กิมหยง - ตะลุงเว็บบอร์ด

ทุกปีเมื่อถึงฤดูคลื่นลมทางฝั่งทะเลอันดามันตะวันตกของไทยเรียบราบสงบ... เรามักจะพบเจอข่าวนี้แทบทุกปี

ข่าวที่ว่าคือ "เรือมนุษย์" ที่บรรทุกคนเป็น ๆ เต็มลำเรือ...รอนแรม ร่อนเร่ เพื่อหาทำเลต่อสายชาติพันธุ์และชีวิตให้รอดบนโลกใบนี้...โลกที่ไม่มีที่ว่างให้ มนุษย์ชาติพันธุ์ที่เรียกว่า "โรฮิงญา"  อีกต่อไป

คำถามสำคัญที่มักคุยกันในแวดวงคนไทยวันนี้ก็คือ  โรฮิงญา คือใคร?....และประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของตัวทำไมไม่ยอมอยู่.?  พวกนี้กำลังจะเป็นปัญหาให้แก่ประเทศอื่น ๆ ในอนาคต?  ฯลฯ


เมื่อเปิดดูแผนที่ถิ่นเกิดก็จะพบว่า พวกโรฮิงญา มีแผ่นดินถิ่นที่ถือว่าเป็นดินแดนดั้งเดิมคือ บริเวณรัฐยะไข่ (สีแดง) ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของประเทศพม่า  เหนือรัฐยะไข่ขึ้นไปก็คือชายแดนประเทศบังคลาเทศ และออกไปทางตะวันตกคือ มหาสมุทรอินเดีย

แม้นจะมีหลักฐานว่า ชาติพันธุ์นี้อพยพมาอยู่ในดินแดนนี้นานแสนนาน ..แต่ก็คงสภาพได้เพียงคำว่า เป็น ประชากรนอกกฎหมาย เพราะไม่มีประเทศใดรับรองว่าเป็นคนของประเทศตัวเอง...

พม่า...นอกจากไม่เคยประกาศรับรองสัญชาติให้คนเหล่านี้(ทั้งที่แทบร้อยเปอร์เซนต์มีถิ่นพำนักในประเทศตัวเอง)แล้ว ยังออกอาการเดียจฉันท์ด้วยการไล่ล่า...ผลักไส และกระทำต่อคนเหล่านี้ด้วยความโหดร้าย ป่าเถื่อน

หลายครั้งที่โรฮิงญาที่ลอยเรืออยู่นอกฝั่งพม่าต้องกระโดดหนีตาย และหลายคนต้องตาย.. เพราะเรือลำน้อยที่เต็มไปด้วยมนุษย์ ถูกยิงจม!

ความเดียจฉันท์บังเกิดขึ้นเพราะ ความแตกต่างทางกายภาพ....เพราะคนโรฮิงญา หน้าตาละม้ายคล้าย พวกบังคลาเทศ มากกว่าจะเป็น พม่าหรือกระเหรี่ยง

ซึ่งก็ไม่แปลก..เพราะโรฮิงญา คือ ชาติพันธุ์ที่นับถือศาสนา "อิสลาม" ที่ดั้งเดิมคือชนพวกอพยพเฉกเช่น อาหรับ,และเปอร์เซียแท้ ๆ

แต่เมื่อโลกวิวัฒน์มาถึงการแบ่งสรรแผ่นดินจนลงตัวเป็นประเทศต่างๆ...การอ้างสิทธิอยู่ก่อน จึงอ่อนเสียงกว่าการอ้างอำนาจของคนหมู่มาก

ประเทศไทย นับแต่อดีตถือเป็น "ม้าอารี" ให้แก่มนุษยชาติมาโดยตลอด ...

