ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

โอล่ะพ่อ...งานนี้ MH370 งานเข้าแล้วครับ....

เริ่มโดย ฟ้าเปลี่ยนสี, 13:04 น. 16 มี.ค 57

ฟ้าเปลี่ยนสี

นาจิบแถลง ระบบสื่อสารบน MH370 ถูกปิดโดยตั้งใจ

15/03/2557 15.30 น.
จาก ThaiArmedForce

[attach=1]
เส้นทางการบินของ MH370 ที่ลากเส้นตามข้อมูลล่าสุดจากเรดาร์ทางทหารที่รอยเตอร์เปิดเผย

นานาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีมาเลเซียแถลงในวันนี้ว่าระบบสื่อสารบนเที่ยวบิน MH370 ถูกปิดโดยตั้งใจ จากใครก็ตามในเครื่องบิน และทำการบินต่อเนื่องอีกถึง 7 ชั่วโมงหลังจากนั้น

ตอนนี้การสอบสวนมุ่งไปที่ลูกเรือและผู้โดยสารที่อยู่บนเครื่อง

แต่นายนาจิบยังไม่ได้กล่าวยืนยันว่าเครื่องบินถูกจี้ โดยบอกว่าแม้สื่อจะรายงานว่าเครื่องบินถูกจี้ก็ตาม แต่เขาก็ยังไม่ตัดความเป็นไปได้ใด ๆ ของการหายไปของเที่ยวบิน MH370 ออกไป

"การสื่อสารครั้งสุดท้ายระหว่างเครื่องบินและดาวเทียมระบุถึงความเป็นไปได้ของจุดหมายปลายทางสองที่ หนึ่งคือการไปทางเหนือจากชายแดนของคาซัสถานและเติร์กมานิสถานจนถึงภาคเหนือของไทย หรือการไปทางใต้จากอินโดนิเซียถึงตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย และตอนนี้ทีมสิบสวนกำลังทำงานเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมอยู่" นายราจิบกล่าว

เขายังกล่าวอีกว่า จากข้อมูลดาวเทียว มีความเป็นไปได้สูงที่ระบบ Aircraft Communications Addressing and Reporting หรือ ACAR ซึ่งเป็นสื่อสารของเครื่องบินมายังภาคพื้นดินจะถูกปิดก่อนที่เครื่องบินจะบินถึงชายฝั่งตะวันออกของมาเลเซีย หลังจากนั้นเมื่อเครื่องเข้าใกล้ขอบเขตระหว่างเขตการควบคุมจราจรทางอากาศของมาเลเซียและเวียดนาม ระบบระบุตัวตนของอากาศยาน (Trasnsponder) ก็ถูกปิดลง

ผลจากการสอบสวนในครั้งนี้ทำให้การค้นหาในทะเลจีนใต้ถูกลดระดับ และจะเน้นไปที่การค้นหาในทะเลอันดามันและมหาสมุทรอินเดียแทน


14/03/2557 22.30 น.

รอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนเผยเส้นทางการบินของ MH370 ที่ได้จากเรดาร์ทางทหารของมาเลเซีย

สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของมาเลเซียที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนการณีการหายไปของเที่ยวบิน MH370 ว่า ผู้สอบสวนเชื่อว่าเที่ยวบิน MH370 เดินทางไปตาม Waypoint ของเส้นทางการบินตามแผนที่การบิน (IFR Enroute Map) ดังนั้น เชื่อได้ว่าเครื่องบินจะต้องถูกทำการบินด้วยนักบินหรือไม่ก็ผู้ที่มีความรู้ด้านการบินอย่างแน่นอน

โดยข้อมูลจากเรดาร์ทางทหารของมาเลเซียระบุว่าเครื่องบินบินออกไปทางทิศทางที่มุ่งสู่ทะเลอันดามันและหมู่เกาะนิโคลบาร์ของอินเดีย ซึ่งถ้าข้อมูลนี้ถูกต้อง แปลว่าเที่ยวบินอาจจะถูกก่อวินาศกรรมหรือถูกจี้ก็ได้

นอกจากนี้ ตำรวจมาเลเซียยังพยายามสืบสวนว่าผู้โดยสารหรือลูกเรือคนใดมีประวัติโรคทางจิตเวชหรือไม่ และกำลังอยู่ในระหว่างประสานขอข้อมูลเรดาร์จากประเทศไทย อินโดนิเซีย และสิงคโปร์ เนื่องจากเชื่อว่าระยะ 200 ไมล์ทะเลจากปีนังซึ่งเป็นสัญญาณสุดท้ายของเที่ยวบิน MH370 ของมาเลเซียน่าจะเป็นระยะไกลสุดของระยะตรวจจับของเรดาร์ทางทหารของมาเลเซีย

ณ ตอนนี้ การค้นหายังไม่พบซากชิ้นส่วนหรือร่องรอยใดที่บ่งชี้ชะตากรรมของเที่ยวบิน MH370 แต่อย่างใด โดยในพรุ่งนี้กองทัพเรือจะส่งเรือหลวงสงขลาและเรือหลวงสัตหีบ พร้อมเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเลแบบ Do-228 ออกค้นหาในอ่าวไทยด้วย
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

บทเรียนจาก MH370 เรามีช่องว่างในการป้องกันภัยทางอากาศหรือไม่ | Lesson from MH370 - Do we have a loophold in Air Defense System?

Sunday, 16 March 2014 12:45
จาก ThaiArmedForce

[attach=1]
เส้นสีแดงคือตำแหน่งที่เป็นไปได้ที่คาดว่าจะเป็นตำแหน่งสุดท้ายของ MH370
เมื่อใช้สัญญาณดาวเทียมมาทำการวิเคราะห์

พลันหลังจากที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นายนาจิบ ราซัก แถลงว่ามีความพยายามของใครบางคนบนเครื่องบินที่จงใจปิดระบบสื่อสารการบินของเที่ยวบิน MH370 และวกกลับพร้อมบินต่ออีก 7 ชั่วโมงไปยังที่ใดสักแห่งตั้งแต่คาซัสถานถึงภาคเหนือของไทย หรือลงใต้ไปยังมหาสมุทรอินเดีย นอกชายฝั่งออสเตรเลีย แม้ว่านายกนาจิบจะยังไม่อยากใช้คำว่าเครื่องบินถูกจี้ (Hijack) แต่จากหลักฐานที่ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อการสืบสวนดำเนินไป ทำให้การสูญหายไปของเที่ยวบิน MH370 ดูเหมือนจะกลายเป็นการจงใจกระทำมากกว่าอุบัติเหตุ

แน่นอนว่าผู้ที่สามารถปิดระบบสื่อสารการบินของเที่ยวบินและสามารถบังคับให้เครื่องบินเดินทางไปตามเส้นทางบิน IFR Route ได้ จะต้องเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญเรื่องการบิน คือ ต้องเป็นนักบิน หรืออย่างน้อยที่สุดจะต้องรู้เรื่องการบินเป็นอย่างดี ก่อนที่เครื่องบินจะวกกลับ เครื่องบินได้ไต่ระดับขึ้นไปถึงเพดานบินกว่า 40,000 ฟุต ก่อนเลี้ยวกลับ และลดระดับอย่างรวดเร็วลงมาที่เพดานบิน 23,000 ฟุต พร้อมกับปิดระบบ transponder ซึ่งเป็นอุปกรณ์ระบุตัวตนของเครื่องบิน ที่ทำให้เรดาร์ทุติยภูมิ (secondary surveillance radar; SSR) ซึ่งเป็นเรดาร์หลักที่ใช้ในระบบควบคุมจราจรทางอากาศของพลเรือนไม่สามารถระบุตัวตนของอากาศยานได้


อย่างไรก็ดี เรดาร์ปฐมภูมิ (primary surveillance radar; PSR) ที่ใช้เป็นเรดาร์หลักในระบบป้องกันทางอากาศของกองทัพ และสามารถตรวจจับอากาศยานได้แม้ไม่มีการเปิดระบบ transponder เพียงแต่ไม่สามารถระบุตัวตนของอากาศยานได้ชัดเจนนั้น (ถ้ามีระบบประมวลผลข้อมูลเรดาร์ที่ดีพอ เรดาร์จะสามารถแยกแยะขนาดและรูปร่างของอากาศยานที่ตรวจพบได้ แต่ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นอากาศยานของฝ่ายใด) ก็ยังสามารถตามติดเที่ยวบิน MH370 ซึ่งตอนนี้ถูกระบุว่าเป็นอากาศยานไม่ปรากฏสัญชาติได้ จนถึงระยะ 200 ไมล์ทะเล ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของปีนัง ซึ่งเชื่อว่านี่คือระยะไกลสุดของระยะตรวจจับของเรดาร์ทางทหารของมาเลเซีย

ทั้งนี้ ThaiArmedForce คาดว่า เรดาร์ดังกล่าวของกองทัพอากาศมาเลเซีย น่าจะเป็นเรดาร์แบบ RAT-31DL ของบริษัท SELEX Sistemi Integrati ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นเรดาร์ตรวจการณ์ทางอากาศระยะไกล 3 มิติ (ให้ทั้งตำแหน่งและความสูงของอากาศยานได้) ประเภท phased array ใช้เทคโนโลยี solid state ที่ทันสมัย ทำงานในย่านความถี่ L-band (NATO D-band) มีระยะตรวจจับไกลสุดถึง 250 ไมล์ทะเล (470 กิโลเมตร) ที่เพดานบินสูงสุด 98,425 ฟุต (30 กิโลเมตร) หลังจากนั้น ไม่มีใครทราบชะตากรรมของเที่ยวบิน MH370 อีกเลย

แม้การวิเคราะห์สัญญาณของระบบ Aircraft Communications Addressing and Reporting หรือ ACAR ซึ่งเป็นระบบส่งข้อมูลอัตโนมัติของเครื่องบินจะไม่สามารถระบุตำแหน่งที่ชัดเจนของเที่ยวบิน MH370 ได้ เนื่องจาก ACAR มักจะส่งข้อมูลเพียงแต่ข้อมูลสถานะการทำงานของเครื่องยนต์ การทำงานของระบบต่าง ๆ บนเครื่อง หรือน้ำมันเป็นต้น ไม่ได้ส่งพิกัดของอากาศยานมา แต่การหา Coordinate จากสัญญาณที่ส่งจากเที่ยวบิน MH370 ขึ้นสูงดาวเทียมของ Boeing ก็ทำให้สามารถระบุคร่าว ๆ ได้ว่าเที่ยวบินนี้ต้องไปที่ไหนสักแห่งทางเหนือหรือใต้ และยังทำการบินอยู่อีกถึง 7 ชั่งโมง หรือหมายความว่าสัญญาณ ACAR สุดท้ายที่ดาวเทียมได้รับคือตอน 8 โมงเช้าตามเวลามาเลเซีย นั้นหมายถึงว่า เครื่องบินยังคงบินอยู่ ณ ตอน 8 โมงเช้า ที่ไหนสักแห่ง

คำถามสำคัญก็คือ ในเมื่อเที่ยวบิน MH370 ปิด Transponder ทำให้ไม่สามารถระบุตัวตนหรือสัญชาติของอากาศยานได้ ทำไมระบบป้องกันภัยทางอากาศของประเทศในแถบนี้ไม่แจ้งเตือนถึงการรุกล้ำน่านฟ้าของอากาศยาน?

