ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

โอล่ะพ่อ...งานนี้ MH370 งานเข้าแล้วครับ....

เริ่มโดย ฟ้าเปลี่ยนสี, 13:04 น. 16 มี.ค 57

เบลอมัวเลือน


ฟ้าเปลี่ยนสี

เรามาอ่านวิเคราะห์ดู "เสธ.น้ำเงิน" แนวรบไซเบอร์ขวัญใจชาวเฟซบุ๊ก โพสต์ความเห็นส่วนตัวใน แฉ...ความลับ

ไขปริศนา..บทสุดท้าย MH370

24 มี.ค.57

ในที่สุดก็เป็นไปตามที่คาดคำนวณจุดสูญหายไปของเที่ยวบิน MH370 พร้อมลูกเรือและผู้โดยสารอีก 239 คน ตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา เมื่อมี 3 ประเทศเริ่มออกมายืนยันจุดเครื่องจมลงไปใต้ทะเล คือ อินเดีย จีน และมาเลย์ ว่าเครื่องบินน่าจะตกในทะเล เพราะดาวเทียม บ. Inmarsat ของอังกฤษ มีการค้นพบชิ้นส่วนต้องสงสัยขนาดใหญ่ อยู่บริเวณทิศใต้ ของมหาสมุทรอินเดีย อยู่ทางฝั่งตะวันตก ของเมืองเพิร์ธ ออสเตรเลีย ห่างไปราว 2,400 กิโลเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกลมาก และมหาสมุทรก็ลึกเกินจินตนาการ มีสภาพคลื่นลมแรง และอากาศหนาวเย็น

สอดคล้องกับที่ เสธ เคยวิเคราะห์ไว้ก่อนหน้านี้ ว่าการสูญหายของเครื่องบินนี้ ต้องถูกทำให้จมลงจุดบริเวณนี้เพื่ออำพราง ส่วนคนอื่นจะมีสมมุติฐานอย่างไร ก็แล้วแต่ความเชื่อ แต่การข่าวเชิงลึกระหว่างประเทศที่ได้รับมา ประมวลสรุปโดยย่อๆ คือ

เริ่มต้นจากลุงแซม ขนวัตถุนิวเคลียร์และอาวุธชีวภาพใส่คอนเทนเนอร์ ด้วยเรือที่ติดธงสัญชาติตัวเอง มาที่เกาะเล็กๆ ชื่อสาธารณรัฐเชสเซลเลส ที่อยู่ทางตะวันตกของมหาสมุทรอินเดีย จากนั้นขนต่อมาที่มาเลย์ และใส่ตู้คอนเทนเนอร์ขึ้นเครื่องบินลำนี้ จะนำไปลงที่ปักกิ่ง ของจีน
(ไม่แน่ชัดว่าองค์กรใดสั่งของนี้) และประจวบกับมีการขนชิพคอมพิวเตอร์วงจรไฮเทค โดยผู้โดยสารไต้หวันกลุ่มหนึ่ง ไปลงเครื่องที่ปักกิ่ง ของจีน เช่นกัน ซึ่งชิพนี่สามารถทำให้ขีปนาวุธตรวจไม่พบด้วยเรด้าห์ เพื่อไปขายและถ่ายทอดเทคโนโลยีให้จีน

เมื่อจีนและรัสเซียรู้ระแคะระคาย จึงวางแผนจะบังคับเครื่องบินเที่ยวนี้ ไปลงที่สนามบินไหหลำ ของจีน เพื่อตรวจดูว่ามันคือสินค้าอะไรกันแน่ที่ในตู้คอนเทนเนอร์ แต่ก่อนเครื่องบินจะขึ้นมีความผิดปกติคือไม่รู้หน่วยใด มีการสังหารหน่วยซีลลุงแซมนอกราชการ ที่มีความเชี่ยวชาญการรบสูง และออกมาทำงานลับ จำนวน 2 คน ที่มาเลย์ เพื่อคุ้มครองสินค้ามีมูลค่าสูง ให้กับบริษัทลุงแซม ลักษณะคล้ายๆ ฆ่าตัดตอน หรือฆ่าปิดปาก

เมื่อเครื่องบินเทคออฟขึ้นจากมาเลย์ช่วงเที่ยงคืนกว่า มุ่งหน้าทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ตรงไปทางทะเลจีนไต้ ราว 1.30 ชม. จากจุดเริ่มต้นบิน เข้าใกล้เรดาห์พาณิชย์ของเวียดนาม ได้มีเครื่องบินชนิดรบกวนสัญญาณ Primary เรด้าห์ (เรดาห์พื้นฐานชนิดที่เห็นทั่วไปที่สนามบินใช้ จะมีระบบอยู่ที่พื้นดิน โดยมีเสาอากาศที่หมุนได้ เพื่อส่งพลังงานวิทยุออกไปเป็นห้วงสั้นๆ เมื่อกระทบกับ เครื่องบิน ก็จะส่งสัญญาณนั้นกลับมายังเสาอากาศของเรดาร์ ประมวลผลแล้วจึงแสดงออกมาทางจอภาพ) เช่น AWAC บินจากจุดระยะทำการที่ใดสักแห่ง ประกบเครื่องบินนี้ทำให้สัญญาณ Primary เรด้าห์ตรวจไม่พบ แล้วก็มีเครื่องบินล่องหนจากเรดาห์ได้ เสตลล์ รูปร่างคล้ายจานบินสีดำ บินประกบอีก 1-2 ลำ เพื่อควบคุมทิศทางเครื่องบินตามต้องการ

ส่วนภายในเครื่องบิน ทีมหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่แฝงตัวมา อาจร่วมกับลูกเรือ หรือนักบิน ทำการเข้าไปในห้องนักบิน ทำการปิดระบบ Secondary เรด้าห์ที่ใช้เป็นสากล (คล้ายระบบ SMS เป็นอีกระบบ หนึ่งมีส่วนประกอบอยู่สามส่วน ที่เพิ่มเติมจากแบบแรก คือ Decoder = มีหน้าที่ควบคุม interrogator และ แปลข้อมูลที่ส่งมาจาก transponder, Interrogator = เป็นอุปกรณ์ติดตั้งกับเสาอากาศของเรดาร์ทำหน้าที่ส่งสัญณาณ และรับสัญาณที่ส่งมาจาก transponder, และ transponder = เป็นอุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่บนเครื่องบิน) สำหรับส่งตำแหน่งเครื่องบินพาณิชย์ ให้หอควบคุมการบินทราบตำแหน่งละติจูด และลองติจูด โดยมีการปิดระบบนี้ระยะห่างเวลา 10-14 นาที ทำให้สัญญาณตำแหน่งเครื่องบินหายวับไปจากจอ Secondary เรด้าห์ภาคพื้นดินทันที ก่อความโกลาหลขึ้นในเวลาต่อมา

จากนั้นผู้จี้ควบคุมเครื่องบิน ก็หันทิศทางเครื่องบินกลับด้าน ย้อนมาทางเดิมมุ่งหน้าทิศตะวันตกเฉียงไต้ เพื่อไม่ให้ผ่านประเทศไทย เพราะอาจจะโดนโจมตีด้วยเครื่องบินขับไล่ได้ แล้วเตรียมพร้อมสำหรับทีมตัวเอง โดยใส่อุปกรณ์หน้ากากอ๊อกซีเจนรับการเปลี่ยนแปลงความดันเฉียบพลัน (อุปกรณ์ป้องกันเหมือนนักบินเจ๊ตขับไล่เหนือเสียง) และคนพวกนี้ต้องมีประสบการณ์ และถูกฝึกมาให้ทนต่อแรงกด และ G (แรงโน้มถ่วง) มหาศาล ทำการปรับเพดานบินจาก 25,000 ฟุต พุ่งโด่งขึ้นสูงลิ่วเกินกำหนดไปที่ 45,000 ฟุต

และทิ้งตัวลดเพดานบินลงต่ำอย่างรวดเร็ว ช่วงนี้หน้ากากอ๊อกซิเจนจะตกลงมาอัตโนมัติ ผู้โดยสารจะรีบคว้ามาครอบปากและจมูก แต่เขาก็ตัดอ๊อกซิเจนในห้องผู้โดยสารทั้งหมดอีก เหลือไว้เฉพาะพวกบังคับเครื่องบิน จนเพดานบินลดต่ำเหลือ 5,000 ฟุต ส่งผลให้ผู้โดยสาร และลูกเรืออื่นน๊อคสลบไปทันที (เด็ก 2 คนอาจตายทันทีช่วงนี้) จากการเปลี่ยนแปลงความดัน โดยไม่มีใครสามารถต่อต้านการบังคับใดๆ ได้เลย เป็นเวลานานหลายชั่วโมง

