กิมหยง - ตะลุงเว็บบอร์ด

http://www.bangkok-today.com/node/14156

ป้ายสีการเมือง?? เรียนฟรี?? หนีทหาร??เป็นประเด็นที่ไม่เพียงน่าสนใจสำหรับสังคมไทย แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับพรรคกรเมืองฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์ พรรคที่ได้ชื่อว่ามีอายุยาวนานที่สุดในเมืองไทยนั่นคือ กรณีผลวิจัยของเอแบคโพลล์ ที่ระบุว่า ประชาชนให้โอกาสในการทำงานต่อไปสำหรับนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มากถึงร้อยละ 83.6 มีเพียงแค่ร้อยละ 16.4 เท่านั้นที่ระบุว่าไม่ควรให้โอกาสแล้ว

ผลสำรวจวิจัยครั้งนี้ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ทำออกมาภายใต้หัวข้อว่า "1 ปีรัฐบาล ประชัน 1 ปีฝ่ายค้าน โอกาสของนางสาวยิ่งลักษณ์ โอกาสของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร และประเด็นร้อนอื่นๆ ในสายตาของสาธารณชน"

เป็นการเก็บตัวอย่างจากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปใน 17 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา จันทบุรี นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ เชียงใหม่ มุกดาหาร หนองคาย ชัยภูมิ ขอนแก่น สุรินทร์ อุดรธานี พัทลุง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช

ซึ่งถือว่ามีการคละภาคคละพื้นที่ เพื่อหลีกเลี่ยงในเรื่องพื้นที่สีแดง พื้นที่สีเหลือง พื้นที่ ปชป. หรือพื้นที่สารพัด สีได้เป็นอย่างดี

ในส่วนของผลงานของรัฐบาลในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ประชาชนให้คะแนนผลงานของรัฐบาลไปที่เรื่องของ นโยบายด้านสุขภาพ จนโยบายด้านการป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติ นโยบายด้านค่าครองชีพ และนโยบายด้านแก้ปัญหายาเสพติด

ในส่วนที่พอใจพรรคประชาธิปัตย์ มากกว่าพรรคเพื่อไทยมีจริงๆเพียงแค่ 2 เรื่องเท่านั้น คือ นโยบายด้านการศึกษา กับนโยบายด้านราคาสินค้าทางการเกษตร ซึ่งจริงๆประชาธิปัตย์ชนะเพื่อไทยก็จริงแต่ในเชิงนัยสำคัญทางสถิตแล้ว ถือว่าไม่มีหรือสูสีกันมาก

เพราะร้อยละ 35.1 พอใจพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่ร้อยละ 34.5 พอใจพรรคเพื่อไทย ต่างกันแค่ร้อยละ 0.6 เท่านั้นเอง

เป็นสิ่งที่น่าคิดเป็นอย่างมาก เพราะในขณะที่ "มาร์ค แอนด์ แก๊ง"ลงทุนลงแรงในเรื่องสร้างภาพของแพง สร้างสโลแกนแพงทั้งแผ่นดิน รวมทั้งทุ่มทุนสร้างฉากที่จะปลุกเร้าในเรื่องของแพงหวังจะถล่มรัฐบาลให้จั๋งหนับ

แต่กลายเป็นว่านโยบายด้านค่าครองชีพ ร้อยละ 30.3 พอใจพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 24.8 พอใจพรรคประชาธิปัตย์

ปลุกไม่ขึ้นแถมผลเอแบคโพลล์ ยังฉีกหน้าฝ่ายค้านเสียยับไปเสียอีก

ฉะนั้นจึงไม่แปลก ที่กรณีการศึกษาจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และปัญหาอุปสรรคของทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ จะพบว่า ในเรื่องจุดแข็ง เช่น การแข่งขันทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย

การเข้าถึงประชาชน เป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้ง มีความชัดเจนในนโยบายสาธารณะ ผลสำรวจระบุว่า ประชาชนร้อยละ 52.6 ระบุพรรคเพื่อไทย มีจุดแข็งมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ที่มีอยู่ร้อยละ 34.1
ตรงกันข้าม ที่น่าพิจารณาคือ ในเรื่องจุดอ่อน เช่น ไม่แข่งขันกันในเชิงนโยบายสาธารณะ เอาแต่เล่นการเมือง มุ่งแย่งชิงอำนาจกันเกินไป คอยแต่จับผิดแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง ผิดจริยธรรมทางการเมือง เป็นต้น พบว่า ประชาชนร้อยละ 50.5 มองว่าเป็นจุดอ่อนของพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่ประชาชนร้อยละ 28.2 ระบุว่าเป็นจุดอ่อนของพรรคเพื่อไทย

ซึ่งหมายความว่าในสายตาประชาชนแล้ว พฤติกรรมที่เป็นจุดอ่อน พฤติกรรมในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ไม่เป็นสาระในสายตาประชาชนนั้น พรรคประชาธิปัตย์มีมากกว่าพรรคเพื่อไทยเกือบเท่าตัว
ฉะนั้นไม่แปลกเลยที่ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83.6 ระบุว่าควรให้โอกาสนางสาวยิ่งลักษณ์ ทำงานต่อไป

รวมทั้งส่วนใหญ่หรือร้อยละ 80.3 ยังระบุด้วยว่าควรให้โอกาส พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศไทยเพื่อต่อสู้ในทุกคดี!!!

ในขณะที่ร้อยละ 19.7 ระบุไม่ควรให้โอกาส

คอมเมนท์ของ ผอ.เอแบคโพลล์ น่าสนใจมากกับการที่ระบุว่า อารมณ์ความรู้สึกของสาธารณชนในเวลานี้ยังคงให้โอกาสพรรคเพื่อไทยทำงานเพราะเล็งเห็นต่อนโยบายสาธารณะที่จับต้องได้ ชัดเจน ถึงแม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ เกิดขึ้นกับทุกนโยบาย แต่ความพยายามของพรรคเพื่อไทยในการเปลี่ยนแปลงบทบาททางการเมืองของประเทศกำลังอยู่ในการสนับสนุนของประชาชน เพราะฝ่ายการเมืองอื่นๆ มักจะเคลื่อนไหวในรูปแบบเดิมๆ เช่น การกล่าวร้ายโจมตีของจุดอ่อนจุดด้อยของรัฐบาลที่อาจจะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับนโยบายสาธารณะที่ใกล้ตัวประชาชน

ดังนั้น ฝ่ายค้านน่าจะเสนอนโยบายทางเลือกอื่นๆ มาประชันกันให้ประชาชนตัดสินใจมากกว่าการออกมาวิพากษ์วิจารณ์โจมตีหรือเล่นการเมืองแบบเดิมๆ คอยแย่งชิงอำนาจปั่นอารมณ์ความรู้สึกของสาธารณชนกันเพียงอย่างเดียว

ไม่รู้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไล่มาตั้งแต่หัวแถวอย่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับบรรดาองครักษ์พิทักษ์ที่ล้อมหน้าล้อมหลังแนบชิดติดกายเป็นแก๊งขาใหญ่ในพรรครุ่นปัจจุบัน และเลยไปถึงบรรดาผู้อาวุโสพรรค จะรู้สึกรู้สมกันบ้างหรือไม่ กับความรู้สึกและมุมมองของประชาชนที่ออกมาเช่นนี้