เมื่อวัดจากข้อมูลทางด้านการบิน สำนักข่าว Reuters ได้รับข้อมูลชั้นความลับที่ระบุรายละเอียดของเที่ยวบิน MH370 หลังจากเปลี่ยนทิศทางกระทันหัน โดยตำแหน่งสุดท้ายของ MH370 คือ 90 ไมล์ทะเลนอกชายฝั่งตะวันตกของมาเลเซียที่ความสูง 35,000 ฟุตมุ่งหน้าสู่เวียดนามใกล้ Igari Waypoint ในเวลาราว 1.21 น. ตามเวลามาเลเซีย หลังจาก Transponder ถูกปิด MH370 เลี้ยวอย่างรุนแรงไปยังทิศตะวันตก มุ่งหน้าสูง Vampi Wapoint เหนือจังหวัดอาเจาะห์ของอินโดนิเซีย และใช้เส้นทาง N571 ที่จะมุ่งหน้าไปยังตะวันออกกลาง แต่หลังจากนั้น เที่ยวบินก็บินไปยัง Gival Waypoint ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของเกาะภูเก็ต และมุ่งหน้าอีกครั้งไปยัง Igrex Waypoint โดยใช้เส้นทาง P628 ซึ่งจะบินไปยังหมู่เกาะในทะเลอันดามันและเป็นเส้นทางในการบินไปยุโรปในเวลา 02.15 น. และนั่นคือตำแหน่งสุดท้ายที่เรดาร์ทางทหารของมาเลเซียตรวจจับได้

[attach=2]
เส้นทางการบินของ MH370 ที่ลากเส้นตามข้อมูลล่าสุดจากเรดาร์ทางทหารที่รอยเตอร์เปิดเผย

ThaiArmedForce เชื่อว่า การจงใจปิด Transponder ในช่วงคาบเกี่ยวระหว่างเขตการควบคุมการจราจรทางอากาศของมาเลเซียและเวียดนาม อาจเป็นการจงใจเพื่อลดความสนใจของเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศของทั้งสองประเทศ โดยมาเลเซียอาจคิดว่าเที่ยวบิน MH370 พ้นไปจากการควบคุมของตนแล้ว ส่วนเวียดนามอาจคิดว่าเที่ยวบิน MH370 ยังมาไม่ถึงเขตการควบคุมของตนจึงไม่ได้รับรายงาน และไม่มีใครสนใจในที่สุด

แม้ตอนนี้ยังไม่มีใครทราบว่าเที่ยวบิน MH370 มุ่งหน้าไปทางไหน เนื่องจากต้องรอการวิเคราะห์ข้อมูลเรดาร์ของประเทศข้างเคียง ไม่ว่าจะเป็นอินเดีย อินโดนิเซีย หรือไทย แต่คำถามสำคัญก็คือเพราะเหตุใดระบบป้องกันภัยทางอากาศของทั้ง 4 ประเทศจึงไม่แจ้งเตือน หรือไม่มีแม้แต่การบินขึ้นสกัดกั้นของเครื่องบินขับไล่

ทั้งนี้ ภารกิจสำคัญภารกิจหนึ่งของกองทัพอากาศคือการป้องกันภัยทางอากาศจากอากาศยานที่ไม่ปรากฏสัญชาติ สำหรับองค์กรสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือ NATO จะเรียกภารกิจนี้ว่า Quick Reaction Alert หรือ QRA ซึ่งจะเป็นการเตรียมเครื่องบินขับไล่ให้พร้อมอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อกองบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศตรวจพบอากาศยานไม่ปรากฏสัญชาติหรืออากาศยานที่บินออกนอกเส้นทางการบิน ก็จะมีคำสั่งให้เครื่องบินที่เตรียมพร้อมรีบขึ้นบินเพื่อเข้าสกัดกั้นและพิสูจน์ทราบอากาศยานต้องสงสัย ยกตัวอย่างเช่นในญี่ปุ่นที่ในปี 2555 มีการบินขึ้นสกัดกั้นเครื่องบินของจีนที่เข้าใกล้น่านฟ้าญี่ปุ่นถึง 306 ครั้ง เป็นต้น

กองทัพอากาศไทยมีระบบเรดาร์ที่อยู่ในโครงการ RTADS (Royal Thai Air Defense System) เฟส 3 ที่ครอบคลุมพื้นที่ในภาคใต้ที่จังหวัดสงขลา สมุย และภูเก็ต ซึ่งมีพิสัยตรวจจับได้ไกลถึงชานเมืองกัวลาลัมเปอร์ ชานเมืองเมดาน ชานเมืองบันดาร์ อาห์เจาะห และครอบคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทย และมีศูนย์บัญชาการป้องกันภัยทางอากาศย่อยในพื้นที่ภาคใต้อยู่ที่กองบิน 7 สุราษฎร์ธานี และมีการจัดเตรียมเครื่องบินสำหรับภารกิจ QRA ที่กองบิน 7 สุราษฎร์ธานีเช่นกัน

ซึ่งตามหลักการป้องกันภัยทางอากาศแล้ว เขตแดนประเทศไทยทั้งเหนือพื้นดินและพื้นน้ำจะถูกกำหนดให้เป็นเขตพิสูจน์ฝ่ายเพื่อการป้องกันทางอากาศของไทย (Thailand Air Defense Identification Zone: TADIZ) ซึ่งอากาศยานที่บินผ่านเข้าออกในบริเวณนี้จะต้องมีการพิสูจน์ฝ่ายหรือการระบุตัวตนของอากาศยานนั้น และต้องรายงานตำแหน่งของตน รวมถึงอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศ แต่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพอากาศได้จัดแบ่งเขตพิสูจน์ฝ่ายเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศล่วงหน้าของไทย (Thailand Air Defense Indentification Buffer Zone: TAD-BUZ) โดยมีพื้นที่ 100 ไมล์ทะเลจากเขต TADIZ โดยใน 100 ไมล์ทะเลนี้จะแบ่งพื้่นที่เป็นสองเขตคือ เขตนอก (Twilight Zone - TIZ) คือเขตที่ห่างจาก TADIZ ตั้งแต่ 50-100 ไมล์ทะเล และเขตใน (Midnight Zone: MIZ) คือเขตที่ห่างจาก TADIZ ตั้งแต่ 0-50 ไมล์ทะเล โดยมีลำดับการตอบสนองดังนี้

1. เมื่ออากาศยานไม่ปรากฏสัญชาติบินอยู่นอกเขต TAD-BUZ นั้น กองทัพอากาศจะทำการพิสูจน์ฝ่าย
2. ถ้าพิสูจน์ไม่ได้จะกำหนดเป้าหมายนั้นให้เป็นเป้าหมายรอการพิสูจน์ฝ่าย (Pending-P)
3. ถ้าอากาศยานนั้นบินเข้ามาในเขต TIZ และยังไม่สามารถพิสูจน์ฝ่ายได้ กองทัพอากาศจะกำหนดให้เป้าหมายนั้นเป็นเป้าหมายไม่ทราบฝ่ายที่มีความสำคัญน้อย (Non-Sinificant Unknow: NU)
4. ถ้าอากาศยานนั้นบินเข้ามาในขต MIZ และยังไม่สามารถพิสูจน์ฝ่ายได้ กองทัพอากาศจะกำหนดให้เป้าหมายนั้นเป็นเป้าหมายไม่ทราบฝ่าย (Unknown-U) และจะสั่งการใช้กำลังทางอากาศที่เหมาะสมต่อไป

ซึ่งในประเด็นนี้ ThaiArmedForce ตรวจสอบไปยังกองทัพอากาศ โดยโฆษกกองทัพอากาศ พลอากาศตรี มณฑล สัชฌุกร เปิดเผยว่ากองทัพอากาศตรวจพบเที่ยวบิน MH370 ครั้งเดียวในตอนบินขึ้นจากสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ และหลังจากนั้นไม่สามารถตรวจจับสัญญาณของเที่ยวบิน MH370 ได้อีกเลย และยืนยันว่าเที่ยวบินนี้ไม่ได้เข้าสู่น่านฟ้าของไทย พร้อมกล่าวว่ากองทัพอากาศยังคงใช้งานระบบเรดาร์ตลอด 24 ชั่วโมงและมีการเตรียมพร้อมการบินขึ้นสกัดกั้นตลอดเวลา และได้ส่งข้อมูลเรดาร์ของกองทัพอากาศนี้ไปยังกองทัพอากาศมาเลเซียตามที่ทางการมาเลเซียร้องขอแล้ว

ข้อมูลนี้ขัดแย้งกับข้อมูลเส้นทางการบินที่รอยเตอร์เปิดเผย ซึ่งคาดว่าหลังจากเที่ยวบิน MH370 หันหลังกลับนั้นได้บินผ่านหาดใหญ่ก่อนที่จะข้ามตัดจังหวัดนราธิวาสและสลูตไปยังช่องแคบมะละกาพร้อมขึ้นเหนือไปยังทะเลอันดามัน ซึ่งถ้าข้อมูลของรอยเตอร์เป็นจริง แปลว่าเที่ยวบิน MH370 ซึ่งกลายเป็นเที่ยวบินไม่ปรากฏสัญชาติจะล้ำจาก TIZ เข้ามาใน MIZ และเข้าสู่ TADIZ แล้ว

ถ้าข้อมูลของรอยเตอร์เป็นความจริง ก็อาจตีความได้สองอย่าง นั่นคือกองทัพอากาศพิสูจน์ทราบได้แล้วว่าเป็นเที่ยวบิน MH370 และหรือกองทัพอากาศอาจไม่สามารถพิสูจน์ทราบได้ แต่ตัดสินใจปล่อยผ่านไปเนื่องจากอาจประเมินว่าเป้าหมายไม่มีภัยคุกคาม แต่ถ้าข้อมูลของรอยเตอร์ไม่เป็นความจริง ก็อาจอ้างอิงจากคำพูดของโฆษกกองทัพอากาศได้ว่าเที่ยวบิน MH370 ไม่ได้ล้ำเข้ามาในน่านฟ้าไทย

ซึ่ง ThaiArmedForce ไม่มีข้อมูลหรือหลักฐานที่เพียงพอจะยืนยันว่าข้อมูลใดเป็นความจริงระหว่างข้อมูลของรอยเตอร์หรือข้อมูลของกองทัพอากาศไทย และการป้องกันภัยทางอากาศของประเทศอื่น ๆ เช่นอินเดีย หรืออินโดนิเซีย โดยเฉพาะมาเลเซียเอง ก็มีหลักการที่ไม่ต่างกันนัก แต่เท่าที่ข้อมูลปรากฏอยู่ตอนนี้ ไม่พบว่าทั้ง 4 ประเทศได้ส่งอากาศยานขึ้นสกัดกั้นหรือมีการแจ้งเตือนใด ๆ กับเที่ยวบิน MH370 ซึ่งบินออกนอกเส้นทางที่แจ้งไว้และปิด Transponder ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถพิสูจน์ฝ่ายได้ แม้ว่าเที่ยวบินนี้จะบินเข้าใกล้หรือแม้แต่ผ่านเขตป้องกันภัยทางอากาศของหลายประเทศก็ตาม

นี่จึงเป็นคำถามสำคัญที่ ThaiArmedForce ตั้งข้อสังเกตุว่า กองทัพอากาศของทั้ง 4 ประเทศมีความจริงจังในการป้องกันภัยทางอากาศมากน้อยแค่ไหน หรือถ้าตรวจจับเที่ยวบิน MH370 ที่กลายเป็นเที่ยวบินไม่ปรากฏสัญชาติได้ แต่ไม่มีการตอบสนอง นั่นเป็นเพราะอะไร หรืออาจไม่สามารถตรวจจับได้เนื่องจากระบบเรดาร์ไม่พร้อมทำงาน เพราะถ้าข้อมูลที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียแถลงเป็นความจริง ควรจะมีการตอบสนองที่มากกว่านี้จากกองทัพอากาศของทั้ง 4 ประเทศ

อ้างอิง

1. Niluksi Koswanage and Siva Govindasamy, "Exclusive: Radar data suggests missing Malaysia plane deliberately flown way off course - sources", Reuters, http://www.reuters.com/article/2014/03/14/us-malaysia-airlines-radar-exclusive-idUSBREA2D0DG20140314
2. Robin, "QRA - Air Defense Scrambles numbers in 2012", http://www.fightercontrol.co.uk, http://www.fightercontrol.co.uk/forum/viewtopic.php?f=287&p=491132
3. โรงเรียนนายทหารชั้นผู้บังคับหมวดกองทัพอากาศ, "วิชา ระบบการป้องกันทางอากาศ", http://www.officer.rtaf.mi.th/e-book/group2/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B2%20%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8.pdf
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

w_2005


ซัมเบ้ Note 7 Jr.

แทบจะทันทีที่มีข่าวว่าเที่ยวบินนี้เปลี่ยนเส้นทางบินไปบริเวณมหาสมุทรอินเดีย  อเมริกาก็เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย มันโยงถึงอะไรรึเปล่า ส.อืม
ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป

DragonZz

อ่านบทความของอาจารย์ น่าสนใจและเป็นสมุติฐานที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดตอนนี้ จากข้อมูลแหล่งข่าวต่างๆ ลองอ่านดูครับว่าน่าจะเป็นฝีมือใคร

https://www.facebook.com/media/set/?set=a.221562068033828.1073741945.187529244770444&type=1

ฟ้าเปลี่ยนสี

อ้างจาก: ผู้พัน กองร้อย 4x4 เมื่อ 09:19 น.  17 มี.ค 57
แทบจะทันทีที่มีข่าวว่าเที่ยวบินนี้เปลี่ยนเส้นทางบินไปบริเวณมหาสมุทรอินเดีย  อเมริกาก็เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย มันโยงถึงอะไรรึเปล่า ส.อืม

ตัวดีเลยครับ อเมริกา เดี๊ยวผมหาข้อมูลมาให้อ่าน ครับผม  ส.มองลอดแว่น
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

หลากมุมมองกูรูออนไลน์ "MH370" อยู่ไหน?....