นับแต่กรณีสงครามเวียดนามทีฆ่าฟันหั่นห้ำกันจน คนเวียตนาม ต้องอพยพสร้างตำนาน "เรฟูจี" หนีตายมาพึ่งแผ่นดินสยาม กันเต็มชายฝั่งรวมทั้ง เก้าเส้งบ้านเรา

เขมร..ตัวแสบ ที่ไม่เคยสำนึกบุญคุณสยาม เมื่อครั้งรบราฆ่ากันแย่งอำนาจ จนเขมร ทั้งเด็กทั้งแก่...ยักแย่ยักยันหนีตายมาพึ่งชายแดนและศูนย์อพยพไทย จนอิ่มหนำสำราญพุง สุดท้ายตบแทนบุญคุณไทยด้วยการ จับคนไทยยัดเยียดข้อหาเอาเข้าคุกเขมร..แถมด้วยการยึดผืนแผ่นดินไทยไว้เป็นของตัวกับกรณีร้อน ๆ วันนี้.

สถิติการแพร่กระจายของ โรฮิงญา พบว่า ที่พม่ามีราวแปดแสน... ที่บังคลาเทศมีราวสองแสน  และในฐานะผู้อพยพมีตัวเลขอยู่ที่มาเลเซียประมาณสองหมื่นเศษ....แต่ที่น่ายกย่องและวิตกก็คือประเทศไทย ที่มีผู้อพยพชาวโรฮิงญาอยู่นับแสนคน!

ดูเหมือนว่าประเทศไทย จะได้รับเสียงเยินยอว่าเป็น  ประเทศใจบุญ  อย่างล่าสุด คณะกรรมการอิสลามโลกอย่าง OIC ก็เดินทางมาตรวจเยี่ยมศูนย์อพยพและรู้สึกพอใจในการดูแลโรฮิงญาในไทย

ต้องถือว่า แนวทางการทำงานของไทยในฐานะเพื่อมนุษยชน นั้นเราเดินมาอย่างถูกทาง.... แต่สิ่งที่ต้องกังวลและระมัดระวังก็คือ  การทำงานเพื่อมนุษยธรรมและมนุษยชนนั้น ต้องไม่สร้างภาระและสร้างปัญหาสำคัญให้แก่ตัวเองและคนในชาติ

ประเทศที่สามที่ โรฮิงญา น่าจะมีความสุขที่สุด ...คือประเทศที่มี ขนบธรรมเนียม..มีประเพณีที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งจะว่าไปก็คือ  กลุ่มประเทศในโลกมุสลิมด้วยกัน  มิใช่ "ประเทศไทย"

ตัวเลขสองหมื่นเศษที่มาเลเซียรับไว้ กับตัวเลข แสนกว่าที่ประเทศไทยต้องรับภาระ ถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจ เพราะยังไม่ปรากฎว่าตัวเลขในประเทศที่สามในกลุ่มมุสลิมที่จะประกาศเตรียมรับคนเหล่านี้ไปอยู่ด้วย!??

โลกทุกวันนี้ เต็มไปด้วย มายาภาพ และสันติภาพจอมปลอม......  พม่ากำลังเดินหน้าจับมือกับประเทศอื่น ๆ เพื่อเปิดประเทศ แต่ยังเดียจฉันท์ชาติพันธุ์ดั้งเดิม

บังคลาเทศ...ถ้าจะตรวจเลือดและดีเอ็นเอคนในประเทศ ก็ยืนยันได้ว่า เป็นเลือดเดียวกับโรฮิงญา แต่ก็เลือกที่จะผลักไส ไล่ส่ง เพราะอ้างว่าสร้างปัญหาและตัวเองก็ยากจนอยู่แล้ว

ข้อเตือนใจเหล่านี้ ... น่าจะเป็นเรื่องที่ประเทศไทย ควรคิดได้ว่า  ถ้าเลือกที่จะเตี้ยแล้วยังอุ้มค่อม สุดท้ายเมื่อประเทศต้องเปิดเพราะข้อกำหนดของ AEC วันนั้นความวุ่นวายและคำว่า "สัญชาติไทย" คงกลายสัญชาติกลายพันธุ์กันพิลึกแน่!   

ช่วยกันหน่อย ถ้าไม่สนใจอะไร นิ่งเฉย ประเทศไทยเดือดร้อนสาหัสแน่
https://www.facebook.com/NORoHingya

..บอกได้คำเดียวว่า"สงสารเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน"...เหมือนพระเจ้าสร้างมาให้เป็น
ส่วนเกินของมนุษย์บนโลกใบนี้..แม้แต่ประเทศบ้านเกิดเมืองนอนก็ไม่ยอมรับ..
ชีวิตพวกเขาเหล่านี้..ก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น..

ผลกระทบกับเพื่อนบ้าน..ก็ต้องพยายามพลักดันกันต่อไป..
แต่คนไทยจำนวนหนึ่งพยายามหากินกับพวกนี้โดยการชักนำ
เข้ามาเพื่อขายแรงงาน..นี่ก็เป็นปัญหาเรื้อรัง..ที่รัฐบาลน้องปู(คนสวย)
จะต้องแก้ไขต่อไป..

อ้างจาก: ฟานดี้ เมื่อ 12:41 น.  03 ก.พ 56
..บอกได้คำเดียวว่า"สงสารเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน"...เหมือนพระเจ้าสร้างมาให้เป็น
ส่วนเกินของมนุษย์บนโลกใบนี้..แม้แต่ประเทศบ้านเกิดเมืองนอนก็ไม่ยอมรับ..
ชีวิตพวกเขาเหล่านี้..ก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น..

ผลกระทบกับเพื่อนบ้าน..ก็ต้องพยายามพลักดันกันต่อไป..
แต่คนไทยจำนวนหนึ่งพยายามหากินกับพวกนี้โดยการชักนำ
เข้ามาเพื่อขายแรงงาน..นี่ก็เป็นปัญหาเรื้อรัง..ที่รัฐบาลน้องปู(คนสวย)
จะต้องแก้ไขต่อไป..

ติดตามเหมือนกันว่า จะมีทางออกอย่างไร แต่  UNHCR อย่าเงียบ

อ้างจาก: ฟานดี้ เมื่อ 12:41 น.  03 ก.พ 56
..บอกได้คำเดียวว่า"สงสารเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน"...เหมือนพระเจ้าสร้างมาให้เป็น
ส่วนเกินของมนุษย์บนโลกใบนี้..แม้แต่ประเทศบ้านเกิดเมืองนอนก็ไม่ยอมรับ..
ชีวิตพวกเขาเหล่านี้..ก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น..

ผลกระทบกับเพื่อนบ้าน..ก็ต้องพยายามพลักดันกันต่อไป..
แต่คนไทยจำนวนหนึ่งพยายามหากินกับพวกนี้โดยการชักนำ
เข้ามาเพื่อขายแรงงาน..นี่ก็เป็นปัญหาเรื้อรัง..ที่รัฐบาลน้องปู(คนสวย)
จะต้องแก้ไขต่อไป..

อันนี้ถูกต้องครับ...

  ผมว่านะ ยิ่งนานวันเข้า ยิ่งเป็นปัญหาให้กับบ้านเราเป็นแน่แท้ครับ 

นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ สปต.กล่าวว่า การรับดูแลชาวโรฮิงญาเป็นระยะเวลานาน รวมถึงการใช้งบประมาณจำนวนมาก เป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกทาง เพราะเกรงว่าประเทศไทยอาจกลายเป็นรัฐอาระกันที่ 2 ขณะเดี่ยวกันตลอด 9 ปี ของความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ การข่าวความมั่นคงแจ้งว่า มีชาวโรฮิงญาบางคน เกี่ยวข้องกับขบวนการก่อความรุนแรง ซึ่งหากปล่อยให้กลุ่มชาวโรฮิงญาอยู่ภายในประเทศไทยเป็นระยะเวลานาน อาจเกิดการชักจูงให้ร่วมขบวนการก่อความรุนแรงได้ ซึ่งจะส่งผลต่อความมั่นคงภายใน

