ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ทำดีแล้วโดนด่าไม่ทำห่าแล้วด่าคน สลิ่มแหลรัฐบาลเอาของบริจาคแป

เริ่มโดย ปชปหัวก้าวหน้า, 23:42 น. 23 ต.ค 54

ขุนศึก

อ้างจาก: แนต เมื่อ 11:46 น.  28 ต.ค 54
คุณ ขุนศึก คะ,, เค้าก็ต้องหาว่า ข่าวสด เป็นเสื้อเหลืองหล่าวแลคะ มันเป็น step แถ อะค่ะ

คือกรณีนี้ผมว่ามันไม่เกี่ยวกับสื่อสีเหลืองนะครับ เพราะคนที่ให้สัมภาษณ์มีตัวตนมียศตำแหน่งใส่เสื้อสีเขียว นามว่า "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ."

การที่ท่านบอกว่าเป็นเสต็ปแถนั้น ถ้าจะเป็นเรื่องจริงต้องถือว่าเป็นทฎษฎีแถที่มีการลงทุนสูงมากๆ

ขุนศึก

อ้างจาก: ปชปหัวก้าวหน้า เมื่อ 12:08 น.  28 ต.ค 54

ช่วยดูวันเดือนปี ที่พวกสลิ่ม กุเรื่องนี้ ก่อนดิ  เรื่องนี้ถูกสร้างมา สองถึงสาม อาทิตย์แล้ว จ๊ะ

ท่านอ่านข่าวดีหรือยังครับ ในข่าวได้บอกหรือครับว่าในหลวงทรงรับสั่งไว้วันที่เท่าไหร่ เป็นไปได้หรือไม่ที่ท่านทรงรับสั่งไว้ก่อนหน้าที่จะมีการสัมภาษณ์ผบ.ทบ.  เพราะเนื้อหาใจความไม่ได้แตกต่างกัน

ปชปหัวก้าวหน้า

เมื่ออคติขึ้นสมอง สกุลรุนชาติ ยศถาบรรดาศักดิ์ การศึกษา ไม่มีผล ไม่มีค่า ไม่มีความหมาย

วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7638 ข่าวสดรายวัน

อคติขึ้นสมอง

คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
สามขุม ผูกประเจียด

ดอนเมือง หมายถึง ที่สูงของเมือง ถูกน้ำท่วมถึงเรียบร้อย นั่นหมายความว่ากรุงเทพฯ ทั้งเมืองหนีน้ำท่วมไม่พ้น

ต้องยอมรับความจริง

ด้วยปัจจัยน้ำฝนมากเป็นประวัติศาสตร์ น้ำท่ามากเป็นประวัติการณ์ แล้วยังประเหมาะเคราะห์ร้ายเจอน้ำทะเลหนุนสูงสุดในรอบปีเข้าให้อีก

น้ำท่วมครั้งนี้จึงเป็นประวัติศาสตร์ เป็นประวัติ การณ์ ไม่เคยพบ ไม่เคยเห็น ไม่เคยเกิด

ต้องยอมรับความจริง

จากสถานการณ์จริง เหตุ การณ์จริงกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา ประชาชนส่วนใหญ่ยอมรับ เข้าใจความจริงที่เกิดขึ้น และเป็นอยู่

การตั้งความหวัง หรือกล่าวโทษรัฐบาล เป็นไปตามสถานการณ์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยเหตุ ด้วยผล

เพราะเวลานี้รัฐบาล โดยศปภ.ทุ่มเททำงานอย่างหนัก บรรดากูรูผู้รู้หลั่งไหลมาช่วยเหลืออย่างคึกคัก

เมื่อทำดีที่สุดแล้ว ได้แค่ไหนก็แค่นั้น

ต้องยอมรับความจริง

ท่ามกลางความจริงเรื่องน้ำท่วม ก็มีความจริงของบางคน บางกลุ่ม บางพรรค ที่เต็มไปด้วยอคติ แฝงไปด้วยความโกรธ เกลียด คับแค้น ชิงชัง

ไม่ยอมรับ ไม่สนใจความจริง

เพราะความจริงที่บางคน บางกลุ่ม บางพรรค ต้องการก็คือ

นายกฯ ยิ่งลักษณ์ต้องออกไป รัฐบาลยิ่งลักษณ์ต้องอยู่ไม่ได้ ศปภ.ต้องล้มเหลว

เพราะเต็มไปด้วยอคติ โกรธ เกลียด คับแค้น ชิงชัง นี่เอง คน กลุ่ม พรรคเหล่านี้ จึงมืด บอด ใบ้ ไม่มีเหตุผล ไม่สนความจริง

ตัวอย่าง เล็กๆ ก็เช่น คนระดับด๊อกเตอร์ ตำแหน่งใหญ่ระดับคณบดี เชื่อข่าวปล่อยทางเฟซบุ๊ก เรื่อง "สวนจิตร" ไม่พอ ยังนำมาขยายความต่อหน้าตาเฉย

คนระดับอาจารย์มหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศ ถึงขนาดปล่อยข่าวทำลายศปภ. ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ

หรือคนที่สถาปนาตัวเองเป็นไฮโซผู้สูงศักดิ์ ระดับภริยา ครม.เงา ถึงขั้นจับ "ผีอีเม้ย" มาโพสต์ เพื่อเสียดสีนายกฯ หญิง

เมื่อปล่อยให้อคติครอบงำเสียแล้ว

ระดับด๊อกเตอร์ก็ยินดีเผยระดับปัญญาที่แท้

ระดับอาจารย์มหาวิทยาลัยก็ยินดีเปิดตัวตนที่แท้

ระดับไฮโซก็ยินดี แสดงส่วนลึกที่แท้

สกุลรุนชาติ ยศถาบรรดาศักดิ์ การศึกษา

ไม่มีผล ไม่มีค่า ไม่มีความหมาย

ปชปหัวก้าวหน้า

อ้างจาก: ขุนศึก เมื่อ 12:50 น.  28 ต.ค 54
ท่านอ่านข่าวดีหรือยังครับ ในข่าวได้บอกหรือครับว่าในหลวงทรงรับสั่งไว้วันที่เท่าไหร่ เป็นไปได้หรือไม่ที่ท่านทรงรับสั่งไว้ก่อนหน้าที่จะมีการสัมภาษณ์ผบ.ทบ.  เพราะเนื้อหาใจความไม่ได้แตกต่างกัน

ขอขอบคุณ คุณขุนศึก เรื่องที่เกิดขึ้นนะ มันเกิดก่อนหน้านี้หลายวันแล้วละ เพราะผมติดตามข่าวหน้าเว็ปมาตลอด เด๋วจะหาข้อมูลมาให้อ่าน รอนิด

แนต

คุณขุนศึกคะ ... ป่วยการค่ะ

อย่าต่อล้อต่อเถียงให้เหนื่อยเลยค่ะ เขาไปไกลเกินจะเยียวยาแล้วค่ะ

อะไรที่เขาจะแถได้ เข้าทำหมดล่ะค่ะ ไม่ว่ามันจะดูตลกหรือฟังไม่ขึ้นยังไงก็ตาม

เขาเชื่อคำพูด เขาเชื่อข้อแก้ตัว เขาเชื่อภาพ เชื่อไอ้ที่คนจัญไรมันพ่นๆออกมา ไม่ว่ามันจะสวยทางกับข้อเท็จจริงยังไงก็ตาม

แต่เขาไม่เชื่อคลิปวิดีโอ ที่เป็นภาพเคลื่อนไหว ที่พิสูจน์ได้โดยประชาชนค่ะ

เราควรจะสงสารเขานะคะ พ่อแม่เขาคงเสียใจที่ลูกเป็นแบบนี้  ส.แย่จัง


ปชปหัวก้าวหน้า

ข่าวซาบซึ้งในหลวง-พระเทพที่แพร่ทางเน็ตล่าสุด เปิดปูมทำไมคนถึงเชื่อและแชร์ต่อๆไม่ต้องมีเหตุผล



เ้รื่องเล่าที่มีการแชร์ตามfacebook และรีทวีตทางtwitterมากที่สุดในยามนี้ (ที่มา:facebookของ Tammy Musikadilok )

เมื่อคืนเวลาประมาณเกือบๆห้าทุ่ม ณ สะพานที่หนึ่งในเขตทวีวัฒนา มีรถคันนึงจอดอยู่บนสะพาน ชาวบ้านแถวนั้นเห็นจึงเข้าไปเคาะกระจกรถเพื่อที่จะบอกว่าเค้ามีคำสั่งให้อพยพแล้ว



    เมื่อชาวบ้านพยายามมองเข้าไปในรถ ภาพที่เห็น กลับทำให้ชาวบ้านคนนั้นถึงกับเข่าทรุด เพราะคนที่นั่งอยู่ในรถ คือ พระเจ้าอยู่หัวของเรา กับสมเด็จพระเทพที่เสด็จมาดูปัญหาน้ำท่วมด้วยพระองค์เอง"

    ฟังไปก็ขนลุกไป ตื้นตันมาก ขอพระองค์ทั้งสองทรงพระเจริญ

    รู้รึยังว่าใครที่ห่วงใยเราตลอดเวลา ใครที่เป็นผู้นำ ใครที่แม้ไม่สบายแต่ก็ไม่เคยทอดทิ้งพวกเรา

    ยังจำกันได้ไหม ตอนที่พระองค์พูดว่า ถ้าหากพวกท่านไม่ละทิ้งข้าพเจ้าแล้วข้าพเจ้าจะละทิ้งพวกท่านได้อย่างไร พระองค์ทรงทำตามคำพูดคำสัญญาตลอด ({}) ทรงพระเจริญ !

ผู้เผยแพร่เรื่องนี้ทางอินเตอร์เน็ตคือ Tammy Musikadilok โดยเริ่มโพสต์เมื่อวันพุธที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา ผ่านไปเพียง2วัน มีผู้ที่แชร์ข้อความนี้ต่อๆกันไป 8.321 ครั้ง

หากเข้าไปดูสไตล์การโพสต์ของ Tammy Musikadilokก็จะพบว่าเต็มไปด้วยอคติ คือการโจมตีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยนำภาพรีทัชตัดต่อ ขณะเดียวกันก็นำภาพข่าวในหลวงกับพระราชวงศ์ออกเผยแพร่เพื่อให้เกิดความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ

สำนักพระราชวังยังไม่ได้มีถ้อยแถลงใดต่อเรื่องดังกล่าว หลังจากก่อนหน้านี้เคยออกมาปฏิเสธกระแสข่าวที่เผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตในทำนองเดียวกัน



ข้อความที่มีการแชร์กันผ่านทางfacebookอย่างแพร่้หลายในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งสำนักพระราชวังชี้ว่า คือ การตีข่าว ดึงเอาเจ้านายลงมา

สำนักพระราชวังปฏิเสธในหลวงรับสั่งฯให้ผ่านวังสวนจิตร

เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิืจ รายงานว่า นายรัตนาวุธ วัชโรทัย ในฐานะที่ปรึกษาฝ่ายกิจกรรมพิเศษ สำนักพระราชวัง ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีที่มีการแชร์ข้อความในเฟซบุค ว่า ในหลวงทรงรับสั่ง "ถ้าน้ำเข้าพระนคร ให้น้ำผ่านวังสวนจิตรไปเลย อย่ากั้นให้ผ่านไปเลย" ว่า เป็นการพูดไปเรื่อย ไม่น่าเป็นไปได้ และโดยส่วนตัวไม่เคยรู้เรื่องนี้ น้ำไม่ได้เกี่ยวข้องกับพระนครอยู่แล้ว และถ้าน้ำเข้ามาถึงเขตวังได้ จนท่วม ก็แสดงว่า กทม.ไม่สามารถเอาน้ำไว้อยู่ ซึ่งมันไม่สามารถเป็นไปได้อยู่แล้ว

และจากการติดตามสถานการณ์ข่าวในขณะนี้ ทั้ง กทม. และรัฐบาลต่างร่วมมือกันอย่างแข็งขันไม่ให้น้ำเข้าท่วมได้ ตั้งแต่กทม.รอบนอก และ ตอนนี้พื้นที่รอบวังสวนจิตรลดาในรัศมี 1 ตร.กม. ก็ยังไม่มีกระสอบทรายซักใบ เพราะเราเชื่อว่ากทม. จะสามารถกั้นน้ำไว้ได้ ในส่วนของวังหลวงและวัดพระแก้ว ก็เป็นที่แน่นอนอยู่แล้ว ว่า น้ำที่ท่าราชวรดิษฐ์สูงกว่าเขตวัง แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงเชื่อมั่นว่ากำแพงวังสามารถเอาอยู่

ส่วนข้อความที่มีการแชร์ในเฟซบุคนั้น คือ การตีข่าว ดึงเอาเจ้านายลงมา เพราะน้ำที่ท่วมทุกวันนี้มาไม่ถึงสวนจิตรลดา เพราะน้ำที่ท่วมทุกวันนี้ไม่ได้เกิดจากน้ำทะเลหนุน แต่เกิดจากคันดินพัง และ ไม่มีทางที่ถนนราชวิถีจะท่วม เพราะถ้า ถ.ราชวิถีท่วมวังสวนจิตรก็ต้องท่วมแน่นอน

ผู้ใช้ชื่อNina Thongprasert ซึ่งเป็นคนแรกๆที่ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ค ได้ประกาศบนสถานะของตนว่า

    เรียนให้ทราบโดยทั่วกัน ตามที่ได้ Retweet และ shared ข้อความบนหน้า wall เรื่องในหลวงตรัสเมื่อตอนสายวันนี้ ได้ตรวจสอบกลับไปแล้วไม่พบข้อมูลที่มาอย่างชัดเจน แต่ในช่วงที่ตรวจสอบอยู่นั้น พบว่ามีการเผยแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว และได้แจ้งให้ทราบเมื่อเวลา 11.09 โดยได้ขอให้ช่วยกัน remove post ออก... ฝากบอกทุกท่านที่ได้ทำการส่งต่อข้อความด้วยค่ะ และขออภัยมา ณ ที่นี้


ต่อมาในภายหลังเมื่อมีข่าวสำนักพระราชวังปฏิเสธข่าวนี้ Nina Thongprasert ได้โพสต์เพิ่มเติมว่า

    ดิฉันได้แจ้งให้ทราบบนหน้าเฟสและได้ลบออกตั้งแต่ตอน 11.09 หลังจากตรวจสอบถึงแหล่งที่มานั้นไม่น่าเชื่อถือ ตามที่ได้ตอบข้อความที่ถามมาแล้ว ค่ะ..อาจเป็นการผิดพลาดบกพร่องที่ไม่ได้ทำการตรวจสอบก่อนโพส..ซึ่งขออภัยด้วยค่ะ


อย่างไรก็ตาม การแชร์สิ่งที่อ้างกันว่าเป็นพระราชดำรัสนี้ยังกระจายต่อไปมากกวา 2,600 ราย และมีผู้เข้ามากด"ถูกใจ"และแสดงความเห็นซึ่งส่วนใหญ่จะเขียนว่า"ทรงพระเจริญ"มากถึงเกือบ 5,000 ราย(ดูที่เฟซบุ๊คนี้)

ดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ได้เขียนตั้งข้อสังเกตในเฟซบุ๊ค สมศักดิ์ เจียมธีรสกุลว่า ผมดู ที่เพจ ที่ผมให้ link ในกระทู้ข้างล่าง เรื่องทวิตเตอร์ พรด.ในหลวง แล้ว ยอมรับว่า สะทกสะท้อน อเน็จอนาถใจไม่น้อย ณ นาทีนี้ มีคนมาแสดงความเห็น ซึ่งส่วนใหญ่ที่สุด ก็ "ทรงพระเจริญ" ๆๆๆ "น้ำตาจะร่วงๆๆๆ" อะไรแบบนั้น ถึง 2100 ความเห็น และมี share ถึง 2600 แล้ว

ดูแล้ว อดไม่ได้ เลยไปเขียนอะไรหน่อย ข้างล่างนี้ copy มาให้ดู เผื่อโดนลบ
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=264779103560922&set=a.228571743848325.53576.217645294940970&type=1&ref=nf
......................


ทำไมจึงเกิดปรากฏการณ์ คนจงรักภักดี เชื่ออะไรแบบหัวอ่อน ไร้เหตุผล

ความจริง ถ้าใครศึกษา พรด. ข้อเขียนต่างๆของในหลวงจริงๆ ก็บอกได้เลยว่า ข้อความดังกล่าว ต้องไมใช่แน่ (เช่นเดียวกับบอกได้ทันทีว่า ข้อความอย่าง "36 ขั้นบันได" ไมใช่ หรือ "จากพ่อ" (ถึงพระเทพ) ไมใช่

แต่ปรากฏว่า เรากลับเห็นบรรดาคนจงรักภักดี (แต่จริงๆ ไม่เคยศึกษา เรื่องของสถาบันฯจริงๆจังๆ) พากัน "ซาบซึ้ง" น้ำหูน้ำตาไหล นอนดิ้นกัน

คำตอบคือเพราะ ความจงรักภักดี ในประเทศเรา เกิดมาจากพื้นฐานของการรับข้อมูลข่าวสารเกียวกบสถาบันฯ ที่ไม่อนุญาตให้ ตั้งคำถาม ตั้งข้อสงสัย ประเมิน ตรวจสอบ วิพากษ์ กระทั่ง โจมตี ได้

นี่จึงสร้าง "นิสัย" แบบหนึ่ง วิธีคิดแบบหนึงขึ้นมา คือ ในเมื่อโดยตัวความจงรักภักดีนั้น เกิดจากลักษณะ รับข้อมูลข่าวสาร ที่ตรวจสอบไม่ได้ ตังข้อสงสัยไม่ได้ วิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ อยู่แล้ว ดังนั้น ไมว่า ข้อมูล ข้อความ อะไรที่ ไม่ว่า จะไม่มีเหตุผลขนาดนั้น ก็เชือ่ได้หมด

ปชปหัวก้าวหน้า

ก่อนหน้านั้นดร.สมศักดิ์ได้โพสต์ เรื่องขำ (มีประเด็นชวนคิดอยู่ตอนท้าย)

ผมเข้าไปที่เว็บไซต์ ม.รังสิต นึกว่า จะไปหา "แบบจำลองทางคณิตศาสตร์" 23 จุดในกรุงเทพ ที่ว่าเสี่ยงน้ำท่วม (ตามข่าว มติชน) แต่หาไม่เจอ แต่ไปเจอในหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วม มี login ในนามมหาวิทยาลัยนี่แหละ เขียนข้อความนี้ (ดูภาพประกอบ ด้านขวาล่างๆลงมา)



"จากทวิตเตอร์: "ในหลวงทรงรับสั่ง..

    "ถ้าน้ำเข้าพระนคร ให้น้ำผ่านวังสวนจิตรไปเลย อย่ากั้นให้ผ่านไปเลย"

......ทรงพระเจริญ"

ผมอยากจะพนันร้อยบาทเอาปาท่องโก๋ตัวเดียวว่า นี่เป็น "พระราชดำรัส" ประเภทปลอมๆ หรือหาที่มาอ้างอิงไม่ได้ (แต่คนไม่น้อยจะซาบซึ้งจนลงไปนอนดิ้น) เหมือน "36 ขั้นบันไดชีวิต" เหมือน "บันทึกจากพ่อ (ถึงพระเทพ)" เหมือนอีเมล์ เรื่อง 14 ตุลา ที่อ้างว่า ในหลวงมีรับสั่ง "คนไทยต้องหยุดฆ่ากันเอง" เหมือนเรื่องพายุนากิส, เหมือน (ทีเพิ่งเอามาโพสต์กันอีกไม่นานนี้) "พ่อนั่งเหม่อลอย" (เฉพาะอันหลังนี่ ถ้าถามผม ในฐานะคนศึกษา พรด. ศึกษา "สไตล์" การรับสั่ง การเขียน ของในหลวงมาหลายสิบปี .. อันนี อาจจะมีส่วนมี "มูล" "นิดหน่อย" ในแง่ "เนื้อหา" ไม่ใช่ในแง่คำ ทำไม .. ผมไม่มีเวลาอธิบายจะยาว) แต่อันอื่นทุกอัน ผมว่าปลอมแน่ ตั้งแต่เห็นแรกๆ (อย่าง "36 ขั้นบันได" ผมเห็นบ้ากันอยู่นาน ผมดูแล้ว ก็รู้ว่า ปลอมแน่) รวมทั้งอันน่าสุด "จากทวิตเตอร์" นี้ด้วย

ผมลอง search ดู ปรากฎว่า มีการแพร่ให้ซาบซึ้งกันไปแล้ว ดู
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=264779103560922&set=a.228571743848325.53576.217645294940970&type=1&ref=nf
และอันนี้
http://www.oknation.net/blog/sonyaUSA/2011/10/19/entry-1

แต่ก็ยังดีว่า ดูเหมือนมีคนจงรักภักดี ทีอาจจะยังมีสตินิดหน่อย (หรือไม่ก็จำเรื่อง "บันทึกจากพ่อ" หรือเรื่อง "บันไดชีวิต" ได้) เตือนกัน ให้หยุดเผยแพร่ ดูที่นี่ - มีการเล่า "ที่มา" ของ "ทวิตเตอร์" อันนี้ด้วย ดูเหมือนมีคนชื่อ Nina Thongprasert เริ่มก่อน แล้วต่อๆกันไป ตอนนี้ เจ้าตัว คือคุณ "Nina" (ตามที่คนเขียนบล็อกนี้บอก) ได้ขอเองให้หยุด และถอนออกจาก wall ตัวเองแล้ว

http://www.oknation.net/blog/snowy/2011/10/19/entry-1

..................


โอเค ทั้งหมดที่โพสต์มาข้างต้น ถือเป็นเรื่องขำๆ แก้เซ็งน้ำท่วม

แต่ที่บอกว่า มี "ประเด็นชวนคิดอยู่" คืออย่างนี้ครับ

ผมเคยเขียนไว้มาสักพักแล้วว่า ปรากฏการณ์ "จงรักภักดี" อย่างที่เราเห็นทุกวันนี้ เป็นอะไรบางอย่างที่ "ใหม่" (โดยสัมพัทธ์กับประวัติศาสตร์) มีลักษณะหลายอย่าง ที แม้แต่เมื่อสมัยผมโตขึ้นมา (ตอนมีขบวนการนักศึกษา) ก็จะไม่มีลักษณะนี้

ลักษณะที่ว่า เช่น (ก) เน้น ในหลวง ในฐานะ "ตัวบุคคล" (เวลาพูดถึง "สถาบันฯ" จะ "หลุด/ลื่น" ไปเป็นพูด "พระองค์ท่าน" เป็นต้น)

(ข) ลักษณะที่ "แต่งเรื่องเอง (อย่างทีอภิปรายข้างบน) แม้แต่เรื่อง ที ไม่น่าจะ "แต่ง" ได้เลย เช่น พรด. 14 ตุลา ("วันมหาวิปโยค") นั้น มีตัวบท text แบบคำต่อคำ ให้อ่านกันได้อยู่ แค่ลองหาดู ก็น่าจะเห็นว่า ไม่มีแบบทีอีเมล์ลูกโซ่ส่งต่อๆกัน ("ทรงรับสัง คนไทยต้องหยุดฆ่ากันเดี๋ยวนี้" อะไรประมาณนั้น - โทษที ผมเขียนจากความจำไม่มีเวลาไปค้นเมล์ที่ว่า)

ลักษณะ "สร้าง" หรือ "แต่ง" เรื่องเอง ไม่จำเป็นต้องเป็นคำพูด อย่างทียกมาทั้งหมด บางที ก็เป็น "เรื่องเล่า" (ทรงทำอะไรที่ไหน ยังไง อะไรประเภทนั้น แบบชนิด "คาดไม่ถึง" ทำให้ ซาบซึ้งมาก เช่นเรื่อง "นากิส" อะไรประมาณนั้น)

สมัยก่อน สถาบันฯ จะมีลักษณะ "ศักดิ์สิทธิ์" หรือ "เป็นทางการ" มากกว่านี้ แม้แต่พวก จงรักภักดี ก็ไม่มีใครคิดจะกล้า "ล่วงเกิน" แตะต้อง (อันที่จริง แม้แต่คำว่า "รัก" ก็ไม่มีใครคิดจะกล้าใช้)

ลักษณะรวมๆนี้ ที่ผมเคยพยายาม theorize ออกมาใน "คอนเซ็ปต์" Mass Monarchy ...

ประเด็นทีเกียวเนื่องสำคัญอันหนึ่งกับเรื่องนี้คือ ผมเสนอว่า ถ้าเปรียบเทียบกับสมัยก่อน (ทศวรรษ 1970-1980) "ฐานทางชนชั้น" หรือ "ฐานมวลชน" สำคัญ ของสถาบันกษัตริย์ ได้ "เคลื่อนย้าย" หรือ "เปลี่ยน" จาก "ชนชั้นชาวนา" "ชนชั้นเกษตรกร" ในชนบท (นึกถึงลูกเสือชาวบ้าน)

มาที่ "ชนชั้นกระฏุมพี" "ชนชั้นกระฏุมพีน้อย" ในเมือง (นึกถึงพวก "สลิ่ม")

ปชปหัวก้าวหน้า

สำหรับภาพนี้บางคนอาจไม่เคลียร์ ลองพิจารณาดูนะ

http://www.youtube.com/watch?v=ox7fnMahfYQ

เว็บไซต์ประชาไท รายงานข่าวเรื่อง เฟซบุคเสื้อแดงฯ ชี้แจงกรณีรถติดป้าย "ทักษิณ" รับของช่วยเหลือที่ดอนเมือง

ชี้แจงกรณีรถติดป้าย "ทักษิณ ชินวัตร" เดิมเป็นรถที่คนเสื้อแดงใช้ช่วยน้ำท่วม-แจกข้าวกล่องอยู่ก่อนแล้วที่อยุธยาโดยไม่เกี่ยวกับ ศปภ. ต่อมาถูกเรียกมาช่วยขนของที่ ศปภ. เนื่องจากรถไม่พอ และไม่ได้ปลดป้ายออก จนเกิดเป็นประเด็นขึ้นมา

ตามที่เมื่อวานก่อนนี้ (26 ต.ค.) มีผู้เผยแพร่วิดีโอคลิปในเว็บไซต์เฟซบุค เป็นภาพอาสาสมัครช่วยกันขนสิ่งของบริจาคขึ้นรถบรรทุกคันหนึ่ง ซึ่งป้ายข้างรถติดป้ายเขียนว่า "บริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ด้วยรักและห่วงใย จาก พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร" โดยมีผู้วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมดังกล่าวด้วย (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)



ที่มา: เฟซบุคของ Red Democracy ประชาธิปไตยในทัศนะของคนเสื้อแดง

ล่าสุดวานนี้ (27 ต.ค.) ในเฟซบุคของ Red Democracy ประชาธิปไตยในทัศนะของคนเสื้อแดง ได้ชี้แจงพร้อมภาพถ่ายระบุว่า รถคันดังกล่าวเคยนำไปใช้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ จ.อยุธยาเพื่ออพยพออกนอกพื้นที่ และใช้ลำเลียงข้าวกล่องเข้าไปแจกในพื้นที่โดยไม่เกี่ยวกับ ศปภ. ส่วนภาพที่เกิดขึ้นในคลิปเกิดจาก ศปภ. ติดต่อรถดังกล่าวไปช่วยขนของที่ ศปภ. ที่รถไม่พอ และไม่ได้นำป้ายออก

    "รถคันนี้เดิมใช้ขนส่งผู้ประสบอุทกภัยที่จังหวัดอยุธยาเพื่อนำออกนอกพื้นที่ (ขวา) รวมถึงนำข้าวกล่องที่พวกเขาทำกันเองไปแจกในพื้นที่ (ไม่เกี่ยวกับ ศปภ.) ภาพทางซ้ายได้มีการติดต่อรถคันดังกล่าวให้ไปช่วยขนของที่ ศปภ. เพราะรถไม่พอ แต่เนื่องจากไม่ได้นำป้ายดังกล่าวออก จึงทำให้ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์นี้กลายเป็นประเด็นโจมตีกันทางการเมืองไปจนได้" เฟซบุคดังกล่าวชี้แจง

ขุนศึก

ผมเข้าใจที่ท่านพยายามจะบอกครับ เรื่องแอบอ้าง ผมก็เชื่อว่ามีจริง แต่ก็อยากให้ท่านได้ตระหนักกับความจริงในปัจจุบัน อย่างในกรณีข่าวตามลิงค์นั้น ท่านจะปฎิเสธไหมครับว่าข้อความตามข่าวในลิงค์ที่ผมแนบไปนั้นในหลวงท่านไม่ได้รับสั่ง เป็นเพียงผบ.ทบ.แอบอ้าง

ท่านทราบได้อย่างไรว่าเรื่องโกหกจาก FB นั้นไม่ใช่ทฎษฎีสมคบคิดที่จะดิสเครดิตกระแสความจงรักภักดี ส่วนตัวผมไม่ทราบและไม่นิยมการเอาข้อมูลไปจับแพะชนกับแกะ เป็นไปได้หรือไม่ที่แม้แต่ทฏษฏีที่ท่านเอามาโพสนั้นอาจมีการรู้เห็นกัน

ดังนั้นในเมื่อปัจจุบันในหลวงท่านทรงรับสั่งลงมาแล้ว ทุกๆท่านก็ควรจะตระหนักถึงข้อมูลข่าวสารอันเป็นปัจจุบันไม่ใช่หรือครับ


ShImP

อ้างจาก: ขุนศึก เมื่อ 14:16 น.  28 ต.ค 54
ผมเข้าใจที่ท่านพยายามจะบอกครับ เรื่องแอบอ้าง ผมก็เชื่อว่ามีจริง แต่ก็อยากให้ท่านได้ตระหนักกับความจริงในปัจจุบัน อย่างในกรณีข่าวตามลิงค์นั้น ท่านจะปฎิเสธไหมครับว่าข้อความตามข่าวในลิงค์ที่ผมแนบไปนั้นในหลวงท่านไม่ได้รับสั่ง เป็นเพียงผบ.ทบ.แอบอ้าง

ท่านทราบได้อย่างไรว่าเรื่องโกหกจาก FB นั้นไม่ใช่ทฎษฎีสมคบคิดที่จะดิสเครดิตกระแสความจงรักภักดี ส่วนตัวผมไม่ทราบและไม่นิยมการเอาข้อมูลไปจับแพะชนกับแกะ เป็นไปได้หรือไม่ที่แม้แต่ทฏษฏีที่ท่านเอามาโพสนั้นอาจมีการรู้เห็นกัน

ดังนั้นในเมื่อปัจจุบันในหลวงท่านทรงรับสั่งลงมาแล้ว ทุกๆท่านก็ควรจะตระหนักถึงข้อมูลข่าวสารอันเป็นปัจจุบันไม่ใช่หรือครับ



เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ

ปชปหัวก้าวหน้า

อ้างจาก: ขุนศึก เมื่อ 14:16 น.  28 ต.ค 54
ผมเข้าใจที่ท่านพยายามจะบอกครับ เรื่องแอบอ้าง ผมก็เชื่อว่ามีจริง แต่ก็อยากให้ท่านได้ตระหนักกับความจริงในปัจจุบัน อย่างในกรณีข่าวตามลิงค์นั้น ท่านจะปฎิเสธไหมครับว่าข้อความตามข่าวในลิงค์ที่ผมแนบไปนั้นในหลวงท่านไม่ได้รับสั่ง เป็นเพียงผบ.ทบ.แอบอ้าง

ท่านทราบได้อย่างไรว่าเรื่องโกหกจาก FB นั้นไม่ใช่ทฎษฎีสมคบคิดที่จะดิสเครดิตกระแสความจงรักภักดี ส่วนตัวผมไม่ทราบและไม่นิยมการเอาข้อมูลไปจับแพะชนกับแกะ เป็นไปได้หรือไม่ที่แม้แต่ทฏษฏีที่ท่านเอามาโพสนั้นอาจมีการรู้เห็นกัน

ดังนั้นในเมื่อปัจจุบันในหลวงท่านทรงรับสั่งลงมาแล้ว ทุกๆท่านก็ควรจะตระหนักถึงข้อมูลข่าวสารอันเป็นปัจจุบันไม่ใช่หรือครับ

ขอเรียนด้วยความตรัสจริง ครับ เรื่องนี้มันเกิดก่อนหน้านี้ และแพร่ในfb และคนที่ทำก็สลิ่ม ลองอ่านโพสท์ก่อนหน้านี้ครับ

มันเหมือนครับ การซื้อหวยใต้ดินครับ ก่อนหวยออก ทุกคนจะลือว่า งวดนี้ออกเลขนี้ ผมฝันดีนะ เด๋วเลขที่บ้าน เบอร์โทรศัพท์ คือมีการสร้างข่าวขึ้นมา วันที่หวยออก ทุกคนจะแก้หวยออกถูกต้องหมดครับ พอนายหลวงออกมาพูด ทุกคนก็พร้อมกัน เห็นไม่นายหลวงพูดถูก และมีการแพร่ข่าวไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

อย่าแอบอ้าง พรด. เพื่อผลประโยชย์ครับ และเรื่องต่างๆ ที่ผมโพสท์ก่อนหน้านี้ น่าจะเคลียร์สำหรับประเด็นนี้นะครับ

แนต

แล้วทำไม ทีแรกที่มีภาพออกมาก่อนคลิป ทาง ศ.ป.ภ. ก็ออกมาแก้ตัว อย่างนึง

หลังจากนั้น ... พอคลิปออกมา ก็ออกมาแก้ตัวด้วยข้ออ้างอีกอย่างนึง ..

ทั้งๆที่ รถที่อยู่ในภาพ และในคลิป "เป็นคันเดียวกัน" (เอาเฉพาะภาพรถบรรทุก ติดป้ายผ้าสีขาว ตัวอักษรสีแดง มีชื่อทักษิณ ก็พอค่ะ คันอื่นในภาพอื่นไม่ต้องพูดถึง)

ถ้าข้ออ้างต่างๆเป็นความจริง มันก็ควรจะเป็นเหตุผลเดียวกัน ทุกครั้ง ที่ศ.ป.ภ. ออกมาแก้ตัวผ่านสื่อ จริงไหมคะ??

ไม่ใช่ออกมาแถสองที ข้ออ้างไปสองทาง .. แบบนี้จะให้เชื่อก็ไม่ไหวนะ


บุญญบ้า..


คนชาย

อ้างจาก: ปชปหัวก้าวหน้า เมื่อ 12:24 น.  28 ต.ค 54
ผมไปเจอ ช่วยคอมเม้นท์หน่อยดิ ด่าให้เละไปเลย เอาของบริจาคไปใส่ชื่อพรรคและชื่อตัวเอง อย่าเขียน อย่าพูดไปนะ

โอ้ว พระเจ้า ตลกชิ- หาย


เรื่องนี้ไม่อยากคอมเม้นท์จิงๆ แม้แต่ถนน มันยังทำป้ายอย่างดี และเขียนว่าเป็นเพราะ สส.ท่านนั้น จัดการให้

เห็นเยอะแยะ แม้แต่ป้้ายเทศบาล หญ. ก็มีแต่รูปนายกไพรฯ เกือบทุกป้าย เออ.กรูลืมไป อาจเป็นเงินของเค้าก็ได้นะ แต่บริษัทที่ทำป้ายนะ ของกูโว้ย ฮึ ฮึๆๆๆ



เออ...นี้มันนิสัยเสื้อแดงของแท้เลยนี้หว่า

งันจัดหนักๆหน่อย  สมองจะได้หายแดง

กล่องแบบนั้นนะ  เขา "ขาย" กันครับ  ไม่เชื่อมาดู  สมองจะได้หายแดง


มาดูเว็บ  http://sromedical.com/page2.php หายสมองแดงแล้วยัง

ถ้ายังไม่หาย..มานี้ๆ  แบบนี้ต่างหาก  ที่เขาเรียกว่า แอบอ้าง งุงิบ อม


แบบเนี้ย เขาเรียกว่าเลว 

ถามจริงๆเถอะ อยู่แถวประชาทอก ประชาไท ใช้ล๊อกอินอะไร 

ว่างๆจะเข้าไปเยี่ยม

โง่แล้วยังโกหกเก่ง  คุณสมบัติเฉพาะตัวของพวกปลวกแดง 

เสื้อแดงไม่น่าปล่อยพวกโง่ๆมาโพสแถวนี้เลย...อายว่ะ อิอิ

จับฉ่าย

หัวก้าวหน้ายังไงกัน ก้าวหน้าไปลงเหวรึไง

กลับไปเล่นประชาทวยเหมือนเดิมเถอะ

พรนัรนน

ไอ้ ปชป หัวก้าวหน้า ไอ้กาก  รู้สึกว่ามิงรู้ดีทุกอย่างเลย ทำไมมิงไม่ไปเป็น สส ว่ะ หรือไม่มีปัญญา เลยมากากแถวนี้

ก๊าก

อ้างจาก: พรนัรนน เมื่อ 12:25 น.  29 ต.ค 54
ไอ้ ปชป หัวก้าวหน้า ไอ้กาก  รู้สึกว่ามิงรู้ดีทุกอย่างเลย ทำไมมิงไม่ไปเป็น สส ว่ะ หรือไม่มีปัญญา เลยมากากแถวนี้

ข้อมูลไม่แน่น เลยใช้วิธีด่าเหรอครับ

ก๊าก

อ้างจาก: EventSub เมื่อ 19:06 น.  28 ต.ค 54
หัวก้าวหน้ายังไงกัน ก้าวหน้าไปลงเหวรึไง

กลับไปเล่นประชาทวยเหมือนเดิมเถอะ

นี่ใช่มุขเดียวกับ เวลาไล่ใครต่อใครให้ไปอยู่เขมรเปล่า

ก๊ากก๊าก

อ้างจาก: ก๊าก เมื่อ 18:16 น.  29 ต.ค 54
นี่ใช่มุขเดียวกับ เวลาไล่ใครต่อใครให้ไปอยู่เขมรเปล่า

ไล่ที่ไหน ก็เห็นรักกันมากจึงแนะนำไห้ไปอยู่ด้วย ผิดอีก(ก็เพราะไม่ใช่เสื้อแดง)

ปชปหัวก้าวหน้า

มติชนออนไลน์: เยือนศูนย์ช่วยน้ำท่วมเจ้าของรถติดป้าย "ทักษิณ" ยันช่วยแบบไม่แบ่งสี

Fri, 2011-10-28 21:53

มติชนออนไลน์สำรวจศูนย์ช่วยเหลือน้ำท่วม ของคนเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งที่แยกสุทธิสาร ถ.วิภาวดีเจ้าของรถติดป้าย "ทักษิณ ชินวัตร" ประธานศูนย์ยันดำเนินการช่วยเหลือมานานแล้วโดยเน้นการระดมความช่วยเหลือภาย ในกลุ่ม ไม่รับบริจาคจากภายนอก และยืนยันว่าช่วยเหลือคนทุกฝ่ายทุกสี

ตามที่มีข่าวรถบรรทุกติดป้ายผ้า "บริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ด้วยรักและห่วงใย จาก พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร" เข้าไปรอรับของบริจาคจากศูนย์ ศปภ. ดอนเมือง ไปยังจังหวัดในพื้นที่น้ำท่วมและถูกวิจารณ์ในเว็บไซต์ต่างๆ จนมีการชี้แจงในเฟซบุคคนเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งว่ารถดังกล่าวใช้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ จ.อยุธยา อยู่ก่อนแล้ว เพื่อใช้อพยพคนและใช้ลำเลียงข้าวกล่องเข้าไปแจกในพื้นที่โดยไม่เกี่ยวกับ ศปภ. ส่วนภาพที่เกิดขึ้นในคลิปเกิดจาก ศปภ. ติดต่อรถดังกล่าวไปช่วยขนของที่ ศปภ. ที่รถไม่พอ และไม่ได้นำป้ายออกนั้น (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)


http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=P2zxzbdmKTI

ที่มาของคลิป: มติชนออนไลน์

ล่าสุด วันนี้ (28 ต.ค.) "มติชนออนไลน์" ได้สำรวจศูนย์ช่วยเหลือน้ำท่วมซึ่งเป็นเจ้าของรถคันดังกล่าว โดยศูนย์ดังกล่าวมีชื่อว่า "ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม" หรือ ศปป. ตั้งอยู่ด้านหน้าโรงแรมออลซีซันส์ แยกสุทธิสาร ถนนวิภาวดีขาออก โดยมีการขึ้นป้ายสีแดงใหญ่ ตามด้วยข้อความ "ด้วยรักและห่วงใย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รมช.กระทรวงคมนาคม นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีฯ และเลขานุการรัฐมนตรี"

โดยมีการประกอบเมนู ก๋วยเตี๋ยวเรือ โดย รมช.บุญทรง เตริยาภิรมย์ ข้าวแกงของนายสมโชค ไกรนรา ผัดหมี่โคราช ของแรมโบ้ อีสาน เพื่อแจกจ่ายไปยังประชาชนที่ประสบอุกทกภัย

นายสมโชค ไกรนรา ประธานคณะทำงานศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม (ศปป.) ให้สัมถาษณ์ในคลิปโดยกล่าวว่า ในการช่วยเหลือครั้งนี้ ไม่ได้ช่วยเฉพาะคนเสื้อแดงเท่านั้น แต่ยังช่วยเหลือประชาชนทุกคนที่หน่วยงานภาครัฐ หรือหน่วยงานอื่นเข้าไม่ถึง ผ่านการแจ้งของกลุ่มคนเสื้อแดง และข้าราชการในพื้นที่ โดยเฉพาะตำรวจที่ขอความอนุเคราะห์เข้ามา

ทั้งนี้เป็นความต้องการของทักษิณที่เป็นห่วงประชาชนที่ถูกน้ำท่วม ขณะเดียวกันไม่ขอรับของบริจาคสิ่งใด เพราะทั้งหมดใช้เงินซื้อด้วยเงินของตัวเอง

"เรามีเรือ มีรถ ทุกอย่างไม่รับบริจาค ไม่รับบริจาคจากทุกคน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ เงิน เราไม่รับบริจาค ทั้งหมดนี้เราช่วยกันซื้อด้วยเงินของพวกเราเองทุกคน เราลงขันกันเอง และไม่ใช่ตั้งตรงนี้แล้วช่วยแต่เสื้อแดง ไม่ใช่ เราช่วยทุกกลุ่ม จะเป็นข้าราชการตำรวจ ทหาร พี่น้องประชาชนจะเป็นสีไหน เราไม่มีสี เราลืมไปแล้ว ณ วันนี้ เรารักกันยิ่งกว่าเดิม"

ปชปหัวก้าวหน้า

นพดล ปัทมะวอนอย่าติดชื่อ "ทักษิณ" ลงในของบริจาค

Fri, 2011-10-28 10:00

ชี้สิ่งของบริจาคไม่ควรมีป้ายนักการเมืองคนใดไปติด และทักษิณไม่มีนโยบายและไม่สั่งการให้ใครทำแบบนั้น เชื่อกรณีรถช่วยน้ำท่วมติดป้ายชื่อ อาจมีคนรักคนชอบทักษิณทำให้ จึงขอความกรุณาอย่าทำเลย เพราะจะเป็นประเด็นทางการเมือง

เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ รายงานเมื่อวานนี้ (27 ต.ค.) ว่า นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายรัฐมนตรี ได้ชี้แจงกรณีที่มีภาพการขนของที่ได้รับบริจาคจากประชาชนทั่วไปที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ขึ้นรถบรรทุกที่มีป้ายข้อความว่า "บริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ด้วยรักและห่วงใย จาก พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร" รวมทั้งการมีชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณติดอยู่ตามสิ่งของบริจาคหลายชนิด เช่น ถุงข้าวสาร เรือพลาสติก รวมทั้งเต็นท์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยนายนพดลชี้แจงว่าความจริงของบริจาคต่างๆ ที่ส่งไปยัง ศปภ.ไม่ควรมีป้ายนักการเมืองคนใดไปติดอยู่แล้ว ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีนโยบาย หรือแนวคิดอะไรที่จะทำอย่างนั้น และไม่เคยสั่งการให้ใครทำ

นายนพดลกล่าวต่อว่า เรื่องนี้ไม่อยากมองว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง แต่เป็นไปได้ว่า อาจมีประชาชนที่รักและชอบ พ.ต.ท.ทักษิณดำเนินการรูปแบบนั้น ซึ่งต้องขอความกรุณาว่าอย่าทำเลย เพราะจะเป็นประเด็นการเมืองให้ถูกโจมตีได้ วันนี้ทุกคนกำลังเครียดกับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ก็อยากให้กำลังใจและทุ่มเวลาไปแก้ไขดีกว่าจะมาตอบโต้ทางการเมือง

ปชปหัวก้าวหน้า

มายาคติของน้ำท่วม ถอดบทเรียนจาก ศปภ.ภาคประชาชน

Sun, 2011-10-23 12:13
บทบรรณาธิการ Siam Intelligence Unit
ชื่อบทความเดิม: มายาคติของน้ำท่วม สิ่งที่อยากให้ลองกลับมาทบทวนใหม่อีกครั้ง



ปัญหาต่างๆที่มาพร้อมกับม่านหมอกน้ำ อาจบังตาสิ่งที่เห็นและเป็นอยู่จริง ลองใช้เวลาสั้นเท่าที่ยังพอมีตั้งสตินิดหนึ่งและมองปัญหา หนทางแก้ไข และทางเลือกที่เกิดขึ้น มองข้ามวาทกรรมต่างๆทั้งหลาย บางทีพอเราฉุกคิด เราอาจพบว่าสิ่งที่เรากำลังเผชิญนั้นเป็นปัญหาแท้จริงส่วนหนึ่ง และปัญหาที่มากับมายาคติส่วนหนึ่ง เริ่มมองไปด้วยกัน

1. น้ำท่วมเป็นความผิดของรัฐบาลทั้งหมด

ต้องทำความเข้าใจว่าการบริหารที่ไม่สามารถจัดการกับน้ำอาจเป็นความผิดส่วนหนึ่งของรัฐบาล แต่ปริมาณน้ำที่มากกว่าเดิมถึง 30 – 40 %จากน้ำท่วมในปีก่อนนั้น มันเกินจะรับมือเหมือนกัน ซึ่งอะไรที่มันเกินรับมือจากปรกติเช่นน้ำท่วมในฤดูน้ำหลาก เราเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า "ภัยพิบัติ" และเมื่อเกิดภัยพิบัติย่อมแปลว่ากลไกของรัฐบาลและราชการไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะเกิด "ความไม่สะดวก" (inconvenience) ในการปฏิบัติงาน จากปัจจัยต่างๆ เช่น การร้องขอความช่วยเหลือจำนวนมากที่ไม่สามารถจัดการได้พร้อมกันหมด หรือ การเกิดปัญหาในหลายๆพื้นที่พร้อมกัน ถ้าเข้าไปแก้สถานการณ์ที่หนึ่งอีกที่ๆไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ก็มักจะได้รับเสียงเรียกร้องที่ไม่พอใจ ดังนั้นกลไกชุมชน เอกชน และภาคประชาสังคมต้องหนุนเสริม สิ่งสำคัญก็คือการสืบสวนและหาบทเรียนหลังจากที่สถานการณ์ผ่านไปแล้วและปรับแก้ ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดซ้ำๆส่วนรัฐบาลเองก็ต้องเปิดโอกาสให้กับภาคส่วนต่างๆเข้ามาทำงานมากขึ้น เช่น สมมติจะตั้งศูนย์อพยพหลายพันแห่ง แต่มีข้อจำกัดที่จะต้องเลือกสถานที่สาธารณะหรือสถานที่ราชการ เช่น วัด โรงเรียน มหาวิทยาลัยซึ่งบางครั้งชัยภูมิในการตั้งนั้นไม่เหมาะ อาจจะขอความร่วมมือในการใช้พื้นที่เอกชน เป็นศูนย์อพยพ และดึงภาคประชาสังคมเข้าไปบริหารจัดการ เป็นต้น


2. สถานการณ์สร้างวีรบุรุษไม่มีจริง

จากข้อที่ผ่านมาทำให้เราเห็นขนาดของปัญหาที่แท้จริงว่ามันใหญ่โตเกินกลไกรัฐ ดังนั้นคำพูดประเภท "ถ้าเรื่องกรุงเทพฯให้ฟังผมคนเดียว" หรือ "ศปภ. มั่นใจว่าสามารถเอาอยู่นั้น" สะท้อนว่าทัศนคติในการทำงานของฝ่ายรัฐยังคงต้องการ "รบ" กับสิ่งที่มีขนาดมหึมาอยู่ เพื่อหวังว่าการปราบศัตรูนั้นจะสร้างความเป็นวีรบุรุษให้กับตน แต่แท้ที่จริงแล้วสถานการณ์เช่นนี้มันใหญ่เกินกว่าที่จะทำได้โดยลำพัง เดิมพันมันสูงมากกว่าตำแหน่งและอนาคตทางการเมืองของทั้งสองพรรคใหญ่ เพราะมีเรื่องของประชาชนเป็นเดิมพันดังนั้นอย่าให้ภาพความร่วมมือทุกอย่างจบเพียงแค่วันที่นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พบปะกับอดีตนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ที่ดอนเมือง แต่เรากลับพบว่าสิ่งที่เป็นกลไกให้แต่ละพื้นที่ผ่านวิกฤตไปได้ กลับเป็นคนตัวเล็กตัวน้อยในชุมชนต่างๆ ที่บางครั้งไม่ได้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ( ในหลายๆกรณีผู้ใหญ่บ้านทั้งหมู่บ้านไปแล้ว ) แต่คนเหล่านี้เป็นตัวกลางในการเชื่อมประสานกับภาคส่วนต่างๆในการช่วยเหลือ

3. การมีชีวิตในช่วงภัยพิบัติคือการ "อยู่รอด" ไม่ใช่ "อยู่สบาย"

จากประสบการณ์ที่ได้พูดคุยกับผู้ประสบภัยหลายๆท่าน สิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาใหญ่ก็คือเรื่องของการยึดติดกับรูปแบบชีวิตเดิมๆที่เคยชิน เช่น เวลาจะขับถ่ายต้องขอเป็นส้วมที่สะอาดถูกสุขลักษณะ แต่เวลาภัยพิบัติมามันไม่สามารถทำแบบนั้นได้แต่ละบ้านก็เรียกขอสุขาลอยน้ำกันทุกบ้าน ซึ่งถ้าหากคิดดูว่ามีผู้ประสบภัย 6 ล้านคนเท่ากับเราต้องผลิตสุขาลอยน้ำถึง 6 ล้านถัง แล้วเมื่อเวลาน้ำลดสิ่งเหล่านี้จะนำไปไว้ไหน? จากการพูดคุยสิ่งที่น่าคิดก็คือชาวบ้านที่ได้รับน้ำท่วมบ่อยๆจะมีประสบการณ์มากกว่าในเขตเทศบาลและเขตเมือง เขาจะปรับตัวได้การถ่ายลงน้ำและดูแลคุณภาพน้ำไปด้วยก็สามารถดูแลจัดการได้ดีกว่า จดจำว่าภัยพิบัตินั้นคือสภาวะไม่ปรกติ คุณไม่สามารถนอนกระดิกเท้ากินป๊อปคอร์นและดูละครหลังข่าวได้

4. น้ำมาค่อยอพยพดีกว่าไหม?

เรื่องนี้สำคัญมากและขอตอบว่าไม่จริง!! ถ้าหากว่าเราอยู่ในพื้นที่ที่เสี่ยงน้ำท่วม สิ่งที่ควรทำก็คืออพยพออกมาแต่เนิ่นๆจะสามารถทำได้ง่ายกว่า หากรอถึงการประกาศอพยพรับรองว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์โกลาหลวุ่นวายมาก ได้พูดคุยกับชาวบ้านที่บ้านอยู่หลังคันกั้นน้ำหลายๆคนที่ไม่ยอมอพยพ ก็เพราะคิดว่าสามารถรับมือได้ไม่มีปัญหาและไม่ย้ายออก (คนที่คุยด้วยวันก่อนหน้านั้นยังดู ผีอีเม้ยอยู่เลย) ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นคันกั้นน้ำแตก ทีนี้เรื่องร้องเรียนถูกส่งมายังหน่วยช่วยชีวิตและอพยพของทีมมูลนิธิกระจกเงาจำนวนมาก ในสถานการณ์ที่เอาคนออกมายากเพราะน้ำสูง ทางที่ดีล็อคบ้าน สับสะพานไฟลง และออกจากบ้านแต่เนิ่นๆจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด


5. ใครๆก็อยากทำความดี

งั้นทุกคนมาทำงานอาสากัน แน่นอน! การลงมือทำย่อมเป็นสิ่งที่ดีและจะก่อให้เกิดสิ่งดีๆตามมา แต่การทำแบบต่างคนต่างทำนั้นก็เป็นปัญหาหนึ่ง จากวงประชุมของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งได้ข้อเสนอที่น่าสนใจว่าทุกคนอยากทำความดี แต่ทุกคนก็เต้นไปตามกระแสที่มันเปลี่ยนไป ยกตัวอย่างเช่น หากสื่อนำเสนอความเดือดร้อนในอยุธยา ความช่วยเหลือก็หลั่งไหลไปอยุธยาทั้งกำลังเงิน กำลังคน และกำลังทรัพย์ พอสื่อบอกว่าปทุมธานีเดือดร้อนทุกคนก็แห่ไปปทุมธานี และทิ้งชาวอยุธยาไว้ สิ่งสำคัญก็คือเราจะรักษาสมดุลได้อย่างไรฦให้ความช่วยเหลือไม่ไหลไปตามสายน้ำ ดังนั้นควรจะมีการวางแผนประสานงานกันและกัน ไม่ใช่ความช่วยเหลือไปกระจุกตัวเป็นที่เดียว ส่วนงานอาสสมัครนั้นแท้จริงมีความหลากหลายลองค้นหาสิ่งที่จะเอาศักยภาพมาใช้ให้ได้มากที่สุด เช่น เด็กอาชีวะ ตอนเฟสฟื้นฟูต้องอาศัยทักษะในงานช่างเป็นอย่างมากมันน่าจะดีกว่าการขับรถฝืนไปกับน้ำร่วม 400 กิโลเมตรเพื่อบริจาคน้ำสองแพ็กลง facebook เพื่อให้รู้สึกดีกับตัวเอง แต่รถไปจมน้ำแล้วเสียหรือลำบากหน่วยงานที่ต้องเข้าไปช่วยเหลือเรื่องแบบนี้อาจจะส่งมอบของให้หน่วยงานที่มีศักยภาพในการเข้าไปส่งมอบ เพราะเวลาการที่เราจะช่วยเหลือกัน บางครั้งอาจจะไม่ต้องการการที่คนอื่นจะต้องมายอมรับและสำนึกในสิ่งที่เราทำ แต่เป็นการกระทำโดยมนุษยธรรมและไม่เลือกกรณี

6. ฉันเลือกรัฐบาลมาแล้ว รัฐบาลต้องช่วยฉัน

ทุกเรื่องคำพระท่านบอกว่า "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" ในสถานการณืแบบนี้ประชาชนจำเป็นต้องพึ่งตนเองให้มากที่สุด (และรัฐเองก็ต้องให้ข้อมูลมากที่สุดเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจได้) การรอความช่วยเหลือเพียงฝ่ายเดียว สุดท้ายย่อมกลายเป็นปัญหา ในยามวิกฤตเรามักจะเห็นแต่จุดอ่อนของตัวเอง จากการสอบถามข้อมูลในการทำงาน ศปภ.ตำบล บางทีเราค้นพบจุดเด่นที่น่าสนใจในแต่ละหมู่บ้านเช่น หมู่บ้านหนึ่งที่อยุธยามีนางพยาบาล อีกหมู่บ้านหนึ่งมีเรือแต่มีคนป่วย แทนที่เขาจะรอหมอจากภาครัฐเข้าไปช่วย พอเราให้ข้อมูลเขาไปเขาก็เอาเรือไปรับนางพยาบาลมาดูแลคนป่วยแทน แต่ถ้าหากขาดแคลนยาตรงนี้คือส่วนงานที่รัฐต้องเข้าไปหนุนเสริม

7. การประเมินตนเป็นเรื่องสำคัญ อย่าประมาณตนสูง และอย่าดูถูกตนเองต่ำ

ไปศูนย์พักพิงหลายๆแห่งที่รับคนเกินจำนวนที่สามารถรองรับได้ และอยู่ในจุดเสี่ยงที่ใกล้น้ำท่วมอาจจะประเมินศักยภาพตัวเองสูงไป (ด้วยความมั่นใจว่าน้ำจะไม่ท่วม หรือด้วยศักดิ์ศรีของผู้มีอำนาจรับผิดชอบ) ปัญหาที่ตามมาก็คือสุดท้ายเมื่อรับมือไม่ไหว (และไม่ยอมอพยพตอนแรก) ก็จะต้องมาช่วยเหลือกันตอนที่ปัญหามันโคม่าแล้ว กลับกันผู้ประสบภัยบางคนประเมินศักยภาพตนเองต่ำไป พบเคสที่ผู้ประสบภัยพบน้ำในระดับข้อเท้า มีอาหารสำรองแล้ว แต่เรียกขอถุงยังชีพจากหลายๆหน่วยงานเข้าไปเพิ่มอีกแทนที่จะได้กระจายไปให้ผู้อื่น บางทีอาจต้องทำความเข้าใจว่าหน่วยงานที่ช่วยเหลือไม่ได้ทำหน้าที่เหมือนร้านพิซซ่าที่ต้องส่งเดลิเวรี่ให้ลูกค้าทุกรายตามต้องการ เราต้องการให้ทุกๆคนอยู่รอดไปด้วยกัน ดีกว่ามีคนกลุ่มหนึ่งอยู่สบายและอีกกลุ่มลำบากเจียนตาย

8. น้ำแห้งแล้ว ทุกอย่างจบสิ้นลง

ตอนนี้หลายๆคนคงเริ่มฝันถึงว่าเมื่อไหร่น้ำจะแห้ง (มีรายงานว่าอาจจะต้องอยู่กับน้ำ 3 – 4 สัปดาห์) แต่หลังน้ำแห้งปัญหามากมายยังรอการแก้ไขอยู่มาก ทั้งเรื่องการปรับโครงสร้างทางผังเมืองและกลไกราชการ การเข้าสู่เฟสฟื้นฟูที่อาจกินเวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปี กระแสต่างๆทั้งความช่วยเหลือ ความร่วมมือ และสื่อมวลชนต้องมีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กลไกในการฟื้นฟูสามารถเดินหน้าได้เต็มที่ไม่ใช่แค่ภาครัฐเท่านั้นที่ทำหน้าที่ฟื้นฟู เคล็ดลับความสำเร็จหลายๆครั้งมาจากการที่คนในชุมชนมาร่วมวางแผนกันเอง เช่น ที่นครสวรรค์ บ่งพื้นที่ที่น้ำแห้งแล้วเริ่มวางแผนจะฟื้นฟู  เพราะนอกจาก "แก้ไขไม่แก้แค้น"แล้ว รัฐบาลจะต้อง "แก้ไขอย่าแก้ขัด" เหมือนรัฐบาลที่ผ่านๆมาที่เวลาน้ำท่วมทีไรก็ได้แต่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าแก้ขัด รอบนี้จะต้องแก้กันทั้งระบบทั้งการป้องกัน รับมือ และแก้ไขในอนาคตด้วย

สุดท้ายนี้สิ่งที่อยากจะย้ำเตือนก็คือ ในวาระแบบนี้การประสานความร่วมมือและการพึ่งพาตนเองให้เต็มศักยภาพจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด ที่เราจะต้องทำให้ชินเป็นนิสัยและทัศนคติใหม่ๆของคนไทย เราจะต้องเปลี่ยนสถานะจาก "ผู้ประสบภัย" ให้กลายเป็น "ผู้ช่วยเหลือ"ให้ได้ ผมยังจำป้ายที่เขียนที่โรงอาหารกลางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต (ที่วันนี้น้ำท่วมไปแล้ว) ตอนสึนามิได้ บนกระดานเขียนว่า "เราจะผ่านเรื่องร้ายไปด้วยกัน" ขอให้คนไทยทุกคนผ่านไปให้ได้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ค่อยสะดวกนัก


ป.ล. กลั่นกรองจากที่เป็นตัวแทน Siam Intelligence Unit เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ ศปภ.ภาคประชาชน ที่นำโดยมูลนิธิกระจกเงา ตลอดระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม ที่ผ่านมา

ที่มา: www.siamintelligence.com/myths-flood/