16 มีนาคม 2557 เวลา 21:48 น.
โดย...โพสต์ทูเดย์ออนไลน์

[attach=1]

ล่วงเข้าวันที่ 9 แล้วที่เครื่องบินโบอิ้ง เที่ยวบินที่ MH370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ท่ามกลางความตกตะลึงของคนทั้งโลก ถึงวันนี้ยังไม่มีใครทราบชะตากรรมของผู้โดยสารและลูกเรือทั้ง 239 ชีวิต

ขณะที่สื่อทุกประเทศต่างเกาะติดสถานการณ์กันแบบชนิดนาทีต่อนาที ในโลกไซเบอร์เองก็มีหลายฝ่ายวิเคราะห์ถึงสาเหตุความเป็นไปได้ของการหายไปของเครื่องบินลำนี้ ไลตั้งแต่อุบัติเหตุระเบิดกลางอากาศ ตกทะเล ภัยก่อการร้าย จนถึงปฏิบัติการจี้เครื่องบินซึ่งข้อสันนิษฐานสุดท้ายดูเหมือนว่าจะมีน้ำหนักมากที่สุดแล้วในนาทีนี้

.................

เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์สเตรท ไทม์ ของมาเลเซีย เปิดเผยว่ามีหลักฐาน 3 ชิ้นที่ระบุชี้ชัดว่าเครื่องบินสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สสูญหายไป เพราะถูกยึดโดยคนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการทำงานของเครื่องบิน

หลักฐานชิ้นแรกคือเครื่องรับส่งเรดาร์ ซึ่งเป็นระบบสัญญาณที่บ่งชี้สถานะของเครื่องบินบนจอเรดาร์ในเที่ยวบินนี้ ถูกปิดระบบโดยบุคคลที่อยู่บนเครื่องบิน เป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ในระหว่างทำการบิน

หลักฐานชิ้นต่อมาระบุว่าระบบการสื่อสารข้อมูลของสายการบินทั้ง 2 ระบบ ที่ใช้สำหรับส่งข้อความสั้นผ่านดาวเทียม หรือคลื่นวิทยุระบบวีเอชเอฟ ไปยังระบบเครือข่ายของสายการบินถูกปิด

หลักฐานชิ้นที่สุดท้ายคือ ระบบนำทางการบิน ซึ่งเรดาร์ของทางการทหารของมาเลเซียจับสัญญาณได้ว่า เครื่องบินกำลังมุ่งหน้าไปทางตะวันตก หลังจากที่ระบบเครื่องรับส่งเรดาร์ถูกปิด และเรดาร์ของฝ่ายพลเรือนไม่สามารถจับสัญญาณเครื่องบินลำนี้ได้

น่าแปลกตรงที่วันเดียวกันนั้นเอง "ราจิบ นาซัก" นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แถลงให้กองทัพเรือทั้ง 13 ชาติ ยุติการปฏิบัติการค้นหาเครื่องบิน MH370 คล้อยหลังไม่กี่ชั่วโมงทางตำรวจมาเลเซียได้เข้าตรวจค้นบ้านของกัปตัน "ซาฮารี อาหมัด ซาห์" วัย 53 ปี นักบินของเที่ยวบิน MH370 สายการบิน มาเลเซีย แอร์ไลน์ส ตามด้วยการตรวจค้นบ้านของ "ฟาริกอับดุล ฮามิด" นักบินที่ 2 วัย 27 ปี เพื่อรวบรวมหลักฐานว่า นักบินทั้ง 2 ราย มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของเที่ยวบิน MH370 สายการบิน มาเลเซีย แอร์ไลน์สหรือไม่

"พิภพ อุดมอิทธิพงศ์" นักวิชาการอิสระ วิเคราะห์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Pipob Udomittipong ว่าจากข้อมูลที่มีอยู่ในขณะนี้ชี้ว่าทั้งกัปตันและนักบินที่สองน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพาเที่ยวบินนี้ออกนอกเส้นทาง หรือเรียกว่า "hijack" ภายหลังจากที่อุปกรณ์เรดาร์ส่งและรับสัญญาณตำแหน่งที่บิน และความสูงที่ติดตั้งบนเครื่องบิน (transponders) ถูกปิดตอนเวลา 01.00 น. ทำให้เครื่องบินขาดการติดต่อกับหอบังคับการภาคพื้นดิน แต่เครื่องบินนี้ยังคงบินอยู่ต่ออีกอย่างน้อย 7 ชั่วโมง

จากข้อมูลเรดาร์ทหารมาเลเซียตรวจพบคือเครื่องบินบินด้วยอาการผิดปกติ ทั้งการไต่ระดับไปที่ความสูงต้องห้ามเกินกว่า 4.5 หมื่นฟุต และการลดระดับอย่างรวดเร็วเมื่อใกล้เกาะปีนัง จากนั้นก็เชิดหัวขึ้นอีก (ซึ่งบางข่าวบอกเพื่อเป็นการ "น็อค" ผู้โดยสารให้ "หลับสนิท") ตลอดจนการบินออกนอกเส้นทาง รวมทั้งสัญญาณ ping กับดาวเทียม ตามการเปิดเผยของบริษัทดาวเทียมสัญชาติอังกฤษ Inmarsat ทางการมาเลเซียจึงเริ่มพุ่งเป้าสงสัยไปที่นักบินที่หนึ่งและสองทันที

พิภพตั้งข้อสังเกตว่า สื่อต่างๆพากันรายงานสิ่งที่น่าสงสัยเกี่ยวกับนักบิน คนแรก Fariq Abdul Hamid 27 ปี นักบินที่ 2 ที่มีชั่วโมงบินเพียง 6 ผู้ที่เพิ่งถูกผู้โดยสารสาวแฉพร้อมรูปถ่ายว่าได้รับเชิญให้ไปนั่งในห้องนักบินตลอดทั้งไฟลต์ขณะที่เครื่องกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า เมื่อปี 2554

คนที่สอง กัปตัน Zaharie Ahmad Shah 53 ปี นักบินที่ 1 ซึ่งมีประสบการณ์การบินมากกว่า 34 ปี เขาเป็นคนคลั่งการบินหนักถึงกับติดตั้ง flight simulator ที่บ้านพักหรู รายงานข่าวระบุว่าเพื่อนร่วมงานบอกว่าเขาเป็นคนคลั่งการเมืองอย่างหนักและเสริมว่าเขายังเป็นนักกิจกรรมด้านสังคมด้วย สรุปว่ามีความเป็นไปได้ว่าปฏิบัติการครั้งนี้อาจเป็นสัญลักษณ์ทางการเมืองอย่างหนึ่ง

"เสธ.น้ำเงิน" แนวรบไซเบอร์ขวัญใจชาวเฟซบุ๊ก โพสต์ความเห็นส่วนตัวว่าขณะที่เครื่องบิน MH370 กำลังบินไปได้ราวหนึ่งชั่วโมงเศษ ก็ได้มีเครื่องบินล่องหนสัญชาติอเมริกันชื่อ "AWACS" ที่มีความสามารถรบกวนการตรวจจับของเรดาห์ภาคพื้นดินคอยบินประกบ จนสัญญาณเครื่องบินหายไปเฉยๆ จากนั้นจึงใช้เครื่องบิน "สเตลท์" ที่ล่องหนเรดาร์ได้เองบินประกบบังคับ แล้วเจาะเข้าระบบ FBW (fly-by-wire ระบบที่สามารถใช้แทนระบบควบคุมการบินด้วยมือ โดยมีการเชื่อมสัญญาณการบิน ทำให้เครื่องบินสามารถถูกบังคับได้เหมือนเครื่องบินไร้คนขับ)

ขณะเดียวกันอาจมีหนอนบ่อนไส้ภายในเที่ยวบินนี้ โดยเสธ.น้ำเงินระบุว่าอาจเป็นทีมซีลหน่วยปฎิบัติการลับของกองทัพสหรัฐ แฝงตัวไปเป็นผู้โดยสาร ร่วมมือกับนักบิน แล้วทำการจี้ยึดควบคุมเครื่องบิน โดยมีผู้เชี่ยวชาญความรู้ทางการบินตั้งใจปิดทั้งระบบสื่อสารและระบบเรดาร์แบบแอคทีฟ มีผลทำให้เครื่องบินอันตรธานหายไปจากจอเรดาร์ของหอการบินพาณิชย์ แล้วก็ปิดระบบวิทยุระบบติดตามด้วย

จากนั้นเครื่องบินก็จะถูกบังคับทิศทางบินสู่จุดหมายใหม่ ให้เปลี่ยนบินออกนอกเส้นทางเดิม โดยอาจบินในระยะต่ำเพื่อหลบเรดาร์แบบสะท้อนกลับ ไปทางช่องแคบมะละกา และหักวกหัวเครื่องขึ้นทางทิศตะวันตกเฉียงเหนืออีกครั้ง ย้อนไปยังมหาสมุทรอินเดีย ผ่านหมู่เกาะอันดามัน ซึ่งเป็นทิศทางของสายการบินพาณิชย์ทั่วไปที่ใช้เส้นทางนี้ เวลาบินไปตะวันออกกลาง

ก่อนจะขับเครื่องบินลำนี้ไปลงในสถานที่ 5 แห่งตามที่หลายฝ่ายตั้งข้อสันนิษฐานกันถึงความเป็นไปได้ ประกอบด้วย 1.สนามบินของกองทัพอากาศสหรัฐในฟิลิปปินส์ 2.แถวเกาะนิโคบาร์ หรือเกาะดิเอโก้ การ์เซีย ซึ่งเป็นฐานทัพของสหรัฐฯ ทางทิศใต้มหาสมุทรอินเดีย 4.สาธารณรัฐเซเชลเลส ในมหาสมุทรอินเดีย 5.ประเทศเติร์คเมนิสสถาน หรือคาซัคสถาน

เหตุผลหลักใหญ่ใจความของการไฮแจ็กเครื่องบินลำนี้ มีเป้าหมายหลักอยู่ที่การคุมตัวพนักงาน และนักวิทยาศาสตร์ระดับสูงจากบริษัทผลิตอาวุธ 12 คน และยึดข้อมูลในไดร์ฟที่เป็น Freescale Semiconductor เทคโนโลยีล้ำสมัยเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธแห่งอนาคต เนื่องจากพนักงานกลุ่มนี้กำลังเดินทางไปประเทศจีน เพื่อขายและถ่ายทอดเทคโนโลยีนี้ให้กับจีน

หรืออาจเป็นเรื่องการควบคุมเครื่องบินเพื่อเอาสินค้าลับกลับไป ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานลับเรื่องการบรรทุกสินค้าวัตถุ นิวเคลียร์หรือชีวภาพ ด้วยเรือเดินทะเลขนาดใหญ่ของสหรัฐ ไปพักของที่สาธารณรัฐเซเชลส์ ซึ่งเป็นประเทศที่เป็นหมู่เกาะที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของแอฟริกา ในมหาสมุทรอินเดีย จากนั้นขนต่อมาที่มาเลเซีย แล้วถ่ายขึ้นเครื่องบินลำนี้เพื่อไปที่กรุงปักกิ่ง แต่ดูเหมือนว่าสหรัฐ จะระแคะระคายรู้ว่ามีการทรยศขายความลับให้กับรัสเซียและจีน ซึ่งเตรียมจะบังคับเครื่องบินเที่ยวนี้ ให้ไปจอดที่สนามบินมณฑลไหหลำก่อน เพื่อเช็คว่ามันคืออะไรกันแน่ สหรัฐจึงต้องมาชิงเอาสินค้านิวเคลียร์หรือชีวภาพ คืนไป แต่เนื่องจากคอนเทนเนอร์สินค้านี้มีขนาดใหญ่ จึงต้องจี้เอาเครื่องบินนี้ไปทั้งลำโดยติดผู้โดยสารและลูกเรือไปด้วย

