ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ยุทธศาสตร์ "สมชาย" เป้าหมายตุลาการภิวัฒน์

เริ่มโดย itplaza, 10:24 น. 18 ก.พ 56

itplaza


จากมุมมองของพรรคเพื่อไทยที่มองภาพกระบวนการยุติธรรมและองค์กรอิสระ ตามรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ในเชิงค่อนข้างติดลบมาตลอด จนนิยามคำว่า "ตุลาการภิวัฒน์" มาใช้ ถึงขั้นพรรคเพื่อไทยหยั่งกระแสสังคมพยายามผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายหน มุมมองนั้นพรรคเพื่อไทยจะมีจังหวะก้าวเดินต่อไปอย่างไร จะอาศัยจังหวะนี้รื้อที่มาขององค์กรอิสระและกระบวนการยุติธรรมเลยหรือไม่

"ทีมข่าวการเมือง" เฝ้าติดตามมาจนถึงนาทีนี้ ผ่านการบอกกล่าวของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กำลังนั่งเป็นหัวเรือใหญ่ ในฐานะกุนซือใหญ่ประจำคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย ทำหน้าที่เสมือนฝ่ายเสนาธิการให้พรรคเพื่อไทยและรัฐบาล รวมถึงอีกสถานะความเป็น "สามี" ของหญิงผู้ถูกกล่าวถึงมากในทางการเมืองรองจากคนชื่อ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี นั่นก็คือ "เจ๊แดง" เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภริยา

มีคนพูดถึง "เจ๊ ด." หรือพูดกลางสภาผู้แทนราษฎรว่า "เจ๊แดง" ก็อาศัยเทคนิคใช้ชื่อย่อหรือบอกว่ามีคนชื่อ "แดง" หลายคน ความจริงต้องการกล่าวหาภรรยาของผมที่เป็นคนใกล้ชิดนายกฯในฐานะญาติพี่น้องกัน เพื่อต้องการดิสเครดิตรัฐบาลและนายกฯ

แม้จะสร้างความเสียหายให้คุณแดง แต่ผมกับคุณแดงเห็นตรงกันว่าอย่าไปโต้ตอบ หากไปโต้ตอบก็เหมือนทำให้มันวุ่นวาย เสียเวลา ปล่อยมันไปเป็นเรื่องไร้สาระ สุดท้ายเมื่อไม่มีอะไรปรากฏสังคมก็จะเข้าใจกันไปเอง และนายกฯเคยพูดเสมอว่าแม้จะเป็นรัฐมนตรีหรือเป็นคนใกล้ตัวนายกฯ ถ้ามีกรณีทุจริตมัวหมองจะไม่เอาด้วยแน่

"ขอพูดในนามคุณแดงว่า ไม่ต้องห่วงว่าพี่น้องจะไปทำอะไร ผมอยู่กินกับภรรยาเกินกว่า 30 ปี มั่นใจว่าภรรยาของผมทำอะไรอยู่ในร่องในรอย วางตัวไม่ให้กระทบกระเทือนต่อการทำงานของนายกฯ ผมไม่คิดว่าคนอื่นจะรักพี่รักน้องมากกว่าพี่น้องรักกันเอง ครอบครัวชินวัตรเขาก็รักกัน และรักษาไว้ซึ่งความซื่อสัตย์ ไม่ไปวุ่นวายกับวงการทั้งหลาย ตอนนี้ตำแหน่งทางการเมืองคุณแดงก็ไม่รับ เพื่อให้รัฐบาลเดินหน้าไปด้วยดี ต้องการให้นายกฯอยู่ในตำแหน่งอย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง สง่างาม"

เลือกตั้งครั้งต่อไปก็ให้ท่านนายกฯเป็นผู้นำ เป็นนายกฯต่อไป เพราะยังสาว มีกำลังเยอะ อยากให้คนที่มีกำลังเยอะและมีความสามารถสูงนำพาประเทศไปดีกว่า กี่ปีก็ว่าไป 20 ปีก็ว่ากันไป ส่วนผมจะพ้นถูกตัดสิทธิทางการเมืองในเดือน ธ.ค.นี้ ท่านนายกฯจะให้สนับสนุนหรือช่วยเหลืออะไรก็พร้อมที่จะทำ ผมอยู่ตรงไหนไม่สำคัญ ไม่คิดทะเยอทะยานที่จะกลับไปเป็นนายกฯอีก เว้นแต่มีความจำเป็นที่ต้องช่วยกันตรงไหนก็ช่วยกันตรงนั้นจะดีกว่า

