ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

SUZUKI VITARA

เริ่มโดย sin ratsanti, 10:54 น. 16 ม.ค 56

sin ratsanti

สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว Vitara4x4 Fan Club และเพื่อนๆที่กำลังสนใจในรถยนต์ Suzuki รุ่น VITARA ทุกท่านครับ ตามคำเรียกร้องที่เพื่อนๆขอมานะครับ
สำหรับบทความดีๆ (ดีๆ คนเดียวของผู้เขียน หรือเปล่า??) ในอีกแง่มุมหนึ่งเชิงวิจารณ์ วิเคราะห์รถยนต์รุ่นดังกล่าว ก่อนหน้านี้ผู้เขียนได้เขียนเกี่ยวกับข้อเสียของรถยนต์
รุ่นดังกล่าวไปแล้ว มาคราวนี้ก็คงถึงข้อดีๆบ้างล่ะ คงไม่นานสำหรับการรอคอยนะครับ
(ไม่รู้ว่า ยังคอยกันอยู่หรือเปล่านะซิ!!)

ก่อนอื่นก็คงจะต้องขอย้อนความกันไปนิดหนึ่ง เพื่อที่เพื่อนๆ จะยังพอจำกันได้บ้าง
ว่าที่ผู้เขียนพูดอยู่บ่อยๆ ว่า "...VITARA นั้น ไม่ใช่รถเก๋ง และก็ เช่นกัน VITARA นั้น
ก็ไม่ใช่รถกระบะ..." ทุกท่านยังพอจะจำ ประโยคนี้ของผู้เขียนได้นะครับ มาถึงตรงนี้
ผู้เขียนขอละเลงต่อเลยละกัน ว่าทำไม ถึงเป็นเช่นนั้น

VITARA นั้นเป็นรถประเภท SUV ( Sport Utility Vehicle) ซึ่งมีระบบช่วงล่าง
คล้ายๆ รถกระบะนั่นเอง คือมีความแข็งแรง ทนทาน เข้าทำนอง "บึกบึน" และยังมี
ความนุ่มนวล นั่งสบายๆ "สไตล์รถเก๋ง" นั่นเองล่ะครับ แต่ก็อย่างที่ผู้เขียนได้เขียนไป
ก่อนหน้านี้แหละครับว่า เจ้า VITARA นั้นมี เอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ซึ่งเอกลักษณ์
ดังกล่าวนั้นหาไม่ได้ในรถรุ่นอื่นๆ ยี่ห้ออื่นๆ หรือแม้แต่ยี่ห้อเดียวกันก็ตาม อาจจะมีบ้าง
ที่ใกล้เคียงกัน ก็คงจะเป็นเจ้า KIA รุ่น Sportage นั่นเอง แต่ก็ใช่ว่าจะเหมือนกันเสีย
ทีเดียวเนื่องจากสุดหล่อจากเมืองโสมนั้น เขามีเครื่องยนต์ที่แรงกว่าและใหญ่กว่า
โดยใช้เครื่องยนต์ขนาด 2000 CC แต่เจ้า VITARA นั้น ใช้เครื่องขนาด 1600 CC
ถึงตรงนี้แล้วถ้าจะถามว่าแล้วต่างกันไหม? ผู้เขียนตอบได้เลยว่าในหลักทฤษฏีแล้ว
ต่างกัน แต่ในแง่ปฏิบัตินี่ซิ ไม่ทิ้งกันซักเท่าไหร่ครับ

อย่างไรก็ดี ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานและรูปแบบของการขับขี่ด้วยนั่นเอง รวมทั้งอัตรา
การสิ้นเปลืองก็เช่นกัน ขึ้นอยู่กับการขับขี่ของแต่ละท่านนะครับ กดมากก็สิ้นเปลืองมาก
ค่อยเป็นค่อยไปก็ประหยัดหน่อย เป็นกฎกติกาพื้นฐานอยู่แล้วนะครับ สำหรับเครื่อง
ที่ใหญ่กว่านั้นอาจเป็นข้อได้เปรียบบ้าง แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง ก็คงขึ้นอยู่กับวิธี
การขับขี่อย่างที่ผู้เขียนได้กล่าวไว้ก่อนนั่นเองครับ ทีนี้ก็มาว่ากันว่า เจ้า VITARA
นั้นมีข้อดีอย่างไรกันบ้าง

เรามาเริ่มกันที่หัวใจหลักกันก่อนเป็นไง (ในที่นี้ยังไม่รวมเนว์ นะครับผู้เขียนกำลัง
พูดถึงหัวใจหลักของรถจริงๆ) นั่นก็คือเครื่องยนต์ครับ เจ้า VITARA นั้น ใช้เครื่องยนต์
ขนาด 1590 CC (1600 ซีซี) ไม่เล็กและก็ไม่ใหญ่จนเกินไป พอดีตัวแหละครับ ซึ่งก็
มีให้ทั้งแบบ คาบูเรเตอร์ (Carburetor) และ แบบ หัวฉีด ซึ่งในแบบหัวฉีดนั้นก็ยัง
แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะอีกนะครับ อันได้แก่ แบบหัวฉีดเดี่ยว (Single Point Fuel
Injection) และก็แบบอิสระ (Multi Point Fuel Injection) นั่นเอง ซึ่งในแบบ
คาบูเรเตอร์ และแบบหัวฉีดเดี่ยวนั้น จะมีใช้กันเฉพาะในรถรุ่น 3 ประตูครับ
ถ้าเป็นแบบ 5 ประตูนั้น จะเป็นแบบหัวฉีดอิสระกันหมดแล้ว (ดังนั้นเจ้า 3 ประตูคง
เข้าข่ายอนุรักษ์ ละมั้งครับ จริงเท็จอย่างไรลองสอบถามท่าน V039 อย่างลุงกบดูนะครับ)

ทีนี้เรามาว่าด้วยเรื่องโครงสร้างของรถกันก่อนนะครับ
VITARA นั้นใช้โครงสร้างแบบ "แชสซี" (Chassis) ซึ่งโครงสร้างแบบนี้ จะเห็นกันอยู่บ่อยๆ กับรถกระบะนั่นเองคุณสมบัติบอกได้เลยครับว่า แข็งแรง ทนทาน
ซ่อมแซมง่าย ซึ่งต่างกับระบบโครงสร้างแบบ "โมโนคอกต์" ซึ่งอย่างหลังนี้ จะมีใช้
กับรถเก๋งรุ่นใหม่ๆนั่นเอง หรือถ้าจะเอาแบบประเภท SUV เหมือนกันเลยที่มีขาย
ในบ้านเราก็คงจะเป็นเจ้า CRV กะ RAV4 นั่นเอง ที่ใช้ โครงสร้าง แบบ "โมโนคอกต์"
ซึ่งโครงสร้างของตัวรถแบบ "แชสซี" ที่มีอยู่ในเจ้า VITARA นั้น ทางผู้ผลิตเลือกใช้
เป็นเหล็กกล่องพับขึ้นรูปขนาดใหญ่ (ก็ใหญ่พอๆ กับรถกระบะเลยล่ะ) ซึ่งทางค่าย Suzuki
ญี่ปุ่นผู้ออกแบบเรียกมันว่า "Sturdy Chassis Of Ladder Frame Design"
ว่างั้นกันเลยล่ะครับ ความพิเศษของมันอยู่ที่การออกแบบให้แข็งแรงและปลอดภัย
หากเกิดอุบัติเหตุจากข้างหน้าโดยจะมีจุดหักรูปขั้นบันไดตรงด้านหน้าบริเวณซุ้มล้อหน้า
นั่นเอง ซึ่งตรงบริเวณดังกล่าวนั้นจะผิดรูปทันทีเพื่อซับรับแรงกระแทกหากเกิดอุบัติเหตุ
อย่างรุนแรงจากด้านหน้า

คราวนี้เรามาดูกันที่ระบบรองรับกันบ้าง
ไม่ว่าจะเป็นรุ่น 5 ประตู หรือ 3 ประตูนั้นก็ตาม จะมีระบบรองรับ (Suspension
System) ที่เหมือนกัน แต่จะต่างกันที่ระยะของล้อหน้าถึงล้อหลังก็เท่านั้นเอง
ในระบบรองรับของด้านหน้านั้น VITARA เขาใช้ระบบรองรับที่เรียกว่าแบบ
"MacPherson Struts and Coil Springs" ถ้าจะอธิบายกันตรงนี้ ชื่อ
MacPherson Struts นั้นก็คือชื่อของ Mr. MacPherson