หรือว่าเล่นเกมจนแม้แต่ตนเองยังเชื่อไปแล้วจริงๆว่า พฤติกรรมแบบนั้นเป็นสิ่งที่ประชาชนพอใจ
หากประชาธิปัตย์เรียนรู้ที่จะมีพัฒนาการขึ้นมาบ้าง ไม่ใช่คิดแต่เพียงว่าพรรคตนเองเป็นพรรคที่เก่าแก่ ถึงขนาดเปรียบเปรยเสียเองว่าเป็นเหมือนแมลงสาปที่อายุยืน โดยลืมนึกไปว่าสำหรับคนเราแล้ว แมลงสาปเป็นัตว์อายุยืนที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง เพราะมีแต่ทำให้ข้าวของเสียหาย เป็นความสกปรก
มุมมองและวิธีคิดของประชาธิปัตย์ควรที่จะต้องเปลี่ยนใหม่หรือไม่นั้น บรรดาผู้อาวุโสของพรรคประชาธิปัตย์ควรที่จะต้องเร่งคิดเร่งทำ หากยังไม่กลายพันธุ์กลายความคิดไปเป็นความนิยมชมชื่นแมลงสาปไปหมดแล้ว

เมื่อประชาชนระบุว่ามีจุดอ่อน ก็จะต้องปรับปรุงหรือหาทางแก้ไข

อย่างกรณีเปรียบเทียบกัน ที่เป็นกระแสอื้อฉาว ในเรื่อง white lie หรือ "โกหกสีขาว" ของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ออกมาสารภาพ ซึ่งนอกจากจะแสดงความอ่อนหัดในทางการเมือง และทำให้กลายเป็นประเด็นที่พรรคฝ่ายค้านกับขั้วตรงข้ามเพื่อไทย ได้โอกาสถล่มกันอย่างสนุกสนาน

จริงๆหลายๆฝ่ายมองว่าการโกหกสีขาวไม่ใช่ความผิดอุกฉกรรจ์ไม่ได้เป็นความเลวร้ายชนิดให้อภัยไม่ได้ เมื่อเทียบกับการ "โกหกสีดำ" หรือ lie and fake ที่เกิดขึ้นมาตลอดกับนักการเมืองบางกลุ่มบางขั้ว

แม้แต่ บางกอก ทูเดย์ เอง ที่เห็นว่านายกิตติรัตน์ ควรจะต้องลาออกจาการเป็นรัฐมนตรีคลัง ก็เป็นเพราะเห็นว่านั่นเป็นทางลงที่สวยงาม เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมกับการที่ได้ไปโกหกสีขาวเอาไว้ เพราะไม่ว่าอย่างไรในความรู้สึกของประชาชน การโกหกก็คือการโกหกนั่นเอง

ถ้านายกิตติรัตน์ไม่ดื้อรั้น ลาออกจากตำแหน่งไปให้เห็นถึงความรับผิดชอบ หลังจากนั้นหากรัฐบาล หากนายกฯยิ่งลักษณ์ ยังเห็นว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถจริงๆ หาใครมาทดแทนให้เทียบเท่าไม่ได้จริงๆ ก็สามารถที่จะแต่งตั้งกลับเข้ามาใหม่ได้

และเมื่อกลับเข้ามาใหม่หลังจากที่แสดงความรับผิดชอบแล้ว ต่อไปใครก็จะมาพูดในประเด็นโกหกสีขาวไม่ได้อีก เพราะถือว่าแสดงสปิริตและความรับผิดชอบไปแล้ว

ก็เหมือนกับการลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ของนายอภิสิทธิ์ ที่อ้างว่าเป็นการแสดงสปิริตที่ทำให้พรรคพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งอย่างเละเทะนั่นแหละ ที่ลาออกไม่ทันข้ามวัน คือลาออกเช้า บ่ายก็รับกลับเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคใหม่อีกครั้ง

ทำให้ใครก็มาว่านายอภิสิทธิ์อีกไม่ได้ว่า ไม่ได้แสดงความรับผิดชอบที่ทำพรรคตกต่ำ

ดังนั้นเฉกเช่นเดียวกันหากนายกิตติรัตน์ยังดันทุรังไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ ประเด็นโกหกสีขาวก็จะเป็น "จุดอ่อน"ในทางการเมืองไปตลอด ไม่สิ้นสุด

ทั้งหมดจึงเป็นการเตือนเป็นการชี้ช่องทางลงด้วยหวังดี เพราะไม่ว่าอย่างไรบางกอก ทูเดย์ ยังมองว่าระหว่างโกหกสีขาว กับ โกหกสีดำนั้น โกหกสีดำนั้นเป็นความผิดที่รุนแรงกว่าเยอะ ถ้าเทียบกับความผิดทางสงฆ์แล้ว โกหกสีดำก็ระดับ ปาราชิก ระดับสังฆาทิเสส โน่นเลย

หากจับได้ควรพ้นจากความเป็นนักการเมืองไปเลย!!!