อย่างไรก็ตามคาดว่าผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมดปลอดภัย (ถ้าไม่ขัดขืนหรือต่อสู้) ทั้งหมดจะได้รับการดูแลตามสมควรพื้นฐาน เพราะจุดคุมขังที่พื้นที่เกาะนิโคบาร์ เกาะดิเอโก้ การ์เซีย หรือที่ สาธารณรัฐเซเชลส์ ในมหาสมุทรอินเดียนั้นจะต้องมีการเตรียมการด้านอาหารทั้งผู้ใหญ่และเด็ก ทั้งเครื่องนุ่งห่ม จุดคุมขัง และยารักษาโรค แต่จะจำกัดเพียงเสรีภาพห้ามสื่อสารเท่านั้น

ด้าน ผู้ใช้ชื่อเฟซบุ๊กว่า Von Richthofen ได้หยิบทฤษฎีสมคบคิดมาวิเคราะห์ว่าเครื่องบินไม่ตกแน่นอน แต่อาจโดนไฮแจ็กไปจอดที่ไหนสักแห่งที่มีสนามบินที่มีรันเวย์ยาวพอให้เครื่องบินขนาดโบอิ้ง 777 ร่อนลงจอดได้ นั่นคือไม่น้อยกว่า 4,200เมตร ส่วนเรื่องสัญญานโทรศัพท์ ถามว่าทำไมถึงยังโทรติดต่อได้ในวันแรกที่เครื่องบินสูญหาย เขาบอกว่าถ้าโทรแล้วเครื่องติดแสดงว่ามันต้องอยู่ในรัศมีเมืองที่เจริญแล้วไม่เกิน 4 กิโลเมตร

ขณะที่ เฟซบุ๊ก Thanong Fanclub โพสต์จั่วหัวว่า "จีนอาจจะเป็นเป้าของการก่อการร้ายในรูปแบบ911" พร้อมให้เหตุผลเพิ่มเติมว่าแต่พอโดนทางหน่วยข่าวกรองหรือสายลับรัสเซียและจีนจับได้ว่าอาจจะมีวัตถุต้องสงสัยที่มีอานุภาพทำลายล้างบรรทุกอยู่ใต้ท้องเครื่องบิน MH370 เลยมีการชิงเครื่องบิน และเปลี่ยนเส้นทางเครื่องบินกลับออกมาอย่างกะทันหัน โดยระบุข้อมูลน่าสนใจไว้ดังนี้

1.ฝ่ายความมั่นคงของรัสเซียมีการจับตาดูเที่ยวบิน MH370 มาตลอด เพราะว่ามีการติดตามสินค้าที่ต้องสงสัยเป็นพิเศษอย่างสูง (highly suspicious cargo) ที่สามารถสาวต้นทางไปถึง สาธารณรัฐเซเชลส์ (Republic of Seychelles) ซึ่งเป็นประเทศที่เป็นหมู่เกาะที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของแอฟริกา ในมหาสมุทรอินเดีย ก่อนหน้านี้ สินค้าหรือคาร์โก้ที่ต้องสงสัยนี้ถูกบรรทุกบนเรือ MV Maerk Alabama ซึ่งถือสัญชาติสหรัฐฯเพราะชูธงสหรัฐฯอเมริกา

2. อดีตทหารหน่วยซีล 2นายของสหรัฐฯ คือMark Daniel Kennedyอายุ43ปี และ Jeffrey Keith Reynolds อายุ44 ปี ทำงานให้ Trident Groupที่เกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาความปลอดภัยของสินค้าต้องสงสัยพิเศษนี้เสียชีวิตลงเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่ผิดปกติน่าสงสัยมาก คือมีเฮโรอินในเส้นเลือดมากผิดปกติ ในที่สุดสินค้าต้องสงสัยนี้ถูกลำเลียงขึ้นเครื่องบิน370เพื่อมุ่งหน้าไปปักกิ่ง

3.ฝ่ายความมั่นคงของรัสเซียและจีนมีการตื่นตัวกับสินค้าต้องสงสัยเป็นพิเศษนี้ โดยไม่ต้องการให้เครื่องบินนำพาสินค้าต้องสงสัยไปกรุงปักกิ่ง จึงเตรียมการที่จะเข้าควบคุมหลังจากที่ตัวเครื่องบินเข้าเขตน่านน้ำของจีนบริเวณหมู่เกาะ Spratly Islands

4. รัสเซียและจีนเตรียมแผนที่จะบังคับให้เที่ยวบิน MH370ลงไปจอดในสนามบิน Haikou Meilan International Airport ที่มณฑลไหหลำ แทนที่จะให้บินไปลงปักกิ่ง เพื่อตรวจสอบสินค้า หรือวัตถุต้องสงสัยว่าเป็นอะไรก่อน

5. สหรัฐน่าจะรู้ว่ารัสเซียและจีนรู้เรื่องนี้แล้ว จึงมีการเปลี่ยนแผนกระทันหัน ก่อนที่เครื่องบิน MH370 จะเข้าน่านฟ้าจีน ภายใต้การควบคุมของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน (People Liberation Army)ตรงบริเวณหมู่เกาะสแปรตลีย ปรากฎว่าเที่ยวบินนี้กลับหันทิศทางการบินอย่างกะทันหัน

6. ช่วงที่วิกฤตินี้เอง ปรากฎว่าสัญญาณมือถือของ China Mobile โดนคลื่นรบกวนแจมทั้งระบบแถวบริเวณหมู่เกาะสแปรตลีย์

7. หลังจากนิ่งเงียบมาเกือบ 1สัปดาห์ ในที่สุด นายกรัฐมนตรีของมาเลเชีย นาจิบ ราซัก จึงได้ออกแถลงการณ์ถึงสาเหตุของการหายไปของเครื่องบิน MH307 โดยระบุว่า สาเหตุของการหายไปครั้งนี้มาจากการถูกสลัดอากาศปล้นจี้เครื่องบิน

8. นายนาจิบบอกว่าการก่อเหตุครั้งนี้ มีผู้ชำนาญการมากกว่า 2 คน เบื้องต้นคาดการณ์ว่านักบินมีส่วนรู้เห็นด้วย

9. ก่อนหน้าที่ทางการมาเลเซียบอกว่า เครื่องบินมีการหันทิศทางกลับ ไม่ตรงไปจีน แต่เหมือนกลับว่าอยากจะกลับมาฐานเดิมคือกรุงกัวลาลัมเปอร์ หรือบินไปทางทิศตะวันตก

10. ดาวเทียมทหารของรัสเซียจับเครื่องบิน MH370ได้ว่า ได้บินเลี้ยวไปทางทิศตะวันตก โดยเดินทางทั้งหมด 3,447 กิโลเมตรหรือ 2,142 ไมล์ ก่อนที่จะลงจอดที่ Diego Garcia ซึ่งเป็นฐานทัพลับทางทหารของสหรัฐฯอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย

11. รายงานลับของรัสเซียยังระบุต่อไปว่า เครื่องบิน MH370 โดนไฮแจ๊กไปDiego Garciaได้ เพราะว่าตัวเครื่องBoeing 777-200ER ติดตั้งระบบfly-by-wire (FBW) ที่สามารถใช้แทนระบบควบคุมการบินด้วยมือ มีการเชื่อมสัญญานการบินทำให้เครื่องบินสามารถถูกบังคับได้เหมือนเครื่องบินไร้คนขับ

12. ถึงแม้ว่าเครื่องบินจะถูกบังคับให้บินโดยระบบรีโมท แต่ระบบสื่อสารยังคงทำงาน และต้องปิดระบบด้วยมือคนเท่านั้น

13. ในกรณีของเครื่องบินMH370 ระบบการรายงานข้อมูลโดนปิดด้วยมือตอนเวลาตี1:07นาฬิกา ตามมาด้วยการปิดเครื่องส่งและรับสัญญาณตำแหน่งที่บิน และความสูง หรือ transponder เวลา ตี1:21นาฬิกา

14. ความเป็นไปได้ว่าทั้งกัปตันและผู้ช่วยน่าจะให้ความร่วมมือในการหันเหทิศทางของเครื่องบิน สลัดอากาศบนเครื่องบินไม่น่าจะจริง เพราะเป็นความจริง ทางการมาเลย์เซียคงต้องออกรายชื่อผู้ก่อการร้ายมาเรียบร้อยแล้ว

15.เจ้าหน้าที่มาเลย์เซียอาจจะรู้เห็นเป็นใจกับทางกองทัพเรือสหรัฐในแผนการเปลี่ยนทิศทางการบินอย่างกระทันหัน โดยสั่งให้กัปตันและผู้ช่วยบินเลี้ยวออกมา และให้ปิดสัญญาณเรดาร์และตัวเครื่องtransponderด้วยมือ

16. แปลว่าเครื่องอาจจะโดนไฮแจ๊กโดยสมัครใจ หรือไม่ก็สถานการณ์ที่ไม่คาดฝันนำพาไปตามแรงกดดันของสหรัฐ และเครื่องบิน MH370 น่าจะถูกควบคุมให้บินไปด้วยระบบ autopilotโดยที่นักบินบนเครื่องเชื่อว่าน่าจะพาไปที่ปลอดภัย

17. เกิดอะไรขึ้นกับผู้โดยสาร 239 รวมทั้งลูกเรือทั้งหมด หลังจากที่เครื่องบินแตะพื้นดินที่Diego Garcia แล้วมีอะไรซุกซ่อนอยู่ในคาร์โก้ท้องเครื่องบิน และมีความลับหรือเทคโนโลยีทางทหารอะไรที่ทางฝ่ายสหรัฐไม่ต้องการตกไปถึงมือของจีน

..................................

หลากหลายทัศนะล้วนตื่นเต้น ระทึกใจ เต็มไปด้วยปมปริศนาซับซ้อนซ่อนเงื่อน ไม่ต่างอะไรจากภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด

ทว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์จากเหล่ากูรูผู้เกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โปรดติดตามต่อไป เพราะสุดท้ายในตอนจบอาจพบกับเรื่องหักมุมชนิดที่ใครก็คาดไม่ถึง!
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

มาเลย์พบสัญญาณชี้ MH370 ลงจอดแล้ว

17 มีนาคม 2557 เวลา 09:20 น.
โดย...โพสต์ทูเดย์ออนไลน์

[attach=1]

มาเลเซียพบสัญญาณสื่อสารกับดาวเทียมของเครื่องบินสูญหายถูกส่งจากภาคพื้นที่ ชี้มีความเป็นไปได้เครื่องอาจลงจอดแล้ว

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานอ้างรายงานของทางการมาเลเซียว่า พบความเป็นไปได้ใหม่ที่เผยว่าเครื่องบิน โบอิง 777 - 200 อีอาร์ เที่ยวบิน เอ็มเอช 370 ของสายการบิน มาเลเซีย แอร์ไลน์ส อาจร่อนลงจอดกับพื้นที่ใดที่หนึ่งแล้ว เนื่องจากพบสัญญาณการสื่อสารกับดาวเทียมของเครื่องบินถูกส่งออกมาจากภาคพื้นดิน

"ถ้าเครื่องบินยังทำงานอยู่ และมีพลังไฟฟ้าสำรองมากพอ เครื่องบินก็จะส่งสัญญาณเรดาห์กับมา" รายงานเจ้าหน้าที่มาเลเซีย ระบุ

การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวสอดรับกับ รายงานของสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) จากสหรัฐ ที่ระบุก่อนหน้านี้ว่า การหายไปของเครื่องบิน โบอิง 777 - 200 อีอาร์ อาจโดนปล้น และเป็นไปได้ว่าเครื่องบินอาจร่อนลงจอดที่ใดที่หนึ่งแล้ว

ขณะที่ ความคืบหน้าอื่นๆเกี่ยวกับการตามหาเครื่องบิน ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ล่าสุด ทางการมาเลเซียได้พุ่งเป้าการสอบสวนไปยังตัวของ นักบินและผู้ช่วยนักบินชาวมาเลเซีย เพื่อดูว่าทั้งสองมีพิรุธหรือมีประวัติที่อาจเกี่ยวข้องกับการนำไปสู่เหตุจูงใจการทำให้เครื่องบินลำดังกล่าวสูญหายไปหรือไม่

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ของมาเลเซีย ยังได้ทำการยึดระบบการขับเครื่องบินจำลองมาจากบ้านของ นักบินคนหนึ่งของเที่ยวบิน เอ็มเอช 370 ด้วย เพื่อเช็คข้อมูลที่อาจนำไปสู่การไขปริศนาการหายไปของเครื่องบินมรณะลำดังกล่าว