ส่วนเครื่องบิน เสตลล์ และ AWAC ก็ทำหน้าที่นำทางเครื่องลำนี้ที่ตกอยู่ในสภาพเหมือนคนตาบอด เครื่องบินทั้ง 3 ชนิด ได้บินผ่านมาทางใกล้ชายแดนทางตอนไต้ของไทย ผ่านน่านฟ้ามาเลย์ จุดนี้เรดาห์ชนิด Primary เรด้าห์ของชายชุดฟ้าของไทย และของทหารมาเลย์ จับสัญญาณเครื่องบินพาณิชย์นี้ได้ แต่จับตำแหน่งเสตลล์ และ AWAC ล่องหนเรดาห์ไม่ได้ ในตำแหน่งใกล้เคียง และเวลาใกล้เคียงกัน อีกทั้งมีชาวบ้าน ชาวประมงทั้งไทย และมาเลย์ จำนวนมากจากหลายจุด ได้ยินเสียงบูมกระแทกอากาศดังสนั่น พร้อมเห็นเครื่องบินพาณิชย์ขนาดใหญ่ และเสตลล์สีดำ ด้วยตาเปล่า บินประกบเครื่องบินลำนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว

แต่มาเลย์ไม่ยอมแถลงทันที เพราะว่าอับอายที่ต้องเปิดเผยว่า ประเทศตนเองมีช่องว่างในระบบการป้องกันภัยความมั่นคงทางอากาศ เมื่อเครื่องบินๆ ต่ำผ่านช่องแคบมะละกาไปได้ เครื่องบินทั้ง 3 ชนิด ก็ปรับเส้นทางใหม่อีกครั้ง โดยเชิดหัวขึ้นความสูงปกติ มุ่งหน้าขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือสู่ตอนเหนือของมหาสมุทรอินเดีย ตามเส้นทางการบินพาณิชย์ปกติ คาดเดาว่าเพื่ออำพรางเครื่องบินให้แฝงตัว เข้าไปในหมู่เครื่องบินพาณิชย์จำนวนมาก ที่กำลังบินไปเส้นทางเดียวกัน เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต และยังเกี่ยวเนื่องกับสนามแม่เหล็กโลกด้วย เพราะโลกมีการหมุนรอบตัวเอง

แล้วก็บินคงระยะห่างจากฝั่งสม่ำเสมอ เพื่อให้พ้นรัศมี Primary เรด้าห์ ของประเทศอินเดีย และศรีลังกา โดยมีเครื่องบิน 2 ชนิดบินประกบอารักขาและนำทางตลอดเวลา ต่อมาเครื่องบินปรับทิศทางลดต่ำเฉียงลงไปทางไต้อีกครั้งตรงเรื่อยๆ แต่ก่อนเข้าถึงหมู่เกาะมัลดีพ ได้ปรับเพดานบินลงต่ำลงมากอีกครั้ง เพื่อหลบ Primary เรด้าห์ ผ่านไปที่เกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งทางตอนไต้ของหมู่เกาะมัลดีพ จนชาวบ้านจำนวนมากเห็นตัวเครื่องบินในระยะต่ำมาก ขนาดเห็นประตูเครื่องบินชัดเจน และมองแถบสีของเครื่องบินชัดเจนทีเดียว เมื่อผ่านมัลดีพแล้วก็ตรงลงไต้ไปอีก โดยมีเรือพิฆาตของลุงแซมอารักขา บินต่ออีกสักพักก็ถึงเกาะดิเอโก้ กราเซีย ฐานทัพลับในมหาสมุทรอินเดียของลุงแซม ในเช้าวันที่ 9 มี.ค.57

เครื่องบินลำนี้ลงจอดที่สนามบินของกองทัพลุงแซม ที่มีรันเวย์ขนาดรองรับได้อย่างสบาย เมื่อเครื่องบินจอดสนิท กระบวนการขนถ่ายคอนเทนเนอร์ลงจากเครื่องบิน และค้นเอาชิพวงจรไฮเทคจากตัวผู้โดยสารไต้หวัน ก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตามแผนที่วางไว้ แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่บริษัทผลิตเครื่องยนต์ของเครื่องบิน ที่เขาต้องติดอุปกรณ์ติดตามเครื่องยนต์เขาทุกเครื่อง จับสัญญาณได้ว่าเครื่องยนต์เขายังทำงานอยู่ด้วยระยะเวลา 6-7 ชั่วโมงจากจุดสูญหายครั้งแรก

และเพื่อทำลายหลักฐานทั้งหมด การข่าวว่ามีการถอดกล่องดำบันทึกการบิน 3 จุดในเครื่อง ออก เพื่อไม่ให้ค้นพบไขความจริงได้ในอนาคต จากนั้นให้นักบินลุงแซมใส่ชุดประดาน้ำ ขับเครื่องบินโดยสารดังกล่าวเทคออฟขึ้นจากฐานทัพนั้นอีกครั้ง พร้อมเครื่องบินอีกลำหนึ่งพร้อมหน่วยช่วยเหลือ โดยบินมุ่งหน้าไปทิศทางตะวันออกเฉียงไต้จนน้ำมันเครื่องบินหมด เพื่อไม่ให้เกิดคราบน้ำมันให้เห็นตรวจพบจากผิวน้ำได้ แล้วนักบินคนนั้นได้ออกจากตัวเครื่องก่อนที่ลำตัวเครื่องบินจะกระแทกพื้นน้ำ ขณะนั้นสัญญาณ ping ก็เปิดตัวเองขึ้นอัตโนมัติเป็นครั้งสุดท้าย จนดาวเทียมอังกฤษจับสัญญาณได้ ในเช้าวันที่ 9 มี.ค. 57 นั่นเอง

ส่วนนักบินของลุงแซมคนนั้น ก็ขึ้นเครื่องบินที่รอรับและช่วยเหลือกลับขึ้นเครื่องไป ปล่อยทิ้งให้เครื่องบิน MH370 พร้อมผู้โดยสารทั้งหมด จมลงในทะเลลึก ทิศไต้ของมหาสมุทรอินเดีย มีระยะห่างจากเมืองเพิร์ธ ของออสเตรเลีย ราว 2,400 กิโลเมตร ดำดิ่งจมลงก้นทะเลที่ลึกสุดขั้วเกินจินตนาการ คลื่นขนาดใหญ่มหาศาล สภาพอากาศแปรปรวนและเลวร้าย ญาติของผู้โดยสาร ลูกเรือ และนักบิน วันนี้คงต้องทำใจ รอเพียงว่าจะกู้เอาซากเครื่องบินลำนี้ขึ้นมาได้อย่างไร เพราะมันยากแสนยาก และต้องใช้งบประมาณอีกมหาศาลจริงๆ

แต่การข่าวที่เผยแพร่ออกมา จะไม่มีทางที่จะบอกความจริงนี้ต่อสาธารณะไปได้ เพราะมันยากที่จะทำใจยอมรับในความโหดร้ายของมนุษย์ด้วยกันเอง ดังนั้นการออกข่าวต่อไปนี้จะมีเพียงเครื่องบินลำนี้ บินตรงจากช่องแคบมะละกา ลงไปทางตะวันตกเฉียงไต้ จนไปตกที่จุดนี้เท่านั้น และมันจะมืดมิดปกปิดอยู่ให้เป็นตำนานเล่าขานตลอดไป ขนาดข่าวของนิตยสารลุงแซมฉบับหนึ่ง ที่น่าจับคนเขียนข่าวเอาหัวโขกผนังบ้าน คือ ออกข่าวว่าพบร่องรอยการจอดเครื่องบินลำนี้บนดวงจันทร์ไปโน่น..แม่เจ้า ยังดีนะที่ไม่ออกข่าวว่าพบปีกเครื่องบินที่ดาวอังคาร และหางเครื่องบินที่ดาวพฤหัส...นี่แหละฝีมือการออกข่าวบิดเบือนของหน่วยข่าวกรองลุงแซมล่ะ


ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

เอาความคิดเห็นจากเฟซบุ๊ก คุณทนง มาคิดต่อ...ครับผม
https://www.facebook.com/ThanongFanclub
25/3/2014

[attach=1]

มาเลย์จะปิดเกม แต่จีนเพิ่งจะเริ่มเปิดเกม

จีนถามมาเลย์เซียกลับว่า ที่ลื้อบอกว่าผู้โดยสารเครื่องบินตายยกลำ ใหนขออั๊วดูหลักฐานหน่อยซิวะ เอาข้อมู,ดาวเทียมมาให้ดูหน่อย ของจริงหรือของปลอม

อึ๊งกิมกี่ไปเลย

ตอนนี้ญาติผู้โดยสารชาวจีนที่เสียชีวิต154คน กำลังจะขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางประท้วงที่หน้าสถานทูตมาเลย์ที่กรุงปักกิ่ง ทางกปปสน่าจะส่งนกหวีดไปให้ญาติผู้โดยสารที่ปักกิ่งหน่อย ช่วยให้กำลังใจ เป่าดังๆไปเลย

ตอนนี้พวกญาติผู้โดยสารชาวจีนที่ตายตั้งคณะกรรมการเพื่อสืบเสาะหาข้อเท็จจริง เรียกชื่อกันว่า MH370 Family Committee ตัวแทนบอกชัดเลยว่ามาเลย์เซีย พยายามปกปิดความจริง และออกแถลงการดุเดือดว่าสายการบินมาเลย์เซีย รัฐบาลมาเลย์เซีย และทหารมาเลย์เซียเป็นฆาตกรที่ฆ่าผู้โดยสาร และญาติของเขาตาย154คน

"If our 154 relatives aboard lost their lives due to such reasons, then Malaysian Airlines, the Malaysian government and the Malaysian Military are the real murderers that killed them."

