สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน คาดการณ์ตัวเลขยอดขายปีหน้าโตขึ้น 7%

[หาดใหญ่ใหม่]

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ http://www.manager.co.th/

สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน คาดตัวเลขยอดขายเฉพาะสมาชิกสิ้นปีนี้เติบโตกว่า 7,500 ล้านบาท ในปี 2557 เผย 3 ไตรมาสยอดขายพุ่งต่อเนื่องสวนทางตลาดรวม มองปี 2558 ยอดขายโตไม่ต่ำกว่า 7% ระบุความเชื่อมั่นผู้บริโภคสูงขึ้น เตรียมเปิดตัว E-Library พร้อมเดินหน้าโครงการ "ทวิภาคี-คุณวุฒิวิชาชีพ" เสริมศักยภาพสมาคมฯ ให้กลายเป็นศูนย์กลางข้อมูลธุรกิจรับสร้างบ้านอย่างครบถ้วนทุกรูปแบบ
       [attach=1]
       นายวิสิฐษ์ โมไนยพงศ์ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ผลสรุปยอดทำสัญญารวมของกลุ่มตัวอย่าง 30 บริษัทที่เป็นบริษัทสมาชิกของสมาคมฯ ในจำนวนทั้งหมด 52 บริษัท ในไตรมาส 3/2557 ที่ผ่านมา มีมูลค่า 1,708 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 1/2557 และไตรมาสที่ 2 /2557 ซึ่งมียอดทำสัญญาที่มีมูลค่า 1,226 และ 1,357 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งหากรวมตัวเลขทั้ง 3 ไตรมาสของกลุ่มตัวอย่าง 30 บริษัทดังกล่าว จะมีมูลค่า 4,291 ล้านบาท ดังนั้น หากรวมไตรมาสที่ 4 และรวมมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านทั้งสมาคมฯ คาดว่าจะมีตัวเลขยอดขายรวมของสมาชิกสมาคมฯ ได้ตามเป้าที่ 7,500 ล้าน
       
       ทั้งนี้ ในไตรมาสแรก และ 2 ยอดขายจะไม่สูงมากผลจากความไม่แน่ใจในสภาพของสถานการณ์บ้านเมือง จนเมื่อไตรมาสที่ 3 จากสถานการณ์การเมืองที่นิ่งมากขึ้น พร้อมกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายของสมาชิกในช่วงที่สมาคมจัดกิจกรรม Home Builder Expo 2014 ประกอบกับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่สูงขึ้น สะท้อนความต้องการที่แท้จริงของตลาด แม้ว่าภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านปีนี้มีปัจจัยที่ส่งผลกระทบหลายปัจจัย แต่ดูตัวเลขยอดขายที่แท้จริงใน 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ยังคงเติบโตดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556 ขณะที่ไตรมาส 4/2557 แม้ว่าสถานการณ์จะยังไม่ฟื้นตัวกลับมาคึกคักอย่างที่ควรจะเป็น แต่ยังคงมั่นใจว่ายอดขายทั้งปีจะยังคงมูลค่ารวมของตลาดรับสร้างบ้านที่ 11,500 ล้านบาท ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้
       
       "เชื่อว่าถ้ารัฐเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในปี 2558 ความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายของผู้บริโภคจะปรับตัวดีขึ้นมากกว่าปีนี้ โดยมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคโดยตรง ทั้งความกังวลจากการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ย และค่าเงิน โดยมองตัวเลขการเติบโตของยอดขายเฉพาะบริษัทสมาชิกในส่วนมูลค่าตลาดรวมทั้งอุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้น 7% เป็นอย่างน้อย" นายกสมาคมฯ กล่าว
       
       นอกจากนี้ นายวิสิฐษ์ ได้กล่าวว่า สมาคมฯ ยังคงเดินหน้าพันธกิจตามยุทธศาสต์ 8 หลัก ตามที่ประกาศนโยบายไว้เมื่อต้นปี 2557 ซึ่งกระบวนการในปี 2558 จะมีความเข้มแข็ง และเห็นผลชัดเจนมากขึ้น โดยจะเห็นภาพลักษณ์สมาคมฯ กลายเป็นศูนย์กลางรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจรับสร้างบ้านอย่างครบถ้วนทุกรูปแบบการบริการ ซึ่งจะเป็นการพลิกโฉมการให้บริการรับสร้างบ้านครั้งใหญ่ โดยสมาคมฯ จะนำเสนอให้เห็นภาพอย่างเป็นรูปธรรมในงาน Home Builder Focus 2015 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-15 มีนาคม 2558 นี้"
       
       พร้อมกันนี้ ในปี 2558 สมาคมฯ ยังให้ความสำคัญต่องานด้านวิชาการ ตลอดจนการเผยแพร่ความรู้ด้านการรับสร้างบ้านอย่างต่อเนื่อง โดยจะเปิดตัว E-Library บนเว็บไซต์ของสมาคมฯ ซึ่งจะเป็นศูนย์รวมข้อมูลของธุรกิจรับสร้างบ้านที่บุคคลทั่วไปสามารถเข้าไปสืบค้นได้อย่างละเอียดได้ในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังคงเดินหน้า 2 โครงการหลักตามยุทธศาสตร์ทุนมนุษย์ ได้แก่ โครงการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีสาขาวิชาช่างก่อสร้างระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) โดยสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ได้ให้ความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา ดำเนินกิจกรรมมากว่า 2 ปี และในปี 2558 จะเป็นรุ่นที่ 3 ในการรับเยาวชนภาคอาชีวศึกษาเข้าฝึกงาน และทำงานในบริษัทสมาชิก เพื่อความสำคัญในการเข้ามามีบทบาทในการยกระดับคุณภาพฝีมือแรงงานเพื่อการควบคุมการก่อสร้างให้มีคุณภาพในอนาคต และช่วยลดปัญหาการขาดแคลนแรงงานมีฝีมือให้แก่ตลาดรับสร้างบ้าน
       
       อีกหนึ่งโครงการ คือ โครงการร่างหลักสูตรมาตรฐานอาชีพผู้ควบคุมงานก่อสร้าง (วุฒิทางอาชีพ) ในระดับ 4-5 หรือเทียบเท่า ปวส.และปริญญาตรี โดยสมาคมฯ ได้รับคัดเลือกจากสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพให้เป็นผู้จัดทำหลักสูตรดังกล่าว ร่วมกับสำนักการอาชีวศึกษา และคาดว่าจะมีการจัดพิธีลงนามแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาสแรกปี 2558 ก่อนจะเริ่มดำเนินการร่างหลักสูตรทันที
       
       "ทั้งโครงการทวิภาคี และโครงการร่างหลักสูตรสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ถือเป็นไฮไลต์ของงานด้านวิชาการที่สะท้อนถึงความมีมาตฐานคุณภาพเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคให้แก่สมาคมฯ และเป็นโครงการที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนา และยกระดับมาตรฐานให้แก่ธุรกิจรับสร้างบ้านอย่างแท้จริงให้แก่ตลาดรับสร้างบ้าน เพื่อมุ่งสร้างผลประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้บริโภคในระยะยาว"