อย่างไรก็ดี ทางการมาเลเซียก็ยังทำการตรวจสอบประวัติของลูกเรือและผู้โดยสารอื่นๆอีกกว่า 239 คนบนเครื่องด้วย ส่วนในปฏิบัติการออกค้นหาเครื่องบินของเที่ยวบิน เอ็มเอช 370 ขณะนี้ได้ขยายวงความร่วมมือไปยัง 25 ประเทศทั่วโลกแล้ว โดยกินพื้นที่ตั้งแต่ ทางตอนเหนือ อย่าง คาซัคสถาน ไล่มาจนถึงมหาสมุรอินเดีย และตอนใต้ของประเทศออสเตรเลีย

การขยายพื้นที่การสำรวจหาเครื่องบินดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่พบข้อมูลจากทางการของสหรัฐว่า พบสัญญาณเครื่องบินยังคงบินอยู่อีก 6 ชั่วโมง หลังจากที่เครื่องขาดการติดต่อกับศูนย์ควบคุมการบิน และหายไปจากจอเรดาห์

ขณะที่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก ของมาเลเซีย ยืนยันว่า เครื่องบินโบอิง 777 - 200 อีอาร์ มีการเปลี่ยนเส้นทางการบินจากเส้นทางเดิมอย่างตั้งใจ และเป็นไปได้ว่าอาจบินไปยังตอนเหนือของเอเชียกลาง หรือทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

กาง 4 ทฤษฎีปริศนาบินมาเลย์

17 มีนาคม 2557 เวลา 21:52 น.
โดย...พันธสิทธิ เจริญพาณิชย์พันธ์ โพสต์ทูเดย์ออนไลน์

[attach=1]

การหายไปอย่างลึกลับของเครื่องบิน โบอิ้ง 777-200 อีอาร์ เที่ยวบินเอ็มเอช 370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ ยังคงเป็นที่พูดกันมากในขณะนี้ เพราะถือเป็นเรื่องน่าประหลาดใจอย่างยิ่งสำหรับยุคปัจจุบันที่เครื่องบินขนาดใหญ่จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ทำให้นักวิเคราะห์หลายคนเริ่มออกมาตั้งทฤษฎีถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นกับเที่ยวบินนี้

ก่อการร้าย

นับเป็นแนวทางที่หลายต่อ หลายคนเริ่มหันมามองมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ในเวลานี้ เพราะการที่เครื่องบินจะเปลี่ยนเส้น ทางบินและตัดระบบการสื่อสารเครื่องบินโดยตั้งใจ ถือเป็นสิ่งที่ผิดปกติอย่างยิ่ง มิหนำซ้ำก่อนหน้านี้ก็มีรายงานด้วยว่าพบชาวอิหร่าน 2 คน ลักลอบใช้หนังสือเดินทางที่ขโมยมาจากบุคคลอื่นขึ้นเครื่อง ก็ยิ่งทำให้หลายคนเริ่มวิตกถึงความเป็นไปได้ว่าจะโดนขบวนการก่อการร้ายบุกจี้เครื่องบินและนำไปใช้ก่อวินาศกรรม

เจอร์รี โซจัสแมน นักวิเคราะห์ด้านการบินอิสระในกรุงจาการ์ตา เผยว่า การบังคับเครื่องบินให้บินต่ออีกหลายชั่วโมงหลังจากหายไปจากจอเรดาร์โดยไม่ให้ถูกตรวจจับได้ จำเป็นต้องมีการวางแผนมาก่อนหน้านั้นอย่างดี ซึ่งหากทุกอย่างเป็นการวางแผนมา ทุกฝ่ายอาจต้องเตรียมเผชิญกับการวางแผนก่อวินาศกรรมเหมือนเหตุการณ์เครื่องบินพุ่งชนตึกเวิลด์เทรดที่รัฐนิวยอร์กในเดือน ก.ย. 2001 หรือเหตุการณ์ 9/11

เนื่องจากเมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์ 9/11 ผู้ก่อการร้ายได้บุกเข้าห้องนักบินและบังคับนักบินให้เปลี่ยนเส้นทางพร้อมกับปิดสวิตซ์เครื่องสื่อสารเช่นกัน

เครื่องโดนปล้น

ถือเป็นกรณีความเป็นไปได้รองลงมาที่กำลังถูกพูดถึงมากในเวลานี้ไม่น้อยไปกว่าการก่อการร้าย เพราะหลังจากมีหลักฐานว่าเครื่องบินดังกล่าวมีการเปลี่ยนเส้นทางโดยผู้มีประสบการณ์ทางการบินสูง ซ้ำยังสามารถหลบหลีกการตรวจจับของเรดาร์ได้ ก็ทำให้หลายฝ่ายเริ่มวิตกกันว่าเครื่องบินลำนี้อาจตกเป็นเหยื่อของขบวนการ "สลัดอากาศ" ซึ่งล่าสุดแม้แต่สำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟพีไอ) ของสหรัฐ และองค์การตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) ก็ออกมายอมรับถึงความเป็นไปได้ในกรณีนี้ด้วย

โรนัล โนเบล ผู้อำนวยการอินเตอร์โพล ระบุว่า แม้จะมีสองชาวอิหร่านใช้หนังสือเดินทางปลอมขึ้นเครื่อง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นการก่อการร้าย เพราะทั้งสองเป็นเพียงแค่คนหลบหนีเข้าเมืองเท่านั้น

สอดรับกับความเห็นของ อดัม โดลนิค ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อการร้ายศึกษา จากมหาวิทยาลัยวูรองกองใน ออสเตรเลีย ที่ไม่เชื่อว่าผู้ก่อกการร้ายจะอยู่เบื้องหลังการหายไปของเครื่องบิน เพราะถ้าเกิดขึ้นจริงจะต้องรีบนำเครื่องลง

"ผู้ก่อการร้ายไม่ชอบการปล้นเครื่อง เพราะโอกาสประสบความสำเร็จน้อย" อดัม กล่าว พร้อมเสริมว่า การปล้นเครื่องบินหนนี้น่าจะทำกันเป็นขบวนการที่มีความรู้เกี่ยวกับเครื่องบิน และมีผู้ให้ความช่วยเหลือบนภาคพื้นดิน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีข้อโต้แย้งออกมาว่า การเข้าสู่ห้องนักบินปัจจุบันเต็มไปด้วยความเข้มงวด หลังจากเกิดกรณี 9/11 แต่จากข้อมูลพบว่าประตูห้องนักบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ ก็มีความหละหลวมอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งจากรายงานของสื่อในออสเตรเลีย ระบุว่า ฟาริก อับดุลห์ ฮามิด นักบินผู้ช่วยของเที่ยวบินเอ็มเอช 370 เคยมีประวัติพาผู้หญิง 2 คน เข้ามาในห้องนักบินในปี 2011

ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้หากจะเกิดการปล้นกลางอากาศ และยิ่งเมื่อผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นชาวจีน ก็ทำให้หลายคนเริ่มวิตกกันว่าผู้ลงมือก่อเหตุอาจเป็นกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดนมุสลิม อุยกูร์ ที่อยู่ทางตะวันตกของจีน

และล่าสุดทางจีนเพิ่งจะประสบกับเหตุสุดช็อก เมื่อมีมือมีดหลายสิบคน ซึ่งเชื่อว่าเป็นพวกอุยกูร์ ก่อเหตุบุกแทงชาวจีนไม่เลือกหน้าที่สถานีขนส่งในเมืองคุนหมิง จนมีผู้เสียชีวิต 29 คน เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว


ขณะที่ข้อมูลของทางการมาเลเซีย ระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2011 ได้เนรเทศชาวมุสลิมอุยกูร์ กลับไปยังจีนแล้ว 17 คน ซึ่งทั้งหมดเดินทางมาด้วยหนังสือเดินทางปลอม

นักบินจงใจก่อเหตุ

ถือว่ามีความเป็นไปได้ สูงทีเดียว เพราะจากรายงานที่ผู้นำแดนเสือเหลืองระบุว่ามีใครบางคนจงใจปิดสวิตซ์เครื่องสื่อสารของเครื่องบิน ก็ทำให้เริ่มนำไปสู่การตั้งข้อสันนิษฐานว่าจะเป็นใครได้บ้างที่อยู่บนเครื่องและสามารถทำได้เช่นนี้ ซึ่งคำตอบแรกย่อมไม่พ้นนักบินทั้งสองของเที่ยวบินเอ็มเอช 370

ปัจจุบันทางการของมาเลเซียได้ดำเนินการสืบสวนประวัติและมูลเหตุจูงใจต่างๆ ที่อาจเป็นตัวกระตุ้นให้นักบินก่อเหตุครั้งนี้ขึ้น

โดยล่าสุดพบว่า ซาฮารี อาเหม็ด ซาห์ กัปตันเที่ยวบินเอ็มเอช 370 วัย 53 ปี มีมุมมองทางการเมืองที่ไม่ชอบพรรครัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งปกครองโดยพรรคอัมโน

ทั้งนี้ ทั้งนี้ แม้มูลเหตุจูงใจทางการเมืองจะยังไม่เด่นชัด แต่ก็ถูกจับตามองไม่น้อย เพราะก่อนหน้าที่จะนำเครื่องขึ้นบินไม่กี่วัน อันวาร์ อิบราฮิม แกนนำพรรคฝ่ายค้านมาเลเซีย ถูกตัดสินจำคุก 5 ปี ในคดีรักร่วมเพศ ซึ่งถูกมองว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองของรัฐบาลที่มีต่อผู้นำฝ่ายค้าน

เครื่องบินลงจอด แต่ถูกซ่อนไว้

เนื่องจากปัจจุบันแม้นานาประเทศกว่า 25 ชาติจะพยายามออกตามหาร่องรอยเครื่องบินโบอิ้ง 777 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ อย่างหนัก แต่ก็ยังไม่พบร่องรอยเหลือเศษซาก เครื่องบินเลยแม้แต่น้อย ทำให้นักวิเคราะห์เริ่ม มองถึงความเป็นไปได้ว่าเครื่องบินดังกล่าวอาจ ถูกนำร่อนลงจอดอย่างปลอดภัยแล้ว และซ่อนไว้ที่ใดที่หนึ่ง

เกรก วัลดรอน บรรณาธิการฝ่ายกิจการเอเชียของ ไฟลต์โกลบอล นิตยสารด้านอุตสาหกรรมการบิน เผยว่า แม้ขนาดเครื่องบินโบอิ้ง 777 จะมีขนาดใหญ่และจำเป็นต้องใช้พื้นที่สนามบินในการลงจอดมากพอสมควร แต่ก็เป็นไปได้เหมือนกันที่จะถูกนำไปลงจอดที่ใดสักที่หนึ่ง

เพราะหากเครื่องบินดังกล่าวโดนควบคุมโดยนักบินที่มีความสามารถในการขับให้หลบเรดาร์ ก็เป็นไปได้เช่นกันที่จะนำเครื่องลงจอดในสถานที่ใดที่หนึ่ง แม้ว่าสถานที่นั้นจะไม่มีพื้นที่รันเวย์ยาวนัก

ทั้งนี้ ทฤษฎีดังกล่าวมีขึ้นตรงกับข่าวลือว่า เครื่องบินดังกล่าวโดนหน่วยงานความมั่นคงสหรัฐลักพาตัวไปจอดในฐานทัพแห่งหนึ่งของสหรัฐ เนื่องจากบนเครื่องบินมีนักวิทยาศาสตร์ชาวไต้หวันและจีนที่มีข้อมูลที่จะประดิษฐ์อาวุธร้ายแรงชนิดใหม่ ดังนั้นสหรัฐจึงต้องการสกัดขวางแผนเหล่านี้ เพื่อไม่ให้ข้อมูลรั่วไหลไปอยู่ในมือของรัฐบาลจีน ซึ่งสอดรับกับท่าทีของจีนที่ดูเหมือนจะไม่พอใจมากเป็นพิเศษต่อการหายไปของเที่ยวบินเอ็มเอช 370

ทั้งหมดที่กล่าวมาถือเป็นเพียงการตั้งสมมติฐานความเป็นไปได้ของการหายไปของเครื่องบินโบอิ้ง 777 เท่านั้น ซึ่งแต่ละทฤษฎีก็มีเหตุผลออกมารองรับต่างกันออกไป แต่ท้ายที่สุดไม่ว่าจะเป็นไปตามแนวความเป็นไปได้อันไหน สิ่งที่ทั่วโลกและญาติพี่น้องที่นั่งเฝ้ารอคอยข่าวอยู่คือ ความจริง ที่เกิดขึ้นกับเที่ยวบินนี้
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

นายไข่นุ้ย

 ส.แย่จัง  สงสารคนในเครื่อง  ไม่รู้เป็นไงมั่ง หลายวันแล้ว... ส.อืม
DO YOU KNOW ME? I AM A CAT 28 YEARS. AND YOU?    แมวแท้สู (แมวยิ้ม)