คืองี้....ลุงแกเป็นคนออกแบบระบบรองรับชนิดนี้ในปีไหนนั้น อาจารย์ของผู้เขียน
ท่านก็มิได้บอกไว้ด้วยซิครับ...เอาเป็นว่าลุง MacPherson คนนี้น่ะ แกเป็นคน
ออกแบบระบบรองรับชนิดแบบ Struts นี่ และก็ใช้ชื่อทางการค้าว่า "MacPherson
Struts" ส่วน Coil Springs นั้นมีใช้งานมานานแล้ว ซึ่ง VITARA นั้นเลือก
ใช้ระบบรองรับด้านหน้าเป็นแบบ Struts และ Coil Springs นั่นเอง

ผู้เขียนจะขออธิบายเกี่ยวกับระบบรองรับดังกล่าวซักนิดหนึ่งเผื่อบางทีเพื่อนๆ
อาจนึกไม่ออกว่าแตกต่างกับระบบอื่นๆอย่างไร ระบบรองรับของยานยนต์นั้นก็มี
ด้วยกันไม่กี่ประเภทหรอกครับ สามารถนับกันเลยก็ว่าได้ เช่นในรถกระบะของที่
พี่ยุ่นแกออกแบบนั้น โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบ ปีกนกสองชั้นทำงานร่วมกับเหล็ก
ทอร์ทั่นบาร์ หรือไม่ก็เป็นระบบใช้ แหนบ กันไปเลย (ในด้านหน้า) ซึ่งใน VITARA
จริงๆก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นระบบปีกนกเช่นกัน แต่เป็นปีกนกชั้นเดียวและเป็น
ปีกนกที่ใหญ่มาก (ใหญ่กว่ารถกระบะบางรุ่นซะอีกนะครับ แต่ที่แน่ๆใหญ่กว่ารถเก๋ง
เป็นไหนๆอยู่แล้ว) และเจ้าปีกนกของ VITARA นี้เอง จะทำงานแบบอิสระระหว่าง
ปีกล้อด้านซ้ายและปีกล้อด้านขวา โดยมีเหล็กกันโคลง (Stabalizer Bar)
ขนาดใหญ่เป็นตัวช่วยในการควบคุม

การทำงานของปีกนกนั้นจะทำงานร่วมกับคอยล์สปริงหมายความว่าล้อหน้า ของ
VITARA นั้นจะประกอบไปด้วย ปีกนกล่าง,คอยล์สปริงรับน้ำหนัก,ชอคอัพแบบค้ำยัน
ภาษาเทคนิคเรียกว่า Struts (ตรงนี้สำคัญ) เจ้า Struts นี่จะเป็นทั้งชอคอัพ ด้วยและทำงานแทนปีกนกด้านบนด้วยนั่นเอง แต่เจ้า VITARA ไม่มีปีกนกด้านบนนะครับ
จะมีก็แต่เจ้า ชอคอัพแบบ Struts นี่แหล่ะ ที่ทำงานแทน ซึ่งตัวนี้จะรักษามุมล้อไม่ให้มุม
Camber เป็นบวกหรือเป็นลบ นั่นเอง

จะว่ากันง่ายๆก็คือ รักษาไม่ให้ล้อหน้าทั้งสองข้างหุบเข้าหากันหรือกางออกจากกัน
นั่นแหละครับ เจ้าตัว ช็อคอัพ แบบ Struts นี่จะพยายามรักษามุมล้อทั้งสองข้าง
ด้านหน้าให้ตั้งตรงกับแกนโลกเลยก็ว่าได้ (ก็คือทำมุม 90 องศากับพื้นถนนนั่นแหล่ะครับ)
ถ้าในกรณีเจ้าตัวนี้ทำงานผิดปกตินั้นก็คงหมายถึง รถจะเสียการทรงตัวหรืออาจ
มีการสึกหรอของหน้ายางด้านใดด้านหนึ่งนั่นเองเอาแค่นี้ก่อนละกันนะครับ
สำหรับเรื่องลึกๆที่ไม่ลับของ "MacPherson Struts and Coil Springs"
การที่ผู้ออกแบบรถยนต์ VITARAเลือกใช้ระบบช่วงล่างแบบนี้นั้น จะให้ความนุ่มนวล
กว่ารถกระบะทั่วๆไป แต่ก็จะมีความแข็งแรงพอตัว และจะให้ความรู้สึกคล้ายๆกับ
รถเก๋ง (แค่คล้ายๆนะครับไม่ใช่เหมือนเสียทีเดียว) เพราะระบบรองรับด้านหน้านั้น
จะคล้ายๆกับระบบรองรับของรถเก๋งทั่วๆไปนั่นเอง เห็นไหมครับว่ามีทั้งความแข็งแรง
พอตัวและมีความนุ่มนวลในตัวอีกเช่นกัน (เหมือนซื้อรถ 1 คันได้ถึง 2 ความรู้สึก)

