชมาหางานทำ หาเงินส่งเมียส่งลูกที่บ้านนาให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เขาเสียสละความสุขที่จะได้อยู่กับลูกเมีย และเมียก็เสียสละเลี้ยงลูกดูแลบ้าน รอคอยเขากลับมา เขาย้ายที่อยู่หลายที่ตามงานที่ได้จนลงมาถึงสงขลา เมืองสองทะเล

    เขาทำงานทุกอย่างด้วยความอดทนและขยันขันแข็ง ซื่อสัตย์ตามแบบของลูกอีสานที่เจียมตัวและภูมิใจกับบ้านเกิดของตน จนกระทั่งเขาได้เข้ามาทำงานโรงงานปลาป่น ซึ่งเป็นสถานที่ที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล

    จะด้วยความประมาทพลั้งเผลอหรือเพราะความเหนื่อยล้าหรือเหตุใดก็ตาม วันนั้น ขณะที่เขายกปลาใส่เครื่องป่น มือขวาของเขาก็ติดเข้าไปในเครื่องจักร แกตกใจอย่างมากรีบยกเท้าซ้ายยันไว้หวังหยุดเครื่อง แต่มันไร้ผล ซ้ำร้าย มันดูดเท้าซ้ายแกลงไปด้วย เมื่อเพื่อนๆหยุดเครื่องได้ก็พบว่าแกต้องสูญเสียแขนขวาไปเกินศอกและเท้าซ้ายเหลือไม่ถึงเข่า

    ผมไม่ทราบว่าตาสำรุดเข้ามาอยู่วัดถ้ำเขาพระได้อย่างไร เมื่อไหร่ แต่เมื่อผมบวชเข้าไปในปี ๒๕๔๓ แกก็เป็นสำรุดชราอยู่แล้ว ช่วยงานการวัดไปตามความสามารถ และนำสวดมนต์ทำพิธีแก่ผู้มาทำบุญ พอได้เงินน้ำใจไว้ซื้อของจำเป็น

    "แกว่าแกฝากชีวิตไว้กับที่นี่แล้ว"หลวงไฝ ซึ่งเข้าไปคุยกับแกบ่อยที่สุดเล่าให้ฟัง"แกจำชื่อเมียชื่อลูกได้ จำได้ว่าอยู่โคราช แต่จำไม่ได้ว่าบ้านไหน อำเภอไหน

    ไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะความเจ็บจากอุบัติเหตุครั้งนั้น หรือเป็นเพราะอายต่อร่างกายที่ไร้ความสามารถเลี้ยงลูกเมียจึงทำให้แกแกล้งลืมบ้านลืมลูกเมีย จนกระทั่งลืมไปจริงๆเมื่อเวลาผ่านไปนาน นานกว่าสามสิบปี แต่แกคงไม่แกล้งลืมเพราะในใจแกถวิลถึงบ้านถึงลูกเมียตลอดมา

    "เมื่อสองสามปีก่อนมีพระอีสานธุดงค์มาพักที่นี่สองสามคืน ได้คุยกับแก ก็เลยรับปากว่าจะสืบญาติๆของแกให้ แต่แกก็ไม่หวังอะไรแล้ว โคราชมันกว้าง กว้างเกินกว่าจะตามหาคนแค่บ้านหลังเดียวและจากมากว่าสามสิบปีแล้ว " หลวงไฝ เล่าต่อ "แกบอกตาหลวงช่วยว่าให้ช่วยจัดการศพแกด้วยเมื่อแกตาย แกฝากชีวิตไว้ที่นี่แล้ว"

    บ่ายอากาศดีในช่วงกลางพรรษา ผมออกมานั่งฉันกาแฟที่ระเบียงกุฏิ ก็มีรถกระบะอีซูซุ สีเขียวใส่หลังคาเข้ามาจอดในลานวัด มีสามคนลงมาชายสองหญิงหนึ่ง ผมไม่ได้สนใจอะไรเพราะคิดว่าเป็นคนขายของที่มักเข้ามาพักในวัดบ่อยๆ จนกระทั่งเมื่อตาสำรุดเดิน(โดยใช้ไม้ยันรักแร้)เข้าไปหาคนเหล่านั้น