แฟนเก่าชื่อส้ม

ตอนนี้กองทัพอากาศทั่วโลก เตรียมขาย Steal ทิ้งแล้วซื้อโบอิ้ง 777 มาใช้แทนเนื่องจากล่องหนได้ไม่แพ้กัน แถมใช้งานได้เยอะกว่ามากๆ
ก่อนตายคุณอยากอยู่กับใครเป็นคนสุดท้าย

ฟ้าเปลี่ยนสี

อ้างจาก: แฟนเก่าชื่อส้ม เมื่อ 16:05 น.  18 มี.ค 57
ตอนนี้กองทัพอากาศทั่วโลก เตรียมขาย Steal ทิ้งแล้วซื้อโบอิ้ง 777 มาใช้แทนเนื่องจากล่องหนได้ไม่แพ้กัน แถมใช้งานได้เยอะกว่ามากๆ

ส.ก๊ากๆ ส.ก๊ากๆ ส.ก๊ากๆ เห็นด้วยครับ

คันบะเริ้มเทิ้ม เกือบ 10 วันแล้วยังหาไม่เจอเลยครับ   ส.โอ้โห
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

แหล่งข่าวเผย MH370 อาจบินเกาะภูมิประเทศหลบหลีกเรดาร์

17/03/2557 21.30 น.
โดย...ThaiArmedForce

[attach=1]
VOR Chart และความเป็นไปได้ในการบินด้วยเทคนิค Terrain Masking ของ MH370 (ภาพจาก Alert5.com)


สื่อมาเลย์เผย MH370 อาจบินต่ำกว่า 5,000 ฟุตเพื่อหลบเรดาร์

หนังสือพิมพ์ New Straits Times ของมาเลเซียอ้างคำกล่าวของแหล่งข่าวระดับสูงที่เป็นหนึ่งในทีมงานด้านเทคนิคที่กำลังสอบสวนการหายไปของ MH370 ว่า ผู้ที่บังคับเครื่องบิน MH370 อาจทำการบินต่ำกว่า 5,000 ฟุตโดยใช้ภูมิประเทศเป็นที่กำบัง (Terrain Masking) เพื่อหลบเรดาร์ทุติยภูมิ (Secondary Surveillance Radar) และใช้เส้นทางเดียวกับเครื่องบินพาณิชย์เพื่อลวงให้กองทัพที่ใช้เรดาร์ปฐมภูมิ (Primary Surveillance Radar) คิดว่าเป็นเที่ยวบินพาณชิย์ธรรมดา ๆ ซึ่งเขาเชื่อว่าเที่ยวบิน MH370 ทำการบินต่ำตลอดระยะเวลา 8 ชั่วโมงของการบิน และสามารถหลบเรดาร์ได้อย่างน้อย 3 ประเทศ ซึ่ง ThaiArmedForce คาดว่าคือมาเลเซีย ไทย และอินโดนิเซีย

"ผู้ที่ทำการบินบนเที่ยวบินนี้ต้องมีความรู้ด้านการบินและการนำร่องที่ดีมาก เพราะเขาสามารถบินข้ามรัฐกลันตันได้โดยไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้เลย โดยเป็นไปได้ว่าเครื่องบินจะใช้ภูมิประเทศเป็นที่กำบังในบางช่วง เนื่องจากภูมิประเทศแถบนั้นมีภูเขาสูงจำนวนมากที่ทำให้เรดาร์ตรวจจับไม่ได้"

ทั้งนี้ หลังจากทำการเลี้ยวกลับจาก Igari Waypoint ในเขตควบคุมการจราจรทางอากาศของเวียดนาม พร้อมทั้งลดระดับอย่างรวดเร็วลงสู่ 23,000 ฟุต ระบบ ACARS ของเครื่องบินได้ทำการ Ping กลับไปยังดาวเทียมที่สร้างโดย Immasat ทั้งหมด 6 ครั้ง โดยครั้งที่ 7 นั้นดาวเทียมได้ส่งสัญญาณไป แต่ไม่มีการตอบกลับจากเครื่องบิน ซึ่งเป็นไปได้ว่าเครื่องบินอาจจะลงจอดแล้วหรือตกไปแล้ว

การสอบสวนในตอนนี้มุ่งไปที่พื้นที่ทางเหนือ นับจากชายแดนคาซัสถานถึงภาคเหนือของไทย โดยมุ่งไปที่สนามบินขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับการร่อนลงจอดของ Boeing 777-200 ที่ต้องใช้รันเวย์ยาว 1.6 กิโลเมตรสำหรับการลงจอดด้วยน้ำหนักสูงสุด หรือ 1.125 กิโลเมตรสำหรับการลงจอดด้วยน้ำหนักเบาสุด โดยอ้างอิงจากเอกสาร 777 Airport Planning Document ของ Boeing

นอกจากนั้น แหล่งข่าวยังระบุได้ว่า ข้อมูลเรดาร์จากนอกประเทศมาเลเซียเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การค้นหาไม่กลายเป็นการงมเข็มในมหาสมุทร โดยมาเลเซียได้ติดต่อทุกประเทศที่มีความเป็นไปได้ที่เที่ยวบิน MH370 จะบินผ่านเพื่อขอข้อมูลเรดาร์แล้ว

ThaiArmedForce ได้รับข้อมูลว่า การบินแบบ Terrain Masking นั้นเป็นเทคนิคที่นิยมใช้กันในการบินของเครื่องบินรบ โดยเฉพาะเครื่องบินโจมตี หรือเฮลิคอปเตอร์ที่จะต้องส่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษเข้าสู่พื้นที่ของข้าศึก โดยเครื่องบินหรือเฮลิคอปเตอร์จะต้องบินต่ำไปตามร่องเขาเพื่อใช้ภูเขาเป็นที่กำบังจากสัญญาณเรดาร์ของฝ่ายตรงข้าม

เว็บไซต์ alert5.com ได้ทำการวิเคราะห์ถึงวิธีการที่จะเป็นไปได้สำหรับ MH370 ในการทำ Terrain Masking เพื่อหลบหลีกเรดาร์ โดยใช้ตารางการบินด้วยสายตา (Visual Flight Rules Chart) จากเว็บไซต์ Sky Vector เพื่อหาทางออกแบบการบินจาก Igari Waypoint ไปยัง Vampi Waypoint โดยผ่านภาคใต้ของประเทศไทยและภาคเหนือของมาเลเซีย ซึ่งมียอดเขาสูงสุดที่ 5,000 ฟุต โดยเว็บไซต์วิเคราะห์ว่าผู้ที่ทำการบินบนเที่ยวบิน MH370 นั้นน่าจะประสบความยากลำบากในการมองภูมิประเทศในคืนเดือนมืด ซึ่งการบินจาก Igari ไปยัง Vampi นั้นน่าจะใช้วิทยุนำร่อง VOR (VHF omni-Directional Range) บนเกาะลังกาวีที่ความถี่ 114.10 MHz และทำการบินที่ความสูง 5,000 ฟุต ซึ่งน่าจะทำให้ MH370 หลบหลีกเรดาร์ของกองทัพอากาศมาเลเซียที่ตั้งอยู่ที่ Gong Kadak และ Penang แต่อย่างไรก็ตาม เรดาร์ของกองทัพอากาศไทยที่หาดใหญ่ก็น่าจะตรวจจับได้อยู่ดี

ในอีกด้านหนึ่ง มาเลเซียได้ขอให้กองทัพทุกชาติหยุดการค้นหา MH370 ไว้ชั่วคราวจนกว่าจะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลมากกว่านี้ได้
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

ทอ.ไทยเผย เรดาร์ที่หาดใหญ่จับ MH370 ได้

18/03/2557 17.00 น.
โดย...ThaiArmedForce

[attach=1]
สถานีเรดาร์ที่สงขลา ภาพจาก Google Earth


ผบ.ทอ. เผย เรดาร์ที่หาดใหญ่ตรวจพบ MH370 เตรียมส่งข้อมูลให้มาเลเซียวันนี้

พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศของไทย ให้สัมภาษณ์ในวันนี้ว่า เรดาร์ของกองทัพอากาศไทยสามารถตรวจจับและพบเที่ยวบิน MH370 แสดงอาการบินแปลก ๆ โดยหลังบินขึ้นบินวกกลับไปยังช่องแคบมะละกาก่อนสัญญาณหายไป ทั้งนี้ ผบ.ทอ.กล่าวว่าที่ผ่านมากองทัพอากาศมีการประสานกับบริษัท วิทยุการบิน จำกัด ตลอด 24 ชั่วโมง และยืนยันว่ากองทัพอากาศไทยมีระบบป้องกันภัยทางอากาศที่มีประสิทธิภาพ โดยกองทัพอากาศจะเสริมเรดาร์สมรรถนะสูงเข้าไปเพิ่มเติม รวมถึงจะหารือกับกองทัพอากาศชาติอาเซียนในการร่วมมือกันใช้เรดาร์ทางทหารเพื่อความมั่นคงในภูมิภาค

นี่เป็นครั้งแรกที่กองทัพอากาศไทยยืนยันว่าสามารถตรวจพบเที่ยวบิน MH370 ได้ หลังจากที่ผ่านมามีข้อสงสัยว่าเรดาร์ของกองทัพอากาศควรจะสามารถตรวจจับเที่ยวบิน MH370 ได้เมื่อดูจากระยะตรวจจับแล้ว และคาดว่าสถานีใหม่ที่กองทัพอากาศจะจัดสร้างน่าจะเป็นที่ปัตตานีเพื่อปิดจุดอ่อนในการตรวจจับอากาศยาน

ในอีกด้านหนึ่ง สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยว่าทางการจีนเปิดเผยว่าได้ใช้ดาวเทียมทั้งหมด 21 ดวงในการค้นหาเที่ยวบิน MH370 ในพื้นที่ของตน รวมถึงออสเตรเลียที่บีบพื้นที่การค้นหาลงมาตามข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์สัญญาณของระบบ ACARS ของ MH370 แต่พื้นที่ค้นหาก็ยังเท่ากับพื้นที่ประเทศสเปนและโปรตุเกส

แหล่งข่าวยังให้ข้อมูลอีกว่าจากการตรวจสอบประวัติของทุกคนที่อยู่บนเครื่องนั้น ยังไม่พบใครที่น่าจะมีแรงจูงใจทางการเมืองและมีประวัติอาชญกรรมเพียงพอที่จะระบุได้ว่ามีแรงบันดาลใจที่จะจี้เครื่องบินลำนี้

นอกจากนั้น กองทัพเรือสหรัฐได้ส่งเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล P-8A Poseidon เข้าค้นหาที่นอกชายฝั่งออสเตรเลีย และการตรวจสอบในเบื้องต้นเครื่องฝึกจำลองการบินที่หนึ่งในนักบินบนเที่ยวบิน MH370 ใช้ในบ้านยังไม่พบสิ่งผิดปรกติ แต่จะมีการตรวจสอบต่อไป
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

จีนเจอวัตถุชิ้นใหม่อาจโยงบินมาเลย์

22 มีนาคม 2557 เวลา 19:46 น.
โดย โพสต์ทูเดย์ออนไลน์

[attach=1]

สื่อจีนเปิดเผยภาพถ่ายดาวเทียม เป็นไปได้ว่าอาจชิ้นส่วนของเครื่องบินมาเลเซียที่หายไป

ฮิสฮัมมุดดิน ฮุสเซน รักษาการรัฐมนตรีคมนาคมของมาเลเซีย เปิดเผยว่า จีนมีภาพถ่ายทางดาวเทียมที่เห็นว่า มีวัตถุลอยอยู่บนน่านน้ำของมหาสมุทรอินเดีย ที่อาจจะมีความเป็นไปได้ว่าเกี่ยวข้องกับเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์สที่หายไป โดยวัตถุมีขนาดราว 22.5 เมตรคูณ 13 เมตร

ขณะที่ สื่อของจีน ได้เปิดเผยภาพถ่ายดาวเทียม ซึ่งรายงานว่าภาพถูกถ่ายวันที่ 18 มี.ค. และวัตถุนี้อยู่ห่างจากวัตถุ 2 ชิ้นที่ออสเตรเลียเปิดเผยก่อนหน้านี้ ไปทางใต้ 120 กิโลเมตร
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

 ออสซี่เร่งตรวจสอบวัตถุในมหาสมุทรอินเดีย

23 มีนาคม 2557 เวลา 12:28 น.
โดย โพสต์ทูเดย์ออนไลน์

[attach=1]

ออสเตรเลียเร่งตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยเป็นMH370 ในมหาสมุทรอินเดีย นายกรัฐมนตรีชี้แม้ยังสรุปไม่ได้แต่ก็มีความหวังเพิ่ม

เมื่อวันที่ 23 มี.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายโทนี่ แอบบอตต์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย กล่าวว่า ขณะนี้ยังเร็วไปที่จะสรุปว่าวัตถุต้องสงสัย 2 ชิ้นที่พบในมหาสมุทรอินเดีย เกี่ยวข้องกับเครื่องบินที่สูญหายของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ เอ็มเอช370 หรือไม่ แต่ก็มีหลักฐานพอจะเชื่อถือได้มากและมีความหวังเพิ่มขึ้น

นายแอบบอตต์กล่าวว่า ขณะนี้ เครื่องบินจีน 3 ลำ และเครื่องบินญี่ปุ่น 3 ลำมาร่วมกับเครื่องบินอีก 6 ลำที่กำลังปฏิบัติการค้นหาโดยการค้นหาครั้งนี้ถือเป็นภารกิจระหว่างประเทศ และแสดงให้เห็นว่านานาชาติสามารถร่วมมือกันในช่วงเวลาที่มีวิกฤตได้

ขณะที่สำนักงานความปลอดภัยทางทะเลออสเตรเลียแถลงว่า จะต้องตรวจสอบต่อไปว่าวัตถุต่างๆที่พบเกี่ยวข้องกับเครื่องบินลำดังกล่าวหรือไม่
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

 ส.โอ้โห สงสัยเรื่องใกล้จะจบแล้วครับ........

ดาวเทียมฝรั่งเศสเจอชิ้นส่วนปริศนาอาจโยงMH370

23 มีนาคม 2557 เวลา 20:25 น.
โดย โพสต์ทูเดย์ออนไลน์

[attach=1]

มาเลเซียเผยทางการฝรั่งเศสส่งภาพถ่ายดาวเทียม พบวัตถุปริศนาในมหาสมุทรอินเดีย อาจเป็นชิ้นส่วนเอ็มเอช 370

กระทรวงคมนาคมมาเลเซีย แถลงเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ว่า ได้รับภาพถ่ายทางดาวเทียมจากรัฐบาลฝรั่งเศส ที่แสดงให้เห็นถึงวัตถุต้องสงสัย ที่อาจเกี่ยวข้องกับ เครื่องบินสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบินเอ็มเอช 370 ที่สูญหาย ลอยอยู่บริเวณตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งคาดว่าอาจใกล้เคียงกับจุดที่ดาวเทียมของจีนพบวัตถุปริศนา และเป็นพื้นที่เดียวกันที่เครื่องบินตรวจการณ์ของออสเตรเลีย พบซากแผ่นไม้ที่ใช้ในการขนส่งสินค้า และวัตถุต้องสงสัยอื่นๆ ซึ่งรวมถึงสายรัดเข็มขัดนิรภัยสีต่างๆ จุดความหวังว่า อาจเป็นชิ้นส่วนของเครื่องบินเอ็มเอช 370 ที่หายสาบสูญไปตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.

ความเคลื่อนไหวดังกล่าว จุดกระแสให้นานาชาติยกระดับปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินเอ็มเอช 370 อย่างเร่งด่วน โดยล่าสุด จีนส่งเครื่องบิน 2 ลำพร้อมกับเรืออีก 7 ลำ เข้ามาสมทบกับทีมค้นหา ซึ่งกระจายกำลังค้นหาในพื้นที่ 2 ส่วนครอบคลุมพื้นที่ราว 5.9 หมื่นตารางกิโลเมตรทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองเพิร์ทของออสเตรเลียราว 2,500 ตารางกิโลเมตร โดยญี่ปุ่น เตรียมส่งเครื่องบินเข้าร่วมทีมภายในสัปดาห์หน้า
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

มาเลย์แถลง MH370 ตกมหาสมุทรอินเดีย

24 มีนาคม 2557 เวลา 22:02 น.
โดย โพสต์ทูเดย์ออนไลน์

[attach=1]

นายกฯมาเลเซียแถลงคาดเครื่องบิน MH370 หายไปในมหาสมุทรอินเดีย-ไม่มีผู้รอดชีวิต ส่งข้อความแสดงความเสียใจครอบครัวผู้สูญหาย

เมื่อช่วงค่ำของวันนี้ (24 มี.ค.) นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค ของมาเลเซีย ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า เครื่องบินโบอิ้ง 777200ER เที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ อาจตกลงในทะเลบริเวณทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย และไม่พบผู้รอดชีวิต โดยอ้างอิงจากข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียมที่ได้จากทีมสืบสวนด้านอุบัติเหตุทางอากาศของอังกฤษ

"ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ผมขอแจ้งว่า จากผลวิเคราะห์ข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียมชิ้นใหม่ บ่งชี้ให้เห็นว่าเครื่องบินเที่ยวบิน MH370 ตกลงในทะเลบริเวณตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย และไม่มีรายงานผู้สูญหายหรือรอดชีวิต" นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

ความเคลื่อนไหวดังกล่าว นับเป็นการไขปริศนาครั้งแรกของการหายสาบสูญไปร่วม 3 สัปดาห์ของเครื่องบินเที่ยวบิน MH370 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 มี.ค. ที่ผ่านมา หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เครื่องบินค้นหาของออสเตรเลียพบวัตถุทั้งสองชิ้นที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นชิ้นส่วนของเครื่องบินมาเลเซียที่หายไปในทะเลจีนใต้ โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างขนส่งวัตถุดังกล่าวทางเรือ เพื่อนำไปตรวจสอบอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ทางสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ก็ได้ส่งข้อความแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวและลูกเรือทั้ง 229 ชีวิตแล้ว
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

ญาติผู้โดยสารจีนโวยมาเลย์ไร้หลักฐานเครื่องบินตก

25 มีนาคม 2557 เวลา 10:53 น.
โดย โพสต์ทูเดย์ออนไลน์

[attach=1]

ญาติผู้โดยสารชาวจีนโวยทางการมาเลเซีย ไร้ข้อมูลชี้ชัดว่าMH370 ตกในทะเล ขณะที่ออสเตรเลียหยุดการค้นหาชั่วคราว เนื่องจากสภาพอากาศปิด

หลังนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค ของมาเลเซีย แถลงการณ์ยืนยันว่า เครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ER เที่ยวบิน MH 370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส น่าจะตกลงในทะเลทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย และคาดว่าน่าจะไม่มีผู้รอดชีวิตวานนี้ ทำให้ญาติของผู้โดยสารในเที่ยวบินนี้ถึงกับร้องไห้โฮ หลังฟังรายงานสรุปพร้อม เอสเอ็มเอสข้อความแจ้งเตือนเรื่องดังกล่าวของทางการมาเลเซีย

อย่างไรก็ตาม หญิงสาวชาวจีนผู้หนึ่ง ได้กรีดร้องแสดงความไม่พอใจหลังฟังบรรยายสรุปเหตุการณ์ความคืบหน้าล่าสุดในกรุงปักกิ่ง

"ไหนละหลักฐาน คุณยังไม่ได้รับการยืนยันเรื่องวัตถุต้องสงสัยเลย แล้วจะมาบอกเราว่าไม่มีผู้รอดชีวิตได้ไง" หญิงชาวจีน ซึ่งมีทั้งลูกชายและลูกสะใภ้ รวมทั้งหลานสาวโดยสารเครื่องบินลำดังกล่าว แสดงความคิดเห็นพร้อมน้ำตาอาบใบหน้า

นอกจากนี้ ญาติของผู้โดยสาร154 คน ที่เป็นชาวจีนและไต้หวัน ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลมาเลเซียอย่างเผ็ดร้อน เนื่องจากความล่าช้าในการค้นหาและปิดบังข้อมูล "ถ้าญาติๆ ของเราทั้ง 154 คนเป็นอะไรไปจากความล่าช้าและการปกปิดข้อมูล มาเลเซีย แอร์ไน์ รัฐบาลมาเลเซีย และกองทัพมาเลเซียก็คือฆาตกรที่ฆ่าพวกเขา" ญาติของผู้โดยสารกล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ ซีซีทีวี ของจีน

แม้เหตุการณ์ดังกล่าว ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุที่แท้จริงได้ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า มีความเป็นไปได้ 4 ประการ ได้แก่ การโจรกรรมเครื่องบิน การก่อวินาศกรรม ปัญหาสุขภาพจิตหรือปัญหาส่วนตัวของนักบิน ลูกเรือ หรือผู้โดยสาร

อย่างไรก็ตาม การกู้วัตถุต้องสงสัยของออสเตรเลีย หลังวานนี้ โทนี่ แอบบอตต์ นายรัฐมนตรีออสเตรเลีย ระบุว่า เรือ เอชเอ็มเอเอส ซัคเซส ของออสเตรเลีย กำลังมุ่งหน้าไปยังบริเวณที่พบ 2 ชิ้นส่วนต้องสงสัยดังกล่าว เพื่อเร่งดำเนินการกู้ซากขึ้นมาตรวจสอบหาความจริงต่อไป แต่ทว่า การดำเนินการอาจจะล่าช้าออกไปอีกอย่างน้อย 1 วัน เนื่องจากคลื่นลมแรงและพายุฝนกระหน่ำบริเวณพื้นที่ในการกู้ซาก เนื่อจากเกรงว่า สภาพอากาศที่เลวร้ายอาจจะเป็นอันตรายต่อลูกเรือชาวออสเตรเลียที่ปฏิบัติการค้นหาทั้งทางอากาศและทางทะเล โดยคาดว่าจะค้นหาได้อีกครั้งในวันพุธ ถ้าอากาศเปิด
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

 ส.อ่านหลังสือ นับวัน เรื่องมันใกล้จะอวสานแล้ว แต่คงไม่ง่ายอย่างที่คิด....

มันยังมีข้อสงสัยอีกนานับประการ........

เออ...ทำไมเครื่องบินไปเลือกตกฝั่งอันดามันซึ่งเป็นฝั่งตะวันตก

ขณะที่เครื่องบินลำนี้มีจุดหมายปลายทางทางฝั่งทางตะวันออก

แล้วถ้าคิดว่า เครื่องบินมีปัญหา ทำไมไม่ย้อนกลับประเทศตัวเอง ซึ่งอยู่ไม่ไกล....

ก็คงต้องคิด และ ติดตามกันต่อไปล่ะครับ... ส.สั่งสอน
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

ประเทศมาเลเซียกำลังจะทำอะไรกันครับ........

เอาความคิดเห็นจากเฟซบุ๊ก คุณทนง มาขบคิดกันครับ...
https://www.facebook.com/ThanongFanclub
โดยท่านตั้งหัวข้อว่า.....

