กิมหยง - ตะลุงเว็บบอร์ด

วันนี้ผมจะบอกวิธีทำบุญง่ายๆ ที่ได้ผลบุญมาก แต่แทบจะไม่ต้องใช้เงิน ซึ่งคนส่วนใหญ่คิดว่าการทำบุญ ถ้าต้องการที่จะได้บุญมากนั้น ต้องใช้เงินมากๅ ซึ่งผิดจากที่พระพุทธเจ้าได้ทรงสั่งสอนไว้
การทำบุญ แบ่งเป็น   3  ประเภท คือ  ทาน  ศีล  ภาวนา

-ทานได้อานิสงส์น้อยสุด ผมจะไล่เลียงจากน้อยไปหามากนะครับ เริ่มจาก สังฆทาน ,วิหารทาน ,ธรรมทาน และทานที่ให้ได้ยากสุดคือ อภัยทาน ทำทาน 100 ครั้ง อานิสงส์ยังสู้รักษาศีล 1 ครั้งไม่ได้ และที่สำคัญ ก่อนจะให้ทานทุกครั้งถ้าทำได้ควรสมาทานศีลก่อน ตามหลักวิชา คือ ผู้ให้บริสุทธิ์(มีศีล) ,วัตถุทาน(บริสุทธิ์) ,ผู้รับบริสุทธิ์(เป็นผู้มีศีล) ถึงแม้วัตถุทานจะจำนวนน้อยก็ได้บุญมากครับ ลป.ดู่สอนไว้ว่า"ให้อธิษฐานมาจากบ้านเลย" สำหรับผมแล้วถ้ามีเวลาผมจะนั่งสมาธิ ภาวนาคาถาเงินล้านไปด้วย(การเงินจะได้คล่องตัว)  สักเล็กน้อยเพื่อกลั่นใจใสๆ (จำมาจากวัดธรรมกาย) จะได้เป็นภาชนะรองรับบุญครับ

-ฝ่ายศีล ก็ได้แก่การรักษาศีล ฆราวาสก็ศีล 5 ศีล 8 อุโบสถศีลในวันพระ สามเณร ก็ศีล 10 พระภิกษุสงส์ก็ 227  การรักษาศีล 100 ครั้ง อานิสงส์ยังสู้การเจริญสมถ 1 ครั้ง