คำถามก็คือ พรรคการเมืองเก่าแก่ในยุคปัจจุบัน ที่ประชาชนมองว่ามีจุดอ่อนในแง่วิพากษ์วิจารณ์โจมตีหรือเล่นการเมืองน้ำเน่านั้น เคยทบทวนบ้างหรือไม่ว่า มีการโกหกสีดำเอาไว้หรือไม่???

กรณีเรื่องชายชุดดำ ซึ่งประชาชนสงสัยกันทั้งแผ่นดิน โดยเฉพาะญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตในกรณีสลายการชุมนุม พฤษภาอำมะหิตเมื่อปี 53 จนมีการตาย 6 ศพที่วัดปทุม มีการตายนับสิบที่ปากซอยบ่อนไก่ และมีการตายของทั้งนักข่าวญี่ปุ่นและช่างภาพอิตาลี

วันนี้ไม่มีใครเชื่อว่ามีชายชุดดำจริงๆ แต่มองว่านี่คือการโกหกสีดำ!!!

เช่นเดียวกับกรณีเรื่องของนโยบายด้านการศึกษา ที่พรรคประชาธิปัตย์ได้คะแนนร้อยละ 46.7 จากชาวบ้าน ในขณะที่พรรคเพื่อไทยได้คะแนนแค่ ร้อยละ 40.2 เท่านั้น

ทั้งๆที่นโยบายด้านการศึกษาของพรรคประชาธิปัตย์ที่บอกว่า "เรียนฟรี 15 ปี"นั้น เป็นการโกหกคำโต เนื่องจากว่าไม่ได้มีการเรียนฟรีจริงๆอย่างที่คุย

พ่อแม่ผู้ปกครองทุกคน ยังคงต้องจ่ายค่าเล่าเรียนทุกเทอมทุกภาคการศึกษา ยังคงต้องจ่ายเงินค่าซื้อหนังสือเรียนสมุดเรียน ค่าเสื้อผ้าชุดนักเรียนอยู่ทุกปีทุกระดับชั้น

แต่ประชาธิปัตย์ก็ยังคงชูนโยบายเรียนฟรี โดยที่ไม่ได้พูดถึงข้อเท็จจริงที่ประชาชนต้องจ่าย

ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้สอบตกภาษาไทยทั้งพรรค เพราะคำว่า "เรียนฟรี" จะต้องหมายถึงเรียนโดยที่ไม่ต้องจ่ายเลยสักบาทสักสตางค์แดงเดียว เหมือนกับคำว่า "กินฟรี"ที่หากใครโฆษณาบอกว่ากินฟรี แต่พอถึงเวลาบอกว่าจะต้องมีจ่ายค่าโน่นนี่นั่นเอง เป็นเมืองนอกโดนฟ้องอ่วมแน่นอน

แต่นี่พรรคประชาธิปัตย์ยังคงปาวๆว่าเรียนฟรี ในขณะที่ผู้ปกครองต้องพึ่งโรงรับจำนำทุกช่วงเปิดเทอม
ถ้าไม่ตกไม่โง่ภาษาไทย คำว่านโยบายเรียนฟรี 15 ปีของพรรคประชาธิปัตย์ ก็คือ การโกหกสีดำที่เด่นชัดที่สุด

ไม่นับเรื่องการพูดสไตล์เอามันต่างๆที่ พอถึงเวลาก็อ้างว่าเป็นการตั้งข้อสงสัยหรือดักคอเอาไว้ก่อน ทั้งๆที่หลายกรณีเป็นการเปิดประเด็นขึ้นมาแบบโกหกดื้อๆนั่นเอง อย่างกรณีล่าสุด ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะต้องเข้ากระบวนการถอดถอนโดยสมาชิกวุฒิสภา จากการชี้มูลความผิดของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

ก็มี นายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุหน้าตาเฉยว่ามีอดีตรัฐมนตรีจากบ้านเลขที่ 111 เดินล็อบบี้ขอให้ ส.ว.ลงมติถอดถอน นายสุเทพ ในการพิจารณาครั้งนี้

เป็นการพูดเองเออเอง จนนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ต้องออกมาตอบโต้ว่า อยู่กับเพื่อน ส.ว.ตลอด ยังไม่มีเห็นมีข่าวแบบนี้ ไม่เห็นมีใครพูดถึงเรื่องนี้ เชื่อว่าเป็นแค่การตีปลาหน้าไซมากกว่า แต่การพูดแบบนี้ทำให้วุฒิสภาเสื่อมเสีย เพราะเรื่องนี้เป็นการชี้มูลความผิดโดย ป.ป.ช. ที่ส่งข้อมูลผลการสอบสวนมาให้ตามข้อเท็จจริง ส่วนผู้ถูกกล่าวหาก็มีหน้าที่ชี้แจงไป

"อย่าไปคิดว่า ส.ว.จะไปลงมติด้วยอคติ หรือมีคนจูงใจ เพราะ ส.ว.ทุกคนล้วนมีเกียรติ และเชื่อว่าจะลงมติโดยใช้วิจารณญาณ"

สังคมจึงมองว่าหากนายอาคมมีหลักฐานก็ควรจะแฉออกมาเลยว่าเป็นใคร ระบุมาให้ชัดๆ เพราไม่เช่นนั้นคนก็จะสงสัยว่านี่เป็นพฤติกรรมเด็กเลี้ยงแกะหรือเปล่า? เป็นการโกหกสีดำใช่หรือไม่?

นี่ยังไม่นับกรณี หนีทหารไม่หนีทหาร?ของนายอภิสิทธิ์ ที่ในวันนี้ประชาชนยังไม่เห็นคำตอบในเรื่องเอกสารที่ใช้ ในเรื่องการสมัคร หรือในเรื่องวันลาที่ 1 ปีทำงานเพียงแค่ 30 วันนอกจากนั้นเป็นการลาหมด

หรือกรณีเลวร้ายที่สุดทางการเมือง เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา มีเฟซบุ๊กกลุ่มต่อต้านนางสาวยิ่งลักษณ์ DislikeYingluckForConcentration Citizen ที่โพสต์ภาพผู้หญิงคนหนึ่ง กำลังจูบและมีสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ชาย พร้อมกับขึ้นข้อความกำกับเป็นคำผวนว่า "อั๊ยยะ "ปั๊ก ยิ่งรู" รึ !!" ส่งผลให้มีสมาชิกเข้าไปเขียนคอนเมนต์จำนวนมาก แต่ก็มีสมาชิกบางคนขอให้ทางแอดมินฯ ลบรูปภาพดังกล่าวออก เพราะหญิงในภาพไม่ได้มีหน้าตาคล้ายนางสาวยิ่งลักษณ์แม้แต่น้อย

ล่าสุด ค่ำวันเดียวกัน พบว่าทางแอดมินฯ ได้ลบภาพดังกล่าวแล้ว และมีประชาชนเข้าไปเขียนคอมเมนต์ในเฟซบุ๊กนี้จำนวนมาก

นี่ก็คือพฤติการณ์โกหกสีดำที่เป็นการป้ายสีทางการเมืองที่ชัดเจน

หรือคนบางคนโกหกจนเคยตัว โกหกโดยไม่เคยคิดจะสารภาพ โกหกด้วยหัวใจที่แค้นคิดริษยา
โดยลืมนึกไปว่าที่ผ่านมา "โกหกสีดำ"มาตลอด!!!

