ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

เเพทย์เเผนจีน

เริ่มโดย dunanxing, 15:49 น. 24 ธ.ค 55

dunanxing

สุขจิตเกษมคลินิกการแพทย์แผนไทย-จีน
南星中医诊所,ALTERNATIVE MEDICINE
227/2    ถ.คลองเรียน1     ต.หาดใหญ่   อ.หาดใหญ่    จ.สงขลา  90110      โทร .  08-6960-6556
227/2    Klongrien1 Rd.   Hatyai    Songkla    90110   Tel: 08-6960-6556
แพทย์จีน  เภสัชกร กฤษฎา      กิตติพิชัย
ใบอนุญาติประกอบวิชาชีพแพทย์แผนจีน  เลขที่ พจ.343 
การศึกษา :  ปริญญาตรีเภสัชศาสตร์บัณฑิต  มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ 
               ประกาศนียบัตรอบรมภาษาจีน   มหาวิทยาลัยเซี่ยเหมิน    สาธารณรัฐประชาชนจีน
               ประกาศนียบัตรอบรมฝังเข็ม   มหาวิทยาลัยเซี่ยเหมิน  สาธารณรัฐประชาชนจีน
               ปริญญาตรีแพทย์แผนจีนบัณฑิต   โครงการความร่วมมือของมหาวิทยาลัยเซี่ยเหมิน  สาธารณรัฐประชาชนจีนกับ     มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม
ตรวจรักษาด้วย ยาจีน  ฝังเข็ม  ครอบแก้ว  ปรับสมดุลร่างกาย ตามศาสตร์ แพทย์แผนจีน  โดยแพทย์จีน ปริญญา
เปิดให้บริการทุกวัน 9.00-20.00น. ยินดีให้คำปรึกษา   086-960-6556
บริการต้มยาสมุนไพรไทย-จีน  แพ็คสำเร็จรูป  พร้อมดื่ม

การฝังเข็มคืออะไร
การฝังเข็ม คือ การแทงเข็มลงไปบนจุดฝังเข็มตามร่างกาย โดยใช้หลักการรักษาของแพทย์แผนจีน
การฝังเข็มรักษาโรคได้อย่างไร
ตามทฤษฎีแพทย์แผนจีน เชื่อว่าการฝังเข็มทำให้ระบบลมปราณหมุนเวียนดีขึ้น และช่วยปรับสมดุลของร่างกาย นอกจากนี้แพทย์แผนปัจจุบันมี่การศึกษาพบว่า การฝังเข็มทำให้เกิดการหลั่งสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า เอนดอร์ฟิน ซึ่งช่วยระงับอาการปวดและมีสารบางอย่างที่ไปช่วยลดอาการอักเสบได้ด้วย อีกทั้งยังเพิ่มการไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงบริเวณที่มีการอักเสบนั้นๆ ด้วย

โรคที่สามารถรักษาด้วยการฝังเข็ม
เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ.2522 องค์การอนามัยโลก ได้จัดให้มีการประชุมสัมมนาเรื่อง "การฝังเข็ม" ขึ้นที่นครปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจำนวน 15 คนจาก 12 ประเทศ ที่ประชุมได้ข้อสรุปว่า โรคที่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีฝังเข็มได้แก่


1. ระบบทางเดินหายใจ
ไซนัสอักเสบชนิดเฉียบพลัน           จมูกอักเสบชนิดเฉียบพลัน
ไข้หวัด                                         ต่อมทอนซิลอักเสบเฉียบพลัน
หลอดลมอักเสบเฉียบพลัน             หอบหืด (ได้ผลในเด็ก และคนที่ไม่มีโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ)

2. โรคตา
เยื่อบุตาอักเสบเฉียบพลัน               จอภาพตาอักเสบ (Central retinitis)
สายตาสั้นในเด็ก                           ต้อกระจกชนิดที่ไม่มีโรคแทรกซ้อน

3. ช่องปาก
ปวดฟัน                                        เหงือกอักเสบ
อาการปวดหลังถอนฟัน                  คออักเสบ(Pharyngitis)

4. ระบบทางเดินอาหาร
การเกร็งตัวของกล้ามเนื้อหลอดอาหาร                          สะอึก
กระเพาะอักเสบเฉียบพลันและเรื้อรัง                             กระเพาะหลั่งกรดมากเกินไป
แผลในลำไส้เล็กส่วนต้นเรื้อรัง(ช่วยลดอาการปวด)         ท้องผูก
แผลในลำไส้เล็กส่วนต้นเฉียบพลัน(ไม่มีโรคแทรกซ้อน)  ลำไส้เล็กส่วนท้ายไม่ทำงาน
ลำไส้ใหญ่อักเสบ เฉียบพลันและเรื้อรัง                          บิดจากเชื้อชิกาลล่า ท้องร่วง

5. ระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
ปวดหัว                                                             ลมตะกัง ( ไมเกรน )
ปวดประสาทหน้า (Trigeminal neuralgia)              โรคปากเบี้ยว (Facial palsy)(ในช่วง 3-6 เดือนแรก)
อาการชาจากการกระแทก                                    โรคของปลายประสาท โรคโปลิโอ (ใน 6 เดือนแรก)
โรคเมเนียร์ (Meniere disease)                             กระเพาะปัสสาวะไม่ทำงานเนื่องจากความผิดปกติของระบบประสาท
ปัสสาวะรดที่นอน                                               ปวดในช่องระหว่างซี่โครง
อาการเกี่ยวกับคอและแขน ไหล่ติด (Frozen shoulder)   ข้อศอกติด (Tennis elbow)
รากประสาทขาถูกกดทับหรือไขอาติคา (Sciatica)          ปวดหลัง
ข้ออักเสบ[/pre]
ข้อห้ามในการฝังเข็ม

ไม่ทำการฝังเข็มในผู้ป่วยดังต่อไปนี้

- ตั้งครรภ์ยังไม่ครบกำหนด

- โรคเลือดหรือมีความผิดปกติของระบบแข็งตัวของเลือด

- โรคเร่งด่วนที่ต้องการการรักษาโดยการผ่าตัดอย่างแน่นอน

- โรคมะเร็งที่ยังไม่ได้ปรึกษาแพทย์

ข้อควรทราบเกี่ยวกับการรับบริการฝังเข็ม

ก่อนฝังเข็ม

1. รับประทานอาหารตามปกติก่อนฝังเข็มเสมอ เพราะถ้าฝังเข็มในขณะอ่อนเพลีย หรือท้องว่างจะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นลมได้ง่าย

2. สวมเสื้อผ้าที่ไม่รัดแน่น ควรเป็นเสื้อแขนสั้นหรือกางเกงที่สามารถรูดขึ้นเหนือเข่าได้สะดวก

ขณะฝังเข็ม

1. การอยู่ในลักษณะผ่อนคลาย จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบลมปราณและปรับสมดุลย์ร่างกาย

2. ถ้ามีความรู้สึกผิดปกติ เช่น มีอาการหน้ามืดเป็นลม ต้องแจ้งแพทย์ทราบทันที

หลังการฝังเข็ม

- ไม่ควรขับขี่ยวดยานพาหนะทันทีหลังการฝังเข็มเพราะอาจเกิดการง่วงนอน

รักษาติดต่อกันนานเท่าไร
ควรรับการรักษาสัปดาห์ละ 1- ครั้ง และต่อเนื่องกันอย่างน้อย 10 ครั้ง แล้วแต่การพิจารณาของแพทย์ โรคเรื้อรังอาจต้องใช้ระยะเวลานานขึ้นในการรักษาแต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที
ที่มา http://www.amed.go.th/rta_med/profess/index.php?option=com_

สุขจิตเกษมคลินิกการเเพทย์เเผนไทย-จีน
ปรับสมดุลย์ร่างกายตามศาสตร์เเพทย์จีน โดยเเพทย์เเผนจีนปริญญา
ยาจีน ฝังเข็ม ครอบเเก้ว กวาซา
เปิด 9.00-20.00 น.
โทร 086-960-6556
http://www.facebook.com/sukjitkaseamclinic

dunanxing

แนวคิดที่ถือเป็นแก่นกลางของการแพทย์แผนโบราณจีนนั้นได้แก่ แนวคิดเกี่ยวกับ "สมดุลแห่งชีวิต"

การที่ชีวิตของคน ๆ หนึ่งจะดำรงอยู่ได้อย่างปกติสุขนั้น จะต้องดำรงอยู่ในสภาวะที่สมดุลระหว่างร่างกายของคนผู้นั้นกับธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และระหว่างระบบอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่งกายของผู้นั้นได้วย หากมีปัจจัยเหตุใดเหตุหนึ่งมาทำลายความสำดุลในการดำรงชีวิตของร่างกายนั้นกับธรรมชาติสิ่งแวดล้อม มันจะนำไปสู่การเสียสมดุลของระบบอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย และก็จะทำให้ร่างกายเกิดการเจ็บป่วยขึ้นมาได้

           ในขณะเดียวกัน การเสียสมดุลของระบบอวัยวะภายในร่างกายเองก็จะยิ่งทำให้ร่างกาย ไม่สามารถปรับตัวให้สมดุลกับธรรมชาติสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และหากไม่ได้รับการแก้ไข ชีวิตก็จะถึงจุดดับสิ้นไปในที่สุด
ตามทฤษฎีการแพทย์จีนนั้น เชื่อว่า

"............ภายในร่างกายของคนเรา จะมีเลือดและลมปราณซึ่งได้รับมาจากพ่อแม่โดยกำเนิด ไหลหมุนเวียนไปตามเส้นลมปราณต่าง ๆ ที่กระจายอยู่ทั่วทั้งร่างกาย เป็นพลังงานผลักดันใหอวัยวะต่าง ๆ สามารถเคลื่อนไหวทำงานได้ และมีการทำงานที่ประสานสอดคล้องกันเป็นอย่างดี ร่างกายจึงสามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างปกติ

          เมื่อมีเหตุใดเหตุหนึ่งทำให้การไหลเวียนของเลือดลมปราณติดขัด อวัยวะต่าง ๆ ก็จะทำงานผิดปกติไป หากความผิดปกตินั้นไม่สามารถปรับแก้ไขกลับคืนมาได้ ร่างกายก็จะเกิดการเสียสมดุลกับธรรมชาติ แล้วมีอาการของโรคภัยไข้เจ็บเกิดขึ้น ......."

บรรพบุรุษชาวจีนในยุคโบราณได้ค้นพบว่า การใช้เข็มปักลงไปยังจุดบางตำแหน่งในร่างกาย สามารถกระตุ้นลมปราณให้ไหลเวียนต่อไปได้ โดยไม่ติดขัด จึงทำให้อวัยวะที่ทำงานผิดปกติไปนั้นกลับคืนสู่สภาพปกติ สามารถขจัดปัจจัยที่ก่ออันตรายแก่ร่างกายออกไป จากนั้นความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นก็จะหายไปได้
สุขจิตเกษมคลินิกการเเพทย์เเผนไทย-จีน
ปรับสมดุลย์ร่างกายตามศาสตร์เเพทย์จีน โดยเเพทย์เเผนจีนปริญญา
ยาจีน ฝังเข็ม ครอบเเก้ว กวาซา
เปิด 9.00-20.00 น.
โทร 086-960-6556
http://www.facebook.com/sukjitkaseamclinic

dunanxing

 ตามแนวคิดของการแพทย์แผนโบราณจีนนั้น การฝังเข็มมีฤทธิ์ในการรักษาโรค 3 ประการ คือ

           1. แก้ไขการไหลเวียนของเลือดลมปราณที่ติดขัด
           2. ปรับการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายให้อยู่ในสมดุล
           3. กระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย เพื่อกำจัดเหตุปัจจัยที่เป็นอันตรายออกไปจากร่างกาย

                                             

           ในช่วง 200 กว่าปีที่ผ่านมานั้น อันเป็นยุคที่อารยธรรมการแพทย์แผนตะวันตกได้แก้วหนาและแพร่หลายไปทั่วโลก แนวคิดการแพทย์แผนโบตราณดังกล่าวข้างต้นถือว่าเป็นเรื่องที่ "ไม่เป็นวิทยาศาสตร์และไร้เหตุผล" ทำให้วิชาการฝังเข็มได้รับความนิยมลดน้อยลงมาโดยตลอด

           อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งศตวรรณที่ผ่านมานี้ วิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ได้เจริญก้าวหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความก้าวหน้าในทางวิทยาศาสตร์ระบบประสาท (neuroscience) และการค้นคว้าเกี่ยวกับการฝังเข็มในเชิงวิทยาศาสตร์ก็ได้ค่อย ๆ พิจสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แนวคิดที่ชาวจีนได้เสนอเอาไว้ตั้งแต่โบราณนั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้องโดยพื้นฐาน

           จากการศึกษาพบว่า เมื่อปักเข็มลงบนร่างกาย มันสามารถกระตุ้นทำให้หลอดเลือดบริเวณนั้นขยายตัว ทำให้การไหลเวียนของเลือดเป็นไปได้สะดวกขึ้น ภาวะเลือดคั่งของบริเวณนั้นึงลดลง ช่วยทำให้มีสารอาหารและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงเนื้อเยื่อบริเวณนั้นเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ก็ทำให้สารของเสียที่คั่งค้างบริเวณนั้นลดน้อยลง ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณที่มีการบาดเจ็บ ได้รับการซ่อมแซมให้กลับคืนสู่สภาพปกติได้

           ในกรณีที่มีการหดเกร็งของกล้ามเนื้อลายตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เมื่อปักเข็มลงไปลึกจนถึงชั้นกล้ามเนื้อแล้วกระตุ้นด้วยวิธีที่เหมาะสมกล้ามเนื้อที่หดเกร็งก็จะมีการคลายตัวออกมาได้ ฤทธิ์ของการฝังเข็มในข้อนี้มีประโยชน์มาก ในการรักษาอาการเจ็บปวดจากกล้ามเนื้อที่หดเกร็งอยู่เสมอ ดังเช่น ในกรณีของการปวดแขนขา ปวดต้นคอ ปวดหลัง ปวดบั้นเอว เป็นต้น

           วิธีการรักษาทางกายภาพบำบัด (Physiotherapy) หลาย ๆ อย่าง เช่น การนวด การประคบด้วยความร้อน การใช้คลื่นความถี่สูงอุลตราซาวนด์ ก็มีฤทธิ์ช่วยให้มีการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น หรือมีการคลายตัวของกล้ามเนื้อเฉพาะบริเวณนั้นคลายกับการฝังเข็มเหมือนกัน

           แต่ว่าการฝังเข็มมีข้อที่เดินกว่าตรงที่ มันสามารถคลายกล้ามเนื้อมัดที่อยู่ลักได้ดีกว่า และสามารถปักเข็มเลือกคลายกล้ามเนื้อเฉพาะบริเวณใดบริเวณหนึ่งตามที่ต้องการก็ได้

           การฝังเข็มไม่เพียงแต่ จะช่วยทำให้หลอดเลือดบริเวณที่ปักเข็มขยายตัวเท่านั้น แต่หลอดเลือดฝอยทั่วร่างกายก็จะมีการขยายตัวอย่างเหมาะสมอีกด้วย ทำให้เนื้อเยื่อทั่วร่างกายได้รับสารอาหารและขจัดของเสียที่คั่งค้างได้ดีกว่า

ที่มา http://www.thaiacupuncture.net/public/index.php?option=com_content&task=view&id=22&Itemid=42
สุขจิตเกษมคลินิกการเเพทย์เเผนไทย-จีน
ปรับสมดุลย์ร่างกายตามศาสตร์เเพทย์จีน โดยเเพทย์เเผนจีนปริญญา
ยาจีน ฝังเข็ม ครอบเเก้ว กวาซา
เปิด 9.00-20.00 น.
โทร 086-960-6556
http://www.facebook.com/sukjitkaseamclinic

kong555

รายละเอียดงานวิจัยเรื่อง/Title Name: การรักษาผู้ป่วยออทิสติกด้วยวิธีฝังเข็ม
ผู้วิจัย/Authors:   กาญจนา คูณรังษีสมบูรณ์
ชื่อเรื่อง/Title:   การรักษาผู้ป่วยออทิสติกด้วยวิธีฝังเข็ม
แหล่งที่มา/Source:   ที่ประชุมวิชาการกรมสุขภาพจิตนานาชาติ ครั้งที่ 8 ประจำปี 2545 สุขภาพจิตกับยาเสพติด หน้า 173
รายละเอียด / Details:   หลักการและเหตุผล ออทิสติด และโรคอื่นๆ ในกลุ่ม เป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เป้าหมายของการรักษาอยู่ที่การกระตุ้น และฟื้นฟูพัฒนาการในด้านต่างๆ เช่น การพูด การรับรู้ และการเรียน ให้ดีขึ้น จนใกล้เคียงกับเด็กปกติมากที่สุด และลด/หรือจำกัดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นการรักษาที่ได้ผลดีที่สุดคือการผสมผสานการรักษาในด้านต่างๆ เข้าด้วยกัน การรักษาเหล่านั้นได้แก่ การปรับพฤติกรรมและฝึกทักษะทางสังคม การฝึกพูด การกระตุ้นพัฒนาการ และการฝึกอาชีพ การจัดการเรียน การสอนที่เหมาะสม การช่วยเหลือครอบครัว และการรักษาด้วยยา มีผู้ป่วยหลายรายมีผลการรักษาดีขึ้น แต่ยังมีผู้ป่วยอีกจำนวนหนึ่งที่มารับการรักษาแล้วมีผลการรักษาไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร ผู้ศึกษาจึงได้นำวิธีการฝังเข็มที่ศีรษะมาใช้ในการรักษาผู้ป่วยกลุ่มนี้ วัตถุประสงค์ ศึกษาผลของการฝังเข็มที่ศีรษะในผู้ป่วยออทิสติก ที่มารับการรักษา ที่ศูนย์ส่งเสริมพัฒนาการเด็กภาคเหนือ ขอบเขตการศึกษา ศึกษาผลการรักษาของผู้ป่วยออทิสติกที่ได้รับการรักษาด้วยการฝังเข็มที่ศีรษะตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2543-30 กันยายน 2544 ระเบียบวิธีศึกษา ผู้ป่วยออทิสติก ที่ได้รับการรักษาด้วยการฝังเข็มที่ศีรษะ ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2543-30 กันยายน 2544 จำนวน 24 คน โดยผู้ป่วยทุกรายเคยได้รับการรักษาด้วย วิธีผสมผสานตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว ผลการรักษาไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร ผู้ปกครองจะได้รับทราบถึงวิธีการรักษาด้วยการฝังเข็ม ทราบถึงข้อดี ข้อเสีย และผลข้างเคียงของการรักษา และผู้ปกครองต้องยินยอมให้ผู้ป่วยรับการรักษาด้วยการฝังเข็ม ผลการรักษา ผู้ป่วย 24 คน อายุ2.6-11.5 ปี (อายุเฉลี่ย 6.2 ปี) ผู้ป่วย 2 คน ไม่มารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ส่วนอีก 22 คน ผลการรักษาประเมินโดยใช้ Developmental Screening Inventory (DSI) และการประเมินพฤติกรรมโดยพยาบาล และผู้ปกครอง ซึ่งผลอยู่ในเกณฑ์ดี ถึงดีมาก ผู้ปกครองมีความพึงพอใจ ในการพัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นของผู้ป่วยทั้ง 22 คน สรุป การฝังเข็มที่ศีรษะช่วยกระตุ้นพัฒนาการในผู้ป่วยเด็กออทิสติก แม้ว่าจะเป็นการรักษาที่ทำให้ผู้ป่วยเจ็บ และใช้เวลานาน ถ้าผู้รักษาได้ให้ความรู้แก่ผู้ป่วย รวมทั้งผู้ปกครองก่อนเข้ารับการรักษาก็จะได้รับความร่วมมือที่ดีจากผู้ป่วย และผู้ปกครอง ทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการรักษา ฉะนั้นการฝังเข็มที่ศีรษะน่าจะเป็นการรักษาผสมผสานอีกอย่างหนึ่งในการรักษาผู้ป่วยออทิสติก
ปีที่เผยแพร่/Year:   2545 
Keywords:   ีออทิสติก, ฝังเข็ม, การรักษาผู้ป่วยออทิสติกด้วยวิธีฝังเข็ม, autistic treatment, puncture, autism, child psychiatry, ออทิสติก, จิตเวชเด็ก, เด็ก, autistic, autism, child psychiatry 
Address:   กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข 
Code:   000252
ISSN/ISBN:   974-90572-3-6
Country of publication:   ประเทศไทย
Language:   ภาษาไทย
Category:   Paper ได้รับคัดเลือกนำเสนอในที่ประชุมวิชาการกรมสุขภาพจิต

dunanxing

สมุนไพรจีนได้รับความนิยมกันมาอย่างแพร่หลายด้วยเป็นเพราะคนจีนมีอายุที่ยืนยาว และมีสุขภาพที่แข็งแรง คนไทยจึงนำสมุนไพรจีนมาทาน และเป็นที่นิยมในปัจจุบัน

ทุกวันนี้ชื่อใบแปะก๊วย หรือเห็ดหลินจือเหล่านี้อาจไม่ได้แปลกหูอะไรมากนัก แต่ถ้าหากคุณเบื่อกับสรรพคุณแบบครอบจักรวาล ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ เราเลยจะเน้นสมุนไพรจีนที่มีประโยชน์ทั้ง 4 อย่างที่สารพัดประโยชน์จริงมาให้คุณได้ทดลองทานกัน


ใบแปะก๊วย
ชื่ออื่น ๆ:กิงโกะ ไบโอบา (Gingko Biloba) มรดกสำคัญจากการแพทย์แผนจีนตั้งแต่หลายพันปีที่แล้ว ทุกวันนี้สารสกัดจากใบแปะก๊วยได้กลายเป็นอาหารเสริมสมุนไพรที่ติดท็อปชาร์ตของชาวอเมริกันและชาวยุโรป ในแง่การกระตุ้นความจำและลดความเสี่ยงโรคสมองเสื่อมหลายชนิด แต่ เจ้ากิงโกะยังมีทีเด็ดอื่น ๆ อีกด้วย จากข้อมูลของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ปัจจุบันแพทย์ในแถบประเทศยุโรปได้นำสารสกัดจากใบแปะก๊วยเข้ามาช่วยในการรักษาโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบ (Peripheral Artery Disease หรือ PAD) ที่ทำให้มีอาการเจ็บหรือปวดเท้าเวลาเดิน รวมถึงปวดขา และเป็นตะคริวบ่อย ๆ โรคนี้หนุ่ม ๆ ที่มีน้ำหนักมาก ติดบุหรี่ หรือความดันโลหิตสูง ต้องระวังให้ดี

ด้วยคุณสมบัติในการกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ขยายหลอดเลือด ทำให้มีการพูดถึงคุณสมบัติในการเสริมสมรรถภาพทางเพศ (ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ ในสหรัฐฯ ระบุว่าต้องใช้สารสกัดจากใบแปะก๊วย 50-100 มิลลิกรัมต่อวัน จึงอาจมีผลดังกล่าว) ใบแปะก๊วยยังเป็นที่ยอมรับในเรื่องของการลดอนุมูลอิสระตัววายร้ายบ่อนทำลายเซลล์ในร่างกายเราจนถึงระดับดีเอ็นเอ นั่นหมายถึงช่วยลดความเสี่ยงตั้งแต่โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และหลอดเลือด จอประสาทตาเสื่อม รวมถึงความถดถอยของสมอง ถึงผลการศึกษาพบว่า แม้จะได้รับสารสกัดจากแปะก๊วยเต็มอัตราที่แนะนำต่อวัน (120 มิลลิกรัม) ต่อเนื่องหลายปี ก็จะไม่สามารถ "ฟื้นฟู" อาการสมองเสื่อมในผู้ป่วยสูงอายุได้ แต่คุณสมบัติที่หาตัวจับยากของกิงโกะในการกระตุ้นหลอดเลือด และปกป้องเซลล์ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้มันเป็นหนึ่งในสุดยอดจอมยุทธในศึกสุขภาพของผู้คนยุคนี้

เก๋ากี้
ชื่ออื่น ๆ: โกจิเบอร์รี่ (Goji Berry) หรือวูล์ฟเบอร์รี่ (Wolfberry) ลูกเกดสีแสดที่พบเห็นได้ไม่ยากในหลากเมนูเด็ดย่านเยาวราช เก๋ากี้ เบอร์รี่แห่งเอเชียที่กำลังมาแรงสุด ๆ ผลตากแห้งสามารถนำมาทานเล่น ใส่ในเมนูอาหารตำรับไทย จีน และฝรั่ง หรืออาจมาในรูปของน้ำผลไม้ ทุกวันนี้เก๋ากี้ถูกตอกหมุดให้เป็นหนึ่งใน "ซูเปอร์ฟู้ด" ด้วยทีเด็ดอย่างวิตามินซี  วิตามินเอ และสารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มแคโรทีนอยด์ อย่างเบต้าแคโรทีนที่อัดแน่น มีการนำงานวิจัยของสถาบันวิจัยโภชนาการปักกิ่งในปี ค.ศ. 1988 มากล่าวอ้างกันอย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับการค้นพบ (ที่ยังไม่มีการรับรอง และมีการถกเถียงโจมตี) ว่าผลเก๋ากี้ตากแห้งนั้นเมื่อเทียบจากน้ำหนักที่เท่ากัน จะให้เบต้าแคโรทีนสูงกว่าแครอท และมีวิตามินซีสูงกว่าส้มถึงห้าร้อยเท่า ซึ่งวิตามินซีนั้นทุกวันนี้เรารู้กันดีว่าเป็นหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงอานุภาพในด้านคงความอ่อนเยาว์ของผิวพรรณ ช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารที่สำคัญมากมาย ช่วยป้อนออกซิเจนใส่เกียร์ความแรงในการออกกำลังกาย แถมยังลดอาการปวดเมื่อยหลังออกกำลังกาย

เมื่อศึกษาวัดค่า ORAC (Oxygen Radical Absorbance Capacity) หรือค่าประสิทธิภาพในการดูดจับอนุมูลของออกซิเจน ซึ่งเป็นวิธีที่พัฒนาโดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยทัฟส์ เมืองบอสตัน พบว่า โกจิเบอร์รี่ให้ค่า ORAC สูงกว่าบรรดาเบอร์รีที่โดดเด่นด้านสารต้านอนุมูลอิสระ อาทิ บลูเบอร์รี่ ราสป์เบอร์รี่ หรือแครนเบอร์รี่ อยู่หลายช่วงตัว การศึกษาในประเทศญี่ปุ่นชี้ว่า การรับประทาน
โกจิเบอร์รี่ประมาณ 10-30 กรัม ต่อวันถือว่ากำลังดี ส่วนศาสตราจารย์ด้านพฤกษศาสตร์ผู้โด่งดังอย่าง คริส คิลแฮม ในรัฐแมสซาซูเซตส์ กล่าวกับนิตยสาร Growing สหรัฐฯ ว่า แน่นอนว่าไม่ได้รักษาทุกโรค แต่ต้องยอมรับว่าโกจิเบอร์รี่ถือเป็น "สุดยอดในด้านสารต้านอนุมูลอิสระโดยเฉพาะสารซีแซนทีนที่ดีอย่างมากต่อดวงตา"


