ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

บิ๊กบัง ชี้ไม่ก้าวพ้นทักษิณ ยากเลิกขัดแย้ง

เริ่มโดย itplaza, 16:48 น. 29 พ.ย 55

itplaza



บิ๊ก บัง ชี้ ไม่เร่งปรองดองอาจถึงขั้นสิ้นชาติ ไม่ก้าวพ้น ทักษิณ ยากเลิกขัดแย้ง ด้าน สุริยะใส ไม่เห็นด้วยแนวคิดแช่แข็งประเทศไทย ของ เสธ.อ้าย...

วันนี้ (29 พ.ย.55) เวลา 09.30 น. ที่โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการและคอนเวนชัน เซ็นเตอร์ ถ.แจ้งวัฒนะ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้จัดการประชุมผู้บริหารพรรคการเมือง โดยมีการอภิปรายหัวข้อ "ทิศทางประเทศไทยในอนาคต" มีวิทยากร อาทิ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ และอดีตประธาน คมช. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ ไม่สามารถมาเป็นวิทยากรได้ เนื่องจากติดภารกิจเร่งด่วน

โดย พล.อ.สนธิ กล่าวตอนหนึ่งว่า หากถามว่าจะมีการปฏิวัติหรือไม่ อยู่ที่ระบบการเมืองว่า มีความบริสุทธิ์ปลอดการคอรัปชันหรือไม่ ถ้าการเมืองเดินไปได้ดี คงไม่มี เพราะรู้ว่ามันมีผลกระทบต่อประเทศชาติ ส่วนที่ตนทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย.49 เพราะรู้ว่าวันที่ 20 พ.ย. จะเกิดความรุนแรงสูญเสีย และในวันนี้ตนจึงกำหนดแนวทางการปรองดองเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญ เพราะวันนี้วิกฤติชาติรุนแรง ถ้าไม่เร่งปรองดอง อาจถึงขั้นการสิ้นชาติ หากทุกคนในสภาเห็นด้วยก็สามารถแก้ปัญหานอกสภาได้

ตนรู้ดีว่า ถ้าไม่มองข้าม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มันจะถึงวิกฤติ หลายคนไม่ต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าประเทศ และกลายเป็นเครื่องมือของคนอีกกลุ่ม ที่สนันสนุนให้กลายเป็นความขัดแย้ง ทั้งนี้ ยืนยันว่าข้อเสนอปรองดองของตนไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีโทษอาญาและต้องกลับมารับโทษเพื่อให้เกิดการปรองดอง 

พล.อ.สนธิ กล่าวถึงการชุมนุมทางการเมืองรอบต่อไปของมวลชนที่มีหลายฝ่ายบอกว่า จะมีอีกในปลายปีหรือต้นปีหน้าว่า หากมองในหลักการม็อบจะเกิดหรือไม่ต้องมี 3 ปัจจัย คือทุน อุดมการณ์ และลักษณะผู้นำ ที่เป็นตัวชี้วัดว่าจะเกิดประสิทธิผลหรือไม่ วันนี้ยืนยันว่าทุนก็ยาก เงื่อนไขอุดมการณ์ก็น้อย และผู้นำไม่มี ดังนั้นในอนาคตอันใกล้จะให้เกิดประสิทธิผลค่อนข้างยาก ถ้าเกิด จะแบบเล็กๆ น้อยๆ

ด้านนายสุริยะใส กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าพรรคการเมืองต้องมี แต่ที่ผ่านมาพรรคกลับเข้าไปทำมวลชนออกมาเคลื่อนไหวสร้างกิจกรรม เหตุการณ์และกระแส เพื่อให้พรรคมีเวทีที่ยืน เดิมเริ่มจากพรรคเพื่อไทย ต่อมาพรรคประชาธิปัตย์ ตนคิดว่าก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องไม่ใช่เคลื่อนไหวทางการเมืองที่ปลุกระดมจนมาทำลายกลไกทางสภา

ดัง นั้นวันนี้ เราอาจต้องคิดกันมากเรื่องการปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปพรรคการเมืองกันอย่างไร และตนไม่เชื่อว่าทฤษฎีการแช่แข็งประเทศไทยของ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ จะแก้ปัญหาได้ เพียงแต่รัฐบาล ต้องไม่เข้าไปผสมโรง ถึงไม่ห้ามก็ไม่ควรเข้าไปร่วม จนกลุ่มผลประโยชน์จะเข้าไปยกพวกตีกัน

ส่วนการชุมนุมกลุ่มองค์การ พิทักษ์สยามที่มีความคิดว่านักการเมืองควรเว้นวรรค 5 ปี จึงควรย้อนกลับไปคิดว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้คิดเช่นนั้น เป็นระนาบความคิดเดียวกันกับการรัฐประหารปี 49 พบว่าคำตอบทุกอย่างไม่ได้อยู่แต่ในรัฐสภาแล้ว และเมื่อเกิดวิกฤติก็ย่อมมีคนคิดนอกกรอบ จนตอนนี้ไม่มีใครเชื่อว่าการรัฐประหารจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว

นาย สุริยะใส กล่าวว่า หากถือว่าปีหน้าจะเอาปรองดองเป็นวาระของประเทศ ขอเสนอว่า 1.ผู้มีส่วนได้เสียคือทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านไม่ควรเป็นเจ้าภาพ แทนที่จะเร่งรัดออก พ.ร.บ.ปรองดอง ควรตั้งหลักใหม่ อาจมีกรรมาธิการปรองดองชุดใหม่มาสร้างเจ้าภาพจากหลากหลายภาคส่วน แล้วมาขบคิดกันว่าควรจะทำอะไรได้ 2.ไม่ควรกำหนดกรอบเวลาในการปรองดอง เพราะจะไม่เกิดการปรองดอง แต่ควรรอจนกว่าคนในบ้านเมืองจะเห็นว่าเป็นวาระของประเทศ 3.ควรสร้างความปรองดองในหมู่ประชาชน ก่อนที่จะปรองดองในหมู่ชนชั้นนำที่ต้องเอาใจกองเชียร์ บางเรื่องก็ไม่ต้องทำอย่างเป็นทางการมาก แต่ต้องมีเจ้าภาพที่ถาวร

ดัง นั้นวาระปรองดองยังต้องเดินหน้า เพียงแต่ควรมองหาวิธีการใหม่ๆ แต่ต้องเริ่มต้นที่ผู้บริหารประเทศจริงใจ และไม่ยึดติดกับอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม หรือต้องเอาแกนนำเข้าคุก

อย่างไรก็ตาม ถ้ามีการเสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง คงมีการเคลื่อนไหวจากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ถ้ารัฐบาลคิดว่าคุมอยู่ก็เอาเข้าสภา อาจจะพลิกการเมืองไทยทั้งกระดานได้เหมือนกัน จึงไม่คิดว่ารัฐบาลจะกล้าเอาเข้าสภาในเวลาที่เพิ่งถูกอภิปรายจากฝ่ายค้าน รวมทั้งการแก้รัฐธรรมนูญวาระสาม เพราะเป็นสองเรื่องที่เป็นสายล่อฟ้า
ไทยรัฐออนไลน์
ที่มา http://itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=23064&page=1