MH370 Family Committee
CTTV

มาเลย์เซียกำลังจะปิดเกมให้จบๆกันไป แต่จีนกำลังจะเปิดเกม ก็บอกแล้วไงครับว่า เกมกำลังจะเริ่ม

แขกมาเลย์งานนี้จะไม่เหลืออะไรเลย


thanong
25/3/2014
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

นายไข่นุ้ย

DO YOU KNOW ME? I AM A CAT 28 YEARS. AND YOU?    แมวแท้สู (แมวยิ้ม)

ฟ้าเปลี่ยนสี

ที่มา  https://www.facebook.com/ThanongFanclub
25/3/2014

[attach=1]

จีนเริ่มบีบมาเลย์เซียแล้ว

ฉี จิ้นผิงผู้นำจีนได้แต่งตั้งทูตพิเศษเพื่อเดินทางไปมาเลย์เซีย เพื่อทวงความจริงจากกรณีเครื่องบิน MH370 ตก

Zhang Yesui, รองรมวต่างประเทศ จะเป็นผู้รับงานนี้ และจะเดินทางไปกัวลาลัมเปอร์ในเร็ววันนี้ เพราะว่ามีผู้โดยสารจีนเสียชีวิต154คนจากการสูญหายของเครื่องบินของสายการบินมาเลย์เซีย

ญาติผู้โดยสารชาวจีนวันนี้ประท้วงหน้าสถานทูตเพื่อเรียกร้องหาความจริง โดยกล่าวหาว่ารัฐบาลมาเลย์และทหารอาจจะอยู่เบื้องหลังเครื่องบินสูญหายและปิดปังความจริง

จีนเริ่มจะบี้มาเลย์เซียแล้ว หลังจากนายกน่าจีบออกมาบอกเมื่อวานนี้ว่าผู้โดยสารเครื่องบินMH370ตายยกลำ หลังจากการสอบสวนดำเนินไปอย่างช้ามากในระยะ16วันที่ผ่านมา

ตอนนี้จีนส่งระดับผู้ช่วยรมวต่างประเทศมาก่อน ต่อไปถ้าไม่ได้เรื่อง จะยกระดับปัญหานี้ให้สูงขึ้น ถึงระดับรมวเต็ม

ถ้าไม่รู้เรื่องอีก หรือไม่ยอมพูดความจริง เห็นท่าฉีจะต้องเล่นเองโดยตรง เมื่อนั้นนาจีบต้องหนาวแน่ๆ แต่นับจากนี้เป็นต้นไปจะนอนไม่หลับแม้แต่คืนเดียว

thanong
25/3/2014

http://www.chinadaily.com.cn/world/2014planemissing/2014-03/25/content_17378230.htm
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

นายไข่นุ้ย

งานนี้หากมาเลย์บอกความจริงเสียแต่แรก ยังดีกว่านะครับ.... ส.แย่จัง
DO YOU KNOW ME? I AM A CAT 28 YEARS. AND YOU?    แมวแท้สู (แมวยิ้ม)

ฟ้าเปลี่ยนสี

ล่ากล่องดำบินมาเลย์ภารกิจงมเข็มในทะเล

26 มีนาคม 2557 เวลา 13:07 น.
โดย โพสต์ทูเดย์ออนไลน์

[attach=1]

กูรูเผยตามล่าหากล่องดำยากพอๆ กับงมเข็มในมหาสมุทร ไม่มีใครรู้จุดตกที่แน่นอน

เอเอฟพีรายงานอ้างผู้เชี่ยวชาญด้านการกู้กล่องดำรายหนึ่ง ว่า การกู้กล่องดำจากซากเครื่องบินโบอิ้ง 777 เที่ยวบินเอ็มเอช 370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่ตกลงทางใต้ของมหาสมุทรอินเดีย ถือเป็นงานที่ยากพอๆ กับการงมเข็มในมหาสมุทร แม้ว่าปัจจุบันจะมีการระดมใช้เครื่องมือที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงตามหาแล้วก็ตาม

ผู้เชี่ยวชาญระบุต่อว่า ขณะนี้ยังไม่มีฝ่ายไหนยืนยันว่าพบซากที่พอจะบอกจุดตกของเครื่องบิน ดังนั้นการค้นหากล่องดำจึงเป็นงานที่ยากลำบาก นอกจากนี้ ยิ่งระยะเวลานับตั้งแต่เครื่องตกลงสู่ทะเลผ่านพ้นเกินกว่า 17 วันแล้ว อาจทำให้การตามหากล่องดำยิ่งยากลำบาก เพราะสัญญาณจากกล่องดำที่ส่งออกมาเพื่อการค้นหา มีอายุเหลือแค่ 2 สัปดาห์เท่านั้น ขณะที่ตัวสัญญาณจะครอบคุลมพื้นที่โดยรอบในระยะ 2-3 กิโลเมตร

"การรอสัญญาณจากคลื่นวิทยุในกล่องดำดูจะไม่เหลือโอกาสแล้ว" หนึ่งในเจ้าหน้าที่ในทีมค้นหากล่องดำของสายการบินแอร์ฟรานซ์ เที่ยวบินเอเอฟ 447 ซึ่งตกลงในมหาสมุทรแอตแลนติกในปี 2009 กล่าว

ทั้งนี้ สายการบินพาณิชย์ทั่วไปจะมีกล่องดำ 2 กล่อง โดยตัวหนึ่งจะทำหน้าที่บันทึกบทสนทนาในห้องนักบิน อีกหนึ่งกล่องทำหน้าที่บันทึกระยะความสูง ความเร็ว และทิศทางการบิน

ปัจจุบันนานาประเทศกำลังช่วยกันหาซากเครื่องบินและกล่องดำอย่างหนัก โดยล่าสุดกองทัพเรือสหรัฐได้ส่งอุปกรณ์ตามหากล่องดำมายังเมืองเพิร์ทของออสเตรเลียแล้ว โดยอุปกรณ์ดังกล่าวนี้จะสามารถตามหาสัญญาณกล่องดำในระดับความลึกได้ถึง 6,000 เมตร
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

แฉนักบินมาเลย์เครียดจัดไม่พร้อมทำการบิน

26 มีนาคม 2557 เวลา 13:26 น.
โดย โพสต์ทูเดย์ออนไลน์

[attach=1]

สื่อนอกเผย กัปตันบินมาเลย์สภาพจิตใจย่ำแย่หนัก ไม่พร้อมทำการบิน เหตุเพิ่งหย่าขาดภรรยา หลังถูกจับได้ว่าคบชู้

ซิดนีย์มอร์นิงเฮรัลของออสเตรเลีย เปิดเผยรายงานอ้างแหล่งข่าวของมาเลเซีย ซึ่งทำการสัมภาษณ์เพื่อนนักบินของ ซาฮารี อาหมัด ซาห์ กัปตันของเที่ยวบินเอ็มเอช 370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ระบุว่า กัปตันซาฮารี วัย 52 ปี กำลังมีสภาพจิตใจย่ำแย่อย่างหนักและอาจไม่พร้อมทำการบิน เนื่องจากกำลังหย่าขาดกับภรรยา หลังถูกจับได้ว่านอกใจ

รายงานดังกล่าว ระบุถึงความเป็นไปได้ว่า ความเครียดจากชีวิตครอบครัวที่ล้มเหลว อาจส่งผลให้กัปตันซาฮารีตัดสินใจทำสิ่งที่ไม่คาดคิด หรือทำการบินในลักษณะที่เจ้าตัวสามารถทำได้ผ่านโปรแกรมจำลองการบินเท่านั้น เพื่อเป็นการ "สั่งลาครั้งสุดท้าย"

"ซาฮารีเป็นนักบินที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง แต่แม้ผมจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ แต่หากต้องเผชิญกับปัญหาชีวิตรุมเร้าแบบที่ซาฮารีกำลังเผชิญ ผมเชื่อว่าสภาพจิตใจของเขาไม่พร้อมทำการบินแน่นอน" เพื่อนนักบินซึ่งไม่เปิดเผยนาม ระบุ

ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้น ท่ามกลางปฏิบัติการค้นหาซากของเครื่องบินเที่ยวบินเอ็มเอช 370 ต่อเนื่องไป หลังจากเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ทางการออสเตรเลียและจีนต้องยุติการค้นหาเป็นชั่วคราวเนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

 ส.โอ้โห แล้วมันจะหาเจอไหมล่ะทีนี.... ส.อืม

มีคลิปมาให้ดูกันครับ....

