ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

งาน "รำลึก 36 ปี 6 ตุลา ประชาธิปไตยประชาชน" มธ.ท่าพระจันทร์ กับข่าวทีวี

เริ่มโดย ความ, 14:57 น. 07 ต.ค 55

ความ

ครบรอบ ๓๖ ปี เหตุการณ์ล้อมปราบนักศึกษาที่ธรรมศาสตร์ เมื่อ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙

กิจกรรม "รำลึก 36 ปี 6 ตุลา ประชาธิปไตยประชาชน"
ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เมื่อ 6 ตุลาคม 2555

ค้นข่าวจากทีวีออนไลน์ มีสื่อหลายสำนักไปทำข่าว แต่การให้น้ำหนักในข่าวแตกต่างกันไป

1. ช่อง 3 อสมท.
http://www.krobkruakao.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/62573/%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%95%E0%B8%B8-6-%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B3%E0%B8%A5%E0%B8%B6%E0%B8%81-36-%E0%B8%9B%E0%B8%B5.html

2. กองทัพบกช่อง 7
http://news.ch7.com/detail/8765/%E0%B8%A3%E0%B8%B3%E0%B8%A5%E0%B8%B6%E0%B8%81%2036%20%E0%B8%9B%E0%B8%B5%206%20%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1%202519.html

3. ช่อง 9 อสมท.
http://www.mcot.net/cfcustom/cache_page/422075.html

4. Voice TV
4.1 http://news.voicetv.co.th/thailand/52541.html รำลึก 36ปี 6ตุลา ประชาธิปไตยประชาชน
4.2 http://news.voicetv.co.th/thailand/52551.html รำลึก 36ปี 6ตุลา ประชาธิปไตยประชาชน

4.3 http://news.voicetv.co.th/thailand/52577.html คนรุ่นหลังสะท้อนอุดมการณ์6 ตุลา 2519

4.4 http://news.voicetv.co.th/thailand/52589.html สกูปพิเศษ Back Story : 3 รอบ 6 ตุลา 19 ...เผด็จการ Never Die
4.5 http://news.voicetv.co.th/thailand/52591.html ใบตองแห้ง On Air : 6 ตุลาถึง 19 พฤษภา

http://www.youtube.com/watch?v=-d9LnJjC0wY&feature=plcp ( เครดิต RuMiCBR)

ปล. หาข่าวจากเว็บไซต์ของ ททบ.5 กับ NBT ไม่เจอ หุหุ

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1349510972&grpid=01&catid=&subcatid=

"สนนท."ออกแถลงการณ์ประณามคนสั่งการสังหารหมู่ 6 ตุลาฯ19 วอนรบ.ชำระประวัติศาสตร์หวั่นซ้ำรอย
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1349520259&grpid=&catid=01&subcatid=0100

- ประชาไท
พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์: 6 ตุลา 2519 กับอุดมการณ์คนรุ่นหลัง 6 ตุลา
http://prachatai.com/journal/2012/10/43015

สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เปิด นสพ. เก่า อ่านชนวน 6 ตุลา ผ่านข่าวก่อนเกิดเหตุ
http://prachatai.com/journal/2012/10/43000


-

ในอดีตเคยมีเหตุการณ์นองเลือดทางการเมืองเกิดขึ้นในกรุงเทพฯ หลายครั้งหลายหน ได้แก่ กบฎบวรเดช 11-27 ตุลาคม 2476 , กบฎวังหลัง 26 กุมภาพันธ์ 2492 , กบฎแมนฮัตตัน 29 มิถุนายน 2494 , เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 , เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 , เหตุการณ์ 18-20 พฤษภาคม 2535 คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าเหตุการณ์นองเลือด กลางพระนครครั้งรุนแรงและโหดร้ายที่สุดที่รัฐกระทำต่อประชาชน คือ เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519