เจียวกู่หลาน
ชื่ออื่น ๆ: เรียกทับศัพท์เป็นสากลว่า เจียวกู่หลาน (Jiaogulan) ในบ้านเราอาจเรียก ปัญจขันธ์ เมื่อปี ค.ศ. 1976 แพทย์ชาวญี่ปุ่นที่มหาวิทยาลัยฮิริมา กำลังง่วนกับการควานหาพืชที่สามารถให้ความหวานแทนน้ำตาลได้  แต่กลับไปสะดุดตาพืชเถาที่ไม่ได้มีหน้าตาเหมือนหรือเกี่ยวข้องใด ๆ กับโสม แต่กลับมีสารเคมีสำคัญหลายชนิดที่คล้ายคลึงกับโสม แถมยังดูเหมือนจะเด็ดกว่าเรื่องของน้ำตาลในเจียวกู่หลานจึงชะงักอยู่เพียงเท่านั้น เมื่อพบสิ่งที่ใหญ่โตกว่ามีการขนานนามว่าเจียวกู่หลานคู่ "พืชแห่งความอมตะ" บ้างก็เรียก "น้ำพุแห่งความเยาว์วัย" สารสำคัญในเจียวกู่หลานอย่างซาโปนินที่พบมากกว่าโสมเกือบ 4 เท่าตัว พบว่ามีบทบาทในการควบคุมเกื้อหนุนการทำงานของร่างกายหลายด้านให้ดำเนินไปอย่างปกติ ที่สนใจกันมากคือการควบคุมความดันโลหิต และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ดูเหมือนว่าเจียวกู่หลานกับสารซาโปนินจะถูกพูดถึงในงานวิจัยหลายร้อยชิ้นทั่วโลก

การที่เจียวกู่หลานมีบทบาทต่อระบบการทำงานที่สำคัญ ๆ ของร่างกาย โดยมีงานวิจัยยืนยันขยายวงกว้าง ทำให้กลายเป็นน้องใหม่ไฟแรงที่ติดในสมุนไพรกลุ่มปรับสมดุล หรือ Adaptogen (เช่นเดียวกับเห็ดหลินจือและใบแปะก๊วย) ซึ่งหมายถึงสมุนไพร ที่ช่วยให้ระบบประสาทและร่างกายยืนหยัด ตั้งรับภาวะตึงเครียดที่เกิดจากสิ่งเร้าแย่ ๆ ในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นความเครียด มลภาวะการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ และอายุที่เพิ่มขึ้น ฯลฯ ซึ่งล้วนเป็นสาเหตุของสภาพร่างกายที่โรยราก่อนวัย รวมถึงโรคร้ายต่าง ๆ สมุนไพรชนิดนี้มักใช้ชงเป็นชา หรือมาเป็นสารสกัดในรูปแบบเม็ด ซึ่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ประเทศไทย ศึกษาพบว่าการได้รับแคปซูลที่มีสารสกัดจิบเปโนไซด์ (Gypenosides สารกลุ่มซาโปนิน) จากเจียวกู่หลาน 40 มิลลิกรัม วันละ 1-2 แคปซูล ติดต่อกัน 2 เดือน ไม่พบผลข้างเคียงใด ๆ


เห็ดหลินจือ
ชื่ออื่น ๆ: ในภาษาอังกฤษอาจพบสองคำ ได้แก่ Lingzhi หรือ Reishi เห็ดหลินจือถูกยกให้เป็น "ยาในร่างกายของเห็ด" การศึกษาเกี่ยวกับเห็ดหลินจือดำเนินมาอย่างเข้มข้นหลายทศวรรษแล้ว
มีงานวิจัยหลายพันชิ้นทั่วโลกเกี่ยวกับเห็ดชนิดนี้ที่ยังทยอยออกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่พบว่าเห็ดหลินจือมีคุณสมบัติในการต้านมะเร็ง และช่วยกระตุ้นการตอบสนองต่อการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง รวมถึงการปกป้องหัวใจและหลอดเลือดล่าสุดมีงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารโภชนาการสหราชอาณาจักร ซึ่งย้ำผลของเห็ดหลินจือสกัดในการลดไขมันร้ายอย่างไตรกลีเซอไรด์ (ที่มาจากการกินไขมันสัตว์ หรือไม่ออกกำลังกาย) ขณะที่เพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดีหรือ HDL ให้สูงขึ้น ในกลุ่มตัวอย่างที่มีความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูงและคอเลสเตอรอลสูง

เห็ดหลินจือ รวมถึงเห็ดที่เพิ่งมาฮิตในเมืองไทย อย่างเห็ดไมตาเกะและเห็ดชิตาเกะ อุดมไปด้วยเบต้ากลูแตน โมเลกุลน้ำตาลเชิงซ้อน ซึ่งเป็นที่ยอมรับอย่างสูงด้านการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย พร้อมควบคุมไม่ให้ภูมิคุ้มกันทำงานเกินพอดีจนทำให้เกิดภาวะภูมิคุ้มกันทำร้ายตัวเอง สารไตรเทอร์ปินอยด์ในเห็ดหลินจือยังช่วยกระตุ้นการทำงานของตับในการกำจัดสารพิษ และยังมีการพูดถึงประโยชน์ในการลดภาวะอุดตันของทางเดินปัสสาวะในเพศชายอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ผลในด้านการต้านภูมิคุ้มกัน ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ ในสหรัฐฯ แนะนำว่าคุณควรได้รับจากสารสกัดเม็ด 150-300 มิลลิกรัม 2-3 ครั้งในทุก ๆ วัน หรือแบบสกัดเข้มข้น ประมาณ 30-60 หยด 2-3 ครั้งต่อวัน

ที่มา  http://www.108health.com
สุขจิตเกษมคลินิกการเเพทย์เเผนไทย-จีน
ปรับสมดุลย์ร่างกายตามศาสตร์เเพทย์จีน โดยเเพทย์เเผนจีนปริญญา
ยาจีน ฝังเข็ม ครอบเเก้ว กวาซา
เปิด 9.00-20.00 น.
โทร 086-960-6556
http://www.facebook.com/sukjitkaseamclinic

dunanxing

ตรวจรักษาด้วย ยาจีน  ฝังเข็ม  ครอบแก้ว  ปรับสมดุลร่างกาย ตามศาสตร์ แพทย์แผนจีน  โดยแพทย์จีน ปริญญา
เปิดให้บริการทุกวัน 9.00-20.00น. ยินดีให้คำปรึกษา   086-960-6556
บริการต้มยาสมุนไพรไทย-จีน  แพ็คสำเร็จรูป  พร้อมดื่ม
สุขจิตเกษมคลินิกการเเพทย์เเผนไทย-จีน
ปรับสมดุลย์ร่างกายตามศาสตร์เเพทย์จีน โดยเเพทย์เเผนจีนปริญญา
ยาจีน ฝังเข็ม ครอบเเก้ว กวาซา
เปิด 9.00-20.00 น.
โทร 086-960-6556
http://www.facebook.com/sukjitkaseamclinic

dunanxing

สุขจิตเกษมคลินิกการเเพทย์เเผนไทย-จีน
ปรับสมดุลย์ร่างกายตามศาสตร์เเพทย์จีน โดยเเพทย์เเผนจีนปริญญา
ยาจีน ฝังเข็ม ครอบเเก้ว กวาซา
เปิด 9.00-20.00 น.
โทร 086-960-6556
http://www.facebook.com/sukjitkaseamclinic

kong555

ตรวจรักษาด้วย ยาจีน  ฝังเข็ม  ครอบแก้ว  ปรับสมดุลร่างกาย ตามศาสตร์ แพทย์แผนจีน  โดยแพทย์จีน ปริญญา
เปิดให้บริการทุกวัน 9.00-20.00น. ยินดีให้คำปรึกษา   086-960-6556
บริการต้มยาสมุนไพรไทย-จีน  แพ็คสำเร็จรูป  พร้อมดื่ม


kong555

ตรวจรักษาด้วย ยาจีน  ฝังเข็ม  ครอบแก้ว  ปรับสมดุลร่างกาย ตามศาสตร์ แพทย์แผนจีน  โดยแพทย์จีน ปริญญา
เปิดให้บริการทุกวัน 9.00-20.00น. ยินดีให้คำปรึกษา   086-960-6556
บริการต้มยาสมุนไพรไทย-จีน  แพ็คสำเร็จรูป  พร้อมดื่ม