อ่านแล้ว  ถึงบางอ้อทันที

องครักษ์ทั้งหลาย

นั่งเป่าสากอยู่หรือไงจ๊ะ?

ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 80.3 ยังระบุด้วยว่าควรให้โอกาส พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศไทยเพื่อต่อสู้ในทุกคดี!!!

ใน80.3 ส่วนหนึ่งเค้าท้าให้มารึเปล่าคับ คิดบ้างครับเค้าท้าให้มาครับ อวยกันอย่างเดียว


เรื่อง การแสดงความรับผิดชอบต่อคำพูด คำโกหกขาวหรือดำหรือหลอกควาย

คำโกหกของ ของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง นั้นมันโกหกโลกนะครับโกหกในฐานะรัฐบาลของประเทศนะครับ

แล้วที่ทักษิณ บอกว่าเมื่อไหร่เสียงปืนดังทหารทำร้ายประชาชนจะกลับมาเดินนำหน้าพวกคุณ ก็ไม่เห็นมางั้นก็แสดงว่าไม่ได้มีการ สลายม็อบทหารก็ไม่ได้ทำร้ายประชาชนซิครับ เพราะทักษิณไม่ได้กลับมาเดินนำหน้าพวกคุณ

ถามแดงนะครับทักษิณโกหกหรือเปล่าครับ 

พวกไม่ชอบ ปชป หรือ อภิสิท แต่ผมเกรียดปลวกแดง และทักษิณ และไม่เป่าสากแต่คุณอมสาก ช่วยหาสีให้ผมด้วยครับ

ถ้าคุณเชื่อตามบทความที่เขียนของนสพ. ที่แสดงถึงทัศนะคติส่วนตัวก็ตามสบาบตามวิศัยควายแดงเถอะครับ

แล้วลองดูจังหวัดที่ทำสถิติครับว่าแต่ละจังหวัดมีกี่เปอร์เซนต์ที่เป็นผู้เลือกรัฐบาลนี้เข้ามาครับ พวกโพลนี้เชื่อไม่ได้แน่ครับ ไม่ว่าจะเป็นสำนักไหนก็แล้วแต่ โปรดใช้วิจารณญานในการรับชม

เท่าที่เ็ห็นอยู่ทุกวันนี้ยังจะมาเชื่อโพลอีกเหรอครับ กูเห็นกี่ทีก็ออกมาแบบนี้ ทั้งที่การบริหารไม่ได้สวยเหมือนตัวเลขเลย น้ำท่วมอีกแล้ว งบที่ใส่ลงไปช่วยอะไรได้บ้างครับ แล้วค่าครองชีพที่จะกระชากลง แต่มันกลับเป็นว่า กระชากขึ้น พวกซื้อรถคันแรกน่าสงสารจัง ถ้าค่าน้ำมันยังขึ้นอีกกว่านี้ไปเรื่อย ๆ

รัฐบาลทำโพลเองรึป่าว???

ประเทศนี้ ประเทศไทย จะไม่มีวันก้าวหน้าไปไหน? จริงๆด้วย

เพราะคนในประเทศยังไม่มีความคิดเห็นที่จะร่วมด้วยช่วยกัน

ต่างฝ่ายต่างที่จะห้ำหั่นกัน ให้ แตก ให้ ตาย ให้ ฉิบห.. ไป ข้าง อย่างนี้ไง

ผมไม่เคยเข้าข้างใคร เห็นอย่างไรก็พยายามที่จะเข้าใจ พยายามที่จะเห็นรอบๆข้าง

บางทีก็เกิดการเอนเอียงไปบ้าง โดนด่าบ้าง โดนติบ้าง แต่ไม่เคยมีคนชม ก็ไม่แปลกแยก

อยากจะขอร้องคนที่คิดไม่ตรงกัน เพลาๆ คำ ด่า คำ หยาบ ลงบ้าง ไง เรา ก็ คน ไทย ด้วย กัน

ถึงอย่างไร ก็แล้วแต่ ถ้ายังยืนยันและตั้งธงกันอย่างนี้ ไม่ว่าใคร ประเทศนี้ก็คงมีแต่ถอยลงคลอง อย่างเดียว

เชื่อ ไม่มีใครดีอย่างเดียว ไม่มีใครชั่วอย่างเดียว และไม่มีใครดีๆชั่วๆ เพียงให้ทุกคนยอมรับความจริงกันเท่านั้น

ถอยคนละก้าว สงบเสงี่ยมรับฟังกันคนละนิด และหยุดใส่ความให้ร้ายกัน อย่าตั้งธงว่า เขาชั่ว เขาเลว ขันติธรรมบ้าง

ทำได้ หรือทำไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร เพียงขอให้นึกไว้เถอะว่า คนเราอยู่ไม่ถึง 100 ปี แน่ๆ เพราะเท่าที่เห็น คนที่ใกล้ร้อย

ช่วยตัวเองไม่ได้เลยซักคน แล้วจะทำให้ใจขุ่นมัวไปใย  อยู่กันอย่างสันติ หรี่ตามบ้างบางครั้ง หยุดนิ่งไม่รู้ไม่เห็นบ้างก็ได้

เชื่อว่า จะมีใจเป็นสุขกว่า ที่จะมานั่งตำหนิ ติใคร ที่ดูแล้วไม่เข้าตาไปทำไม ให้เกิดอารมขุ่นข้องแล้ว หมองใจ เปล่าๆ

อ้างจาก: ขอสรุปเลย เมื่อ 17:33 น.  12 ก.ย 55
ประเทศนี้ ประเทศไทย จะไม่มีวันก้าวหน้าไปไหน? จริงๆด้วย

เพราะคนในประเทศยังไม่มีความคิดเห็นที่จะร่วมด้วยช่วยกัน

ต่างฝ่ายต่างที่จะห้ำหั่นกัน ให้ แตก ให้ ตาย ให้ ฉิบห.. ไป ข้าง อย่างนี้ไง

ผมไม่เคยเข้าข้างใคร เห็นอย่างไรก็พยายามที่จะเข้าใจ พยายามที่จะเห็นรอบๆข้าง

บางทีก็เกิดการเอนเอียงไปบ้าง โดนด่าบ้าง โดนติบ้าง แต่ไม่เคยมีคนชม ก็ไม่แปลกแยก

อยากจะขอร้องคนที่คิดไม่ตรงกัน เพลาๆ คำ ด่า คำ หยาบ ลงบ้าง ไง เรา ก็ คน ไทย ด้วย กัน

ผมขออนุญาติตัดแค่นี้แล้วกัน มันกินพท.

ผมขอถามแล้วใครละที่แบ่งสีแบ่งพวกสร้างความเกรียดชังในสังคมไทย

ผมก็ไม่ได้อยู่สีไหน พรรคไหน ในช่วงเลาที่ต้องเลือก(เลือกตั้ง)ก็เลือกที่เลวน้อยกว่าแต่ไม่ได้เข้าข้าง ผิดคือผิดถูกคือถูกตามหลักฐานไม่ใช่ความรู้สึก

เรื่องคำหยาบผมจะหยุดใช้ ถ้าไม่มีพวกหมิ่นเข้ามาเพราะพระองค์เข้ามาแก้ต่างได้ ผมในฐานะประชาชนอาศัยอยู่ภายใต้ร่มพระบรมโพธิ์สมภาร จะออกมาปกป้องทุกวิถีทาง(กระทู้ไม่เข้าข่าย)

ถ้ามาดีก็พร้อมจะใช้เหตุผล ถ้ามาร้ายก็เลวใส่

แล้วขอเถอะก็อปบทความมาวางแล้วหาย ก็อปมาที่เป็นกลางหน่อยไม่ไช่เอามาแต่สื่อแดง กะเอามายัดใส่สมองเหมือนวิทยุชุมชนของแดงเปิดจนซึม ผมก็ต้องมาเบรคแบบกวนๆบ้าง ก็ไม่เห็นเจ้าของกระทู้จะเข้ามา (หรือว่าเป็นคุณ)

