กิมหยง - ตะลุงเว็บบอร์ด

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี  เป็นประธานกดปุ่มเดินเครื่องหัวเจาะอุโมงค์  "เจ้าพระยา"  ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-บางแค และ ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ  ซึ่งดำเนินการโดย บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สัญญาที่ 2 (ช่วงสนามไชย-ท่าพระ) กับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)

ทั้งนี้ มีการนำเทคโนโลยีขุดเจาะอุโมงค์มาดำเนินการขุดเจาะอุโมงค์เส้นผ่าศูนย์กลาง 6.43 เมตร ในระดับความลึก 20-30 เมตร ด้วยสมรรถภาพการขุดเจาะเฉลี่ยวันละ 14  เมตร หรือเดือนละ 350 เมตร เริ่มระยะทางจากสถานีท่าพระไปยัง ซอยอิสรภาพ 23 และขุดอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร สิ้นสุดที่สถานีสนามไชย  รวมระยะทางประมาณ  2.6 กิโลเมตร

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม  กล่าวว่า  การขุดเจาะอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้แม่น้ำเจ้าพระยาครั้งนี้ จะทำให้ประเทศไทย มีรถไฟฟ้าที่วิ่งลอดข้ามแม่น้ำเป็นแห่งแรกและจะเชื่อมโยงการเดินทางของประชาชนให้สะดวกขึ้น ขณะที่ความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ปัจจุบันมีความคืบหน้าแล้วร้อยละ 28.75 และคาดว่าทั้่งโครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2560  ยอมรับว่าการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน อาจเกิดความล่าช้าไปอีก  7 เดือน เนื่องจากติดปัญหาเรื่องการเวนคืนที่ดินในย่านสัมพันธวงศ์ (บริเวณวัดมังกรกมลาวาส) ที่มีการตกลงล่าช้า และที่คลองถม  ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจา แต่จะพยายามเร่งรัดในส่วนอื่น เพื่อให้เปิดโครงการทันกำหนดเดิมในปลายปี 2560

นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า ในปีนี้กระทรวงคมนาคม จะเร่งเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าอีกอย่างน้อย 5  สาย ประกอบด้วย สายสีชมพู (ปากเกร็ด-มีนบุรี) สายสีเขียวตอนเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-ลำลูกกา)  สายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-พระราม9-มีนบุรี)  รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิ้งค์  (พญาไท-บางซื่อ) และช่วง (บางซื่อ-ดอนเมือง) ในปี 2557 จะเดินหน้าส่วนต่อขยายอีก 10 เส้นทาง เช่น สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-บางกะปิ) และส่วนต่อขยายทั้งหมด โดยคาดว่าในปี 2562  จะมีรถไฟฟ้าให้บริการรวมระยะทาง 460  กิโลเมตร จากปัจจุบันที่มี  80 กิโลเมตร

นอกจากนี้มองว่า ภาวะค่าเงินบาทแข็งค่าจะมีผลดีต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมขนส่ง เพราะโครงการรถไฟฟ้าส่วนใหญ่ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าความเร็วสูงต้องนำเข้าเทคโนโลยีกว่าร้อยละ 20 ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนถูกลง แต่จะไม่เร่งรัดการซื้อหรือนำเข้าเทคโนโลยี เพียงเพราะเป็นช่วงที่ค่าเงินบาทแข็งเท่านั้น คงจะต้องพิจารณาภาพรวมในระยะยาวมากกว่า


อ้างอิง  : MThai
ที่มา http://itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=24308&page=1

เต็มที่เลยคับ - -"

     เสร็จจากที่โน่น  น่าจะเอามาทำอุโมงลอดใต้ที่ปากน้ำสงขลาบ้างน๊ะ  จะได้จบเรื่องกระเช้า  ทั้งยังสามารถช่วยการคมนาคม ระหว่างอำเภอเมืองสงขลา กับฝั่งสิงหนคร ประหยัดงบประมาณจากการแบกรับภาระการขาดทุนของการใช้งานแพขนานยนต์ ปีละหลายตังค์ แบ่งงบส่วนที่ต้องละลายไปกับสายน้ำ  มาพัฒนาถนนเส้นอื่นๆบ้าง สร้างความปลอดภัยให้แก่ผู้เสียภาษีที่เวลาส่วนหนึ่งของชีวิตต้องอยู่บนท้องถนนที่สุ่มเสี่ยงต่ออุบัติเหตุไม่ว่าจะรถส่วนตัว หรือขนส่งสาธารณะ ระยะทางก้อไม่กี่ร้อยเมตร
    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าลืมความเห็นของภาคประชาชนก่อนหล๊ะ เพราะเขาคือผู้รับผลประโยชน์ "ภาษีจากประชาชน เพื่อประชาชน"

อ้างจาก: คิดบวก เมื่อ 14:47 น.  25 ม.ค 56
     เสร็จจากที่โน่น  น่าจะเอามาทำอุโมงลอดใต้ที่ปากน้ำสงขลาบ้างน๊ะ  จะได้จบเรื่องกระเช้า  ทั้งยังสามารถช่วยการคมนาคม ระหว่างอำเภอเมืองสงขลา กับฝั่งสิงหนคร ประหยัดงบประมาณจากการแบกรับภาระการขาดทุนของการใช้งานแพขนานยนต์ ปีละหลายตังค์ แบ่งงบส่วนที่ต้องละลายไปกับสายน้ำ  มาพัฒนาถนนเส้นอื่นๆบ้าง สร้างความปลอดภัยให้แก่ผู้เสียภาษีที่เวลาส่วนหนึ่งของชีวิตต้องอยู่บนท้องถนนที่สุ่มเสี่ยงต่ออุบัติเหตุไม่ว่าจะรถส่วนตัว หรือขนส่งสาธารณะ ระยะทางก้อไม่กี่ร้อยเมตร
    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าลืมความเห็นของภาคประชาชนก่อนหล๊ะ เพราะเขาคือผู้รับผลประโยชน์ "ภาษีจากประชาชน เพื่อประชาชน"

อย่าไปฟังเสียงนกเสียงกา

ทำอะไรที่ประชาชนได้ประโยชน์

จะไปกลัวอะไร

ไม่ใช่ประมูลสร้างโรงพักนี่

ที่มีแต่ตอ ไว้ดูต่างหน้า

พรรคใคร ไม่อยากบอก