กิมหยง - ตะลุงเว็บบอร์ด

โดย สยามธุรกิจ www.siamturakij.com

สยามธุรกิจ - "ศึกน้ำดำ" ทำร้านขายของชำโกลาหลช่วงเปลี่ยนถ่าย ลุ้นของใหม่ค่ายเก่า "เอส โคล่า" ถูกปากลูกค้าหรือ ไม่ ด้าน "เป๊ปซี่" มีแต่ขวดพลาสติกขาย แถมลูกค้าร้านโชวห่วย ที่ซื้อจากยี่ปั๊วยังต้องถูกบังคับซื้อ 3 แพ็กขึ้นไป แถมราคาขายปลีก ใส่ถุงพร้อมน้ำแข็งถุงละ 14 บาท ขณะที่สาวก "เป๊ปซี่" กว้านซื้อยกลังหวังสะสมของเก่า

หลังจาก บมจ.เสริมสุข ได้ทำการเปิดตัวน้ำอัดลม "เอส โคล่า" (est cola) ไปเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยช่องทางการ จำหน่ายหลักยังเป็นร้านค้าทั่ว ไป 70% และร้านค้าทันสมัย หรือ ร้านค้าปลีก 30% ตั้งเป้า 3 วัน สามารถกระจายสินค้าได้ 60% จากทั้งหมด 200,000 ร้านค้า และภายในเดือนธ.ค.จะสามารถ กระจายสินค้าได้ 80% นั้น

เจ้าของร้านชำย่านบรมราชชนนีรายหนึ่งกล่าวว่า ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมารถส่ง ของเสริมสุขเริ่มไม่มาส่งสินค้า เป๊ปซี่ที่ร้านของตน ซึ่งเป็นร้าน เล็ก แต่ยังส่งให้ร้านค้าบริเวณ หน้าปากซอยอยู่ ในช่วงดังกล่าวตนจึงต้องสั่งเป๊ปซี่ขวดแก้วจากยี่ปั๊วแทน หลังจากที่เปลี่ยนเป็น "เอส โคล่า" รถส่งจึงกลับมาส่งสินค้าตามเดิม แต่ขณะนี้หากจะสั่งเป๊ปซี่จะต้องสั่งผ่านยี่ปั๊วเท่านั้น ที่ร้านจึงมีสินค้าเป๊ปซี่น้อย อย่างไรก็ตามสำหรับเอส โคล่า นั้นแม้จะสามารถสั่งจากรถส่งได้แต่ตนยังชะลอการสั่งซื้ออยู่เนื่องจากจะรอดูการตอบรับจากลูกค้าเสียก่อน ซึ่งเท่าที่ผ่านมาลูกค้าที่ซื้อจะซื้อเพราะต้องการลองสินค้า และมักจะให้ความเห็นว่ามีรสชาติแตกต่างจากเป๊ปซี่

"ส่วนการซื้อขวดแก้วเก็บเพื่อสะสมหรือขายต่อนั้น ก็ได้คิดไว้บ้างเหมือนกัน แต่เนื่องจากบริเวณที่ตั้งของร้านเป็นย่านชุมชนเก่าที่ผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุจึงไม่มีลูกค้าที่ต้องการสะสมของเหล่านี้ แต่ตนเองห่วงเรื่องค่ามัดจำขวดแก้วของทางเสริมสุขมากกว่า เนื่องจากมีข่าวว่าเสริมสุขอาจไม่รับคืนขวดแก้วเป๊ปซี่ จึงได้รีบรวบรวมขวดที่มีเพื่อส่งคืนยี่ปั๊วไปก่อนแล้วเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น"

แหล่งข่าวเจ้าของร้านขายของชำย่านดินแดง กล่าวว่า ตอนนี้ที่ร้านไม่มีขวดแก้วของแป๊ปซี่ในราคา 10 บาท ขายแล้วเพราะทางยี้ปั้วบอกว่าไม่ให้นำมาขายแล้ว และได้นำแป๊ปซี่ในแบบขวดพลาสติกมาขายแทนแล้วเป็นในราคาขวดละ 12 บาท ซึ่งทางยี้ปั้วบอกว่าเขามีกฏเกณฑ์ในการให้ซื้อไปขายต้องจำนวน 3 แพคขึ้นไป ในจำนวน 24 ขวด ซึ่งถ้านำมาขายจะมีราคาแพงกว่าแป๊ปซี่ขวดแก้วที่ขายในราคราคาขวดละ 10 บาท และถ้าเติมน้ำแข็งอีกก็จะแพงขึ้นไปอีกเป็นราคา 14 บาท ซึ่งตรงนี้ต้องรอดูผลตอบรับจากลูกค้าอีกทีว่าจะยังคงเลือกดื่มแป๊ปซี่ในขวดแบบพลาสติกหรือไม่ เพราะนำมาจำหน่ายได้ประมาณ 1-2 วันเท่านั้น ส่วนยี่ห้อเอส โคล่า ทางร้านจะเริ่มนำมาขาย ซึ่งเอส โคล่า แบบขวดแก้วจะมีลักษณะที่เล็กกว่าขวดแก้วน้ำแป๊ปซี่เดิม และน้ำอัดลมทุกยี่ห้อ โดยราคาต้นทุนที่ทางยี้ปั้วขายให้อยู่ในราคาประมาณ 6-7 บาท ซึ่งร้านค้าส่วนใหญ่ก็จะนำมาขายในราคา 9 บาท ถ้าใส่น้ำแข็งก็จะเป็น 11 บาท ซึ่งไม่สามารถขายในราคา 10 บาทเท่าแป๊ปซี่ขวดแก้วได้เพราะขนาดลิตรน้อยกว่า

"ในฐานะที่ตนเองเป็นแม่ค้าขายของชำมานานก็ไม่รู้ยี่ห้อเอสที่มาทำตลาดใหม่จะไปได้ดีแค่ใหน ถ้าเทียบกับคนที่ชอบกินแป๊ปซี่ ซึ่งมีจำนวนมาก แต่แป๊ปซี่ขนาดที่นำมาขายใหม่ก็มีราคาแพงไปกว่าแบบเก่าจึงไม่รู้ว่าลูกค้าจะตอบรับอย่างไร แต่ตนเองมองว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ชอบลองของใหม่ แต่ถ้ารสชาติไม่ถูกใจก็คงยอมเสียเงินมากกว่าในการเลือกยี่ห้อและรสชาติที่ตัวเองคุ้นเคย ทั้งนี้ในส่วนเรื่องขวดแก้วแป๊ปซี่ที่จะไม่วางจำหน่ายให้เห็นอีกแล้วก็มีลูกค้าบางคนที่ชื่นชอบได้ซื้อไปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ส่วนทางร้านตนเองนั้นก็เอาเก็บไว้เป็นที่ระลึกไว้เช่นกัน"

ด้านร้านขายของชำย่านโรงเรียนสตรีวิทยา 2 ระบุว่า ขณะนี้เป๊ปซี่แบบขวดแก้วยังมีพอจำหน่ายในล็อตสุดท้าย ซึ่งคาดว่าจะเพียงพอไม่เกิน 2 สัปดาห์ เนื่องจากสต็อกที่เหลือ เริ่มมีกลุ่มลูกค้ามากว้านซื้อเพื่อสะสม โดยตนจะจำหน่ายในราคาลังละ 220 บาท ส่วนเอส โคล่า ยังมาไม่ถึงที่ร้าน และเริ่มมีคนถามหาพอสมควร เนื่องจากเป็นของใหม่ที่ลูกค้าอยากลองชิม

เอาเป๊บซี่ขวดแก้วกูคืนมา กุ๊ก กุ๊ก กู๋