ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ป้อมหัวเขาแดง

เริ่มโดย Thanakorn P., 00:55 น. 14 ม.ค 53

Thanakorn P.

ป้อมหัวเขาแดงปัจจุบันครับ
อยากทราบความเป็นมา เป็นอย่างไร
ท่านผู้รู้ช่วยตอบทีครับ
การถ่ายภาพคือ การบันทึกความทรงจำ

Big Beach

๑๑๙๔ = พ.ศ.๒๓๗๕ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์  สร้างป้อมที่ริมน้ำเขาค่ายม่วง พร้อมกับพระเจดีย์(ข้างอุดร)บนเขา
๑๒๐๑ = พ.ศ.๒๓๘๒ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ สร้าง พระเจดีย์(ข้างทักษิณ)ที่เขาค่ายม่วง

ส่วนป้อมที่ริมเขาแดงนั้น สุลต่านสุเลมัน เป็นผู้สร้าง  ส่วนจะสร้างในปีใดนั้น ยังไม่ปรากฎหลักฐานยืนยันที่ชัดเจน

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

พงศาวดารเมืองสงขลา ฉบับเจ้าพระยาวิเชียรคิรี(บุญสังข์)


ณ วันจันทร์เดือนเก้าแรมเก้าค่ำ...

เพลาบ่าย ๔ โมงเศษทรงทอดพระเนตรแกะแลโคชนกันแล้วทรงลครฝรั่งอยู่ครู่หนึ่ง
เสด็จทรงพระยานุมาศกับพระเจ้าหน่อ ๖ องค์  

เสด็จไปตีนเขาตังกวน...

ลงจากพระยานุมาศแล้วเสด็จพระราชดำเนินด้วยพระบาทขึ้นบนเขา
ถึงเสาธงที่เสมอ ขึ้นทรงพระยานุมาศกับพระเจ้าหน่อ ๖ องค์อิก
ไปถึงที่จะขึ้นบนพระเจดีย์ เสด็จลงทรงพระดำเนินด้วยพระบาท

ขึ้นไปพระเจดีย์แล้วเสด็จที่ประทับที่พลับพลา...

แล้วชี้พระหัดถ์ตรัสถามพระสุนทรนุรักษ์...  

แล้วถามถึงพระเจดีย์ที่เขาค่ายม่วง องค์ว่ามีมาแต่โบราณฤๅ
พระสุนทรนุรักษ์ทูลว่า   พระเจดีย์ข้างอุดรของสมเด็จองค์ใหญ่
เจดีย์ข้างทักษิณของสมเด็จองค์น้อย
 
ป้อมที่ริมน้ำเขาค่ายม่วงสมเด็จองค์ใหญ่ทำพร้อมกับพระเจดีย์บนเขา
แต่ป้อมที่เขาแดงมีมาแต่ก่อน  

Big Beach

พงศาวดารเมืองสงขลา ฉบับ พระยาวิเชียรคิรี (ชม) 


เดิมครั้ง ๑  เมืองสงขลาเปนเมืองแขก ตั้งอยู่ริมเขาแดง เจ้าเมืองชื่อสุลต่านสุเลมัน ๆ 
ได้สร้างป้อมขุดคูเมืองแลจัดแจงสร้างบ้านเมืองเสร็จแล้ว  ยอมขึ้นกับกรุงศรีอยุธยาโบราณ 
ครั้นสุลต่านสุเลมันถึงแก่อนิจกรรมแล้ว   บุตรแลหลานคนหนึ่งคนใดก็ไม่ได้เปนผู้ครองเมืองสืบตระกูลต่อไป 
เมื่อสุลต่านสุเลมันสร้างบ้านเมืองขึ้นนั้นไม่ปรากฏว่าศักราชเท่าใด  ตั้งแต่สุลต่านสุเลมันถึงอนิจกรรมแล้ว เมืองก็รกร้างว่างเปล่าอยู่ช้านาน    แต่ป้อมที่ฝังศพสุลต่านนั้นราษฎรเรียกกันว่ามรหุม ต่อมาจนทุกวันนี้


               ครั้น ณ วันเดือนห้า ขึ้นค่ำหนึ่ง ศักราช ๑๑๙๔  ปีมโรง จัตวาศก  โปรดเกล้า ฯ  ให้เจ้าพระยาพระคลังที่สมุหพระกลาโหมเปนแม่ทัพ  ยกกองทัพเรือออกมาถึงเมืองสงขลา  ตั้งค่ายมั่นอยู่ที่ตำบลบ้านบ่อพลับ...
   
...จัดราชการเมืองตานี   เมืองหนองจิก    เมืองยะลา   เมืองรามันห์    เปนปรกติเรียบร้อยแล้ว   
เจ้าพระยาพระคลังแม่ทัพใหญ่ยกกองทัพกลับเข้ามาพักอยู่ที่เมืองสงขลา    แลได้สถาปนาพระเจดีย์ไว้บนยอดเขาเมืองแห่งหนึ่งเสร็จแล้ว  จึ่งยกกองทัพกลับเข้าไป ณกรุงเทพ ฯ 

Big Beach

พงศาวดารเมืองสงขลา ฉบับเจ้าพระยาวิเชียรคิรี(บุญสังข์)

               ครั้น ณ วันเดือนหกปีเถาะตรีศก  โปรดเกล้าโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เกณฑ์ทัพ เจ้าพระยาพระคลังว่าที่สมุหพระกระลาโหมเปนแม่ทัพใหญ่ยกออกมาถึงเมืองสงขลา
               ณ วันเดือนห้า ขึ้นสี่คำ ลุศักราช ๑๑๙๔  ปีมโรงจัตวาศก ตั้งทำเนียบที่บ่อพลับ ...

... เสร็จราชการแล้ว  ฯพณฯแม่ทัพใหญ่กลับเข้ามา ณ เมืองสงขลา  จัดแจงก่อพระเจดีย์ไว้ที่เขาเมืองสงขลาองค์หนึ่ง กับทำเก๋งไว้ริมน้ำชายทเลค่ายม่วงไว้แห่งหนึ่ง  เสร็จแล้วกับเข้าไปกรุงเทพฯ


ณ วันเดือนหกศักราช ๑๒๐๑ ขึ้นแปดค่ำปีเอกศก

ขึ้นตั้งทำเนียบอยู่ที่บ่อพลับ ...

...พระยาศรีพิพัฒน์แม่ทัพใหญ่ได้ก่อพระเจดีย์ที่เขาเมือง ข้างฝ่ายทักษิณพระเจดีย์เก่าหนึ่งแล้วได้ยกที่พะโคะเขตรแดนเมืองพัทลุงให้มาเปนแขตรแดนแขวงเมืองสงขลา เสร็จราชการแล้วพระยาศรีพิพัฒน์กลับเข้าไปกรุงเทพฯ 

Big Beach

พงศาวดารเมืองสงขลา ฉบับเจ้าพระยาวิเชียรคิรี(บุญสังข์)

               ครั้น ณ วันเดือนหกปีเถาะตรีศก  โปรดเกล้าโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เกณฑ์ทัพ เจ้าพระยาพระคลังว่าที่สมุหพระกระลาโหมเปนแม่ทัพใหญ่ยกออกมาถึงเมืองสงขลา
               ณ วันเดือนห้า ขึ้นสี่คำ ลุศักราช ๑๑๙๔  ปีมโรงจัตวาศก ตั้งทำเนียบที่บ่อพลับ ...

... เสร็จราชการแล้ว  ฯพณฯแม่ทัพใหญ่กลับเข้ามา ณ เมืองสงขลา  จัดแจงก่อพระเจดีย์ไว้ที่เขาเมืองสงขลาองค์หนึ่ง กับทำเก๋งไว้ริมน้ำชายทเลค่ายม่วงไว้แห่งหนึ่ง  เสร็จแล้วกับเข้าไปกรุงเทพฯ


ณ วันเดือนหกศักราช ๑๒๐๑ ขึ้นแปดค่ำปีเอกศก

ขึ้นตั้งทำเนียบอยู่ที่บ่อพลับ ...

...พระยาศรีพิพัฒน์แม่ทัพใหญ่ได้ก่อพระเจดีย์ที่เขาเมือง ข้างฝ่ายทักษิณพระเจดีย์เก่าหนึ่งแล้วได้ยกที่พะโคะเขตรแดนเมืองพัทลุงให้มาเปนแขตรแดนแขวงเมืองสงขลา เสร็จราชการแล้วพระยาศรีพิพัฒน์กลับเข้าไปกรุงเทพฯ 

Singoraman

ป้อมปืนแห่งนี้ ดูเหมือนจะเป็นป้อมปืนหมายเลข ๘ (ถ้าผิดขออภัย)
ผมขึ้นไปทุกครั้งที่นำ "ลูกทัวร์" ไปทัศนศึกษา ยัง "สิงขระนคร"
จำได้ว่าเดิม ณ ป้อมปืนแห่งนี้ มีต้นโหนดอยู่ ๑ ต้นด้วย มีภาพ แต่หาไม่พบที  (โหยะ )
ณ เวลานี้ ต้นโหนดต้นนั้น ตายไปนานแล้ว เป็นอุทาหรณ์ ว่าคนเราไม่ควรอยู่คนเดียว ต้องมีกัลยาณมิตรร่วมสังคมด้วย อายุจึงจะยืนยาว
เช่นพี่น้องชาว "แต่แรก" ในกิมหยงดอทคอม
เรื่องที่คุยคือ จำได้ว่า เดิมปืนใหญ่กระบอกนี้ถูกฝังอยู่ใต้ดิน ณ จุดที่วางในปัจจุบัน
ปี ๒๕๒๕ มีการฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี เมืองสงขลาได้บูรณะโบราณสถานย่านหัวเขาแดง จึงขุดค้นพบปืนกระบอกนี้
ครั้งนั้น ผอ.ธราพงศ์ + อ.อมรา ศรีสุชาติ ยังอยู่หน่วยศิลป์ที่สงขลา  จำได้ว่าตอนขุดขึ้นมามีลวดสลิง พันอยู่รอบกระบอกปืน ๑ เส้น
จากนั้นจึงนำปืนมาวางแสดง ณ ที่ปัจจุบัน โดยทำฐานซีเมนต์สำหรับวางปืนให้สวยงาม
แต่ตอนนี้ ปืนถูกมือไม่ดี เคลื่อนย้ายออกจากฐานเสียแล้ว เค้เก้ อยู่บนฐาน
ส่วนข้อมูลอื่น ๆ ตามที่ คุณ บิ๊กบีช ได้ว่าไว้ครับ

Big Beach

ขอบพระคุณท่าน Singoraman สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมครับ

สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) (พ.ศ. 2331 - พ.ศ. 2398) ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินในรัชกาลที่ 4

รับราชการเป็นมหาดเล็กในรัชกาลที่ 1 รับพระราชทานตำแหน่งเป็นนายสุดจินดาหุ้มแพรมหาดเล็ก ได้รับการเลื่อนตำแหน่งตามลำดับ จนถึงรัชกาลที่ 4 จึงได้เลื่อนขึ้นเป็น "สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์" คนทั่วไปนิยมเรียกว่า "สมเด็จเจ้าพระยาองค์ใหญ่" (เรียกสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ น้องชายของท่านว่า "สมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย")

สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ เป็นสมเด็จเจ้าพระยาองค์แรกของกรุงรัตนโกสินทร์ มีหน้าที่สำเร็จราชการแผ่นดิน ดูแลต่างพระเนตรพระกรรณทั่วทั้งพระราชอาณาจักร ใช้ตราสุริยมณฑลเทพบุตรชักรถ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งตระกูลบุนนาค
ท่านเป็นผู้สร้างวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร

อ้างอิง : (ข้อมูล ณ วันที่ 14 มกราคม 2553)

http://th.wikipedia.org/wiki/สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์_(ดิศ_บุนนาค)

[attach=1]
[attach=2]
http://www.bunnag.in.th/history6-ditbunnag.html

๘. เจ้าพระยาพระคลังว่าที่ สมุหพระกลาโหม (ดิศ บุนนาค)สมุหพระกลาโหม  พ.ศ.๒๓๗๓ -
http://www.mod.go.th/sana.html

หม่องวิน มอไซ

พี่ Big Beach อ่านพงศาวดารเก่งจังครับ
ผมอ่าน ๆ ไปตาลายและมึน
ถนัดอ่านรายงานประจำปีมากกว่าครับ  ;D

Big Beach

อ้างจาก: หม่องวิน มอไซ เมื่อ 21:21 น.  14 ม.ค 53
พี่ Big Beach อ่านพงศาวดารเก่งจังครับ
ผมอ่าน ๆ ไปตาลายและมึน
ถนัดอ่านรายงานประจำปีมากกว่าครับ  ;D

ขอบคุณครับ
หามิได้ครับ ยังรู้อะไรไม่เท่าไหร่เลย แค่งูๆ ปลาๆ ระดับมือสมัครเล่นธรรมดาๆ คนนึงเท่านั้นเองครับ

จะว่าไปแล้ว วิชาประวัติศาสตร์นี่ สมัยเด็กไม่ชอบเอาเสียเลย
สงสัยจะเหมือนที่คนโบราณกล่าวเอาไว้ เกลียดอะไรมักจะได้สิ่งนั้น พอได้พงศาวดารมา อ่านรวดเดียวจบไม่มีหยุดพักกินข้าวเลย

ดูเหมือนจะมีฉบับนึงที่อ.หม่อง กล่าวไว้ในกระทู้ (จำไม่ได้) ผมยังไม่มีและยังไม่เคยอ่าน
รวมถึงฉบับเ้จ้าพระยาทิพากรวงศ์ ยังไม่มีและไม่เคยอ่านเช่นกันครับ
อยากได้ทุกฉบับเลย จะได้เอามาเทียบเคียงกัน เพราะเชื่อว่าคงจะมี Bug พอสมควร ถ้ามีหลายฉบับจะได้เอามาสอบทานกันได้ เป็นการ deBug ไปในตัว
นอกจากนั้นแล้ว ฉบับบุญสังข์ ต้นฉบับยังขาดหายไปบางตอน ประกอบกับคนพิมพ์พิมพ์ผิดไปพอสมควร ครั้นผมจะแก้ก็ไม่แน่ใจว่าเปนคำโบราณหรือไม่ เช่น "เข้าสาร" "ทุติยาสาธ" "ทุติยาสาธุ" (ไม่ทราบว่าแปลว่าอะไร)  มีอีกหลายอย่าง แต่ไม่ได้จดเอาไว้
ฉบับ วิเชียรชม ดูเหมือนว่าผ่านการชำระมาบ้างแล้ว จึงไม่ค่อยพบข้อบกพร่อง แต่ดูเหมือนจะสั้น/รวบรัดไปหน่อย

Singoraman

ผมไม่ทราบจริง ๆ Bug และ de Bug คืออะไร
(ที่ใช้คอมฯ อยู่นี่ประเภทจิ้มดีดครับ เด็กรำคาญจะตายแล้ว ถามได้ทุกวัน)
ส่วนคำในพงศาวดาร ต้องดูบริบทด้วยครับ

Big Beach

อ้างจาก: Singoraman เมื่อ 09:14 น.  15 ม.ค 53
ผมไม่ทราบจริง ๆ Bug และ de Bug คืออะไร
(ที่ใช้คอมฯ อยู่นี่ประเภทจิ้มดีดครับ เด็กรำคาญจะตายแล้ว ถามได้ทุกวัน)
ส่วนคำในพงศาวดาร ต้องดูบริบทด้วยครับ

ขอบคุณมากครับ

นานมาแล้ว...
สมัยเพิ่งมีคอมพิวเตอร์ใหม่ๆ มีอยู่วันหนึ่งเครื่องเสีย เจ้าหน้าที่เปิดเครื่องดูก็พบว่ามี แมลงปีกแข็ง (Bug) อยู่ภายใน
สมัยต่อๆ มาเวลาเครื่องมีปัญหา(ปกติมักจะหมายถึงปัญหาจาก Software ) เขาก็เลยเรียกปัญหานั้นว่า "Bug" การแก้ปัญหา ดังกล่าว ก็เปรียบกับการเอา "แมลงปีกแข็ง" ออกไปจึงเรียกว่า "deBug" ครับ

ในที่นี้ผมเปรียบเปรยไปถึงข้อ บกพร่อง/คลาดเคลื่อน ในพงศาวดารครับ
ผู้บันทึกอาจจะบันทึกคลาดเคลื่อนไป
หรือบันทึกถูก แต่คนพิมพ์ลงใน text editor พิมพ์ผิด
บางทีในกระบวนการบันทึก ใช้การสอบถามผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล ซึ่งผู้ให้ข้อมูลก็อาจจะลืมไปแล้วจึงให้ข้อมูลผิดมา เช่น  เรื่องของ "พระเจ้าดอกเดือ"  เป็นต้น (ถ้าคิดหลายตลบ จะเป็นว่า ผู้เล่าจำผิด หรือว่าอาจจะเป็นอีกชื่อหนึ่ง หรือ ฉายาหนึ่ง หรือ เป็น สัญลักษณ์ประจำประพระองค์ ของพระเจ้าเอกทัศน์ก็ได้)
ฯลฯ

จึงทำให้อยากเห็นฉบับ Original ที่บันทึกลงในใบลานหรือกระดาษเดิมๆ จริงๆ ครับ

พี่

bugเป็นคำศัพท์คอมพิวเตอร์ หมายถึง

ปัญหาที่เกิดขึ้นกับโปรแกรมอันเนื่องมาจากคำสั่งในโปรแกรมนั้นเอง ซึ่งทำให้การทำงานของโปรแกรมไม่ถูกต้อง มีข้อผิดพลาด หรือไม่ราบรื่นเท่าที่ควร นอกจากปัญหาเกี่ยวกับโปรแกรมแล้ว อาจเป็นปัญหาเกี่ยวกับตัวเครื่องก็ได้ คำนี้มาจากคำ bug ที่แปลว่า ตัวด้วง ตัวแมลง ที่ชอบทำให้คอมพิวเตอร์สมัยก่อนเสีย (เกิดการลัดวงจรขึ้น) การแก้ไขจุดบกพร่องของโปรแกรม จึงใช้คำว่า "debug

• ประวัติ : สมัยก่อนคอมพิวเตอร์มีขนาดใหญ่ เรียกว่าใหญ่เท่าห้องทำงานเลยทีเดียว อยู่มาวันหนึ่ง คอมพิวเตอร์เกิดทำงานผิดพลาด วิศวกรผู้ดูแล ต้องใช้เวลาค้นหาอยู่นาน ก็ไม่พบสาเหตุ จนกระทั่ง มีวิศวกรคนหนึ่งถึงกับเข้าไปตรวจสอบภายในของเครื่อง จึงพบว่ามีแมลงตกไปอยู่ในเครื่องตัวหนึ่ง ซึ่งแมลงภาษาอังกฤษคือคำว่า "BUG" ดังนั้นเราจึงใช้คำว่านี้เรียกการทำงานของ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีปัญหาว่า "BUG"

**********************
ค้นมาจากเว็บ YAHOO รอบรู้

ความหมายของคุณ Big Beach  คาดว่าคงต้องการพงศาวดารเมืองสงขลาจากหลาย ๆ ฉบับ มาเทียบเคียง มาสอบทาน มาชำระ นั่นอง

Singoraman

ขอบคุณมากครับ
เรื่องการบันทึกผิดหรือคลาดเคลื่อน หรือภาษาแต่แรก ครั้งนั้น ๆ
เป็นเรื่องที่ผมสนใจมานาน สนุกครับเรื่องนี้ ตีความกันไปต่าง ๆ นานา
เช่น  "น้ำตาลิงน้ำพิงกะได"  เป็นต้น
ภาษาในบันทึกประเภทนี้พบมากครับ
ผมเห็นด้วยอยากเห็นจากต้นฉบับจริงๆ
ยกตัวอย่างคำว่า
"ทเววิเชียรรัถยา" และ "เทววิเชียรรัถยา" เป็นต้น

Big Beach

อ้างจาก: Singoraman เมื่อ 09:58 น.  15 ม.ค 53
ขอบคุณมากครับ
เรื่องการบันทึกผิดหรือคลาดเคลื่อน หรือภาษาแต่แรก ครั้งนั้น ๆ
เป็นเรื่องที่ผมสนใจมานาน สนุกครับเรื่องนี้ ตีความกันไปต่าง ๆ นานา
เช่น  "น้ำตาลิงน้ำพิงกะได"  เป็นต้น
ภาษาในบันทึกประเภทนี้พบมากครับ
ผมเห็นด้วยอยากเห็นจากต้นฉบับจริงๆ
ยกตัวอย่างคำว่า
"ทเววิเชียรรัถยา" และ " เทววิเชียรรัถยา "  เป็นต้น

ขอบคุณ ท่านพี่ และ ท่านSingoraman ครับ


พงศาวดารเมืองสงขลา ฉบับ พระยาวิเชียรคิรี (ชม) 

...แลให้หลวงบริรักษ์ภูเบศร์ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา เปนกองส่งเสบียงอาหารอยู่ที่ตำบล ท่าหาดใหญ่       
แล้วพระยาสงขลารีบกลับลงมาจัดการในกลางเมืองสงขลา แต่งให้หลวงยกรบัตรคุมไพร่   ๓๐๐  คนไปตั้งค่ายมั่นอยู่ที่ตำบลปลักแรด ในระหว่าง เขาสำโรง แล เขาลูกช้าง  ซึ่งเดี๋ยวนี้เรียกว่า ทเววิเชียรรัถยา   นั้นค่ายหนึ่ง แลที่ตำบลวัดเกาะถ้ำค่ายหนึ่ง ที่ตำบลเขาเก้าเส่งริมทเลค่ายหนึ่งเสร็จแล้ว...

Big Beach

พงศาวดารเมืองสงขลา ฉบับ พระยาวิเชียรคิรี (ชม)

              ครั้น ณ ปีกุญตรีศก  ศักราช ๑๑๕๓  ...
...ทัพพระยาตานียกมาตั้งอยู่ที่ริมเขาสะโมรง  หลัง เขาลูกช้าง  พระยาสงขลา (บุญหุ้ย)   เกณฑ์ไพร่ไปตั้งค่ายรับอยู่ริม คลองสะโมรง แล้วมีใบบอกเข้าไปกราบบังคมทูลพระกรุณาขอกองทัพหลวงมาช่วยฉบับหนึ่ง

Big Beach

ฉบับเดียวกันแท้ๆ

พงศาวดารเมืองสงขลา ฉบับ พระยาวิเชียรคิรี (ชม)

              ครั้น ณ ปีกุญตรีศก  ศักราช ๑๑๕๓  ...
...ทัพพระยาตานียกมาตั้งอยู่ที่ริมเขาสะโมรง  หลัง เขาลูกช้าง  
พระยาสงขลา (บุญหุ้ย)   เกณฑ์ไพร่ไปตั้งค่ายรับอยู่ริม คลองสะโมรง
แล้วมีใบบอกเข้าไปกราบบังคมทูลพระกรุณาขอกองทัพหลวงมาช่วยฉบับหนึ่ง

Thanakorn P.

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ครับ
และก็จะเป็นประโยชน์แก่คนรุ่นหลัง
การถ่ายภาพคือ การบันทึกความทรงจำ