    ในระยะเกินหูแต่ไม่เกินตา ผมเห็นตาสำรุดไปหยุดต่อหน้าคนเหล่านั้น หญิงวัยเกือบสี่สิบนั่งย่อเข่าอย่างให้ความเคารพผู้บวช แม้แค่บวชผ้าขาวก็ตาม เป็นภาพที่งดงามน่าดู หญิงถาม ตาสำรุดตอบ ต่างเพ่งมองกันและกัน ตาสำรุดถาม ผู้หญิงตอบ เพียงไม่กี่คำถามคำตอบ ผู้หญิงก็ร้องโฮ โผเข้าไปกอดขาของชายชราพิการที่พยายามพยุงตัวอย่างยากลำบาก และใช้รักแร้หนีบไม้แน่นขึ้นเพื่อใช้ฝ่ามือลูบศีรษะลูกสาว ลูกสาวที่แกจากมาตั้งแต่วัยไม่ถึงห้าขวบ

     หลังระงับความรู้สึกได้แล้ว หญิงสาวก็พาตาสำรุดมาเก็บของ พากันไปกราบลาหลวงตาช่วย และกลับบ้านทันที ทราบจากหลวงตาภายหลังว่าลูกสาวแกเหมารถเพื่อนบ้านลงมาตามหาพ่อตามคำบอกของพระธุดงค์

    ผมไม่ทราบว่าพระธุดงค์ท่านทำอย่างไร ใช้ความพยายามมากมายเพียงไรที่ตามหาเมียและลูกของตาสำรุดได้จากพื้นที่โคราชอันกว้างใหญ่ กว้างอย่างที่ตาสำรุดบอก "กว้างเกินกว่าจะตามหาคนแค่บ้านหลังเดียว และจากมากว่าสามสิบปีแล้ว"

    หลังจากนั้นไม่นาน หลวงตาก็ได้รับจดหมายจากตาสำรุดที่เขียนมากราบขอบพระคุณที่ช่วยเหลือแกมาอย่างดีตลอดมา แกอยู่บ้านกับเมีย ลูกสาว ลูกเขย หลานๆ มีความสุขดี ไม่มีใครรังเกียจคนพิการอย่างแกเลย

    ผมว่าลูกสาวแกคงมีความสุขมากที่ได้พบพ่อ พ่อที่จากกันมากว่าสามสิบปี ความรู้สึกนั้นคงยาก ยากเกินกว่าคนที่อยู่กับพ่อแม่แต่ไม่ได้ดูแลให้ดีอย่างผมจะเข้าใจ


                                                                                     คุณหลวง
                                                                                  ๒๕/๐๘/๕๕

    สะบายดี...
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

Destiny

ซึ้งจังเลย โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย
อ้างจาก: คุณหลวง เมื่อ 22:17 น.  27 ส.ค 55


    ผมว่าลูกสาวแกคงมีความสุขมากที่ได้พบพ่อ พ่อที่จากกันมากว่าสามสิบปี ความรู้สึกนั้นคงยาก ยากเกินกว่าคนที่อยู่กับพ่อแม่แต่ไม่ได้ดูแลให้ดีอย่างผมจะเข้าใจ

อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ
"ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจหนึ่ง
ลาภทรัพย์และเกียรติยศจะตกแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพไว้ให้บริสุทธิ์"  พระบรมราชปณิธานของ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก

คนหลง

.


...คนหลง ขอขอบคุณ คุณหลวง ตัวตรง แต่คงเดินเอียง...


สำนวนอย่างนี้ เนื้อเรื่องดีอย่างนี้ แต่งหนังสือขายได้เลยนะครับ


...ขอให้สุขสบายดี อายุบวร จะได้เขียนนานๆ ให้ชาวบ้านได้อ่านกัน.... ส.โอ้โห ส.โอ้โห ส.ก๊ากๆ ส.ก๊ากๆ