ทีนี้มาด้านหลังกันหน่อยเป็นไง ในระบบรองรับของ VITARA ยังด้านหลังนั้น
จะถูกออกแบบ ให้มีความนุ่มนวลในรูปแบบของรถเก๋งที่มีราคาใกล้เคียงกัน แต่มีความ
แข็งแรงพอๆ กับรถกระบะ โดยใช้เทคนิคการออกแบบใกล้เคียงกับรถตรวจการณ์
ราคาแพง หลักสำคัญของความนุ่มนวลนั้น VITARA เลือกใช้ระบบรองรับแบบรถเก๋ง
คือใช้ Coil Spring เป็นตัวรับแรงทั้งหมดทำงานคู่กับ ชอคอัพชนิดแก๊สผสม
และมียังมี เอ-อาร์ม (A-Arm) เป็นตัวช่วยอีกแรงเพื่อให้การทรงตัวของรถดีขึ้น
โดยเฉพาะในทางโค้ง ซึ่งจะไม่เหมือนเจ้ากระบะก็ตรงที่โดยส่วนใหญ่แล้วรถกระบะ
นั้นจะใช้ระบบรองรับด้านหลังเป็นแบบ แผ่นแหนบ รับน้ำหนักเพียงอย่างเดียวนั่นเองครับ

มาถึงคิวของระบบขับเคลื่อนกันบ้าง
ในระบบขับเคลื่อนด้านหน้าของ VITARA นั้น ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ "เพลาอ่อน"
(จริงๆ แล้วก็ไม่ได้อ่อนอย่างชื่อนะครับ แข็งแรงมาก) ซึ่งจะเหมือนๆ กับรถเก๋งนั่นเอง
แต่สิ่งที่ต่างไปก็คงเป็นขนาดของแกนเพลาที่ใหญ่กว่าเป็นสองเท่าของรถเก๋งล่ะครับ
ในเมื่อระบบรองรับของด้านหน้าเลือกใช้แบบปีกนกแล้วนั้น ก็จำเป็นครับที่จะต้อง
เลือกใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ "เพลาอ่อน" นี่เองเพราะมันเป็นของคู่กันว่าอย่างนั้นเถอะ
โดยเจ้าเพลาอ่อนนี่ล่ะ จะถูกปิดและเปิดให้ทำงานด้วย Free Lock Hub ชนิด
Auto Hub หรือ Manual Hub ชื่อที่เราคุ้นเคยกันดีนั่นแหล่ะครับ โดยมียางกันฝุ่น
ทั้งหมด 4 ตัว เป็นตัวช่วยไม่ให้ฝุ่นหรือโคลนเข้าไปในระบบลูกปืนต่างๆ และก็เป็น
ตัวเก็บ "จาระบี" ระบบหล่อลื่นลูกปืนเพลาไม่ให้ออกมาด้วยเช่นกัน
(ตรงนี้สำคัญนะครับหมั่นตรวจเช็คหน่อยก็ดี)

ไปที่ด้านหลังกันบ้าง ระบบขับเคลื่อนด้านหลังของ VITARA นั้น มีอะไรคล้ายๆ กับ
รถกระบะและรถประเภทตรวจการณ์ยักษ์ใหญ่อย่างเจ้า "แลนด์ครุยเซอร์" เลยก็ว่าได้
นั่นคือใช้เพลาขับเคลื่อนแบบ "คานแข็ง" (ไม่เชื่อลองก้มไปดูสิครับ จะเห็นเป็นท่อนเลย)
ทำงานร่วมกับ Torque Arm คู่ขนาดใหญ่ ความแข็งแรงทนทานนั้นวิญญาณรถ
กระบะเลยล่ะครับ สำหรับระบบเพลาขับแบบ "เสื้อเพลาแข็ง" คุณสมบัติ ไม่ต้องพูดถึง
เลยครับว่าแข็งแรง ทนทาน บรรทุกได้สบาย เพียงแต่หมั่นตรวจเช็คตามระยะอายุการ
ใช้งานแค่นั้นเองเป็นใช้ได้ ยิ่งเจ้า "คานแข็ง" นี้ทำงานร่วมกันกับระบบรองรับแบบ
Coil Springs แล้ว เป็นการออกแบบเทคนิคเดียวกันกับรถตรวจการณ์ยักษ์ใหญ่
อย่างที่ผู้เขียนกล่าวมานั่นแหละครับ

มาถึงห้องโดยสารกันบ้าง
VITARA นั้นมีห้องโดยสารที่กว้างขวางพอตัว ในรุ่น 3 ประตู มี 4 ที่นั่งสบายๆ
เป็นเบาะแยกตัวอิสระและสามารถพับเก็บได้ (เฉพาะรุ่น 3 ประตูนะ น่ารักเชียวล่ะ)
ส่วนในรุ่น 5 ประตูนั้น ก็สามารถนั่งกันครบ 4 คนแบบสบายๆ (หรือเบาะหลังนั่งกัน
3 คน ก็อบอุ่นดีนะครับ) แล้วก็ยังมีที่ว่างที่สามารถวางของได้มากเลยทีเดียว
(สังเกตุได้จากการไปทริปที่ผ่านๆมานะครับ) ทัศนวิสัยดีมาก กระจกใหญ่
(บางทีใหญ่จนอาจเป็นปัญหาได้) รอบคันมองเห็นชัดเจน เสน่ห์ของ VITARA
อีกอย่างอยู่ที่ประตูครับ ประตูถูกออกแบบในรูปแบบของ "ขั้นบันได" (Step Stratum)
ซึ่งหาไม่ได้อีกแล้ว โดยเฉพาะเจ้า 3 ประตูนะ เขาว่าน้องๆ รถเมล์ปรับอากาศเลยก็ว่าได้
(คือกว้างมากจนน่าตกใจ แต่ก็ขึ้น - ลงสะดวกใช่ไหมครับ) ถ้าคุณใช้รถเก๋งอยู่
แล้วมาขับเจ้า VITARA 3 ประตูนะ ผมว่าคุณปิดประตู 3 ครั้ง ประตูจะเข้าที่แค่
ครั้งเดียวเองมั้ง (เพราะความกว้างใหญ่ของมันนี่แหล่ะครับ) ส่วนประตูด้านหลัง
เปิดได้ทั้งบาน กว้างขวาง ยกสัมภาระขึ้น - ลงสะดวก เบาะนั่งกระชับดี
(กระชับซะบางทีเมื่อยกันได้ง่ายๆ)

ส่วนเจ้า 5 ประตู เบาะนั่งสบายๆ สำหรับคนที่ความสูงมาตรฐานชาวเอเชียอย่างเราๆ
สิ่งที่อำนวยความสะดวกต่างๆ จัดได้ว่าอาจหาไม่ได้จากรถ SUV ที่ราคาใกล้เคียงกัน
อาทิเช่น ระบบกระจกบานเลื่อนไฟฟ้า, ระบบกระจกมองข้างไฟฟ้า, ระบบที่ปัดน้ำฝน
ด้านหลัง รวมทั้งไล่ฝ้าหลังด้วย, ไฟอ่านแผนที่, ตำแหน่งยางอะไหล่จัดได้ลงตัว
(ในรูปแบบรถตรวจการณ์), ล้อเดิมๆที่ให้มาด้วยนั้นเป็นเหล็กทนทานแข็งแรงมาก
และอื่นๆ เช่น แร็คหลังคา(โดยเฉพาะเจ้า 3ประตู สวยมาก),กันชนด้านหน้า,
บังลม(ของแท้นะครับ)ออกแบบมาได้ไม่เหมือนใคร

มุมมองนอกรถ
VITARA นั้นจริงๆ ถูกจัดกลุ่มในการออกแบบแทบเท่ากับ Jeep Cherokee,
Mitsubishi ShoGun, Daihatsu Locky เลยทีเดียว เนื่องจากเป็นรูปทรง
ของรถตรวจการณ์ในระดับ กลาง ซึ่งในช่วงนั้น 1988-1989 รถตรวจการณ์
ระดับกลาง ไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนักรวมถึงเจ้า VITARA ด้วยเช่นกัน
ในช่วงแรกๆ Suzuki จะผลิตออกมาเฉพาะรุ่น 3 ประตูเท่านั้น มีรูปทรงย่อย
ที่แตกต่างจากรถตรวจการณ์ของค่ายใหญ่ๆ อย่าง Mitsubishi แต่ในรูปทรงหลัก
ยังจัดได้ว่าเป็นรถตรวจการณ์เช่นกัน อีกอย่าง Suzuki ต้องการให้ VITARA
นั้นเหมาะสมกับคนทำงานในเมืองทั่วๆ ไป มากกว่าที่จะเป็นรถที่สร้างออกมาเพื่อ
ใช้ในองค์กรต่างๆ , รวมทั้งการทหาร, Suzuki VITARA จึงใช้ทรงการออกแบบ
เป็นรถ 2 ประตู ในตอนแรก และหลังคามีให้เลือกทั้งแบบ เปิด และ แบบ ปิด
(ใว้จะเขียนเป็น History Of VITARA ในโอกาสต่อไป)

VITARA ใช้ทรงเหลี่ยมเป็นหลัก ซึ่งก็เป็นการออกแบบที่ได้รับความนิยมมาก ในสมัยนั้นด้วย ใช้กระจกหน้าบานใหญ่ ติดตั้งเกือบตั้งฉากในรูปแบบรถ Jeep
ตรวจการณ์ มีฝากระโปรงที่ สูงและหนา ใช้ประตูข้างบานเหลี่ยมใหญ่และกว้าง
ในรูปแบบ Safari ใช้ยางอะไหล่แขวนด้านหลัง ในรูปแบบ Jeep นี่คือหลักใหญ่ๆที่
VITARA ตั้งใจที่จะไม่เหมือนใครและก็ไม่มีใครเหมือนเสียทีเดียวจากต้นจนถึง
ปัจจุบัน จึงอาจเป็นสาเหตุได้ว่าทำไม Suzuki VITARA ถึงไม่เปลี่ยนรูปทรงเลย
ตั้งแต่ปี 1988 ถึง 1995 และต่อมาก็มีการผลิตรุ่น 5ประตู ซึ่งเริ่มผลิตขยายตลาด
ในปี 1991 เป็นต้นมา ถ้าสังเกตจะเห็นว่า VITARA นั้นมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองมาก
และก็ถือได้ว่า เป็น Compact Sport Utility Vehicle ในยุคต้นๆ ที่มีอายุ
สายการผลิตมากที่สุดก็ว่าได้ และอาจเป็นต้นแบบของการออกแบบ SUV ที่เพิ่งผลิต
ในตอนหลังและที่มีขายในบ้านเรารวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านใน โซนเอเชีย นั้นเอง

ราคารถ, ราคาอะไหล่, และบริการต่างๆ
ผู้เขียนขอพูดถึงราคาของตัวรถก่อนก็แล้วกัน.... เจ้า VITARA นั้นเป็นรถที่ใช้
รูปทรงการออกแบบในลักษณะนี้ ในการทำตลาดมาตั้งแต่ต้นราวๆปี 1988 ถึง
ปัจจุบันก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปทรงใดๆ ใน VITARA รุ่น LX และ
รุ่น JLX ให้ผิดแปลกไปกว่าเดิมมากนักจนเป็นที่น่าตกใจ จะมีบ้างก็เพียงแต่ปรับ
โน่นนิดปรับนี่หน่อยให้เข้ากับยุคสมัย ราคาก็เช่นกัน ปรับมาเรื่อยเป็นของคู่กัน
ตามยุคตามสมัยกันเลยล่ะ ราคาเมื่อเริ่มต้นอยู่แถวๆ ห้าแสนหกแสนกว่าๆ
สำหรับเจ้า 5 ประตูที่ประกอบที่บ้านเราจนถึงปัจจุบัน ก็อยู่แถวๆ เลข 8 กันเลยเชียว
เมื่อมองดูว่าในบรรดารถยนต์ประเภท (SUV) นี้แล้วก็มีแต่เจ้า VITARA
นี่แหละครับที่ราคายังคงอยู่ในเลข 6หลัก แต่ก็ไม่แน่นะ ณ.วันหนึ่งข้างหน้าราคา
อาจไต่ระดับไปที่เลข 7 หลักก็ได้ ขออย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย สาธุ....

ส่วนราคาค่าอะไหล่ของ VITARA นั้นถือว่าปกติเมื่อเทียบกับรถยนต์ประเภท
เดียวกันอาจสูงบ้างต่ำบ้างเป็นบางอย่างแต่เมื่อมองโดยรวมแล้วก็ยังถือว่าราคา
อะไหล่ยังอยู่ในเกนฑ์เดียวกับรถยนต์แบบเก๋งที่ขนาด ซีซี พอๆ กัน และหรือ
ประเภท CITYCAR ทั่วๆไป และอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่เป็นคอเล่นอะไหล่
เก่าจากเมืองพี่ยุ่น ก็ยังมีอะไหล่เก่านำเข้ามาขาย "ตามเมืองเชียงกง" ต่างๆ
ของบ้านเราจำนวนไม่น้อย ซึ่งก็สามารถจัดหากันตามความเหมาะสมและโอกาสนั้นเอง
อีกอย่างอะไหล่ต่างๆ ของ Suzuki นั้นยังสามารถหาจัดหาซื้อได้ภายในประเทศ
และเมื่อเปรียบเทียบชิ้นต่อชิ้นราคาค่าอะไหล่และบริการยังถูกกว่ารถยนต์ประเภท
เดียวกันเป็นไหนๆ ส่วนทางด้านการให้บริการของตัวแทนผู้ให้บริการต่างๆ
และรวมถึงสถานที่ร้านจำหน่ายอะไหล่ของ Suzuki นั้นก็ยังถือว่า พอจะหาเข้า
รับการให้บริการตามศูนย์ต่างๆ ทั่วเมืองไทยได้ โดยเฉพาะตามหัวเมืองใหญ่ๆ

ถึงแม้ว่าในปัจจุบันนี้ผู้ให้บริการของรถยนต์ Suzuki จะลดลงก็ตามเมื่อเทียบกับ
4-5 ปีที่แล้ว หรืออาจเป็นตามอู่ซ่อมรถทั่วๆไปก็ได้ เนื่องจาก รถยนต์ Suzuki
นั้นในการซ่อมแซมทั่วๆไป แล้วไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เทคโนโลยีสูงอะไรมากมายนัก
ในการซ่อมแซม เพียงแต่ต้องการความเอาใจใส่และความรอบคอบในการซ่อมแซม
ก็แค่นั้นเอง ก็ไม่ใช่แค่รถยนต์ Suzuki หรอกนะครับที่ต้องใช้ความเอาใจใส่และ
ความรอบคอบและการรับผิดชอบในการซ่อมแซม ความจริงก็ทุกยี่ห้อนั่นแหละครับ
ที่ต้องการ (คราวหลังผู้เขียนจะเขียนถึง "หลักการและเทคนิคเลือกอู่ซ่อมรถ" นะครับ)

ชุดคิทอะหลั่ย
    มุมมองนอกรถ (ภาคพิเศษ ) ภาคภูมิใจ       
   ....คุณกำลังมองหาที่จอดรถในที่โล่ง เอาที่ไหนก็ได้นะครับ อ๋อ...นึกออกแล้ว ที่นี่เลย...

13.40 น.ของวันเสาร์ คุณกับเนว์ คู่ใจ ขับ VITARA มุ่งหน้าไปที่เขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี ไม่นานนักคุณกับเนว์พร้อม เจ้า VITARA
คู่ใจก็มาถึงเขื่อน ก่อนขึ้นสันเขื่อนคุณจอดรถเข้าเกียร์ในระบบ 4 High (4H)แล้วค่อยๆ ไต่ปีนขึ้นไปถึงสันเขื่อน ที่นั่นไม่มีใครเลยมีแต่คุณกับเนว์ คู่ใจและเจ้า
VITARA ในตอนนี้คุณอยู่ที่ตำแหน่งของสันเขื่อน.. คุณขับต่อไปสักราวๆ100 เมตรจากจุดที่เจ้า VITARA ขึ้นมาได้ แล้วคุณก็จอดรถข้างๆเหล็กกั้น
ทางด้านซ้าย ตอนนี้แสงแดดเริ่มจางๆ คุณกับเนว์ คู่ใจเปิดประตูลงมาจากรถ....
   ก้าวแรกที่คุณลงมามีสายลมพัดมาปะทะเข้าที่ตัวคุณอย่างแรง
อากาศปลอดโปร่งโล่ง เย็นสบาย..

คุณสูดอากาศเข้าไปเต็มปอดและเหลือบตามองไปทางขวาก็เห็นผืนน้ำใสๆ
สุดลูกหูลูกตา มองไปทางทิศตะวันตก ก็เห็นเส้นทางที่ตรงลิ่วสุดสายตาเช่นกัน
มองขึ้นไปอีกนิดหนึ่งเห็นพระอาทิตย์กำลังจะลับทิวเขาที่อยู่ข้างหน้าของคุณ
สีของพระอาทิตย์เป็นสีเหลืองทองเมื่อกระทบกับน้ำที่กระเพื่อมด้วยแรงลม
เป็นระลอกๆเข้าสู่ฝั่ง ฝูงนกสีขาวราวๆ 20 ตัวกำลังบินกลับรังส่งเสียงดัง
เป็นระยะๆ สายลมพัดผ่านรอบตัวคุณ
   
   คุณกับเนว์คู่ใจพร้อมกล้องถ่ายรูปเดินจูงมือกันย้อนกลับไปอีกประมาณ 10 เมตร แล้วมองมาที่เจ้า VITARA ของคุณ คุณกำลังมองเห็นท้ายของ VITARA และนึกขึ้นมา
ในใจว่า "รถอะไรของใครเนี่ย.....ท้ายสวยขาดบาดใจจริงๆ" ตรงหลังคาที่เรียบอยู่นั้นกระทบกับแสงสีเหลืองอร่ามของพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับเขา......
ผมอยากรู้ว่าคุณจะถ่ายรูปเจ้า VITARA ในตอนนี้ก่อน หรือถ่ายรูปให้เนว์คู่ใจคุณก่อนที่แสงอาทิตย์จะลาลับฟ้าไป.
       
จบบริบูรณ์

       
Story by : Khun_Lak
หากรู้จักเป็นผู้ให้   โลกใบไหนก็น่าอยู่
ผู้ใดรู้จักการให้     ผู้นั้นจะรู้จักคำว่าพอเพียง
ผู้ใดไม่รู้จักการให้   ผู้นันจะไม่รู้จักคำว่าพอ "โปรดเลิกคบ คนไร้ มารยาท "

sin ratsanti

ภาพสวยๆครับ
หากรู้จักเป็นผู้ให้   โลกใบไหนก็น่าอยู่
ผู้ใดรู้จักการให้     ผู้นั้นจะรู้จักคำว่าพอเพียง
ผู้ใดไม่รู้จักการให้   ผู้นันจะไม่รู้จักคำว่าพอ "โปรดเลิกคบ คนไร้ มารยาท "

sin ratsanti

และสวยๆแบบนี้ครับ
หากรู้จักเป็นผู้ให้   โลกใบไหนก็น่าอยู่
ผู้ใดรู้จักการให้     ผู้นั้นจะรู้จักคำว่าพอเพียง
ผู้ใดไม่รู้จักการให้   ผู้นันจะไม่รู้จักคำว่าพอ "โปรดเลิกคบ คนไร้ มารยาท "

sin ratsanti

หามาขี่ซักคันแล้วร่วมทีมกันนะครับ

อะไหล่หาง่าย    ราคาถูก     มีกลุ่มสมาชิกที่น่ารักให้การช่วยเหลือกันดีมาก   รถเสียมีที่พึ่งครับ    ผมก็อาสาเป็นที่ปรึกษาให้ได้ครับ   สำหรับคนคอเดียวกัน
หากรู้จักเป็นผู้ให้   โลกใบไหนก็น่าอยู่
ผู้ใดรู้จักการให้     ผู้นั้นจะรู้จักคำว่าพอเพียง
ผู้ใดไม่รู้จักการให้   ผู้นันจะไม่รู้จักคำว่าพอ "โปรดเลิกคบ คนไร้ มารยาท "

BigV

บทความคัดลอกมาจากไหนครับ คุ้นๆนะ

sin ratsanti

จาก  vitara4x4.comครับ
หากรู้จักเป็นผู้ให้   โลกใบไหนก็น่าอยู่
ผู้ใดรู้จักการให้     ผู้นั้นจะรู้จักคำว่าพอเพียง
ผู้ใดไม่รู้จักการให้   ผู้นันจะไม่รู้จักคำว่าพอ "โปรดเลิกคบ คนไร้ มารยาท "