กิมหยง - ตะลุงเว็บบอร์ด

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

กก.สิทธิมนุษยชนเดินหน้ายกร่าง กม.แต่งงาน ที่ไม่ใช่แค่หญิงกับชาย รองรับสถานภาพชีวิตคู่ เผยมี 2 แนวทาง "แก้ กม.ครอบครัวเดิม-เข้าชื่อเสนอใหม่" ชี้อาจไม่สำเร็จได้ใน 2-3 ปี

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน นพ.แท้จริง ศิริพานิช กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในฐานะประธานอนุกรรมการด้านสิทธิผู้สูงอายุ ผู้พิการ บุคคลหลากหลายทางเพศ และการสาธารณสุข กสม. กล่าวว่า ขณะนี้ กสม.,องค์กรรัฐ,เอกชนที่ทำงานด้านความหลากหลายทางเพศ และบุคคลหลากหลายทางเพศ กำลังเดินหน้าผลักดันแนวคิดเรื่องการออกกฎหมายรองรับการแต่งงานระหว่างคน 2 คน ที่ไม่ใช่แค่หญิงกับชายอีกต่อไป เพื่อนำไปสู่การยกร่างกฎหมายรับรองสถานภาพชีวิตคู่ ให้คนที่มีความหลากหลายทางเพศเมื่อตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน สามารถมีผลผูกพันทางกฎหมายได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งกสม.เชื่อในพื้นฐานที่ว่ามนุษย์ทุกคนมีสิทธิที่จะเลือกเองได้

นพ.แท้จริงกล่าวว่า มีแนวคิดอยู่ 2 แนวทางด้วยกันคือ 1.แก้กฎหมายครอบครัวเดิมที่มีอยู่ ซึ่งแนวทางนี้ค่อนข้างเป็นไปได้ยากเพราะอาจมีผลผูกพันกับข้อกฎหมายอื่นร่วมด้วย 2.รัฐธรรมนูญให้สิทธิประชาชนในการเข้าชื่อกัน 10,000 คน เพื่อเสนอกฎหมายได้ ซึ่งอาจเสนอร่างพระราชบัญญัติขึ้นมาโดยเฉพาะ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ตกผลึกว่าจะใช้แนวทางไหน แต่การร่างกฎหมายใหม่มีความเป็นไปได้สูง ซึ่งต้องมีการร่วมมือกันต่อไประหว่างองค์การที่ทำงานด้านความหลากหลายทางเพศ ที่ต้องร่วมมือกัน ในการยกร่างกฎหมายใหม่ขึ้นมา กสม.ไม่ได้เป็นผู้ปฏิบัติ แต่สนับสนุนให้มีการเปิดเวทีเรียนรู้ ทั้งนี้ หน่วยงานของรัฐที่ดูแลเรื่องนี้อยู่ อย่างกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ต้องเดินหน้าผลักดันอย่างจริงจัง แต่เมื่อยังทำให้เกิดขึ้นไม่ได้ ภาคประชาชนก็ต้องเริ่ม

"จะทำอย่างไรให้คนที่เป็นเพศเดียวกันสมัครใจใช้ชีวิตร่วมกัน มีสิทธิในการสมรสเท่าเทียมเหมือนอย่างชายหญิงทั่วไป เพราะมีตัวอย่างให้เห็นว่าคนเพศเดียว สมัครใจใช้ชีวิตร่วมกัน ร่วมสร้างฐานะกันมา แต่พอมีเหตุเช่น เสียชีวิต ทรัพย์สินกลับตกเป็นของญาติที่ใกล้ชิด ทั้งที่ร่วมสร้างกันมา อย่างนี้ก็ไม่ยุติธรรม" นพ.แท้จริงกล่าว

นพ.แท้จริงกล่าวว่า กระแสต้านเรื่องดังกล่าวมีพอสมควร เพราะบางกลุ่มก็ไม่อยากให้มีการเปลี่ยนแปลง การที่สังคมไทยจะเดินทางไปถึงการออกกฎหมายรองรับการแต่งงานของคนเพศเดียวกันได้ ต้องมีกระบวนการเรียนรู้ เพื่อทำความเข้าใจกับสังคม สุดท้ายสังคมจะได้เรียนรู้ แต่ไม่ใช่ว่าภายใน 2-3 ปี จะทำสำเร็จแต่เชื่อว่าจะเดินไปได้ เพราะถ้าเทียบกันในภูมิภาค ประเทศไทยถือว่ามีความอิสระด้านการแสดงออกทางเพศมากกว่าประเทศอื่นๆ และประเทศต่างๆ ในโลก อาทิ ฝรั่งเศส อาร์เจนตินา ผลักดันกฎหมายดังกล่าวแล้ว

นายยลลดา เกริกก้อง สวนยศ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) น่าน และ นายกสมาคมสตรีข้ามเพศแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กฎหมายรับรองสถานะคู่ชีวิตนั้นเป็นความต้องการของคู่สมรสที่เป็นเพศเดียวกัน สำหรับคนที่รักเพศเดียวกัน คือ ชายกับชาย และ หญิงกับหญิง ดังนั้นสามารถแก้ไขให้มีกฎหมายนี้ได้ ซึ่งจะต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของสังคมและตัวบทกฎหมายว่าจะออกมาได้เมื่อไหร่ ในส่วนตัวคิดว่าน่าจะทำได้และเห็นด้วยที่จะมีกฎหมายนี้

"ในฐานะที่ตัวเองเป็นสตรีข้ามเพศ คงไม่อยากจะแต่งงานจดทะเบียนสมรสในฐานะที่ตัวเองเป็นผู้ชาย แต่อยากจะแต่งงานจดทะเบียนสมรสในฐานะที่ตัวเองเป็นผู้หญิง ทางคณะกรรมการสิทธิฯ ควรจะทำกฎหมายขึ้นมาอีกฉบับ คือ กฎหมายรับรองสิทธิทางเพศของคนที่ผ่าตัดแปลงเพศแล้ว ซึ่งกฎหมายดังกล่าวจะให้ใช้สิทธิเปลี่ยนคำนำหน้าจาก "นาย" เป็น "นางสาว" หรือ "นาง" ได้ และหลังจากนั้นจึงจะแต่งงานจดทะเบียนสมรสกับผู้ชายได้" ยลลดากล่าว

ยลลดากล่าวว่า ถ้าเปรียบเทียบอัตราส่วนของกฎหมายทั่วโลกประมาณ 10 กว่าประเทศที่มีกฎหมายรับรองสถานะคู่ชีวิตของชายกับชาย และ หญิงกับหญิง แต่มากกว่า 50-60 ประเทศทั่วโลกมีกฎหมายรับรองสิทธิทางเพศของคนที่ผ่าตัดแปลงเพศแล้ว ซึ่งประเทศไทยควรจะมีกฎหมายทั้ง 2 ลักษณะได้แล้ว เพราะเป็นสิทธิและเสรีภาพของประชาชนที่ควรจะได้

นายนที ธีระโรจนพงษ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายอัตลักษณ์ทางเพศ ประธานกลุ่มเกย์การเมืองไทย กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดี ประเทศที่เจริญแล้วมีการสนับสนุนในเรื่องสิทธิของคน ในขณะประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และในฐานะที่ประเทศเป็นประเทศที่เริ่มต่อสู้เรื่องสิทธิเพื่อเพศที่สาม สิทธิในการทำประกันชีวิต สิทธิในเรื่องการทำงาน เพราะในเรื่องกฎหมาย รัฐธรรมนูญ ฉบับปี พ.ศ.2550 ระบุไว้อย่างชัดเจน ซึ่งจะสร้างผลประโยชน์โดยรวม ไม่ใช่เป็นเกย์แล้วไม่ต้องมาหลอกกัน

นายนทีกล่าวอีกว่า การได้รับการคุ้มครองในเรื่องของชีวิตคู่ เป็นเรื่องที่สังคมคงมองประเด็นว่า ผู้ชายสามารถได้ประโยชน์ ผู้ชายกับผู้ชาย ที่ตัดสินใจอยู่ร่วมกัน ก็ได้ประโยชน์ร่วมกัน ส่วนเรื่องการแต่งงานคงจะเหมือนกับหญิงชายทั่วไป บางคู่ไม่อยากแต่งงาน ก็ไม่ต้องแต่งงานอยู่ร่วมกันเลย และสิทธิการดูแลกันทางด้านกฎหมาย อาทิ อีกฝ่ายต้องผ่าตัดด้วย อีกฝ่ายควรจะได้ในเรื่องการเซ็นอนุมัติผ่าตัดได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรรับรอง

นายนทีกล่าวต่อว่า แม้กระทั่งเรื่องการดูแลบุตรบุญธรรมและเลี้ยงดูเด็กกำพร้า ในเรื่องนี้เป็นเรื่องอ่อนไหว ต้องลองหากติกาในการดูแลอย่างไร ทุกวันนี้คิดตามหลักสากล จะมีคนที่เป็นเกย์ 10 เปอร์เซ็นต์ของประชากร มีการรวมกันหลายกลุ่ม เพื่อทำในเรื่องสิทธิเกี่ยวกับกฎหมาย หลายประเทศในยุโรป อาทิ อังกฤษ แคนาดา ยอมรับกันแล้ว และในประเทศสหรัฐอเมริกาก็กำลังจะยอมรับกัน

 

กก สิทธิมนุษยชนสมองกลวงคิดแต่เรื่องไร้สาระ มาช่วยพี่น้องชาวบ้าน 3 จว ที่โดนฆ่ารายวันดีกว่า เคยบ้างมั้ยที่จะออกมาประนามพวกโจร ดีกว่าไปทำเรื่องผิดธรรมชาติพันนั้น สงสัย กก สิทธิมนุษยชนจะเป็นพวกรักร่วมเพศทั้งนั้น

อ้างจาก: เพลบอย เมื่อ 15:54 น.  01 ธ.ค 55
กก สิทธิมนุษยชนสมองกลวงคิดแต่เรื่องไร้สาระ มาช่วยพี่น้องชาวบ้าน 3 จว ที่โดนฆ่ารายวันดีกว่า เคยบ้างมั้ยที่จะออกมาประนามพวกโจร ดีกว่าไปทำเรื่องผิดธรรมชาติพันนั้น สงสัย กก สิทธิมนุษยชนจะเป็นพวกรักร่วมเพศทั้งนั้น

สมควรผลักดันให้ได้ เพราะหลายคนที่อยู่ด้วยกันเพศเพียวกัน ทำธุรกรรมต่างๆร่วมกันพอเสียชีวิต ไม่สามารถแบ่งทรัพย์สินกันได้ไม่เกิดความยุติธรรม
และยังมีอีกกรณี ที่คนบางส่วนยังไม่ยอมรับเรื่องคนเพศเดียวกัน ใช้ชีวิตร่วมกันอยู่กินกันฉันคู่รัก ชายหญิง พอแต่งงานกันเลิกร้างกันภายหลังเพียงแต่สังคมไม่ยอมรับ  และบางส่วนแต่งงานเพื่อที่จะปกปิดสถานะตัวเองที่สังคมหรือครอบครัวไม่ยอมรับ ต้องทนเหมือนตกนรกทั้งเป็น

ไม่เห็นด้วยเลย แค่ให้แต่งงานกันได้ ก็รับไม่ได้แล้ว นี่จะให้เปลี่ยนคำนำหน้าอีก ไม่ไหว
ต่อไปใครจะมีคู่ ซวยเลย บัตรประชาชนก็เชื่อถือไมได้ เดี๋ยวจะได้ไม้ป่าเดียวกัน มารู้ความจริงทีหลังมีปัญหาแน่

รับไม่ได้กับพวก สับสนทางเพศ

อ้างจาก: ทั่วไป เมื่อ 10:32 น.  03 ธ.ค 55
ไม่เห็นด้วยเลย แค่ให้แต่งงานกันได้ ก็รับไม่ได้แล้ว นี่จะให้เปลี่ยนคำนำหน้าอีก ไม่ไหว
ต่อไปใครจะมีคู่ ซวยเลย บัตรประชาชนก็เชื่อถือไมได้ เดี๋ยวจะได้ไม้ป่าเดียวกัน มารู้ความจริงทีหลังมีปัญหาแน่

รับไม่ได้กับพวก สับสนทางเพศ

ต่อไปคนเพศปกติก็พลอยสับสนไปกับพวกนี่กัน

อ้างจาก: เพลบอย เมื่อ 21:19 น.  03 ธ.ค 55
ต่อไปคนเพศปกติก็พลอยสับสนไปกับพวกนี่กัน

ใช่ หนึ่งในคำทำนายของ นอสตราดามุส ที่เคยอ่านเมื่อตอนเด็กๆ ไม่คิดว่าผ่านมาเป็นสิบปี เป็นจริงจนได้ วุ่นวาย 

อ้างจาก: ทั่วไป เมื่อ 10:32 น.  03 ธ.ค 55
ไม่เห็นด้วยเลย แค่ให้แต่งงานกันได้ ก็รับไม่ได้แล้ว นี่จะให้เปลี่ยนคำนำหน้าอีก ไม่ไหว
ต่อไปใครจะมีคู่ ซวยเลย บัตรประชาชนก็เชื่อถือไมได้ เดี๋ยวจะได้ไม้ป่าเดียวกัน มารู้ความจริงทีหลังมีปัญหาแน่

รับไม่ได้กับพวก สับสนทางเพศ

เห็นด้วยอย่างยิ่ง   อ๊อก