ทะเลคลั่ง! ชมคลิปปฏิบัติการค้นหาเครื่องบิน MH370

26 มีนาคม 2557 เวลา 14:11 น.
โดย โพสต์ทูเดย์ออนไลน์

คลิปเหตุการณ์จากเรือที่เข้าร่วมปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ MH370 ที่สูญหายไปตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม 2557 และคาดว่าจมอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งการค้นหาเป็นไปด้วยความยากลำบากท่ามกลางคลื่นลมทะเลที่พัดอย่างรุนแรง

http://youtu.be/HlndfEYIj4s
MH370; SAR Mission at Indian Ocean
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

ของแถมครับ... ส-ดีใจ

ถ้าเราเข้าไปดูแผนที่อากาศของประเทศออสเตรเลีย แถวที่เขาไปหาของกันอยู่

น่าจะลมแรงมากๆ ครับ เพราะมีหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง กึ่ง พายุ อยู่

และมีความเร็วลมแถวนั้น 30 knots ทีเดียวครับ

[attach=1]
[attach=2]

Latest Indian Ocean Gradient Level Wind Analysis Valid 00UTC
[attach=3]
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

ดาวเทียมพบวัตถุกระจายกลางทะเลคาดเป็น MH370

26 มีนาคม 2557 เวลา 22:17 น.
โดย โพสต์ทูเดย์ออนไลน์

[attach=1]

[attach=2]

มาเลเซีย เผยภาพสัญญาณดาวเทียมล่าสุด พบวัตถุนับร้อยลอยเกลื่อนในทะเล คาดอาจเป็นชิ้นส่วนเครื่องบินของเที่ยวบิน MH370

เมื่อวันที่ 26 มี.ค. ฮิซฮามุดดิน ฮุซเซน รัฐมนตรีกลาโหมและในฐานะรักษาการรัฐมนตรีคมนาคมของ มาเลเซีย ออกแถลงการณ์พร้อมแสดงภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุดพบว่า มีชิ้นส่วนราว 122 ชิ้น ที่คาดว่าน่าจะเป็นเศษชิ้นส่วนของเครื่องบินของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ MH370 ที่หายสาบสูญไป ลอยกระจัดกระจายอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย

ภาพถ่ายจากดาวเทียมที่ทางการมาเลเซียนำมาเผยแพร่ เป็นภาพถ่ายจากแอร์บัส ดีเฟนซ์ แอนด์ สเปซ ของบริษัท แอร์บัส กรุ๊ป ในฝรั่งเศส ที่แสดงให้เห็นภาพวัตถุต้องสงสัยจำนวนมากลอย ซึ่งบางชิ้นมีขนาดใหญ่มาก หรือมีความยาวถึง 23 เมตร กระจัดกระจายในพื้นที่ราว 400 ตารางกิโลเมตรในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเพิร์ธ ของออสเตรเลียประมาณ 2,557 กิโลเมตร

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีกลาโหมและรักษาการรัฐมนตรีคมนาคมมาเลเซีย ได้ชี้แจงว่า ยังไม่อาจสรุปได้ว่า ชิ้นส่วนเหล่านี้มาจากเครื่องบินของมาเลเซียที่หายไปหรือไม่ แต่สิ่งนี้จะช่วยนำไปสู่การค้นหาที่แม่นยำขึ้น

นอกจากนี้ ฮิซฮามุดดิน ฮุซเซน ยังกล่าวเสริมว่า หน่วยงานสำรวจข้อมูลระยะไกลของมาเลเซียกำลังดำเนินการระบุและวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของชิ้นส่วนทั้งหมดจากภาพถ่ายดาวเทียมที่ได้รับจากฝรั่งเศส
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

เงินชดเชยบินมาเลย์ส่อทะลุรายละ 33 ล้าน

27 มีนาคม 2557 เวลา 09:18 น.
โดย โพสต์ทูเดย์ออนไลน์

[attach=1]

สื่อนอกคาด เงินค่าชดเชยเหยื่อบินมาเลย์ อาจทะลุรายละ 33 ล้านบาท

ซีเอ็นเอ็นมันนี เปิดเผยบทความกึ่งวิเคราะห์เกี่ยวกับการจ่ายค่าชดเชยให้กับญาติของผู้โดยสารสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์เที่ยวบินเอ็มเอช 370 ที่ทางการมาเลเซียแถลงว่าผู้โดยสารและลูกเรือรวม 239 คนอาจเสียชีวิตทั้งหมดนั้นว่า อาจสูงถึงรายละ 4แสน-10ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 13.2-33 ล้านบาท)

รายงานดังกล่าวอ้างข้อมูลจากทนายความซึ่งเคยว่าความในกรณีเครื่องบินตก ระบุว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นจำนวนค่าชดเชยที่แน่ชัด ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆด้านของผู้โดยสารแต่ละราย เช่นอายุ เชื้อชาติ หน้าที่การงานและสถานภาพทางการสมรส

"จะต้องมีการคำนวณถึงแนวโน้มรายได้ที่ผู้เสียชีวิตคาดว่าจะได้รับ และหากบุคคลนั้นๆ แต่งงานมีลูกที่ต้องเลี้ยงดู ค่าเงินชดเชยก็ยิ่งสูงขึ้นตามไปอีก" แบรดลีย์ แมนฮาร์ท กรรมการผู้จัดการบริษัทอาเธอร์ เจ แกลลาเกอร์ แอนด์ โค ผู้ให้บริการด้านการจัดการความเสี่ยง กล่าวยกตัวอย่าง

ก่อนหน้านี้ ทางการมาเลเซียได้จ่ายค่าชดเชยเบื้องต้นแก่ญาติของผู้โดยสารรายละ 5,000 เหรียญสหรัฐ (ราว 1.65 แสนบาท) เพื่อใช้เป็นค่าเดินทางและค่าที่พักในระหว่างการติดตามความคืบหน้าในการค้นหาเครื่องบิน

ความเคลื่อนไหวดังกล่าว จุดกระแสให้เกิดการตั้งคำถามว่า หากสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ ซึ่งกำลังประสบภาวะขาดทุนอย่างหนักในช่วง3เดือนสุดท้ายของปี2013 อาจทำให้ญาติผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด 239 ชีวิตไม่ได้รับค่าเงินชดเชยหรือไม่

ในประเด็นดังกล่าว แดน โรส ทนายความด้านอุตสาหกรรมการบินในสหรัฐ เปิดเผยว่า แม้สถานะการเงินของมาเลเซียแอร์ไลน์ ย่ำแย่ลงถึงขั้นล้มละลาย ญาติของผู้โดยสารจะได้รับเงินค่าชดเชยอย่างแน่นอน เนื่องจากตามปกติแล้ว แต่ละสายการบินจะทำประกันของเครื่องบินแต่ละลำอยู่ที่ 2,000-2,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งรวมถึงประกันชีวิตของผู้โดยสารรายละ 10 ล้านเหรียญสหรัฐอยู่แล้ว
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

ที่มา  https://www.facebook.com/ThanongFanclub
26/3/2014

QUIZ

ใครเป็นคนพูด "All right. Good night." ซึ่งเป็นข้อความสุดท้าย จากเทียวบิน MH370 มันสื่อไร? หมายความว่าอะไร? ข้อความนี้เป็นกุญแจไขความลับของเที่ยวบินที่สูญหาย หรือโดน hijack นี้อย่างไร?

thanong
26/3/2014

เฉลยQUIZ

ใครเป็นคนพูด "All right. Good night." ซึ่งเป็นข้อความสุดท้าย จากเที่ยวบินMH370 มันสื่อไร? หมายความว่าอะไร? ข้อความนี้เป็นกุญแจไขความลับของเที่ยวบินที่สูญหาย หรือโดนhijackนี้อย่างไร?

ขอตอบคำถามอย่างนี้.....

1. หนังสือพิมพ์The Guardianของอังกฤษรายงานเมื่อวันที่16 มีนาคมว่า มีบุคคลหนึ่งอยู่บนเครื่องบินMH370เป็นคนพูดประโยคสุดท้ายกับหอบังคับการบินข้างล่างว่า "All right. Good night." แปลว่า "ทุกอย่างเรียบร้อย ราตรีสวัสดิ์" หลังจากที่ได้ทำการปิดสัญญานการสื่อสารของเครื่องบิน รวมทั้ง ระบบ Aircraft Communications Addressing and Reporting System (ACARS) โดยอ้างแหล่งข่าวว่าผู้ปิดระบบใช้มือปิด (manual)

ต่อมามีข่าวจากทางการมาเลย์เซียว่า ผู้ช่วยกัปตันนายFariq Abdul Hamidเป็นคนพูด ก่อนที่เรดาร์เครื่องบินจะหายไปจากจอเวลา1.22นาฬิกา

จะเห็นได้ว่าสื่อฝรั่ง หรือทางการมาเลย์เซียพยายามให้ข่าวในทิศทางเดียวกันว่าเครื่องบินโดนhijack และสัญญานบนเครื่องบินโดนปิดด้วยมือคนบนเครื่อง เพื่อให้คนทั่วไปเข้าใจว่า เครื่องบินโดนhijackจากคนบนเครื่องบิน ซึ่งมีความเป็นไปได้3กรณีคือ 1.กัปตัน 2.ผู้ช่วยกัปตัน 3. ผู้โดยสารคนใดคนหนึ่ง เป็นคนhijackเครื่องบิน

2. ไม่ปรากฎว่าทางการมาเลย์เซีย หรือสื่อกระแสหลัก รวมทั้งสื่อตะวันตกพูดถึงความเป็นไปได้เลยว่า MH370อาจจะโดนhijack จากนอกเครื่องบิน โดยระบบ uninterruptible autopilot system ซึ่งถูกแอบติดตั้งอยู่ในBoeingก็ได้ ระบบนี้จะทำให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถเท๊คโอเวอร์หรือควบคุมเครื่องบินได้ ผ่านสัญญานวิทยุหรือดาวเทียม ในกรณีที่เครื่องบินโดนhijackจากผู้ก่อการร้าย หรือสลัดอากาศ โดยที่ผู้ก่อการร้าย หรือกัปตันนักบินไม่สามารถบังคับเครื่องบินได้ หรือไม่สามารถสั่งนักบินให้บินไปตามที่ตัวเองสั่ง เพราะระบบโดนควบคุมทุกอย่างจากข้างนอก แบบJames Bond007

3. คนที่พูดว่า "All right. Good night." ไม่น่าจะเป็นผู้ช่วยกัปตัน แต่น่าจะเป็นหนึ่งในผู้ควบคุมเครื่องบินจากข้างนอก ที่ตัดระบบสื่อสารของเครื่องบินBoeingทุกอย่าง แล้วพูดผ่านระบบของข้างนอกที่เข้าไปเสียบระบบสื่อสารของBoeingแทน เพื่อทิ้งร่องรอยสุดท้ายเอาไว้อย่างจงใจข้าเป็นผู้ปฏิบัติการเหนือโลกนี้ แต่พวกเอ็งไม่มีวันรู้ว่าข้าคือใคร

4. ในแง่หนึ่ง การhijackเครื่องบินกลางอากาศ และการทำให้เครื่องบินลำยักษ์หายตัวไปได้เหมือนเครื่องบินถูกจับใส่ผ้าคลุมกายสิทธิ์ของHarry Potterนับว่าเป็นการแสดงมายากล แต่ที่เหนือกว่านั้น คือการแสดงอำนาจของผู้hijackว่ามีอำนาจเหนือมนุษย์เราคนธรรมดา เพราะว่าสามารถฉกเครื่องบินที่บินอยู่ดีๆให้หายไปจากอากาศได้ และสามารถเอาเครื่องบิน พร้อมผู้โดยสาร239คนไปปู้ยี่ปู้ยำอย่างไรก็ได้ โดยที่ไม่มีใครสามารถจะรู้ได้ หรือทำอะไรได้ และกฎหมายเอื้อมไม่ถึง เพราะว่านอกจากมันจะเหนือชั้นทางอำนาจและเทคโนโลยี่แล้ว มันยังเหนือชั้นทางจินตนาการอีกด้วย

5. ในทางจิตวิทยามวลชน (mass psychology) ถือว่าการก่อการครั้งนี้เป็นการข่มขวัญ เหมือนกับสร้างผีให้เรากลัว สามารถเขย่าขวัญคนทั้งโลกให้ต้องยอมรับในอำนาจที่พิเศษที่เหนือกว่าเรามากมาย ให้สงสัยได้ แต่ไม่ให้คำตอบที่แน่นอน เพราะอำนาจพิเศษนี้เพราะสามารถhijackและทำให้เครื่องบินหายสาบสูญไปอย่างลึกลับได้ เหมือนผีที่โผล่มาหลอกเรา แล้วก็หายไป

6. เรื่องราวเครื่องบินหายลึกลับเสียจนหลายคนอดคิดไม่ได้ว่ามนุษย์ต่างดาวอาจจะลักพาMH370ไป มีข้อเขียนมากมายส่งถึงผมในทำนองนี้

7. บางทีเราอาจจะต้องย้อนกลับไปดูบทDark knight Risesเพื่อที่จะถอดรหัสของการเสกให้เครื่องบินMH370หายไป ต่อไปนี้เป็นบทสนทนาระหว่างBruce Wayneหรือมนุษย์ค้างคาวที่เสียท่าให้กับไอ้โจรร้ายBane พระเอกกำลังจะถูกBaneโยนลงไปในหลุมนรกที่ลึกและมืดมิด ที่ๆBaneเคยถูกจองจำอยู่

Bruce: ทำไมแกไม่ฆ่าฉันให้ตายไปเลย
Bane: แกไม่กลัวความตาย แกต้องการอยากจะตาย เพราะฉะนั้นการลงโทษแกต้องให้สาสมจริงๆ
Bruce: จะทรมานฉันหรือ
Bane: ใช่ แต่ไม่ใช่รางกายแก จะทรมาณดวงวิญญานของแก
Bruce: ฉันอยู่ที่ใหนนี่
Bane: อยู่ที่บ้านไง ที่ๆฉันได้เรียนรู้ความจริงเกี่ยวกับความสิ้นหวัง และแกจะได้เรียนรู้ด้วย มีเหตุผลว่าทำไมคุกนี้ถึงเป็นนรกที่เลวร้ายที่สุดบนโลกนี้ มันคือความหวัง เป็นเวลาหลายร้อยปีแล้วที่ทุกคนที่ติดอยู่ในคุกขุมนรกนี้ มองดูแสงสว่างจากข้างบน และจินตนาการว่าตัวเองได้ปีนออกจากหลุมไปสู่อิสระภาพได้ มันง่าย มันดูธรรมดามาก แต่มันเหมือนคนที่อยู่ในเรือที่อับปางจำต้องกินน้ำทะเลเพื่อดับความกระหายน้ำ และหลายคนต้องตายเพราะกินน้ำทะเลเข้าไป ฉันได้เรียนรู้ในขุมนรกนี้ว่า ไม่มีความสิ้นหวังที่แท้จริงโดยปราศจากความหวัง เพราะฉะนั้นฉันจะทำลายGotham ฉันจะให้ความหวังให้กับประชาชนเพื่อที่จะใส่ยาพิษเข้าไปในวิญญานของพวกเขา ฉันจะให้พวกมันเชื่อว่า พวกมันจะมีชีวิตรอดได้ เพื่อว่าพวกมันจะได้ตระเกียกตระกายแย่งชิงกันเพื่อมีชีวิตอยู่รอดกับพระอาทิตย์ได้ แกจะได้ดูฉันทรมานทั้งเมืองนี้ แล้วแกจะได้เข้าใจว่าความล้มเหลวของตัวแกมันจมลึกไปแค่ใหน

บทสนทนาระหว่างBruce WayneและฺBaneสะท้อนถึงนรกในเจียวอกของประชาชนโดยทั่วไป และโดยเฉพาะอย่างยิ่งของญาติของผู้โดยสารและลูกเรือ369คนที่อยู่บนเครื่องบินได้อย่างดี มันไม่ต่างอะไรกันเลย เพราะว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาหลังจากเครื่องบินหายสาบสูญเหมือนผีหลอกตั้งแต่วันที่8 มีนาคม ทุกคนถูกใส่ความหวังบนความสิ้นหวังว่าคนบนเครื่องบินทุกคนอาจจะยังปลอดภัย อาจจะไม่สบายนักแต่คงยังไม่ตาย ทางการมาเลย์เซียและพวกนักวิเคราะห์ต่างเติมยาพิษเข้าไปในวิญญานของพวกญาติของคนบนเครื่องบินว่า ไม่รู้เครื่องบินหายไปใหน สร้างความเจ็บปวดอันร้าวลึกในความรู้สึก แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความหวัง เพื่อไม่ให้ความสิ้นหวังนั้นดับไป ไม่มีอะไรในชีวิตจะเจ็บปวดไปกว่าความสิ้นหวังในความหวัง

และท้ายที่สุดทุกคนโดนความสิ้นหวังแทะกินเข้าไปหัวใจ เมื่อทางการมาเลย์เซียออกมาแสดงความเสียใจว่าผู้โดยสารทุกคนตายแล้ว หยุดหวังได้แล้ว และทุกคนตายเหมือนกับที่Baneส่งBruceลงไปหลุมนรกอเวจี คือเครื่องบินถูกส่งให้หัวปักลงไปในก้นบึงของมหาสมุทรอินเดียที่ลึก เยือกเย็นและกว้างใหญ่ไพศาล

8. คำพูดAll Right. Good night. เป็นการเล่นคำลวงที่ดูเผินๆแล้วทุกอย่างอยู่ในการควบคุมได้ เป็นปกติดี แต่ที่จริง คำว่าAll right.หมายถึงเราได้ยึดและทำการควบคุมเครื่องบินอย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณืแบบแล้ว และGood night หมายถึงคำอำลาครั้งสุดท้ายกับผู้โดยสารที่ไม่มีวันได้หวลกลับมาเจอกันอีก

หวังว่าการตอบแบบฉบับทฤษฎีมืดคงจะให้แฟนคลับได้เห็นและเข้าใจภาพในอีกหลายๆมิติ

thanong
26/3/2014

http://www.theguardian.com/world/2014/mar/16/flight-mh370-last-message-communications-disabled-malaysia

http://www.imdb.com/title/tt1345836/quotes

[attach=1]
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

ที่มา  https://www.facebook.com/ThanongFanclub
27/3/2014

ท่านได้ตั้งหัวข้อว่า....