นายกฯถูกตรวจสอบหลายกรณี เช่น มีคดีโครงการรับจำนำข้าวค้างอยู่ที่คณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะเป็นคณะ ทำงานด้านยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยเกรงกลัวคดีเหล่านี้จะเป็นกับดักทำให้นายกรัฐมนตรีหลุดจากตำแหน่งหรือไม่ "สมชาย" ตอบอย่างรัดกุมว่า

"ผมคิดว่านายกฯกลัว เพราะระบบต่างๆที่เกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญบางทีมันอาจไม่เอื้ออำนวยให้รัฐบาล เช่น นโยบายรับจำนำข้าว เป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความวิตกกังวลบั่นทอนศักยภาพของรัฐบาลที่จะทุ่มเทไปที่การพัฒนาการเมือง ผมไม่อยากพูดเจาะลึกลงไปมากจะกลายเป็นวิพากษ์วิจารณ์องค์กรอิสระ

อยากวิงวอนให้ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นองค์กรอิสระ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องขอให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ถ้ารัฐบาลทำผิดไม่เคยคิดที่จะไปขอร้องให้ท่านช่วย วันนี้ไม่ต้องช่วยใครขอให้ตรงไปตรงมาตามมาตรฐานสากล เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของบ้านเมืองและประชาชน ทุกอย่างก็ไปได้ ไม่ใช่ตรงไปตรงมาในความรู้สึกของคนคนเดียว เพราะทุกวันนี้บ้านเมืองมันก็ยังไว้ใจใครไม่ค่อยได้"

เมื่อเป็นห่วงต่อกับดักนายกฯ พรรคเพื่อไทยวางแผน 2 แผน 3 รับมือเหตุการณ์ฉุกเฉินที่จะเกิดขึ้นอย่างไร "สมชาย" ยอมรับกรายๆว่า บ้านเมืองเราบางทีรถวิ่งอยู่บนถนนลาดยางดีๆมันก็ไม่แน่อาจมีขอนไม้มาขวางทาง จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่คงคิดเตรียมแผนรับมือไว้แล้ว เพราะที่ผ่านมาเรามีบทเรียนมาเยอะ ไม่สังเกตหรือทำไมนายกฯไม่เข้าไปเป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย แสดงว่าต้องมีอะไรสักอย่าง แต่หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 237 เมื่อไหร่ นายกฯอาจจะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคก็ได้

สาเหตุที่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2550 เพราะปกติอำนาจตุลาการ อำนาจนิติบัญญัติ  และอำนาจบริหาร เป็นกลไกคาน อำนาจซึ่งกันและกัน แต่ขณะนี้ทั้ง 3 อำนาจไม่สมดุลกัน เกิดจากตุลาการภิวัฒน์ที่ไม่มีในระบบตุลาการ ระบบกฎหมาย แต่ไปลากตุลาการเข้ามายุ่งกับบริบทของฝ่ายบริหาร บริบทของฝ่ายนิติบัญญัติ และบริบททางการเมือง ทุกอย่างเมื่อมีปัญหาไม่ใช่จะให้ตุลาการมาเคลียร์ ไม่ใช่ไปเที่ยวกวาดล้างบ้านเมือง ไม่มีหน้าที่

"ตุลาการต้องเป็น กลาง ใครจะภิวัฒน์ใครไม่รู้  ฟ้าถล่ม ดินทลายก็ต้องดำรงความเป็นธรรมไว้ ไม่มีหน้าที่ออกไปยุ่งกับใคร คนเป็นตุลาการศาลนั่งอยู่ในที่ของตัวเอง ก็เหมือนเทวดาที่ต้องสถิตอยู่ในวิมานของตัวเอง ใครมีเรื่องเดือดร้อนก็เข้ามาหาได้ ไม่ได้มีหน้าที่ออกไปปราบปรามฟาดฟันฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน...

...วันนี้ศาลต่างหากที่ไม่มีการเลือก แต่ที่ศาลดำรงอยู่ได้เพราะวางตัวเป็นกลาง ประชาชนถือว่าไว้ใจได้แล้วไม่ต้องเลือก แต่ถ้าวันหนึ่งเกิดมีปัญหาขึ้นมาแล้วคนคลางแคลงใจจะนำไปสู่การเลือก ซึ่งในต่างประเทศศาลก็มาจากการเลือก ดังนั้น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องทำให้ดูน่าเลื่อมใส เหมือนพระบวชมา 20 พรรษา คนมากราบไหว้บูชา พอวันหนึ่งไปดื่มสุรา เดินควงสีกา บารมีที่สร้างมา 20 พรรษาก็หมดไปในวันนั้น"

วันนี้มีทั้งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ มีช่องให้ฟ้องร้องมากขึ้นทำให้ดูเหมือนบ้านเมืองวุ่นวายหรือไม่ "สมชาย" ไขข้อข้องใจว่า ศาลต่างๆเยอะไป แต่เมื่อเป็นศาลก็ต้องอยู่ในบริบทอันเดียวกัน เพราะได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นตุลาการ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ก็ต้องสวมวิญญาณตุลาการผู้ทรงธรรม เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้ประชาชน

ทีนี้อย่างที่บอกพอมันเลอะเทอะเข้ามันชักจะมั่ว ข้อเท็จจริงเกิดจากการเมืองไม่เดินอย่างตรงไปตรงมาตามรัฐธรรมนูญ มันอยู่ที่ผู้ตีความ ไม่รู้มันเป็นอย่างไร ถ้าตรงไปตรงมาที่ประชุมรัฐสภาต้องโหวต ลงมติวาระที่ 3 แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 นำไปสู่การเลือกตั้ง ส.ส.ร. เข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญได้แล้ว แต่กรณีนี้หากที่ประชุมโหวตจะมีคนไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าคุณทำผิดเท่ากับสมาชิกรัฐสภาทุกคนมีความผิด ทั้งที่ไม่ได้ทำผิดอะไร

อีกปัจจัยที่รัฐบาลจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะได้หาเสียงไว้ในช่วงเลือกตั้งใหญ่ ต้องการให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตย อาทิ แก้ไขมาตรา 237 ที่กำหนดไว้หากกรรมการบริหารพรรคการ เมืองทำผิดคนเดียวต้องถูกลงโทษยกกระบิ อย่างนี้มันไม่ถูก ไม่เช่นนั้นคนเก่งๆก็ไม่อยากเข้ามาเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง อีกมาตราที่ต้องแก้คือ 190 เป็นประเด็นทำให้ประเทศไทยล้าหลัง รัฐบาลจะไปตกลงสัญญาด้านต่างๆกับประเทศอื่นไม่ได้หากที่ประชุมรัฐสภายังไม่อนุมัติ กลายเป็นรัฐสภาบังคับรัฐบาลได้

รูปแบบการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะรอผลการศึกษาจากอาจารย์คณะนิติศาสตร์ 3 สถาบันก่อน หรือจะเดินหน้าเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นรายมาตรา "สมชาย" คลายข้อสงสัยว่า แก้ไขรายมาตราก็ได้ เพราะศาลรัฐธรรมนูญอนุญาต แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับรัฐบาลและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย คาดว่าเดี๋ยวก็คงเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ชนิดแบบปลอดภัย เมื่อดูเล่ห์เหลี่ยมแล้วรายมาตราดีที่สุด เพราะไม่รู้จะค้าน กันอย่างไร แต่จะแก้ไขประเด็นอะไรบ้างยังไม่ทราบ อย่างมาตรา 237  ใครๆก็เห็นด้วยที่ต้อง การให้แก้  พรรคประชา- ธิปัตย์ก็เห็นด้วย เพราะมันไม่เป็นธรรมจริงๆ และการแก้ไขรัฐธรรม-นูญทางวิปรัฐบาลคงต้องคุยกับ ส.ว.ด้วย

การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ยังไม่สะเด็ดน้ำ การเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมก็เหมือนกันที่ยังไปไม่ถึงไหน  เป็นห่วงอย่างไรบ้างจะกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างคนเสื้อแดง กับพรรคเพื่อไทยและรัฐบาล เพราะรัฐบาลถูกมองว่าปล่อยให้คนเสื้อแดงติดคุก และระบบยุติธรรมพึ่งพาไม่ได้ กุนซือคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยออกตัวว่า ผมไม่ห่วงเรื่องนี้ เพราะไม่คิดว่าคนเสื้อแดงจะขัดแย้งกับพรรคเพื่อไทยจนกระทั่งแยกทางกัน มันเป็นไปไม่ได้

สุดท้ายคงจะจูนกันได้ เพราะเราเข้าใจคนเสื้อแดงที่มาชุมนุมทางการเมืองแล้วติดคุกก็ต้องเสนอให้ออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้พ้นจากการถูกจองจำ แต่วิธีการอาจไม่ตรงกับที่รัฐบาลกำลังทำ วิธีการอาจจะล่าช้าไปบ้าง รัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ

แต่บางทีรัฐบาลเหมือนเดินในพงหนาม ก็ต้องค่อยเดินอย่าให้เหยียบโดนหนาม รัฐบาลต้องเดินด้วยความระมัดระวัง เพราะวันนี้มันยังมีการต่อสู้กันอยู่ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับฝ่ายที่ต้องการขจัดพวกเราให้ออกจากเส้นทางของพวกเขา.



อ้างอิง  : ไทยรัฐ
ที่มา http://itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=24843&page=1