ในบทความซึ่งอาจจะดีที่สุดเกี่ยวกับ "การรัฐประหาร 6 ตุลาคม 2519" โดย ศาสตราจารย์เบเนดิก แอนเดอร์สัน กล่าวไว้ว่า โดยตัวของมันเองแล้วรัฐประหาร 6 ตุลา ไม่ใช่เรื่องใหม่ในประวัติศาสตร์ไทย ไม่ว่าจะในสมัยใหม่หรือสมัยเก่า เพราะเคยมีรัฐประหารหรือความพยายามที่จะทำรัฐประหารมาแล้วครั้งแล้วครั้งเล่า นับตั้งแต่การปฏิวัติ 2475 ดังนั้นทั้งนักวิชการและนักหนังสือพิมพ์ตะวันตก ต่างก็ลงความเห็นว่า "การรัฐประหาร 6 ตุลา" เป็นเรื่อง "ธรรมดาๆ" ของการเมืองไทย และเป็นการกลับไปสู่ "สภาพปกติ" หลังจากที่หลงระเริงอยู่กับ "ประชาธิปไตย" หลังการปฏิวัติ 14 ตุลา 2516 มาเป็นเวลา 3 ปี

แต่เบเนดิก แอนเดอร์สัน ก็กล่าวว่า "การรัฐประหาร 6 ตุลา" เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อใหม่ของการเมืองไทยอย่างน้อย 2 ประเด็น คือ

1) บรรดาผู้นำฝ่ายซ้าย แทนที่จะจบลงด้วยการถูกจับเข้าคุกจนลืม หรือไม่ก็ลี้ภัยการเมืองอยู่ที่ต่างประเทศ กลับเข้าไปร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (กองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเศไทย) ในเขตป่าเขา

และ 2) การรัฐประหาร 6 ตุลา แตกต่างจากการรัฐประหารที่เคยมีมา คือ ไม่ใช่เพียงการยึดอำนาจกันในหมู่ผู้นำเท่านั้น แต่เป็นการรัฐประหารที่ฝ่ายขวาใช้เวลากว่า ๒ ปี ในการวางแผนการรณรงค์ คุกคามใช้ความรุนแรง อย่างเปิดเผย เห็นได้อย่างโจ่งแจ้งของ และปลุกปั่นยุยงให้เกิดความบ้าคลั่งของฝูงชน "ม็อบ" เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519

พร้อมๆ กับการเกิดของชนชั้นกระฎุมพี ความปั่นป่วนทางด้านอุดมการณ์ในช่วง 3 ปีของยุค "ประชาธิปไตย" เบ่งบานนั้น มีคนหนุ่มสาวจำนวนไม่น้อยที่เบื่อหน่ายต่อความอับจนทางปัญญาและการใช้สัญลักษณ์ทางจารีตโดยระบอบ สฤษฎิ์ - ถนอม - ประภาส คนหนุ่มสาวตั้งคำถามต่อค่านิยมและวัฒนธรรมจารีตนั้น ทำให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้ด้วยการโฆษณาเผยแพร่ สั่งสอนอุดมการณ์ชาติ - ศาสนา - พระมหากษัตริย์ หนักหน่วงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน สะท้อนออกมาในเพลง "หนักแผ่นดิน" และคำพูดของพระกิตติวุฒโทที่ว่า "ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป"

ดร.ธงชัย วินิจจะกูล อดีตผู้นำนักศึกษา (ม.ธรรรมศาสตร์ )ในสมัยนั้นและปัจจุบันเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน ประเทศสหรัฐอเมริกา เล่าว่า เมื่อเวลาประมาณ 2 นาฬิกา ของวันที่ 6 ตุลาคม ตำรวจกับกองกำลังติดอาวุธและกำลังพลฝ่ายขวา ได้เคลื่อนเข้าปิดล้อมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งมีผู้คนจำนวน 4-5 พันคนชุมนุมอยู่ตลอดคืน ประท้วงการกลับมาของจอมพลถนอม กิตติขจร ซึ่งได้ถูกประชาชนลุกฮือขับไล่ออกจากประเทศไปเมื่อ 3 ปีก่อน (การปฏิวัติ 14 ตุลาคม 2516) ซึ่งก่อนหน้านี้ พนักงานไฟฟ้าภูมิภาค ได้ถูกฆ่าแขวนคอ โดยฝีมือตำรวจนครปฐมขณะที่กำลังปิดโปสเตอร์ประท้วงการกลับมาของจอมพลถนอม กิตติขจร

ในเช้าตรู่ของวันที่ 6 ตุลาคม 2519 เจ้าหน้าที่แต่งเครื่องแบบของฝ่ายรัฐไทยได้ใช้อาวุธสงครามหนัก ถล่มขบวนการนักศึกษาที่ชุมนุมต่อต้านการกลับมาของเผด็จการอย่างสงบในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมกันนั้น "องค์กรนอกระบบ" หรือกลุ่มอันธพาลการเมือง ซึ่งได้แก่ขบวนการลูกเสือชาวบ้าน กระทิงแดง และนวพล ได้ทำทารุณกรรมอย่างที่สุดกับนักศึกษาประชาชนที่ชุมนุมในธรรมศาสตร์ มีการลากคนออกมาแขวนคอที่ต้นมะขามสนามหลวง ลากคอไปตามสนามฟุตบอล และเตะต่อยทุบตีอย่างบ้าคลั่ง ทำอนาจารกับนักศึกษาทั้งหญิง เผาศพนั่งยางบนท้องถนน กระทั่งเอาไม้แหลมตอกศพอย่างเลือดเย็น ฯลฯ การกระทำผิดมนุษย์มนาดังกล่าว แม้แต่ศัตรูต่างสัญชาติที่รบกันในสนามรบก็ยังไม่ทำกันถึงเพียงนี้ แต่รัฐไทยที่อ้างว่าเป็นรัฐพุทธกับก่อกรรมทำเข็ญอย่างโหด[xxx]มต่อนักศึกษา ประชาชนของตนในช่วงเวลาเข้าพรรษา !

หลังจากนั้นผู้ถูกกระทำที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงก็ถูกจับเข้าคุก ส่วนผู้ที่ก่ออาชญากรรมก็ได้รับการขอบคุณยกย่องจากบุคคลระดับสูงของสังคมไทย พอถึงเวลา 18 นาฬิกาของเย็นวันนั้น คณะทหารก็ประกาศยึดอำนาจ ทางการแถลงว่าในวันนั้นมีผู้เสียชีวิตประมาณ 40 คน บาดเจ็บเป็นร้อย และถูกจับกุมไป 3 พันคน แต่ก็เชื่อกันว่าจำนวนผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ รวมทั้งสูญหายน่าจะสูงกว่าที่ทางการแถลง

กล่าวโดยย่อ 6 ตุลาคม 2519 ก็คือวันที่มีการรัฐประหาร นำการเมืองไทยกลับไปสู่การปกครองโดยคณะทหารอีกครั้งหนึ่ง (แต่มีนายกรัฐมนตรีมาจากข้าราชการตุลาการ) การรัฐประหาร 6 ตุลา มาพร้อมกับความรุนแรงและป่าเถื่อน อย่างชนิดที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้ในสังคมไทย ภาพของความทารุณโหดร้ายได้รับการเผยแพร่ไปทั่วโลก การสังหารหมู่กลางพระนคร หน้าพระบรมมหาราชวัง และพระอารามหลวงในวันนั้น ถูกถ่ายทอดออกโทรทัศน์ช่อง 9 ด้วย

แต่ก็เป็นที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่งที่ 6 ตุลาคม 2519 กลายเป็นอดีตที่ดูเหมือนผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ประหนึ่งว่าเป็นการพังพินาศของอดีต "ขาดสถานะทางประวัติศาสตร์" ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ทั้งจากอุดมการณ์ทั้งขวาและซ้าย ดูจะสับสน งุนงง เลอะลืมปฏิเสธ และบางครั้งขาดความเข้าใจต่อ ๖ ตุลา ในบริบทเฉพาะของการเมืองไทย และบริบทใหญ่ของการเมืองโลก

ในบริบทประวัติศาสตร์การเมืองไทย 6 ตุลา น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทางสังคมที่เป็นปฏิปักษ์ ต่อต้าน และพยายามปลดปล่อยตนเองจากการครอบงำของระบอบสังคมเก่า (และเก่ากว่า) ขบวนการนี้รู้จักในชื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น "ประชาธิปไตย" "รัฐธรรมนูญ" หรือ "เสรีภาพ"

แนวความคิดทางการเมืองใหม่โดยพาะอย่างยิ่ง "เสรีนิยม" และ "สังคมนิยม" อันเป็นสิ่งที่ตรงข้ามและปฏิปักษ์กับลัทธิ "อนุรักษ์นิยม" หรือส่วนที่แตกหน่ออกมาเป็น "อำนาจนิยม" ที่เป็นพื้นฐานของ "สมบูรณาญาสิทธิ์" กับ "เสนา - อำมาตยนิยม"

ถ้าหากจะดูตามลำดับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์แล้ว จะเห็นได้ว่าความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและทางความคิด กินระยะเวลาอันยาวนานกว่า 100 ปี

อาจกล่าวได้ว่ากระแสความคิดทางการเมืองหลักของผู้ที่ต้องการจะปลดปล่อย นับตั้งแต่เทียนวรรณมาถึงพวกกบฎ ร.ศ. 130 (เก็กเหม็ง) จนกระทั่ง "ผู้ก่อการ" หรือ "คณะราษฎร 2475" นั้นเป็นความคิดด้านเสรีนิยมเป็นหลัก รูปแบบของระบอบประชาธิปไตยและลัทธิรัฐธรรมนูญ ที่ได้รับความบันดาลใจจากยุโรปตะวันตกตั้งแต่การปฏิวัติฝรั่งเศส ค.ศ. 1789 ที่ชูแนวความคิดว่าด้วยเสรีภาพ เสมอภาพและภารดรภาพนั้นเป็นกระแสหลัก ส่วนอิทธิพลของสังคมนิยม อันเป็นผลพวงของการปฏิวัติรัสเซีย (ค.ศ. 1917) นับได้ว่าเป็นกระแสรอง

เมื่อการปลดปล่อยเข้าสู่ระบอบใหม่ภายหลังการปฏิวัติ 2475 ไม่บรรลุตามเป้าหมายหลังการสิ้นสุดของ "สมบูรณาญาสิทธิ์" การเมืองไทยจึงได้แปลงรูประบอบเข้าสู่ความเป็น "เสนา - อำมาตยนิยม" เรียกกันทั่วๆ ไปว่า "เผด็จการทหาร" ซึ่งในความจริงไม่ได้จำกัดอยู่เพียงข้าราชการทหารเท่านั้น แต่รวมไปถึงข้าราชการพลเรือนและข้าราชการตุลาการด้วย

การปลดปล่อยตัวเองนี้ยังยืดเยื้อยาวนานมาอีก ผ่านช่วงของเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ผ่านช่วงพฤษภามหาโหด 2535 จนกระทั่งปัจจุบัน เมื่อ 19 กันยายน ปีที่ผ่านมา ในช่วงของการเดินทางของประวัติศาสตร์การเมืองไทยนับแต่ 2519 เป็นต้นมา ความคิดเสรีนิยมยังเป็นความคิดกระแสหลักอยู่

ในทางสากลกระแสคลื่นของการปฏิวัติยังคงกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป คละเคล้าด้วยความคิดทั้งแบบเสรีนิยมและแบบสังคมนิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทศวรรษ 1960 และ 1970 ที่เป็นยุคสมัยของขบวนการนักศึกษาทั่วโลก ขบวนการนักศึกษากลายเป็นพลังทางสังคมและการเมืองสำคัญ 4 ทศวรรษที่กล่าวมาแล้ว ซึ่งก็ตรงกับช่วงของก่อนและหลัง 14 ตุลาคม 2516 พลังนี้มาจากปัญญาชนที่อยู่ในสถาบันทางความรู้ อยู่ในเมืองใหญ่ ใกล้กับอำนาจและสื่อมวลชน มาจากชนชั้นนำของสังคม การที่จะจำกัดและกำจัดนักศึกษาทำไม่ได้ง่ายนัก อธิการบดีของมหาวิทยาลัยไทยจึงเคยมีชื่อของจอมพลอยู่ในตำแหน่งดังกล่าว

ในประเทศด้อยพัฒนา และกำลังพัฒนา รัฐจะดูเปราะบาง ไม่คุ้นเคยกับ ประชาธิปไตยและเสรีภาพ และไม่ฉลาดพอกับการจัดการกับขบวนการศึกษาของตนโดยสันติวิธี บ่อยครั้งรัฐจะทำเกินกว่าเหตุ ใช้ความรุนแรงและการทำลายชีวิตในการเผชิญกับปัญหา อย่างในเอเชียภาพของ "อาชญากรรมโดยรัฐ" กลายเป็นภาพที่คุ้นตา ทั้งพม่า ไทย จีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลี ฯลฯ