-ฝ่ายภาวนา แบ่งเป็น สมถ กับวิปัสสนา อ่านมาถึงตรงนี้บางท่านส่วนใหญ่คงทราบแล้ว แต่บางท่านก็ยังไม่ทราบ แล้วยังงี้เราเจริญภาวนาเลยไม่ได้หรือ เพราะเป็นสุดยอดของการทำบุญ แต่อย่าลืมว่า การเจริญภาวนาถ้าจะให้ได้ผลดี เราต้องมีศีลบริสุทธิ์ครับ เพราะศีลเป็นบาทของภวนา ดั่งคำโบราณว่าไว้" อยากสวยให้ถือศีล อยากมีกินให้ทำทาน อยากนิพพานให้มั่นภาวนา" ถ้าคนฉลาดก็จะทำทั้ง 3 อย่าง เพราะถ้าต้องมาเกิดในชาติหน้าจะได้ครบทั้ง 3 อย่าง คือ สวย รวย เก่ง คือรักษาศีลบริสุทธิ์ อานิสงส์จะทำให้เป็นคนสวย คนหล่อ ทำทาน  เสมอๆ เช่น สังฆทาน ก็จะทำให้เป็นคนรวย ผลของการทำสังฆทาน พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า" ผลของสังฆทานนี้จะดลบันดาลให้แก่บุคคลผู้ถวายเกิดไปทุกชาติขึ้นชื่อว่าความยากจนเข็ญใจไม่มี ในแดนใดที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากลำบากขัดสนคนที่ถวายสังฆทานแล้วจะไม่ไปเกิดที่นั่น ผลที่ให้ไปไกลมาก กล่าวว่าแม้แต่พระพุทธญาณเองก็ยังไม่เห็นผลที่สุดของการถวายสังฆทาน คำว่าไม่เห็นที่สุดของการถวายสังฆทาน หมายความว่าแม้แต่บุคคลผู้เป็นเจ้าของสังฆทาน บำเพ็ญบารมีแล้วเกิดไปอีกกี่แสนชาติก็ตาม จนกระทั่งเข้าพระนิพพาน อานิสงส์นั้นก็ยังไม่หมด นี่เป็นอำนาจของการถวายสังฆทาน" และต้องขอทำความเข้าใจไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ คำว่าทำสังฆทาน ไม่ใช่การนำถังสังฆทานไปถวายพระสงฆ์ อันนั้นมันก็ถูก แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ลพ.ฤาษี(ลิงดำ) กล่าวไว้ในหนังสือว่า"ที่มีกระป๋องสังฆทาน ก็เพื่อให้ญาติโยมเห็น จะได้จิตใจชุ่มชื้น เห็นของมากมาย" เช่น เรามีเงิน  1 บาท เขียนหน้าซองว่าถวายสังฆทานหรือนำไปหยอดตู้สังฆทานตามวัดต่างๆ  ก็ได้บุญเท่ากับคนที่ถวายกระป๋องสังฆทานนะครับ เพราะบุญเขาไม่ได้นับหน่วยเป็นเงิน แต่นับเป็นครั้ง ตัวอย่างเช่นผม จะนำเงินมากบ้าง น้อยบ้างตามกำลัง ว่าคาถาพระปัจเจกโพธิ์ของลพ.ปาน แล้วก็ขอถวายเป็นสังฆทาน ธรรมทาน วิหารทาน หล่อพระ ชำระหนี้สงฆ์ และอื่นๆ พอมีเวลาหรือโอกาสอำนวยผมก็นำจำนวนเงินที่ถวายไว้ไปทำบุญตามวัดต่างๆ เพราะบางคนส่วนใหญ่ไม่มีเวลาไปทำบุญใส่บาตรตอนเช้า ก็อาศัยแบบนี้ก็ได้ครับ ลพ.ปานท่านสอนไว้ครับ คือเราทำตามกำลังที่เรามี อย่าเดือดร้อน ไม่ใช่เรามีปัจจัยน้อย เห็นเขาถวายสังฆทานจำนวนเงินมากๆ ก็ทำตามเขา แต่ต้องมานั่งอดมื้อกินมื้อ อันนี้ได้บุญน้อย เพราะเราไม่ประมาณตน ที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ว่าให้แบ่งทรัพย์ที่หามาได้เป็น  4 ส่วน บางคนคิดว่าเรามาหาร 4 (ซึ่งเมื่อก่อนผมก็คิดเช่นนั้น) ไม่ใช่นะครับเข้าใจเสียใหม่ เรามาแบ่งเป็น 4 ส่วนจริง แต่แบ่งตามความจำเป้นในการดำรงชีวิตของแต่ละคน เหลือจากที่เราใช้จ่ายในการดำรงชีวิตแล้ว จึงนำเงินส่วนนั้นมาทำบุญครับ ส่วนการเจริญภาวนา จะทำให้เป็นคนมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้คงเข้าใจไม่มากก็น้อยนะครับ หาอ่านเพิ่มเติมได้จากหนังสือ"วิธีสร้างบุญบารมี" ของสมเด็จพระสังฆราชครับ พร่ำมาพอสมควรขอเข้าเรื่องแล้วกันครับ วิธีได้บุญง่ายๆ  มี ดังนี้ครับ

tag.อิ่มบุญ,ทำบุญง่ายๆ,ได้บุญง่ายๆ,ทำบุญแบบไม่เสียเงิน,วิธีทำบุญง่ายๆ

ขออนุโมทนา สาธุ แด่ท่านผู้สนใจในพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคนทุกท่าน และขอขอบคุณท่านผู้ให้ธรรม เพื่อผลแห่งการดับทุกข์

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านครับ

บุญกุศลไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเองครับ เราคือนักเดินทาง สิ่งที่นำติดตัวไปได้คือ บุญ กับบาปเท่านั้น!

บุญเราต้องหมั่นทำครับ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว อย่าหวังไปพึ่งคนอื่นว่าเขาจะทำบุญอุทิศมาให้เรา เมื่อถึงเวลานั้นแล้วตัวเรานั้นแหละเป็นที่พึ่ง "คนที่ฝึกตนไว้ดีแล้ว ย่อมได้ที่พึ่งอันหาได้ยาก" พระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสสอนไว้ครับ