มือฉกเครื่องบินกลางอากาศตัวจริง

Gordon Duff อดีตทหารผ่านศึกเวียดนามและบรรณาธิการอวุโสของ Veterans Today, ออกมาแฉว่าในขณะที่คนทั่วไปถูกหลอกให้เชื่อว่าMH370ตกที่ทะเลจีนใต้ หน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นCIA หรือNorth American Aerospace Defence Command มีการเฝ้าติดตามเส้นทางการบินของเครื่องบินBoeing777/200ลำนี้อยู่ตลอดเวลาในขณะที่กำลังบินอยู่กลางอากาศ และรู้แม้กระทั่งว่าผู้โดยสารโดนฆ่าตายอย่างไรเครื่องบินลงจอดที่ใหนอย่างไร มีการเติมน้ำมันใส่ในเครื่องบิน แล้วก็บังคับเครื่องบินขึ้นไปบนท้องฟ้าใหม่ ก่อนที่จะให้เครื่องบินตกลงทะเลที่แถวๆแอนตาร์กติกาหรือขั้วโลกใต้

นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่Rolls Royceของอังกฤษ ผู้ผลิตเครื่องยนต์ก็เฝ้าติดตามการบินของMH370อยู่ตลอดเวลา ผ่านระบบสื่อสารดาวเทียมโดยเฉพาะที่สามารถตรวจสอบการทำงานของเครื่องยนต์ Rolls Roycle Trent Enginesอย่างละเอียดทุกวินาทีของการทำของของเครื่องยนต์ในขณะที่ทำการบิน

หนังสือพิมพ์The Wall Street Journalเป็นฉบับแรกที่รายงานว่าMH370ยังคงบินต่อไปอีกอย่างน้อย4-5ชั่วโมงหลังจากมีการปิดเรดาร์และระบบสัญญานสื่อสารของเครื่องบิน แต่ระบบที่ปิด(disable)ไม่ได้ คือระบบสื่อสารของRolls Royce ที่มีการติดตั้งระบบเฉพาะของตัวเองเพื่อช่วยในการติดตามเครื่องบินที่ใช้เครื่องยนต์Rolls Royce Trent Engines

เครื่องบินลำใดที่ใช้เครื่องยนต์ของRolls Royce ไม่ว่าจะบินไปที่แห่งหนตำบลใด Rolls Royceจะมีหูมีตาล่วงรู้ไปหมด รู้แม้กระทั่งว่าในขณะที่ทำการบิน เครื่องยนต์ด้านซ้ายและด้านขวาของเครื่องบินกำลังทำงานด้วยสมรรถภาพอย่างไร ในกรณีที่เครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ เจ้าหน้าที่ของRolls Royceสามารถล่วงรู้และตรวจสอบได้ทันที และแจ้งเตือนภัย หรือหาวิธีการแก้ไขช่วยเหลือให้กับกัปตันที่กำลังทำการบินอยู่ได้

เพราะฉะนั้นทางสหรัฐฯและอังกฤษน่าจะรู้เรื่องดีที่สุดว่า MH370อยู่ตำแหน่งใด บินทั้งหมดกี่ชั่วโมง บินไปใหน และที่สำคัญที่สุดลงจอดที่ใหน แต่ปรากฎว่า หน่วยงานความมั่นคงของทั้งสองประเทศกลับนิ่งเงียบ ปล่อยให้สื่อกระแสหลักรายงานข่าวเท็จ ข่าวลวง และข้อมูลที่บิดเบือนเกี่ยวกับการสูญหายของเครื่องบินของสายการบินมาเลย์เซียพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ239คน

Gordon Duff เชื่อว่า Boeing777/200เป็นเครื่องบินที่ใช้ระบบ"fly by wire"ที่มีระบบการควบคุมติดตั้งภายใน เพื่อว่าCIAสามารถที่จะเท็คโอเวอร์ หรือเข้าไปควบคุมเครื่องบินในกรณีฉุกเฉิน

ในปี2006 Boeing ประกาศว่าได้จดสิทธิบัตรในสหรัฐฯว่าเป็นผู้คิดค้นระบบที่สามารถจะควบคุมการบังคับเครื่องบินทุกอย่างจากนักบิน เพื่อว่าสามารถบังคับให้เครื่องบินลงไปจอด ณ จุดหรือสนามบินที่ต้องการได้

ระบบนี้เรียกว่าuninterruptible autopilot system ซึ่งจะทำให้หน่วยงานรัฐบาลอย่างCIAสามารถเท๊คโอเวอร์หรือควบคุมเครื่องบินได้ ผ่านสัญญานวิทยุหรือดาวเทียม ในกรณีที่เครื่องบินโดนhijackจากผู้ก่อการร้าย หรือสลัดอากาศ โดยที่ผู้ก่อการร้าย หรือกัปตันนักบินไม่สามารถบังคับเครื่องบินได้ หรือไม่สามารถสั่งนักบินให้บินไปตามที่ตัวเองสั่ง เพราะระบบโดนควบคุมทุกอย่างผ่านรีโหมตคอนโทรลจากข้างนอก

Gordon Duffอ้างแหล่งข่าวบอกว่าBoeing777โดนควบคุมให้บินออกนอกเส้นทาง และถูกนำพาขึ้นชนเพดานการบินที่อันตรายระดับ45,000ฟุตเป็นเวลา 45นาที เพื่อลดแรงกดดันในตัวเครื่องบิน อากาศเบาบางลงจนผู้โดยสารหายใจแทบไม่ออก อ๊อกซิเจนฉุกเฉินบนเครื่องบินถูกใช้หมด และผู้โดยสารน๊อคตายหมดทุกคนในช่วงเวลานี้

จากนั้นเครื่องบินลงจอดที่ Diego Garcia ฐานทัพลับของสหรัฐฯในมหาสมุทีอินเดีย มีการเติมน้ำมันใส่เข้าไปในBoeing777 ศพคนตายโดนขนย้ายออกจากเครื่องบินเอาไปกำจัด แล้วก็มีการนำเครื่องบินขึ้นไปบนท้องฟ้าใหม่ โดยจุดหมายปลายทางสุดท้ายคือขั้วโลกใต้ เพื่อให้เครื่องบินตกและสูญหายที่นั่น

thanong
27/3/2014

http://presstv.com/detail/2014/03/25/355959/the-cia-hoax-flight-370-revealed/

[attach=1]
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

 ส.อืม เรามาศึกษากันน่ะครับว่า การที่จะหาตำแหน่งคร่าวๆของ MH 370 เขาหากันอย่างไร

โดย คุณพิภพ อุดมอิทธิพงศ์ นักวิชาการอิสระ ได้อธิบายผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Pipob Udomittipong ว่า

อ้างอิงวีดีโอตามนี้ครับ...
http://online.wsj.com/news/articles/SB10001424052702304679404579461900800102412?mg=reno64-wsj&url=http%3A%2F%2Fonline.wsj.com%2Farticle%2FSB10001424052702304679404579461900800102412.html

วิดีโอนี้ทำละเอียดดี สัญญาณ "ping" หรือ "handshake" ที่ส่งมาทุกชั่วโมงเป็น "ข้อมูลเชิงประจักษ์" เพียงอย่างเดียวที่มีอยู่จนถึงขณะนี้ และถูกใช้เพื่อระบุว่า (1) ณ เวลาประมาณ 8.11- 9.11 น. ของวันที่ 9 มีนาคม (เวลาที่มาลย์) เที่ยวบิน MH370 ยังบินอยู่ และน่าจะตกช่วงนั้น เพราะไม่มีการ ping มาอีกหลังจากนั้น (2) น่าจะเป็นการบินอยู่บริเวณมหาสมุทรอินเดียใต้ ซึ่งเป็นแนวค้นหาในปัจจุบัน

ประเด็นคือ สัญญาณ ping (partial ping) ที่ส่งจากเครื่องบินมาที่ดาวเทียม "ไม่มี" ข้อมูลเกี่ยวกับพิกัด (location) ความสูง (altitude) และความเร็ว (speed) แล้วเขาคำนวณ "ตำแหน่ง" ของเครื่องได้อย่างไร? เขายืนยันว่าตกใน Southern corridor ได้อย่างไร? เขาคำนวณโดยดูจากลักษณะของ "คลื่น" ของสัญญาณที่รับ-ส่งระหว่างเครื่องบินกับดาวเทียม 3-F1 ของ Inmarsat ที่ถูกส่งขึ้นไปในอวกาศตั้งแต่ปี 1996 และเป็นดาวเทียมเก่าแก่ที่สุดดวงหนึ่งที่ใช้ด้านการบิน โดยในแต่ละวันจะมีการเคลื่อนตัวขึ้นลงตามแนวเส้นศูนย์สูตร

