ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

มาช่วยกัน หยุด! การแพร่กระจายของสัตว์น้ำต่างถิ่น

เริ่มโดย pa_เฟี๊ยว, 13:07 น. 26 พ.ย 55

pa_เฟี๊ยว

มาช่วยกัน หยุด!
การแพร่กระจายของชนิดพันธุ์สัตว์น้ำต่างถิ่น โดยต้องไม่ปล่อยลงในแหล่งน้ำธรรมชาติ เด็ดขาด!

10ชนิดพันธุ์สัตว์น้ำต่างถิ่น ได้แก่ . . .                                                                  
ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมประมงค่ะ
1. ปลาจรเข้ . . .

ปลาอัลลิเกเตอร์ หรือ ปลาจระเข้ (Alligator Gar) เป็นปลาตระกูลเดียวกันกับปลาปิรันย่า แต่ไม่ทำร้ายคน มีลักษณะ ลำตัวกลม ยาวเรียว ส่วนหัวจะเล็ก ลง ปากยาว คล้ายจระเข้ โคนหางด้านบน จะยาวกว่าโคนหางด้านล่าง อย่างเห็นได้ชัดแพน หางกลมแข็งแรงคล้ายพัด  มีเกล็ดที่แข็งและสาก ปกคลุมลำตัวเป็น รูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ปลาจระเข้ มีอวัยวะที่ช่วยในการหายใจ ทำให้สามารถอาศัยอยู่ในน้ำ ที่มีปริมาณออกซิเจนต่ำได้ดี อุปนิสัยของปลาชนิดนี้ ค่อนข้างรักสงบ ไม่ก้าวร้าว สามารถเลี้ยงรวมกับปลาชนิดอื่นๆ ที่มีขนาดใกล้เคียงได้ หรือชนิดเดียวกันได้ หลายๆตัว ชอบอยู่รวมกัน เป็นฝูงโดยการลอยตัว อยู่บริเวณ เหนือผิวน้ำนิ่งๆ เพื่อรอเหยื่อว่ายเข้ามา ใกล้จึงจะพุ่งเข้าไป งับเหยื่อและมีรูปแบบ การกินเหยื่อ ที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก




2. ปลาช่อนอเมซอน . . .

ปลาช่อนอเมซอน (Arapaima) เป็น ปลาน้ำจืด ที่ ใหญ่ที่สุด ในทวีปอเมริกา เมื่อโตเต็มที่สามารถมีความยาวกว่า 2.75 เมตร และน้ำหนักมากกว่า 200 กิโลกรัม มีอายุประมาณ 15-20 ปี เป็นปลากินเนื้อ แต่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์




3. ปลาอามาทัส . . .

ปลาอามาทัส (ชื่อวิทยาศาสตร์: Hydrolycus armatus) ปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง ในวงศ์ปลาฟันสุนัข (Cynodontidae) ในอันดับปลาคาราซิน รูปร่างคล้ายกับ ปลาสคอมบิรอยด์ (H. scomberoides) มาก ซึ่งเป็นปลาที่อยู่ในสกุลเดียวกันมาก ต่างกันที่ปลาอามาทัสมีครีบทุกครีบเล็กกว่า หัวมีขนาดใหญ่กว่าและหักลง ไม่ชี้ขึ้นเหมือนปลาสคอมบีรอยด์ และลำตัวเป็นสีเหลืองทองในปลาขนาดเล็ก แต่จะเปลี่ยนเป็นสีเงินวาวเมื่อปลามีขนาดใหญ่ขึ้น นอกจากนี้แล้ว จุดเด่นที่สำคัญคืออีกประการหนึ่งคือ เมื่อปลาโตเต็มที่ เขี้ยวคู่ล่างที่กรามล่างจะยาวแหลมออกมาจากปากอย่างเห็นได้ชัดนับว่าเป็นปลา ที่มีฟันเขี้ยวใหญ่และแหลมคมที่สุดสำหรับปลาในวงศ์นี้
ขนาดเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 60-70 เซนติเมตร ซึ่งก็นับได้อีกว่าเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในวงศ์นี้ มีพฤติกรรมชอบอยู่รวมเป็นฝูงในระดับกลางน้ำในปลาวัยเล็ก หากินโดยล่าปลาและกุ้งต่าง ๆ เป็นอาหาร และถึงแม้ว่าจะเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่กว่าก็ตาม ก็สามารถใช้ปากและเขี้ยวที่แหลมคมนี้จับและกลืนกินได้ พบกระจายพันธุ์ในแม่น้ำอเมซอนและสาขา, ลุ่มแม่น้ำโอริโนโค รวมถึงแม่น้ำกายอาน




4. ปลาปิรันย่า . . .

ปิรันยา หรือ ปิรันฮา (อังกฤษ: Piranha) เป็นชื่อสามัญเรียกปลาน้ำจืดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งอยู่ในวงศ์ย่อย Serrasalmidae ในวงศ์ปลาคาราซิน (Caracidae) โดยทั่วไป ปลาที่ได้ชื่อว่า "ปิรันยา" นั้นจะหมายถึงปลาในสกุล Pristobrycon, Pygocentrus, Pygopristis และ Serrasalmus แต่ก็อาจรวมถึงปลาในสกุล Catoprion ด้วย ส่วนปลาในสกุลอื่นมักไม่นิยมเรียกว่าปิรันยา ถึงแม้จะอยู่ในวงศ์ย่อยนี้ก็ตาม
ปลาปิรันยากินเนื้อเป็นอาหาร มักอยู่รวมกันเป็นฝูงขนาดใหญ่ พบในแม่น้ำอเมซอน ทวีปอเมริกาใต้ มีฟันที่แหลมคมกินเนื้อของสัตว์ที่ตกลงไปอยู่ใกล้ที่อยู่ของมันเป็นอาหาร แต่ถ้าไม่มีสัตว์อะไรเลยตกลงไปในที่อยู่ของมันมันก็จะกินปลาในแม่น้ำเป็น อาหาร เป็นปลาที่อันตรายชนิดหนึ่ง ที่ทั่วโลกรู้จักดี ชนิดที่ดุร้ายมาก ได้แก่ ปิรันยาแดง (Pygocentrus nattereri) ฯลฯ บางประเทศ เช่น ประเทศไทยห้ามนำเข้า เพราะเกรงจะแพร่ลงสู่แหล่งน้ำและขยายพันธุ์ แต่บางประเทศ เช่น ประเทศญี่ปุ่นอนุญาตให้เลี้ยงเป็นปลาสวยงามได้




5. ปลาเทศบาล . . .

ปลาซักเกอร์ (Suckermount catfish) ถิ่นกำเนิดอยู่ในบราซิล นำเข้าไทยในฐานะปลาสวยงามที่ช่วยกำจัดเศษอาหารและคราบตะไคร่ในตู้ปลา หากอาหารไม่พอจะก้าวร้าวไล่ดูดเมือกของปลาอื่นจนถึงแก่ความตาย ปรับตัวเก่งมาก อยู่ได้แม้ในสภาพน้ำเป็นพิษหรือมีออกซิเจนต่ำกว่ามาตรฐานปรกติที่ปลาทั่วไปจะอยู่ได้




6. ปลาไทเกอร์ หรือปลาเสือ . . .

Tiger Fish เป็นปลาน้ำจืดกลุ่ม Characin ที่มีขนาดใหญ่ และมีความก้าวร้าวมาก และยังเป็นปลากลุ่มเตตร้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดด้วย (ปลาในกลุ่ม Characin จะมีพวก ปลานีออน ปลาปิรันย่า แต่จะอยู่กันคนละสกุล (Family), Hydrocynus จะเป็นปลาใน สกุล African Tetra




7. ปลาหมาป่า . . .

ปลาวูล์ฟฟิช เป็นปลาในกลุ่มคาราซิน (Order Characiformes) จัดอยู่ในครอบครัว อิริธรินิดี้ (Family Erythrinidae) ซึ่งปลาในสกุลนี้ ต่างก็มีรูปร่างหน้าตาและจุดเด่นคล้ายๆกัน หลักก็ก็คือ เป็นคาราซินที่ไม่มีครีบไขมัน (คาราซินส่วนใหญ่มีครีบไขมันกันทั้งนั้น) มีลำตัวรูปทรงกระบอก เกล็ดขนาดค่อนข้างใหญ่ ใบหางกลมใหญ่ มีฟันเขี้ยวที่แข็งแรงเต็มเพดานปาก ดำรงชีวิตเป็นนักล่าโดยสมบูรณ์ บางชนิดสามารถเคลื่อนที่บนพื้นดินที่ชื้นแฉะและหายใจแลกเปลี่ยนก๊าซจากอากาศ โดยตรงได้เพื่อหาแหล่งน้ำใหม่ได้ในระยะทางสั้นๆคล้ายปลาช่อนของเรา




8. เต่าแก้มแดง หรือเต่าญี่่ปุ่น . . .

เต่าแก้มแดง  มีชื่อสามัญว่า Red-eared Slider เป็นเต่าที่มีถิ่นกำเนิดจากแม่น้ำมิสซิสซิปปี้  ประเทศสหรัฐอเมริกา หาได้มาจากประเทศญี่ปุ่นแต่อย่างใด  แต่ที่เราเรียกกันติดปากมาเช่นนี้  เพราะแต่ก่อนแต่ไรมา  ประเทศญี่ปุ่นนำเข้าเต่าชนิดนี้จากประเทศสหรัฐอเมริกา  เพื่อมาขายเป็นสัตว์เลี้ยงในประเทศตน  และมีการขายต่อกันมาเป็นทอด ๆ  กระจายกันไปทั่วทวีปเอเชีย  จึงเข้ามาสู่บ้านเราได้ด้วยประการนี้  แต่ละปีทั่วโลกจะซื้อหาเต่าแก้มแดงเพื่อการเป็นสัตว์เลี้ยงมากมายหลายล้านตัว โดยฟาร์มที่เพาะพันธุ์ขนาดใหญ่อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา  ส่วนในประเทศไทยก็สามารถเพาะพันธุ์ได้เช่นกัน  แต่ปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด  จึงต้องนำเข้าเป็นส่วนใหญ่ครับ ดำรงชีวิตอยู่ได้ในน้ำเน่าหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดีได้ดีกว่าเต่าไทย แพร่พันธุ์เร็ว วางไข่ได้แม้ในสนามหญ้า มีส่วนทำให้เต่าไทยอยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์




9. กบบูลฟร็อก . . .

กบบูลฟร็อก - American bullfrog; ชื่อวิทยาศาสตร์: Lithobates catesbeianus) เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำชนิดหนึ่ง ในอันดับกบ (Anura) ในวงศ์กบนา (Ranidae) เป็นกบขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ โตเต็มที่มีน้ำหนักมากกว่า 1 กิโลกรัมขึ้นไป ตัวที่โตมีความยาวถึง 8 นิ้ว มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือทางด้านตะวันออกของประเทศสหรัฐอเมริกา เรื่อยไปจนถึงตอนกลางของประเทศ ต่อมามีการนำไปเลี้ยงแพร่กระจายทางด้านตะวันตกของประเทศ
กบบูลฟร็อก เมื่อโตเต็มที่ด้านหลังมีสีเขียว ปนสีน้ำตาลเข้ม มีจุดประสีน้ำตาลทั่วตัว ส่วนหัวด้านหน้ามีสีเขียว ที่ขามีลายพาดขวาง แยกเพศได้โดยสังเกตจากลักษณะภายนอกคือ ตัวเมียมีวงหูเล็กกว่าตา ลำตัวมีสีอ่อนใต้คางมีสีขาวครีม ส่วนท้องอูมและมีขนาดใหญ่ ตัวผู้มีวงหูใหญ่กว่าตา ในช่วงฤดูสืบพันธุ์ลำตัวมีสีเข้มขึ้นและที่ใต้คางมีสีเหลือง หรือเหลืองปนเขียว ไม่มีถุงเสียง แต่มีกล่องเสียงทำให้สามารถส่งเสียงร้องดังคล้ายวัวได้ยินเป็นระยะไกลอัน เป็นที่มาของชื่อ




10. ตัวไรดีอ่าา . . .  ส.หัว

pa_เฟี๊ยว

สัตว์น้ำต่างถิ่นที่รุกรานในประเทศไทย (alien species)

สัตว์น้ำต่างถิ่น คือสัตว์ที่พบอาศัยในธรรมชาติที่ต่างจากถิ่นการกระจายพันธุ์ดั้งเดิม

ทิศทาง/รูปแบบการขนย้าย/แพร่ระบาดเข้าออกจากประเทศไทย

การแพร่ระบาดของชนิด พันธุ์ต่างถิ่นในประเทศไทย มีสาเหตุจากความสามารถในการแพร่ระบาดของชนิดพันธุ์เอง ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ส่งเสริมให้เกิดการเคลื่อนย้ายและแพร่ระบาดของชนิด พันธุ์ต่างถิ่น และสาเหตุการแพร่ระบาดที่สำคัญ คือ กิจกรรมของมนุษย์ แบ่งเป็น

•  การนำเข้า ส่งออกชนิดพันธุ์ต่างถิ่น เพื่อผลประโยชน์ทางการด้านเศรษฐกิจ เช่น การนำเข้า ปลาสวยงาม การนำเข้าในกรณีนี้แบ่งเป็น การนำเข้าที่ถูกต้องตามกฎหมายโดยผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการลักลอบนำเข้า ซึ่งพบมากในธุรกิจสัตว์เลี้ยง โดยจะมีกระบวนการสั่งชนิดพันธุ์ส่วนใหญ่ทางอินเทอร์เน็ต หรือในการประชุมผู้ประกอบการแต่ละกลุ่ม การลักลอบนำเข้าส่วนใหญ่จะผ่านทางรอยต่อชายแดน หรือซุกซ่อนมาในกระเป๋าเดินทาง เนื่องจากการทำตามขั้นตอนทางกฎหมายที่ต้องใช้เวลานานและเสียค่าใช้จ่ายมาก

•  การนำเข้า ส่งออกเพื่อประโยชน์ทางด้านการศึกษาและงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ สำหรับประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้า ส่งออกตัวอย่างสิ่งมีชีวิตที่ตายแล้ว หรือซากสิ่งมีชีวิต เช่น สัตว์เลื้อยคลาน เป็นต้น สำหรับการนำเข้าสัตว์ทดลองจะอยู่ในความดูแลของสำนักสัตว์ทดลองแห่งชาติ ซึ่งพยายามทำให้สัตว์ทดลองที่ใช้ในประเทศไทยได้คุณภาพ และมีราคาถูกกว่าการซื้อจากต่างประเทศ เพื่อลดปัญหานักวิจัยแอบซ่อนสัตว์ทดลองเข้ามาเอง

•  การนำเข้าและส่งออกชนิดพันธุ์ต่างถิ่นโดยมิได้ตั้งใจ เนื่องจากชนิดพันธุ์เหล่านี้ติดมากับวัสดุทางการเกษตร ปรสิต หรือเชื้อโรคที่ติดมากับชนิดพันธุ์ที่นำเข้ามาโดยถูกต้องตามกฎหมาย ติดมากับเรือ ทั้งที่เกาะเรือเข้ามาและมากับน้ำอับเฉา

•  การนำชนิดพันธุ์ต่างถิ่นเข้า และออกนอกประเทศไทยโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เช่น นักท่องเที่ยวนำเข้าอาหาร หรือเมล็ดพันธุ์ต่างถิ่นติดมาในกระเป๋าเดินทาง เป็นต้น

สาเหตุที่ทำให้เกิดการปนเปื้อนของสัตว์น้ำต่างถิ่นในแหล่งน้ำธรรมชาติ

1. ปล่อยอย่างจงใจ ส่วนมากเกิดจากการเลี้ยงเพื่อความสวยงาม และเมื่อเกิดความเบื่อก็ปล่อยทิ้งแหล่งน้ำธรรมชาติ หรือการปล่อยอย่างตั้งใจเกี่ยวกับประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่อ และอีกประเภทหนึ่งคือ การปล่อยโดยหน่วยงานราชการเพื่อการเพิ่มผลผลิตในแหล่งน้ำธรรมชาติ

2. ภัยธรรมชาติโดยเฉพาะน้ำท่วม ทำให้พันธุ์สัตว์ต่างถิ่นหลุดรอดไปในธรรมชาติ

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้จากพันธุ์สัตว์น้ำต่างถิ่น

1. ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นจะแย่งใช้พื้นที่และแย่งอาหารของพันธุ์พื้นเมือง โดยจะทำลายโครงสร้างประชากรสัตว์น้ำที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ทำให้ความหลากหลายชนิดของสัตว์น้ำลดลงโดยพันธุ์ต่างถิ่นมีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี ซึ่งการที่จะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้แน่นอนว่าจะต้องมีความสามารถในการแข่งขันสูง และเป็นไปได้ว่าการแข่งขันจะต้องมีการทำลายล้างกัน เช่น ปลาดุกรัสเซีย หอยเชอรี่ และปลากดเกราะ (sucker)

2. ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นจะเป็นผู้ล่าหรือตัวห้ำต่อชนิดพันธุ์อื่นๆ เช่นปลากดเกราะจะมีพฤติกรรมชอบกินไข่ปลาซึ่งติดอยู่กับวัตถุ ทำให้เกิดผลกระทบต่อผลผลิตสัตว์น้ำในแหล่งน้ำ

3. ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นอาจจะทำลายหรือทำให้แหล่งอาศัยเสื่อมโทรม เช่นหอยเชอรี่ชอบกินข้าวในช่วงต้นกล้า ทำให้เกิดความเสียหาย และเมื่อใช้สาร Endosulfan ในการกำจัดก็จะทำให้เกิดสารตกค้าง มีผลทำให้กบเขียดในนาลดน้อยลง

4. ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นอาจเป็นตัวแพร่กระจายเชื้อโรคและปรสิตชนิดใหม่ๆ ที่ติดมากับพันธุ์ต่างถิ่น ทำให้เกิดความเสียหายมหาศาลในแหล่งน้ำธรรมชาติ ห่วงโซ่อาหารและระบบนิเวศน์ถูกทำลาย ส่งผลให้ราษฎรเกิดความเดือดร้อนในการดำรงชีพ เพราะปลาเป็นอาหารโปรตีนราคาถูกและหาได้ง่ายต้องตายไปเป็นจำนวนมากด้วยโรคระบาด เป็นพาหะนำโรค เนื่องจากหอยเชอรี่อยู่วงศ์เดียวกับหอยโข่ง จึงอาจเป็นเจ้าบ้าน ตัวกลางของหนอนพยาธิตัวกลม เช่นเดียวกับหอยโข่ง

5. ชนิดพันธุ์พื้นเมืองที่ถูกทดแทนได้รับความสนใจน้อยลง จนถูกมองข้าม ซึ่งมีผลในการอนุรักษ์และพัฒนาสายพันธุ์ เช่นการนำปลาดุกรัสเซียเข้ามาผสมกับปลาดุกอุยทำให้ได้ลูกผสมชื่อ บิ๊กอุย ซึ่งได้รับความนิยมแทนปลาดุกด้าน

6. เป็นตัวเร่งให้เกิดมลภาวะ ซึ่งเมื่อพันธุ์ต่างถิ่นได้รับความนิยมในการเลี้ยง ก็มีการขยายตัวกันมาก สิ่งที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ ปริมาณอาหารและสิ่งขับถ่ายที่อาจเป็นแหล่งก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การเลี้ยงปลานิลในกระชังในหลายพื้นที่

สัตว์น้ำต่างถิ่นในประเทศไทยสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม

• สัตว์น้ำนำเข้า (Exotic หรือ Imported) โดยส่วนมากนำเข้ามาใช้ประโยชน์ในด้านธุรกิจปลาสวยงาม และการเพาะเลี้ยงเพื่อเป็นอาหาร โดยเริ่มแรกมีการนำเข้ามาจากจีน เป็นพวกปลาไนและปลาในกลุ่มปลาจีน จากนั้นมีการนำเข้ามาจากแอฟริกา เช่น กลุ่มปลาหมอเทศ ซึ่งอาจนำเข้ามาโดยตรง หรือนำเข้าผ่านประเทศเพื่อนบ้านก่อนแล้วจึงนำเข้าต่อมายังประเทศไทย วงศ์ปลาหมอสี ปลาหางนกยูง และวงศ์ต่าง ๆ ถูกนำเข้ามาใช้ในวงการปลาสวยงามเป็นจำนวนมาก

• สัตว์น้ำต่างถิ่นที่ พบอยู่รอดในธรรมชาติ (Alien species) คือ สัตว์น้ำที่ถูกนำเข้ามา หรือเป็นสัตว์น้ำที่ไม่เคยมีอยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาตินั้นมาก่อนแต่ถูกมนุษย์ นำมาปล่อย หรือหลุดลงไปในแหล่งน้ำธรรมชาติโดยสาเหตุใด ๆ ก็ตาม สามารถแบ่งออกได้ตามลักษณะของประชากร คือ

พวกที่พบอาศัยอยู่ได้แต่ไม่มีการแพร่พันธุ์ (Escapees) คือ ชนิดที่ปรับตัวให้อาศัยอยู่รอดได้ในธรรมชาติที่ต่างจากเดิมได้อาจจะชั่ว ชีวิตของมัน แต่ไม่มีการจับคู่ผสมพันธุ์และแพร่พันธุ์ได้ในถิ่นอาศัยใหม่ตามธรรมชาติ ซึ่งอาจเนื่องจากมีจำนวนน้อยหรือปัจจัยในถิ่นอาศัยไม่เอื้ออำนวยต่อการแพร่ พันธุ์
พวกที่อาศัยอยู่ได้และแพร่พันธุ์ได้ (Flourished) เป็นชนิดที่สามารถอาศัยอยู่ได้ในสภาพธรรมชาติของที่อยู่ใหม่ และปรับตัวให้อยู่รอดร่วมกับชนิดพื้นเมืองได้ และสามารถแพร่พันธุ์ให้เกิดประชากรรุ่นใหม่ขึ้นได้ในธรรมชาติต่างถิ่นที่มัน อาศัยอยู่ได้

สัตว์น้ำต่างถิ่นยังสามารถแบ่งได้ตามบทบาทที่มีต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม เป็น 2 ชนิด

• ชนิดที่ไม่รุกราน (Non-invasive) เป็นชนิดที่ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ หรือระบบนิเวศโดยตรงหรือชัดเจนนัก เนื่องจากมีการดำรงชีพที่ไม่แข่งขันหรือขัดต่อการดำรงชีพของสัตว์ชนิดอื่น หรือสมดุลของระบบนิเวศ มักเป็นชนิดที่พบน้อยหรือไม่แพร่พันธุ์ในธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม สภาพของนิเวศที่เปลี่ยนไปอาจมีผลให้ชนิดดังกล่าวเจริญแทนที่และอาจขัดขวาง การฟื้นตัวของสมดุลนิเวศในบางครั้ง สัตว์น้ำในประเภทนี้ เช่น ปลานิล ปลาไน และปลาจีน เป็นต้น รวมถึงปลาเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่ถูกปล่อยลงแหล่งน้ำทั่วไป

• ชนิดที่รุกราน (Invasive Alien Species; IAS) เป็นชนิดที่แพร่พันธุ์ได้เร็วและมีความสามารถในการปรับตัวแข่งขัน แทนที่ชนิดพันธุ์พื้นเมืองได้ดีและยังดำรงชีพที่ขัดขวางหรือกระทบต่อสมดุล นิเวศ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของชนิดพันธุ์พื้นเมือง หรืออาจเป็นศัตรูต่อผลผลิตการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำการเกษตรได้ เช่น ปลากดเกราะ ปลาดุกแอฟริกัน (ดุกรัสเซีย) และลูกผสม และหอยเชอรี่ เป็นต้น