ผมจะเล่นแต่แดงอย่างเดียวแต่จะพยามใช่เหตุผล  ส่วนเหลืองถึงไม่ชอบเรื่องปิดสนามบินแต่อย่างหนึ่งเหมือนกันคือพร้อมที่จะปกป้องสถานบัน(แต่ยังไงก็ไม่ชอบแกนนำอยู่ดี ไม่ได้หมายถึงแกนบ้านเรานะคับ)

ข้อความโดย: ตามวิศัยควายแดง « เมื่อ: วันนี้ เวลา 14:32  (ผมเอง)

คุณต้องไปดูการ์ตูนเรื่องกันดัมบ้าง จะได้เห็นว่าการแบ่งฝ่ายเลวร้ายขนาดใหน

หลายๆท่านผู้นับถือนะครับ ในการแสดงความคิดเห็น โดยสุภาพ

บางกากทูเดย์ สื่อในเครือมติชิน สื่อสุนัขรับใช้นักโทษหนีคุกมาหลายปีแล้ว

ยิ่งไอ้พวกพวกโพลล์สั่งได้ เขาจ้างให้ผลออกมาแนวไหน ก็ได้แนวนั้นครับ

ทำไมไม่มาถามความคิดเห็นผมบ้าง ผลงาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เท่ากับศูนย์ครับ

ไม่มีนายกเสียยังดีกว่า เปลืองงบประมาณไปอวดโฉมงอม ๆ ต่างประเทศ

อ้างจาก: เมธาพ่อคนตาสว่าง เมื่อ 19:03 น.  12 ก.ย 55
บางกากทูเดย์ สื่อในเครือมติชิน สื่อสุนัขรับใช้นักโทษหนีคุกมาหลายปีแล้ว

ยิ่งไอ้พวกพวกโพลล์สั่งได้ เขาจ้างให้ผลออกมาแนวไหน ก็ได้แนวนั้นครับ

ทำไมไม่มาถามความคิดเห็นผมบ้าง ผลงาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เท่ากับศูนย์ครับ

ไม่มีนายกเสียยังดีกว่า เปลืองงบประมาณไปอวดโฉมงอม ๆ ต่างประเทศ

เห็นด้วยๆๆๆๆๆ

นักข่าวถามยิ่งลักษณ์ว่า เรื่องน้ำท่วมสุโขทัยจะสั่งการอย่างไร??

ยิ่งลักษณ์บอกว่า ยังไม่ทราบเลยว่าสุโขทัยน้ำท่วม   

อ้างจาก: กุ๊กเทวดา ส่องพระ เมื่อ 16:12 น.  12 ก.ย 55
แล้วลองดูจังหวัดที่ทำสถิติครับว่าแต่ละจังหวัดมีกี่เปอร์เซนต์ที่เป็นผู้เลือกรัฐบาลนี้เข้ามาครับ พวกโพลนี้เชื่อไม่ได้แน่ครับ ไม่ว่าจะเป็นสำนักไหนก็แล้วแต่ โปรดใช้วิจารณญานในการรับชม

เห็นด้วย

อ้างจาก: puiey เมื่อ 16:49 น.  12 ก.ย 55
เท่าที่เ็ห็นอยู่ทุกวันนี้ยังจะมาเชื่อโพลอีกเหรอครับ กูเห็นกี่ทีก็ออกมาแบบนี้ ทั้งที่การบริหารไม่ได้สวยเหมือนตัวเลขเลย น้ำท่วมอีกแล้ว งบที่ใส่ลงไปช่วยอะไรได้บ้างครับ แล้วค่าครองชีพที่จะกระชากลง แต่มันกลับเป็นว่า กระชากขึ้น พวกซื้อรถคันแรกน่าสงสารจัง ถ้าค่าน้ำมันยังขึ้นอีกกว่านี้ไปเรื่อย ๆ