การคำนวณตำแหน่งสุดท้ายของเครื่องบิน ทำโดยการตั้งสมมติฐานว่า (1) เครื่องบินบินด้วยความเร็วระดับหนึ่ง – assumed speed (คำนวณจากฐานข้อมูลการบินของเที่ยวบินสายการบินเดียวกัน) (2) ตำแหน่งของดาวเทียมในแต่ช่วงเวลาที่รับสัญญาณ ping และ (3) Doppler effect หรือการเปลี่ยนแปลงของคลื่นสัญญาณ ซึ่งจะมีลักษณะแตกต่างกันไปตาม "ระยะทาง" และ "ความเร็ว" ของเครื่องบิน

พูดอีกอย่าง เขาเอาสัญญาณเล็ก ๆ ที่ถูกส่งมาทุกชั่วโมง มาคำนวณร่วมกับความเร็ว (ที่สมมติเอา) กับตำแหน่งของดาวเทียม ณ ชั่วโมงนั้น ๆ โดยใช้หลักการ Doppler effect เพราะเมื่อความเร็วและตำแหน่งของเครื่องเปลี่ยนไป จะทำให้ลักษณะของคลื่นสัญญาณเปลี่ยนไปด้วย เขาว่าเหมือนเสียงหวอของรถพยาบาล เมื่อวิ่งเข้ามาใกล้เรามากขึ้น เราจะได้ยินเสียงที่ต่างไป (คลื่นเสียงจะเปลี่ยนแปลงสัมพัทธ์กับระยะทาง) ทำให้ทราบตำแหน่ง "คร่าว ๆ" ของเครื่องบินที่ตก

แต่จากข้อมูลที่มีอยู่ ไม่มีทางจะทราบตำแหน่ง "ที่แน่นอน" ได้ การที่นายกฯ มาเลย์แถลงว่า "เรามีสมมติฐานที่จริงแท้พ้นจากความสงสัยใด ๆ ("beyond any reasonable doubt") ว่าเครื่องบินหายไปในมหาสมุทรอินเดีย" จึงน่าจะเป็นการพูด "เกิน" ความจริงไป สร้างความช้ำใจให้กับญาติพี่น้องเขาเปล่า ๆ

[attach=1]
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

ดาวเทียมไทยพบวัตถุ 300 ชิ้นในมหาสมุทรอินเดีย

27 มีนาคม 2557 เวลา 14:19 น.
โดย โพสต์ทูเดย์ออนไลน์

[attach=1]

อานนท์ เผย ดาวเทียมไทยโชต พบวัตถุ 300 ชิ้นกลางมหาสมุทรอินเดีย คาดอาจเกี่ยวข้องกับเอ็มเอช370 ประสานส่งภาพให้มาเลย์

เมื่อเวลา13.30 น. วันที่ 27 มี.ค. นาย อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุทธยาผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอาวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ จิสด้า กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า ภายหลังการร่วมมือกับรัฐบาลมาเลเซียในการติดตาามความคืบหน้าการสูญหายของเครื่องบิน สายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เอ็มเอช 370 ล่าสุด ดาวเทียมไทยโชตของประเทศไทยได้รายงานเป็นภาพถ่ายทางอากาศว่าในวันที่ 24 มี.ค.เวลา 10.00 น.ตามเวลาในประเทศไทยได้พบเศษวัตถุลักษณะสีขาวกว่า300ชิ้นลอยอยู่ในทะเลทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดียห่างจากเมืองเพิร์ธไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว2,700กิโลเมตรซึ่งวัสดุดังกล่าวบางชิ้นมีความยาวมากว่า2เมตรถึง20เมตรโดยจุดที่ตรวจพบห่างจากจุดที่มาเลเซียร้องขอให้ตรวจสอบกว่า200กิโลเมตรแต่ยังไม่สามรถระบุได้ว่าเป็นชิ้นส่วนเครื่องบินหรือไม่แต่จากการตรวจสอบ เป็นวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้นมา

ทั้งนี้ได้มีการรายงานเรื่องดังกล่าวให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรับทราบแล้วซึ่งเจ้าหน้าจะทำการถ่ายภาพวัตถุดังกล่าวซ้ำอีกครั้งและนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ประสานไปยังทางการมาเลเซียเพื่อรายงานความคืบหน้า และส่งส่งภาพถ่ายวัตถุที่พบให้มาเลเซียได้ร่วมตรวจสอบว่ามีความเกี่ยวข้องกับเครื่องบินที่สูญหายไปหรือไม่

[attach=2]
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

คนดังจีนแห่ต้านดารา-สินค้ามาเลย์

27 มีนาคม 2557 เวลา 21:34 น.
โดย โพสต์ทูเดย์ออนไลน์

[attach=1]

เซเลบ-คนดังในจีนประกาศต้านสินค้า-ดาราจากมาเลเซีย หลังไม่พอใจรัฐบาลมาเลย์แถลงเครื่องบินอาจตกในมหาสมุทรทั้งที่ยังไม่เจอซาก

เมื่อวันที่ 27 มี.ค.สื่อต่างประเทศรายงานว่า ดาราแถวหน้าหลายคนที่เป็นชาวมาเลเซีย อาทิ อา หนิว, มิเชล โหย่ว, ฟิช เหลียง, ลี ซิน จี และ แกรี เชา อาจจะถูกแบนจากวงการบันเทิงของจีน หลังชาวจีนได้ประกาศคว่ำบาตรสินค้าทุกยี่ห้อที่ผลิตจากมาเลเซีย เนื่องจากไม่พอใจกรณีการสูญหายของเครื่องบินสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่เอ็มเอช370 ที่มีผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นชาวจีน และทางการมาเลเซียยังไม่มีความคืบหน้าในการพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่าการสูญหายเกิดขึ้นจากสาเหตุใด

รายงานข่าวระบุว่า บรรดาบุคคลที่มีชื่อเสียงชาวจีนได้โพสต์ข้อความแสดงความไม่พอใจมาเลเซียอย่างดุเดือด ผ่านเวยโป๋ เครือข่ายสังคมออนไลน์ของจีน รวมทั้งประณามรัฐบาลมาเลเซียว่า สะเพร่า และขาดความรับผิดชอบใดๆ จากการแถลงข่าวล่าสุดของนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่ระบุว่า เครื่องบินน่าจะตกลงสู่มหาสมุทรอินเดีย และไม่มีผู้รอดชีวิต

จางซิยี่ ดารานักแสดงชื่อดังของจีนได้โพสต์ข้อความผ่านเวยโป๋ว่า "มาเลเซียคุณทำร้ายโลก คุณไม่สามารถอธิบายอะไรได้เลยสักอย่าง แบบที่รัฐบาลควรจะทำ คุณสนใจแต่กลยุทธ์การเมืองของคุณมากกว่าจะเคารพชีวิตเพื่อนมนุษย์"

ขณะที่ เฉิน คุณ ดารานักแสดงชื่อดังของจีน โพสต์ข้อความผ่านเวยโป๋ว่า "ผมจะบอยคอตทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับมาเลเซีย ตั้งแต่สินค้าและไม่เดินทางไปที่ประเทศนี้เด็ดขาด"

ด้าน หว่องกาไว ผู้กำกับชื่อดังของวงการบันเทิงฮ่องกง ได้ออกมาแสดงความเสียใจกับครอบครัวของ "จู คุณ" สตั้นแมนคนดังที่เคยร่วมงานกับ เจ็ท ลี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้โดยสารเครื่องบินลำดังกล่าว โดยระบุว่า "ผมอยากให้ครอบครัวของจุน คุณ เข้มแข็งไว้ มันต้องมีปาฏิหาริย์ และผมอยากจะบอกว่า ผมประหลาดใจกับการแถลงข่าวของทางการมาเลเซียมาก คุณต้องมีความหวังสิ ตราบใดที่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่แน่ชัด คุณไม่ควรออกมาพูดอะไรแบบนั้น"

คลิปข่าว : http://edition.cnn.com/video/data/2.0/video/world/2014/03/26/lkl-chiou-chinese-celebs.cnn.html
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

 เปลี่ยนพื้นที่ค้นหาบินมาเลย์

28 มีนาคม 2557 เวลา 11:00 น.
โดย โพสต์ทูเดย์ออนไลน์

[attach=1]

ออสเตรเลียเบนพื้นที่ค้นหาเอ็มเอช 370 หลังได้ข้อมูลใหม่

ศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเลของออสเตรเลีย (เอเอ็มเอสเอ) ระบุว่า ได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่ต้นหาเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบินเอ็มเอช 370 ที่สุญหายไปตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยได้ไปค้นหาห่างจากจุดเดิมที่ค้นหากันอยู่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 1,100 กิโลเมตร หลังจากที่มีหลักฐานใหม่จากมาเลเซีย

เอเอ็มเอสเอ ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ค้นหาไปในพื้นที่ดังกล่าวนั้นอ้างอิงจากการวิเคราะห์ข้อมูลเรดาร์ระหว่างทะเลจียใต้ และช่องแคบมะละกา โดยข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่า เครื่องบินลำดังกล่าวนั้นบินเร็วกว่าคาดการณ์ไว้ใครครั้งแรก ซึ่งหมายความว่าจะต้องใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้น และบินได้ในระยะทางที่ลดลง

"การค้นหาในวันนี้เราจะมุ่งไปทางตะวันออกเฉียงเหนือจากจุดเดิม 1,100 กิโลเมตร โดยอาศัยข้อมูลใหม่ของทีมสืบสวนระหว่างประเทศในมาเลเซีย" เอเอ็มเอสเอ ระบุ พร้อมกล่าวว่า พื้นที่การค้นหาใหม่นั้นกินพื้นที่ 3.19 แสนตารางกิโลเมตร และห่างจากเพิร์ธไปทางตะวันตก 1,850 กิโลเมตร
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

พบชิ้นส่วนอาจเอี่ยวบินมาเลย์

28 มีนาคม 2557 เวลา 21:06 น.
โดย โพสต์ทูเดย์ออนไลน์

[attach=1]

ศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเลออสเตรเลียพบชิ้นส่วนหลากสีในการค้นหาเครื่องบินมาเลเซียพื้นที่ใหม่

ศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเลของออสเตรเลีย (เอเอ็มเอสเอ) ระบุว่า เครื่องบิน 5 ลำ ในทั้งหมด 10 ลำ ที่ออกไปค้นหาเครื่องบินสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบินเอ็มเอช 370 ที่สูญหายไปตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. ที่ผ่านมา พบชิ้นส่วนที่มีหลากหลายสี ในพื้นที่การค้นหาใหม่ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดการค้นหาเดิมไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 1,100 กิโลเมตร

เอเอ็มเอสเอ เอเอ็มเอสเอ เปิดเผยว่า วัตถุที่เห็นนั้น รวมไปถึงชิ้นส่วน 2 ชิ้นที่มีสีน้ำเงิน และเทา ซึ่งเป็นสีที่เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องบินที่หายไป ทว่า ยังไม่ยืนยันว่าวัตถุนั้นมาจากเครื่องบินหรือไม่ และในคืนนี้จะมีการวิเคราะห์รูปภาพดังกล่าวที่เครื่องบินถ่ายมาได้

นอกจากนี้แล้ว เอเอ็มเอสเอ ยังระบุว่า เรือลาดตระเวนของทางการจีนนั้นน่าจะเดินทางเข้าไปถึงพื้นที่ที่ระบุว่ามีชิ้นส่วนดังกล่าวอยู่ในวันที่ 30 มี.ค.นี้ ทั้งนี้ การเปลี่ยนพื้นที่การค้นหาเครื่องบินที่สูญหายไปราว 3 สัปดาห์มีขึ้น หลังจากที่ทางการออสเตรเลียได้ข้อมูลใหม่ จากการวิเคราะห์ข้อมูลเรดาร์ระหว่างทะเลจีนใต้ และช่องแคบมะละกา โดยข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่า เครื่องบินลำดังกล่าวนั้นบินเร็วกว่าคาดการณ์ไว้ ซึ่งหมายความว่าจะต้องใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้น และบินได้ในระยะทางที่ลดลง
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

ทีมค้นหาทางทะเลเร่งเข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย

29 มีนาคม 2557 เวลา 12:53 น.
โดย โพสต์ทูเดย์ออนไลน์

[attach=1]

ทีมค้นหาทางทะเลเร่งเข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยเป็นชิ้นส่วนเอ็มเอช 370 คาดเดินทางถึงจุดพบชิ้นส่วนช่วงเย็นวันนี้

เมื่อวันที่ 29 มี.ค.สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทีมค้นหาเครื่องบินของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ เอ็มเอช 370 จะเดินทางถึงจุดที่มีรายงานว่าพบ วัตถุต้องสงสัยหลายชิ้นในมหาสมุทรอินเดียในช่วงเย็นวันนี้

ขณะที่ สำนักงานความปลอดภัยทางทะเลของออสเตรเลีย (เอเอ็มเอสเอ) ระบุว่า เรือไฮ่ซุน 01 ของจีนได้เดินทางไปถึงบริเวณดังกล่าวแล้ว และจะเก็บชิ้นส่วนต่างๆ ที่พบเพื่อมาตรวจสอบ แม้จะมีขนาดเพียงเท่าฝ่ามือก็ตาม

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 28 มี.ค. เอเอ็มเอสเอรายงานว่า เครื่องบิน 5 ลำ ที่ออกไปค้นหาเครื่องบินที่สูญหาย พบชิ้นส่วนหลากหลายสีในพื้นที่การค้นหาใหม่ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดค้นหาเดิมไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 1,100 กิโลเมตร
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

จีนเจอวัตถุต้องสงสัย3ชิ้นโยงบินมาเลย์

29 มีนาคม 2557 เวลา 18:21 น.
โดย โพสต์ทูเดย์ออนไลน์

[attach=1]

เครื่องบินจีนเจอวัตถุลอยน้ำต้องสงสัย 3 ชิ้น โดยในนี้ 2 ชิ้นมีสีเดียวกับเครื่องบินที่หายไป

สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานว่า เครื่องบินอิลยูชิน ไอแอล-76 ของจีนพบวัตถุต้องสงสัย 3 ชิ้นลอยอยู่บนผิวน้ำ ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์สที่หายไป หลังจากที่เข้าค้นหาบริเวณทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดียในพื้นที่ค้นหาใหม่ที่อยู่ห่างจากจุดการค้นหาเดิมไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 1,100 กิโลเมตร โดยวัตถุทั้ง 3 ชิ้นนั้นมีสีขาว แดง และส้ม

ทั้งนี้ วัตถุที่ลอยน้ำทั้ง 3 ชิ้นนั้น ในจำนวนนี้ 2 ชิ้นมีสีเดียวกับสีภายนอกของเครื่องบินโบอิ้ง 777- 2000 อีอาร์ที่หายไป ซึ่งภายนอกเครื่องบินประกอบไปด้วยสีขาว แดง และน้ำเงิน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันว่า เป็นชิ้นส่วนของเครื่องบินลำดังกล่าวหรือไม่

ขณะเดียวกัน ศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเลของออสเตรเลีย (เอเอ็มเอสเอ) ระบุว่า วัตถุที่พบเห็นในวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมานั้น ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นของเครื่องบินเอ็มเอช 370 จนกว่าเรือจะไปกู้มาได้
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

ออสซี่เผยวัตถุปริศนาในทะเลไม่ใช่ MH370

30 มีนาคม 2557 เวลา 15:47 น.
โดย โพสต์ทูเดย์ออนไลน์

[attach=1]

ออสเตรเลียเผย วัตถุต้องสงสัยในมหาสมุทรอินเดียไม่ใช่ซากเครื่องบินเที่ยวบินMH370 พบเป็นเพียงขยะ-อุปกรณ์ประมง

เมื่อวันที่ 30 มี.ค. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า แอนเดรีย เฮย์เวิร์ด เมแฮร์ โฆษกศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเลของออสเตรเลีย ได้เปิดเผยว่า วัตถุต้องสงสัยซึ่งทางทีมค้นหาเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ เอ็มเอช370 ที่สูญหาย ได้ค้นพบในทะเลทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดียและนำกลับมาตรวจสอบนั้น เป็นเพียงขยะและอุปกรณ์ประมงที่ลอยอยู่ในทะลเท่านั้น โดยไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับเครื่องบินที่หายสาบสูญแต่อย่างใด

"ซากที่พบเป็นเพียงอุปกรณ์ประมงและขยะที่ลอยในทะเลเท่านั้น" เมแฮร์ ให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์ โดยครั้งนี้นับเป็นการเก็บวัตถุต้องสงสัยในทะเลขึ้นมาตรวจสอบได้เป็นครั้งแรก

ความเคลื่อนไหวดังกล่าว เกิดขึ้นท่ามกลางการเดินหน้าปฏิบัติการค้นหาต่อเนื่องไป โดยขณะนี้มีเรือของนานาชาติเข้าร่วมการค้นหาถึง 10 ลำ โดยล่าสุดเรือของออสเตรเลีย ออกจากเมืองเพิร์ทเมื่อคืนวันที่ 29 มี.ค. และจะถึงพื้นที่ค้นหาล่าสุดในอีก 3 วัน เช่นเดียวกับเรือที่มีการติดตั้งเครื่องตรวจจับกล่องดำ ที่ออกจากฝั่งแล้วในวันนี้
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ตอบกลับอย่างรวดเร็ว

ชื่อ:
การยืนยัน:
กรุณาเว้นช่องนี้ว่างไว้:
พิมพ์คำว่า กิมหยง ลงในคำตอบ:
shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง