ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

5 ปี คดี'ที่ดินรัชดา'ความเหมือนที่แตกต่าง กับโอกาสกลับบ้านของ'ทักษิณ'

เริ่มโดย itplaza, 11:11 น. 21 ต.ค 56

itplaza


ย้อนกลับไปในวันนี้ เมื่อ 5 ปีก่อน (21 ตุลาคม 2551) ในวันนั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดย นายทองหล่อ โฉมงาม ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา พร้อมองค์คณะ ได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีประวัติศาสตร์"ทุจริตซื้อขายที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก"จำนวน 33 ไร่ มูลค่ากว่า 772 ล้านบาท ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ปัจจุบันกลับไปใช้นามสกุล "ณ ป้อมเพชร"  เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ตามลำดับ

ในความผิดฐาน เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมกันเป็นคู่สัญญา หรือมีส่วนได้ส่วนเสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐ ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี และเป็นเจ้าพนักงาน และผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4 มาตรา 100 และ 122, ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 86, 91, 152 และ 157 ซึ่งท้ายคำฟ้อง อัยการสูงสุด ขอศาลมีคำสั่งให้ยึดที่ดินและเงินที่ซื้อที่ดินอันเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิด ให้ตกเป็นของแผ่นดิน


ผลของคดีจบลงอย่างไร คนไทยทั้งประเทศก็รับทราบกันดีอยู่แล้ว ก็อย่างที่ทราบกัน ผลคำตัดสินที่เกิดขึ้นทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือ นายใหญ่แห่งพรรคเพื่อไทย พี่ชาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในปัจจุบัน ไม่สามารถกลับสู่อ้อมอกแผ่นดินแม่ได้อีก และยังถูกศาลฯ ออกหมายจับติดตัวจนถึงทุกวันนี้

หากย้อนรอยคำพิพากษาคดีประวัติศาสตร์ที่ดินรัชดาในครั้งนั้น บางช่วงบางตอน เชื่อว่า ช่วงหนึ่งที่ศาลอ่านคำพิพากษา และยังเป็นที่จดจำของพี่น้องประชาชนแน่นอนว่า แม้แต่ตัว พ.ต.ท.ทักษิณ เอง ถึงตอนนี้ก็คงยังจำได้ ไม่มีทางลืมเลือน

"เมื่อไต่สวนรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นถึงนายกรัฐมนตรี แต่กลับกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายทั้งที่เป็นหัวหน้ารัฐบาลซึ่งต้องกระทำตัวให้ เป็นแบบอย่างและประพฤติตนดีงามตามจริยธรรมของนักการเมือง จึงไม่สมควรให้รอการลงโทษ พิพากษาให้มีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 100 ให้ลงโทษจำคุก 2 ปี ส่วนความผิดฐานอื่นให้ยก และให้ยกเลิกหมายจับจำเลยที่ 2 และออกหมายจับจำเลยที่ 1 มารับโทษต่อไป"

มาดูประเด็นที่ศาลฯ ยกขึ้นมาวินิจฉัยความผิด และพิจารณาโทษ คือ ศาลฯ เห็นว่า จำเลยที่ 1 (พ.ต.ท.ทักษิณ) กระทำผิด ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 100 ฐานเป็นผู้นำรัฐบาลไม่ปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาลและจริยธรรมนักการเมือง โดย ศาลฯ เห็นว่า จำเลยกระทำผิดจริง โดยศาลฯ ลงมติด้วยคะแนน 5-4

ส่วนจำเลยที่ 2 (คุณหญิงพจมาน) ไม่มีความผิดในประเด็นนี้ เพราะในกฎหมายฉบับเดียวกัน มาตรา 122 ระบุ ไว้ชัดเจนว่า ให้ลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐตามมาตรา 100 แต่ไม่รวมถึงคู่สมรส


"หากพิจารณาตามหลักธรรมาภิบาล คนที่เป็นนายกรัฐมนตรี รวมถึงภรรยาและบุตร ไม่สมควรซื้อทรัพย์สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เพราะการขายทรัพย์สินได้ราคามากหรือน้อย ย่อมมีผลต่อสถานะทางการเงินของกองทุนฯ ซึ่งนายกรัฐมนตรีดูแลรับผิดชอบอยู่ การที่จำเลยที่ 2 (คุณหญิงพจมาน) ซึ่งเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปว่าเป็นภรรยาของนายกรัฐมนตรีเข้ายื่นประมูลซื้อ ที่ดินอันเป็นทรัพย์สินของกองทุนฟื้นฟูฯ จึงเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวมโดยชัดแจ้ง" คำพิพากษาอีกตอนหนึ่ง

ส่วนประเด็นการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 หรือไม่? ศาลเห็นว่า โจทก์ยังไม่มีพยานหลักฐานที่หนักแน่นเพียงพอ ที่จะชี้ความผิดของ จำเลยที่ 1 ดังกล่าว การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นความผิด และเมื่อจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดตามมาตรานี้ จำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดด้วยเช่นกัน

ส่วนที่โจทก์ฟ้องให้ริบที่ดินและเงิน ซึ่งเป็นทรัพย์พิพาทนั้น ศาลเห็นที่ดินไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด และเงินที่ชำระก็ไม่ใช่ทรัพย์สินที่พิพาท จึงไม่ต้องริบทั้งเงินและที่ดิน

ทั้งหมด คือ ใจความสำคัญของคำพิพากษาคร่าว ๆ ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งมาถึงวันนี้ก็เป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว ในคดีทุจริตที่ดินรัชดา จากวันนั้นถึงวันนี้  สถานการณ์การเมืองในขณะนี้ กับตอนนั้น ก็ต้องยอมรับว่า"ต่างกันราวฟ้ากับเหว" ช่วงนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องหลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ และถูกบีบจนหนทาง มองดูตีบตันไปหมด ต้องสู้แบบยิบตา

มาถึงตอนนี้ ทักษิณก็ยังต้องอยู่ต่างประเทศ แต่พรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้งใหญ่ปี 2554 ส่งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ น้องสาวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิง คนแรกในประวัติศาสตร์ประเทศไทย และครองอำนาจรัฐ หลังจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เหมือนติดลมบน ปฏิเสธไม่ได้ว่า กลายเป็นผู้อุปการะหลักและเป็นผู้อยู่เบื้องหลังรัฐบาลพรรคเพื่อไทย

หนทางข้างหน้า ที่เคยดูยังไงก็ตีบตัน ไม่รู้ว่า จะไปทางไหน ตอนนี้ก็ค่อย ๆ เปิดโล่ง พิสูจน์ได้จากการที่พรรคเพื่อไทย กล้าเดินหน้ายุทธศาสตร์ ผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แบบไม่ใช่ "สุดซอย" แต่ถึงขั้น "ทะลุซอย" เลิกเหนียมอาย กล้า ๆ กลัว ๆ


ไม่เช่นนั้น นายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ รองประธานคณะกรรมาธิการฯ เสียงข้างมาก จากพรรคเพื่อไทย จะกล้าเสนอแก้เนื้อหา ให้ "นิรโทษกรรม" การกระทำความผิดของบุคคลหรือประชาชนที่เกี่ยว เนื่องกับการชุมนุม การแสดงออก หรือ ความขัดแย้งทางการเมือง และรวมถึงผู้ที่ถูกกล่าวหาว่า กระทำผิดโดยคณะบุคคล หรือ องค์กรที่จัดตั้งขึ้น ภายหลังการรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 รวมถึงองค์กร หรือ หน่วยงานที่ดำเนินเรื่องดังกล่าวสืบเนื่องต่อมา ที่เกิดระหว่าง พ.ศ. 2547 ถึง 8 ส.ค.2556 แต่ไม่รวมถึงการกระทำความผิดตามประมวลอาญามาตรา 112 หรือ??

แม้กระทั่งฝ่ายค้าน จะทักท้วงว่า การทำเช่นนี้เป็นการจงใจจะล้างความผิดให้"ทักษิณ"ในคดีซุกหุ้น ที่ถูก คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวหา จนศาลฯ มีคำสั่ง ยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท ถึงขั้นนายอภิสิทธิ์ ออกมาทักดัง ๆ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะหลุดจากคดีคอร์รัปชัน เพราะ นิรโทษกรรม เชื่อมโยงการพิจารณาคดีของ คตส. ซึ่งสุดท้ายต้องมีการคืนเงิน 46,000 ล้านบาท ที่ยึดมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้ง อาจมีการเรียกดอกเบี้ย ระยะเวลา 3 ปี ประมาณ 4,000 ล้านบาท คืนก็ตาม แต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายหลังการอภิปรายฯ อย่างกว้างขวาง กรรมาธิการฯ ส่วนใหญ่เห็นชอบ ตามข้อเสนอของนายประยุทธ์

ชัดเจน เกมเดินมาถึงจุดที่ รัฐบาล พร้อมเผชิญแรงกดดันทุกรูปแบบ มั่นใจ ในความแข็งแกร่ง ขอเปิดหน้าวัดใจกับฝ่ายต่อต้านแล้ว หากสุดท้ายไปต่อไม่ได้จริง ๆ ก็พร้อมยุบสภาฯ เลือกตั้งกลับมาใหม่ นั่นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ "ดีดลูกคิดรางแก้ว" แล้ว มั่นใจว่า อย่างไรเสีย ฝ่ายตนก็ได้เปรียบทั้งขึ้น ทั้งล่อง มีทั้งอำนาจรัฐ แถมตุนเสียงกรังไว้พร้อมสรรพ

"เมื่อโอกาสเข้ามาใกล้ นายใหญ่มีโอกาสกลับบ้านได้ โดยไม่มีความผิด มีหรือ คนอย่าง"ทักษิณ"จะปล่อยให้หลุดลอยไปง่าย ๆ ก็ต้องลองแหย่ดู หากผ่านสะดวกโยธินก็เลยตามเลย หรือถ้าไม่ผ่านก็มีทางเลือกให้ถอยมาตั้งหลัก หรือถ้าถึงขั้นที่สุดแล้ว ฝ่าไม่ผ่านแนวต้านหนักจริง ๆ ก็ ยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่"

แต่ที่ดูแล้ว รัฐบาลต้องระวังตัวไว้ให้ดี คือ กรณี ศาลโลกนัดตัดสินคดี "เขาพระวิหาร" ระหว่างไทย-กัมพูชา วันที่ 11 พ.ย.นี้ ระวังสถานการณ์จะเข้าทางฝ่ายตรงข้าม เข้ามาจุดติดกระแส หากศาลโลกตัดสินอะไรที่ไม่เป็นผลดีต่อประเทศไทย แต่ถ้าไม่กระทบ ก็เชื่อว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็พอจะคุมสถานการณ์ผ่านพ้นไปได้


ก็ไม่อยากให้การเมืองในประเทศไทย เป็นไปเหมือนกับที่ นายบุญเลิศ ไพรินทร์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคประชาธิปัตย์ เจ้าของฉายา "โหรสภาสูง" ทัก "ดวงเมืองช่วงนี้  6 ต.ค.-26 พ.ย. ดาวอังคารโคจรอยู่ในราศีสิงห์ ทำมุมร้ายแก่ดวงเมืองที่ราศีเมษ ร่วมกับดาวเสาร์และราหู ที่โคจรอยู่ในราศีตุลย์ ที่เล็งลัคนาดวงเมือง อยู่ที่ราศีเมษทั้งหมดถือเป็นดาวบาปเคราะห์ ที่ร่วมกันกลุ้มรุมทำร้ายดวงเมืองกรุงเทพฯ ส่งผลทำให้บ้านเมือง เกิดความวุ่นวาย ขัดแย้ง ถึงขนาดสั่นสะเทือนจนเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จนถึงขั้นเลือดตกยางออก หรือนำไปสู่การนองเลือดได้ ซึ่งจะร้ายแรงกว่าช่วงเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 16 ที่ตอนนั้น มีเพียงราหูดวงเดียว ส่วนดวง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หากเป็นตามที่โหรคนอื่นระบุไว้ว่า เกิดในราศีพิจิก ก็ถือเป็นช่วงดวงไม่ดี ไม่มีดาวดีให้คุณ"

ก็ขอให้ประเทศไทย ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี อย่าให้ต้องถึงขั้น"เลือดตกยางออก"หรือ"สูญเสียดินแดน"เลย...เพี้ยง!

ขอบคุณเนื้อหา : ไทยรัฐ
ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=30535&page=1


นายไข่นุ้ย

DO YOU KNOW ME? I AM A CAT 28 YEARS. AND YOU?    แมวแท้สู (แมวยิ้ม)