ที่มา โพสทูเดย์
มาแล้วครับปัญหารอบแรก เหมือนข่าวที่ได้จากมาเลย์เปี้ยบ

กลุ่มชาวโรฮิงญา อาศัยในบ้านพักเด็กและครอบครัวจ.ตรัง เริ่มสร้างปัญหาไม่ยอมปฏิบัติตามกฎ จนเจ้าหน้าที่เกิดอาการเครียด เพราะไม่รู้ว่าต้องดูแลอีกนานแค่ไหน

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางยังบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดตรัง ซึ่งตั้งอยู่บนถนนโคกขัน ตำบลทับเที่ยง ในเขตเทศบาลนครตรัง เพื่อติดตามสภาพความเป็นอยู่ของชาวโรฮิงญา ทั้งชายและหญิง จำนวน 13 คน โดยเป็นเด็กและเยาวชน อายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 12 คน และเป็นผู้หญิง อายุ 40 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งทั้งหมดได้ถูกส่งตัวมาจากบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสงขลา นับตั้งแต่วันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา หรือเป็นระยะเวลานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว เพื่อช่วยเหลือดูแลทั้งในเรื่องของอาหารการกิน และเรื่องที่พัก

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดตรัง มีสถานที่ค่อนข้างคับแคบ และที่ผ่านมาก็เคยรองรับผู้ที่ประสบปัญหาสูงสุดจำนวนแค่ไม่กี่คน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวไทย และชาวเพื่อนบ้าน เช่น พม่า ลาว ขณะที่เจ้าหน้าที่ก็มีจำนวนจำกัด แถมยังมีผู้ชายเพียงคนเดียวเท่านั้น จึงประสบปัญหาในเรื่องของการพยายามจัดระบบ เพราะในช่วงหลังมา ชาวโรฮิงญาที่มีอายุตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ได้พยายามสร้างเงื่อนไขและไม่ค่อยยอมปฎิบัติตามกฎ โดยมักจะทำอะไรตามใจของตนเอง และใช้งานเด็กเล็กๆ ในแทบทุกเรื่อง

ทั้งนี้ ในช่วงแรกชาวโรฮิงญากลุ่มนี้ส่วนใหญ่ จะให้ความร่วมมือกับทางบ้านพักเด็ก ทั้งการปรุงอาหาร การล้างจาน หรือการทำความสะอาด แต่ขณะนี้บางคนจะไม่ยอมทำอะไรเลย นอกจากลงมากินข้าวและของว่าง แล้วกลับไปนอนในห้องพัก ทำให้ภาระทั้งหมดต้องตกอยู่กับทางเจ้าหน้าที่ เพราะต้องจัดอาหารให้กินวันละ 3 มื้อ รวมทั้งของว่างอีก 2 มื้อ ตลอดจนเก็บกวาดสถานที่ และควบคุมดูแลตลอด 24 ชม. จนส่งผลให้เจ้าหน้าที่บางคนเริ่มมีอาการเครียดเกิดขึ้น และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่รู้ว่า จะต้องแบกรับภาระต่อไปอีกนานแค่ไหน

มีคำถามในอินเตอรืเน็ตมากมายถามว่า ..

ค่อนข้างจะแปลกใจมุมมองมี 2 อย่าง คือ ศาสนามาก่อนคนในชาติไทยหรือประเทศชาติมากก่อนศาสนา
มึหลายคนที่ถือศาสนาเดียวกับพวกโรฮิงญาว่าพวกโรฮิงญาคือพี่น้องต้องช่วยพี่น้องศาสนาเดียวกันก่อน
แต่กลับไม่นับคนที่อยู่ร่วมในประเทศว่าเป็นพีน้อง

ใครอธิบายได้บ้างไอ้ที่โกรธจะเป็นจะตายมาอ้างเรื่องความน่าสงสาร จริง ๆ แล้วคือพูดประเด็นข้างต้นในที่สาธารณะรึเปล่า
[/color]
มาขอตอบให้ก็ได้ ...  ก็คณะกรรมการอิสลามฯ ไงล่ะ 
นับพวกโรฮิงญาเป็นพี่น้อง แต่สงสัยว่านับครูใต้ที่ถูกโจรฆ่าตายเป็นศัตรู

มีหลายคนทักมาว่ามาเลย์เต็มใจรับโรฮิงญา ชาวโรงฮิงญาไม่ได้อยากเข้าไทยแต่ต้องการผ่านไปมาเลย์
เป็นการอ้างมาแบบลอย ๆ ไม่มีหลักฐาน
จากข่าวถ้าเป็นอย่างที่หลายคนบอกไว้ข้างต้นทำไมชาวโรงฮิงญากว่า 10,000 คน ถึงยังอาศัยอยู่ตามป่า
ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้วไม่เดินเท้าเข้ามาเลย์ต่อไปครับ


แล้วก็อีกองค์กรหรือคนประเภทหนึ่งที่ชอบอ้างกันคือ ประเทศไทยไม่ใช่ของเราคนเดียว ใช่ครับ
ขณะเดียวกันประเทศไทยก็ไม่ใช่ของพวกที่อยากรับโรฮิงญาเข้ามาเพียงกลุ่มดียวเช่นกัน

พ.อ.สงบ นาคถนอม รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนแยก 1 (รองผอ.รมน.ภาค 4 สย.1)
ไขปมดังกล่าวว่าสาเหตุที่เชื่อกันว่าชาวโรฮิงญาอาจเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
เพราะเคยตรวจพบสารประกอบระเบิดบนเรือที่ชาวโรฮิงญาใช้เป็นพาหนะและสารดังกล่าวเป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ทำระเบิด
ในจังหวัดชายแดนภาคใต้

"เมื่อปีก่อนเราเคยเชิญหมอพรทิพย์ (แพทย์คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์
กระทรวงยุติธรรม) มาตรวจและเก็บหลักฐานหลังการจับกุมและยึดเรือของชาวโรฮิงญา หมอพรทิพย์พบสารระเบิด
ที่ใช้ในภาคใต้บนเรือที่เรายึดได้ เราจึงสันนิษฐานว่าอาจจะเกี่ยวข้อง"

เมื่อถามย้ำอีกครั้งว่าตกลงมีความเชื่อมโยงกันจริงใช่หรือไม่ พ.อ.สงบ ตอบว่า "เรากังวลว่าจะเป็นเช่นนั้น"

  เป็นไงล่ะพ่อพระใจดีอย่างพี่ไทย หาเหาใส่หัวแท้ๆ 

เป็นไงล่ะชัดเจนไหมว่าทำไมโรฮิงญาถึงต้องมาทางประเทศไทย เพราะไทยเป็นม้าอารีย์ผู้โง่เขลา
ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมพวกที่พูดว่า "โรฮิงญาเป็นพี่น้องร่วมศาสนาเดียวกันต้องรีบช่วยเหลืออย่างเอาเป็นเอาตาย"
ขนาดพี่น้องร่วมศาสนาของคนพวกนี้เองแท้ ๆ (มาเลย์ อินโด บังคลาเทศ ปากีสถาน ฯลฯ) ยังไม่ต้อนรับเลย
ครอบครัวหนึ่งสามารถทำลูกได้ 20 คนเลยทีเดียว และประเทศเหล่านั้นก็รู้สันดานความขี้เกียจของคนพวกนี้ดี
พูดง่าย ๆ ว่าเป็นชนเชื้อชาติชั้นต่ำไร้คุณภาพนั่นเอง

จากข้อมูลก็มี  หลักฐานก็มีรายงานมาว่าคนพวกนี้ถูกชักจูงให้เข้าร่วมกับขบวนการแบ่งแยกดินแดนทางใต้
ของไทยว่าถ้าเมื่อไหร่สามารถแบ่งแยกดินแดน 3 จว. ด้สำเร็จ โรฮิงญาก็มีแผ่นดินอาศัยอยู่เป็นรัฐอิสระ
ซึ่งดีกว่าต้องกลับไปโดนฆ่าที่ประเทศพม่า

มาดูเฟสบุ๊คสำหรับคนที่ไม่เอาโรฮิงญากัน

http://www.facebook.com/NORoHingya