ความจำเป็นในการชำระประวัติศาสตร์ 6 ตุลาคม 2519

มีเหตุการณ์นองเลือดครั้งใดเล่านอกจากเหตุการณ์ 6 ตุลา ที่มีการทำทารุณกรรมอย่างป่าเถื่อนต่อชนผู้ปราศจากอาวุธ ข้อกล่าวหาในการล้อมสังหารโหดนักศึกษาประชาชน คือ นักศึกษาทำละครเหมือนองค์พระบรมโอรสาธิราชฯ กลุ่มผู้ชุมนุมในรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นพวกคอมมิวนิสต์และมีพวกญวนส่องสุมกำลังอาวุธไว้ในใต้ถุนหอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์

ขณะที่ครั้งหนึ่ง ไทยแลนด์ ในปี ค.ศ. 1973 สร้างความบันดาลการนักศึกษากรีกร้องตะโกนว่า "ไทยแลนด์ๆๆๆ" ประหนึ่งจะแปลว่า "เสรีภาพๆๆๆ" ในการประท้วงขับไล่รัฐบาลอำนาจนิยมของตน กระแสความคิดที่จะปลอดปล่อยและพลังของกระบวนการนักศึกษานี้แหละ ทำให้เห็นที่มาและที่ไปของ 14 ตุลาคม 2516 กับ 6 ตุลาคม 2519 เยาวชนคนหนุ่มสาวมี "ความฝัน" ที่จะเห็นโลกใหม่ของเขาและเธอ

ถ้าวันนี้มีการทำโพลสำรวจความเห็นของสังคมไทยว่า มองกรณี 6 ตุลา 2519 อย่างไร มองนักศึกษาประชาชนที่ถูกแขวนคอ ถูกตอกอก ถูกเผากลางถนน ถูกล้อมยิงกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ฯลฯ ว่าเป็นพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงเป็นเหยื่อบริสุทธิ์ทางการเมือง หรือเป็นวีรชนต้านเผด็จการผลจะออกมาอย่างไร? สังคมไทยจะเปิดกว้างแค่ไหนในการประเมินฐานะทางประวัติศาสตร์ของคน 6 ตุลา อย่างแท้จริง

การสร้างประติมานุสรณ์ 6 ตุลา ควรนำไปสู่การตั้งคำถามว่า "ใครสั่งให้เจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบของรัฐถล่มนักศึกษาด้วยปืนอาวุธสงคราม? " ใครสนับสนุนให้องค์กรอันธพาลนอกระบบประหัตประหารประชาชนและนักศึกษาที่ธรรมศาสตร์?" และ "บุคคลระดับสูงเหล่านี้ยังมีบทบาทสำคัญในสังคมไทยหรือไม่?" เพราะถ้าเขายังมีบทบาทอยู่ เราควรมีท่าทีต่อเขาอย่างไร?

ประติมานุสรณ์ 6 ตุลา ที่หน้าหอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีลักษณะเป็นเขื่อนกั้นลำธาร การพัฒนาประชาธิปไตย ทำลายเจตนารมณ์ของหนุ่มสาวนักต่อสู้ที่ชิงชังต่อเผด็จการ แลอำนาจนิยม

ประชาธิปไตยในปัจจุบันนี้มีผลสะท้อนจากเหตุการณ์ 6 ตุลา

คนที่มองว่าเราควรลืมเหตุการณ์ 6 ตุลา เป็นคนที่ต้องการให้สังคมไทยล้มลุกคลุกคลานต่อไป ท่ามกลางความมืดมน ประติมานุสรณ์ 6 ตุลา เป็นความพยายามระดับหนึ่งที่จะนำแสงสว่างกลับมาสู่สังคมไทย นี่คือความจำเป็นในการชำระประวัติศาสตร์ 6 ตุลาคม 2519

หมายเหตุ: จาก ในหนังสือ 14-6 ตุลา พิมพ์ครั้งแรกในหนังสือประจำงาน 20 ปี 6 ตุลา ของ คณะกรรมการดำเนินงาน 20 ปี 6 ตุลา 2519 เขียนโดยชาญวิทย์ เกษตรศิริ และจากหนังสือ ประติมานุสรณ์ 6 ตุลา 2519 จัดทำโดย คณะกรรมการดำเนินงานสร้างกำแพงประวัติศาสตร์ ธรรมศาสตร์กับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในวาระเปิดประติมานุสรณ์ 6 ตุลา เมื่อ วันที่ 6 ตุลา 2543 เขียนโดย สันติสุข โสภณสิริ ,ใจ อึ๊งภากรณ์

(ที่มา : http://www.thaingo.org/writer/view.php?id=536 )