มายามาเลย์ ยิ่งสารภาพ ยิ่งมัดตัวเอง

[attach=1]

1. วันที่เครื่องบินสูญหายวันที่ 8 มีนาคม 2014 มาเลย์บอกว่างงเต๊ก ไม่รู้หายไปใหน เครื่องบินออกหลังเที่ยงคืนเวลา 12.41 นาฬิกาจากกัวลาลัมเปอร์ไปปักกิ่ง ไม่ปรากฎว่าเครื่องลงจอดสนามบินปักกิ่งตามหมาย 6 โมงเช้ากว่า

2. วันต่อมาหลอกให้ทุกประเทศช่วยหาซากเครื่องบินในทะเลจีนใต้ งกๆเงินๆกันไป จีนก็เล่นละครช่วยหา เวียดนามก็เอากับเขาด้วย พี่ไทยทำพอเป็นพิธี

3. มุบมิบกันหลายวันก่อนที่จะยอมรับว่า มีความผิดปกติกับเครื่องบิน เพราะมีการปิดสัญญานเรดาร์
เครื่องtransponder ระบบACARSที่ติดต่อกับภาคพื้นดิน โดยไอ้โม่ง

4. ติดต่อกันครั้งสุดท้ายกับเครื่องได้ใน เวลา 1.21 นาฬิกา ก่อนสัญญานหายขาด ตำแหน่งสุดท้ายของเครื่องที่หายอยู่ระหว่างอ่าวไทยและทะเลจีนใต้

5. อ้าวแล้วทำไมไม่พูดความจริงตั้งแต่วันแรก แล้วให้ไปงมโข่งที่ทะเลจีนใต้ทำไม

6. ออกข่าวผู้โดยสารอิหร่าน เดินทางด้วยพาสพอร์ตปลอม ซื้อตั๋วในไทย โอ้ละหนอ ผู้ก่อการร้ายแน่เลย

7. มีเสียงผีพูดจากห้องขับเครื่องบัน "All right. Good night." เป็นการกล่าวลาแบบไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี

8. มาเลย์ยอมรับเพิ่มว่าเครื่องบินมีการเลี้ยวบินไปทางทิศตะวันตก ออกอ่าวไปเลย

9. เครื่องจะเลี้ยวออกนอกเส้นทางไม่ได้ ถ้ากัปตัน หรือผู้ช่วย หรือผู้โดยสารใครคนใดคนหนึ่งที่มีความรู้เครื่องบินดีไม่ทำ รู้ดีอีกแฮะ

10. น่าจีบมือไม้เข่าสั่นออกมาแถลงว่า เครื่องบินน่าจะถูกhijack

11. เรดาร์ทหารไทยจับได้แล้วตั้งแต่วันที่ 8 เครื่องบินโดนไฮแจ๊ควันนั้น มีการหักทิศทางบินออกนอกเส้นทางไปทิศตะวันตก

12. ทหารไทยแจ้งให้ทหารมาเลย์ทราบด้วย แต่ทหารมาเลย์มัวกินนาซีโกเรงอยู่ไม่สนใจ ทำเป็นหูหนวก

13. อ้าวถ้าเครื่องโดนไฮแจ๊ค ก็ต้องเช็คประวัติผู้ต้องสงสัยทุกคนบนเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นกัปตัน ผู้ช่วยและผู้โดยสาร

14. เฉย ไม่ได้มีการตรวจสอบ รื้อฟื้นประวัติใครเลย ว่าเป็นผู้ต้องสงสัย

15. อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ค่อยมาหาแพะที่ตัวกัปตัน ไปค้นบ้านกันใหญ่ เจอsimulator ด้วย นี่คิดไม่ซื่อแน่ๆ ทางการเมืองก็เป็นพวกกปปส. มาเลย์ที่ต้องการล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

16. มีผู้โดยสาร4คนเช๊คดิน แต่ไม่ได้ขึ้นเครื่อง น่าจะเป็นชาวจีน คนไฮเทค แต่มีการปัดข่าว

17. ปรากฎว่าเครื่องบิน บินไปอีกอย่างน้อย4-5ชั่วโมงหลังจากระบบเรดาร์โดนปิด รู้อย่างนี้ในวันนั้น ทหารมาเลย์นั่งนิ่งเฉยได้อย่างไร เพราะมันเป้นเรื่องความมั่นคง เครื่องบินโดนhijack แต่นั่งงอมืองอเท้ากัน

18. อ้าวแล้วทำไม ไม่ตีปิ๊บให้สหรัฐฯ ลูกพี่ที่รักช่วย เรดาร์สหรัฐฯบนท้องอวกาศมีเป็นพันๆดวง จะไม่มีตามองเห็นหรือไง หรือว่าช่วงนั้น เรดาร์เกิดตาบอดขึ้นมาอย่างกระทันหัน

19. มาเลย์จัดฉาก โชว์แผนที่ใหญ่โตว่า เครื่องบินน่าจะไปถึงอัฟกานิสถาน โน่นไปโน่น ไอ้ปื๊ดหนีไปโน่น ไม่งั้นก็ต้องลงมาทางมหาสมุทรอินเดียตอนใต้

20. ช่วงระหว่างเครื่องหาย ดาวเทียมจีนโชว์ภาพก่อน พบวัตถุสงสับคล้ายซากเครื่องบิน ละครมาก็ละครกลับ จะดูซิว่ามาเลย์จะเล่นไม้ใหน ไม่กี่วันมานี้ ดาวเทียมออสซี่ก็พบวัตุประหลาดในมหาสมุทรอินเดีย โคมลอยหมด

21. ชาวบ้านมี่Maldivesบอกว่าเห็นเครื่องบินลำสีขาว ลายเหมือนสายการบินมาเลย์บินต่ำมาก เสียงดังมาก ในตอนเช้าเวลา6.15 นาฬิกาของวันที่8 มีนา บินไปทางใต้ของเกาะ

22. แถวนั้นมีที่เดียวให้เครื่องบินลงจอดได้ คือDiego Garcia ฐานทัพลับของสหรัฐฯ

23. มาเลย์บอกว่า โอ้ย พวกคนชาวเกาะเอาอารายมาพูด สงสัยละเมอตอนเช้า

24. เมื่อวานนี้ หรือ16วันหลังเครื่องบันตก ดาวเทียมอังกฤษมาช่วยกู้สถานการณ์เพื่อปิดเกม จะให้ลากยาวแบบกำนันสุเทพไม่ไหวนา เพราะว่ามวลมหาประชาชนไม่เอาด้วย เขาโยนขวดน้ำให้แล้ว เพราะว่าเล่นแถลงข่าวบอกว่า หนูไม่รู้อย่างเดียว

25. ดาวเทียมอังกฤษบอกว่าเครื่องบินน่าจะตกในมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ และทางทิศตะวันตกของPerth, Australia

26. น่าจีบดีใจมากเลย ที่อังกฤษมาช่วยชีวิต คว้าดาวเทียมอังกฤษ เหมือนคนจะจมน้ำตายคว้าขอนไม้ รีบแถลงเลยว่า ผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด239ชีวิต ตายหมดแล้ว หายห่วง หายสงสัยได้ ขอแสดงความเสียใจกับทุกคนที่ตายแล้ว รวมทั้งทางญาติด้วย

27. "This is a remote location, far from any possible landing sites," Najib Razak said. "It is therefore, with deep sadness and regret, that I must inform you that, according to this new data, Flight MH370 ended in the southern Indian Ocean."

28. เออ เล่นหนังตะลุงไม่สมบทอีกแล้ว ซากเครื่องบินยังไม่เจอ แค่ดาวเทียมอังกฤษให้ข้อมูลมาก็เชื่อแล้ว ทำไมไม่ไปค้นซากเครื่องก่อน แล้วค่อยสรุปว่าผู้โดยสารตายยกลำ

29. ปิดเกมแล้วจ้า เรื่องอของเรื่อง มันไม่มีอะไรมาก แค่มีคนบ้าคนหนึ่งบนเครื่อง ซึ่งไม่รู้ว่าใจ hijackเครื่องบิน แล้วเลี้ยวเครื่องบินไปทางทิศตะวันตกผ่านช่องแคบมะละกา บินไปบินมา ไม่รู้น้ำมันหมด หรือเปล่าก็ไม่รู้ หรือไม่ก็อาจจะหลงทางแถวมหาสมุทรอินเดีย แล้วก็เจอเหตุการณ์สุดวิสัยอะไรก็ไม่ทราบ เลยทำเครื่องบินตก

30. จบข่าว อย่าไปคิดอไรมากไปกว่านี้เลย ทฤษฎีสมคบคิดทั้งนั้นที่คิดร้ายๆกับเรา เห็นแก่ญาติผู้โดยสารด้วยเถอะ โปรดอย่าทำร้ายจิตใจเขาไปมากกว่านี้ ส่วนผมขอตายคาสนามประชาธิปไตยเท่านั้น

31. "All right. Good night."

thanong
25/3/2014
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

 ใครเป็นใคร? "239 ชีวิต" บน MH370

25 มีนาคม 2557 เวลา 18:21 น.
โดย โพสต์ทูเดย์ออนไลน์

[attach=1]
ภาพประกอบจาก AFP news agency

เอเอฟพีเผยอินโฟกราฟฟิกจำแนกเชื้อชาติและที่มาที่ไปของผู้โดยสาร 239 ชีวิตบนเที่ยวบิน MH370

เมื่อวันนี้ (24 มี.ค.) สำนักข่าวเอเอฟพีได้เผยแผนภาพ (Info graphic) จำแนกเชื้อชาติและเรื่องราวบางส่วนของผู้โดยสารทั้งหมด 239 ชีวิตบนเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH370 เผยให้เห็นที่มาที่ไปของผู้โดยสานหลากหลายเชื้อชาติ แต่มีจุดหมายปลายทางเดียวกัน นั่นคือ กรุงปักกิ่ง

* กัปตันซาฮารี อาหมัด ชาห์ ชาวมาเลเซียวัย 53 ปี เข้าทำงานที่มาเลเซีย แอร์ไลน์ส ปี 1981 ด้วยประสบการณ์การบินมากถึง 18,000 ชั่วโมง โดยเขาได้รับยกย่องจากเพื่อนร่วมงานให้เป็นสุดยอดนักบิน

* นักบินผู้ช่วย ฟาริก อับดุล ฮามิด ชาวมาเลเซียวัย 27 ปี ผู้ที่ได้รับคำชมจากมัสยิดในชุมชนว่าเป็นชายผู้มีนิสัยอ่อนโยน

* ลูกเรือ 10 คน เป็นชาวมาเลเซียทั้งหมด

* ผู้โดยสารที่อายุมากที่สุดมีอายุ 79 ปี ส่วนผู้โดยสารที่อายุน้อยที่สุดอายุเพียง 2 ขวบเท่านั้น

* ผู้โดยสาร 19 คน เป็นศิลปินชาวจีนที่เดินทางไปร่วมงานนิทรรศการศิลปะ Lust For Life ที่มาเลเซีย ซึ่งรวมถึง หวาง หลินสือ จิตรกรและนักกวีชื่อดัง

* ผู้โดยสาร 20 คน เป็นพนักงานของบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ Freescale Semiconductor ของสหรัฐอเมริกา ในจำนวนนี้เป็นชาวจีน 12 คน และชาวมาเลเซีย 8 คน

* ชายวัย 34 ปี เดินทางเพื่อการทำธุรกิจที่ปักกิ่ง และได้ทิ้งลูกชาย 3 ขวบไว้ข้างหลัง พร้อมกับคำถามที่ว่า "พ่ออยู่ไหน"

* ผู้โดยสาร 6 คนเป็นชาวออสเตรเลีย ในจำนวนนี้ 4 คน ได้แก่ บ๊อบ, แคทเธอรีน ลอว์ตัน, ร็อดนีย์, แมรี่ เบอร์โลวส์ เป็นเพื่อนกันและอยู่ระหว่างการพักผ่อนท่องเที่ยวในช่วงวันหยุด

* หลี่หยวน และกูไน่จวิน 2 สามีภรรยาชาวออสเตรเลีย เชื้อสายจีน กำลังเดินทางไปจีนเพื่อบริหารจัดการธุรกิจปั๊มน้ำมัน

* 2 สามีภรรยา และลูกชายชาวอินเดีย เดินทางไปปักกิ่งเพื่อเยี่ยมลูกชายอีก 1 คนซึ่งอยู่ระหว่างการทำวิจัยหลังปริญญาเอก (Post-doctoral research) เกี่ยวกับดาราศาสตร์ฟิสิกส์

* ผู้โดยสาร 4 คนเป็นชาวฝรั่งเศส ในจำนวนนี้ 3 คนเป็นนักเรียนไฮสกูลของโรงเรียนฝรั่งเศสนานาชาติในกรุงปักกิ่ง

* คู่สามีภรรยาชาวแคนาดา โดย นายมุคเตช มุคเฮอร์จี ชาวแคนาดาซึ่งเกิดที่อินเดีย และทำงานอยู่ในบริษัทสหรัฐฯ กำลังอยู่ระหว่างเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านกับภรรยา เสี่ยวโม ไป๋ ในช่วงวันหยุด

* ผู้โดยสาร 2 คนเป็นชาวฝรั่งเศส หนึ่งในนี้คือ พอล วีคส์ อยู่ระหว่างเดินทางไปร่วมลงทุนทำเหมืองในมองโกเลีย โดยมี ดานิกา ภรรยาที่เฝ้ารอคอยเขาอยู่ พร้อมกับประโยคที่ว่า "ทุกวันที่ผ่านไปนานราวกับชั่วนิรันดร์"

* ผู้โดยสาร 2 คนชาวอิหร่าน ถูกตำรวจสากลพบว่าปลอมแปลงพาสปอร์ตของชาวอิตาลีและออสเตรีย โดยตำรวจสากลเผยว่า หนึ่งในนี้กำลังอยู่ระหว่างการเดินทางไปยังประเทศเยอรมนีเพื่ออยู่กับมารดา
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ตอบกลับอย่างรวดเร็ว

ชื่อ:
การยืนยัน:
กรุณาเว้นช่องนี้ว่างไว้:
พิมพ์คำว่า กิมหยง ลงในคำตอบ:
shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง