กิมหยง - ตะลุงเว็บบอร์ด

..และแล้ววันนี้เรามายืนอยู่ที่จตุรัสเทียนอันเหมินจนได้..ท่ามกลาง
อากาศ 8 องศา เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวของจีนอย่างเป็นทางการ..
..เด๋วจะอัพรูปลงเรื่อย ๆ นะคร๊าบบ..พรุ่งนี้จะไปเดินเล่นกำแพง
เมืองจีนซักกะหน่อย...

เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ.มหานครปักกิ่งช่างงดงาม
ซะนี่กระไร..เป็นช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีสองข้างทางเป็นต้นแป๊ะก๋วย
ใบเหลืองอะร่าม...

  ฤดูท่องเที่ยวอีกแล้ว.... มาคอยติดตามครับ.

อ้างจาก: Mr.No เมื่อ 05:41 น.  03 พ.ย 57
  ฤดูท่องเที่ยวอีกแล้ว.... มาคอยติดตามครับ.

..วันนี้เพิ่งกลับจากเดินเล่นที่กำแพงเมืองจีนมา.คนเยอะมาก
เลยครับ..ถึงที่พัก 2 ทุ่ม.เวลาที่นี่เร็วกว่าบ้านเรา 1 ชม.

..ชมบรรยากาศจตุรัสเทียนอันเหมินต่อครับ..คนเยอะมาก
คราคร่ำไปด้วนนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นคนจีนนี้แหล่ะ..

อยู่ที่นี้ รบ.จีนจะ blok net มาแบบพลุบๆโผล่.fb.yutube หมดสิทธิ์..
..

หลังจากนั้นก็ไปต่อพระราชวังกู้กงโดย
ผ่านอุโมงค์หอประตูเจิ้งหยางเหมิน..เจอกับกองนักท่องเที่ยวชาว
จีนแบบล้นทะลัก

พระราชวังกู้กงถูกสร้างขึ้นมาในสมัยจักรพรรดิกย่งเล่อแห่งราชวงค์หมิงปี ค.ส 1406 เป็นที่ประทับของฮองเต้ของราชวงค์หมิงและชิงรวมทั้งสิ้น 24 พระองค์

 

พระราชวังค์แห่งนี้กินเนื้อที่ 7.20 แสน ตร.ม มีตำหนักน้อยใหญ่ 999 ห้อง
ภายในแบ่งออกเป็น 2 ส่วน วังหน้าและวังใน

สภาพภายในพระตำกนัก

รอบ ๆ พระราชวังค์จะเป็นคูเมืองมีน้ำล้อมรอบป้องกันข้าศึกได้เป็นอย่างดี
และหากเกิดไฟไหม้ภายในพระราชวังใช้น้ำรอบคูเมืองนี้
แหละช่วยดับไฟ

สภาพทางเดินริมคูเมืองจะเห็นวณิพกพเนจรขับร้อง
เพลงตามตัวเองถนัดท่ามกลางอากาศ 7-8 องศา
..หนาวอิ๊บอายเลย..แต่ข้างทางเต็มไปด้วยต้นแป๊ะก๋วย
ซึ่งกำลังจะผลัดใบพอได้สดเชื่นอยู่บ้าง...

..และแล้ววันนี้กลับถึงหาดใหญ่ซะที..เด๋วมาโม้
ต่อนะก๊าบบ..   

..หลังจากเยี่ยมชมจตุรัสเทียนอันเหมินและพระราชวงศ์กูกง
แล้าก็ไปเที่ยวต่อ..หอฟ้าเทียนถาน..ซึ่งตั้งอยู่ในสวนสารธารณะ
สวนสารธารณะที่นี่จะต้องเสียค่าเข้าชมนะครับ..ต่างกับที่หาดใหญ่
บ้านเราเข้าได้ไม่อั้น..ฮา

ต้องซื้อตั๋วเข้าชมพร้อมมีเครื่องสแกนตั๋ว

..เมื่อผ่านประตูเข้ามาแล้วก็เห็นมีผู้คนวิ่งออกกำลังกายท่ามกลาง
อากาศที่หนาวเหน็บ..แต่ก็ต้องสดุดตากับภาพอาแป๊ะแก่ๆ
พร้อมอาหม่านั่งล้อมวงเล่นไพ่แบ่งเป็นกลุ่ม ๆ ตามระเบียงอาคาร
พร้องเสียงตะคอกกันเสียงดังตามวัฒนธรรมชาวจีน..แค่เล่น
สนุกๆกันเท่านั้นไม่ได้ใช้ตังค์แต่อย่างใด...เพิ่งรู้ที่หลังว่าทำไม่
พวกเขาจึงออกมานั่งเล่นไพ่..เนื่องจากรัฐบาลจีนเขากำหนดให้
หนึ่งครอบครัวมีบุตรได้คนเดียวเท่านั้น..อาแป๊ะอาหม่าเหล่านี้
ลูกๆก็โตๆกันหมดแล้วต่างก็แยกย้ายกันไปมีครอบครัวใหม่..ทำให้
พวกเขาเหล่านี้ต้องออกมาสังสรรค์ในรุ่นคราวเดียวกันเพื่อลดความ
เหงา...เห็นแล้วหดหู่มากครับ..,.

..เมื่อเดินมาสักครู่ก็ถึง หอฟ้าเทียนถาน..ที่นี่.ก็ต้องซื้อตั๋วเข้าชมอักทอดหนึ่ง
นะครับ..

..หอสักการะฟ้าเทียนถัน (Abkai mukdehun) เป็นหอบูชาที่มีการตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน หอแห่งนี้ได้มีการสร้างในสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง จักรพรรดิองค์ที่ 3 (หย่งเล่อ) เมื่อปี ค.ศ. 1420 ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 14 ปี ในช่วงเวลาเดียวกับการก่อสร้างพระราชวังหลวง สิ่งปลูกสร้างสำคัญต่าง ๆ ในเทียนถาน เช่น "หยวนชิว" หรือ "แท่นบวงสรวงฟ้า" "ฉี่เหนียนเตี้ยน" หรือ "ตำหนักสักการะ" และ "ตำหนักหวงฉุงยูว์" หรือ "หอเทพสถิต" เป็นต้น และได้มีการใช้ชื่อว่า เทียนตี้ถัน หมายความว่า หอแผ่นดินและฟ้า และในเวลาต่อมาปี ค.ศ. 1534 ได้มีการสร้างหอสักการะ ตี้ถัน ขึ้น และที่มาชื่อของหอนี้จึงกลายมาเป็นเทียนถันอย่างเดียว เมื่อปี ค.ศ. 1889 ได้มีปรากฎการณ์ทางธรรมชาติเกิดขึ้นคือมีฟ้าผ่าลงมาบนหอบูชาฟ้าเทียนถานและได้รับความเสียหาย จากนั้นทางการจีนจึงได้มีการสร้างขึ้นใหม่เมื่อปี ค.ศ. 1906 ซึ่ง หอบูชาฟ้าเทียนถาน ภายในได้มีการสร้างให้มีเส้นผ่าศูนย์กลางยาวประมาณ 32.5 เมตร และ สูง 38 เมตร โดยมิได้ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว ซึ่งเป็นวิธีการก่อสร้างอาคารไม้ในสมัยก่อน เมื่อเดินผ่านประตูเข้าไปแล้ว สิ่งแรกที่เห็นก็คือลานหินอ่อนทรงกลมขนาดใหญ่ แบ่ง 3 ขั้น 3 ระดับ แต่ละชั้นล้อมด้วยลูกกรงหินอ่อน เช่นเดียวกับที่เห็นในพระราชวังต้องห้ามเมื่อตอนเช้า ลานทรงกลมนี้มีชื่อว่า หยวนชิวซึ่ง ลานชั้นบนสุด ใช้เป็นที่บวงสรวงเทพยดาฟ้าดิน ซึ่งก็มีนักท่องเที่ยวขึ้นไปยืนถ่ายภาพตรงจุดศูนย์กลางกันเป็นจำนวนมาก
"หยวนชิว" หรือ "แท่นบวงสรวงฟ้า" หรือว่า หอสักการะฟ้าเทียนถัน มีลักษณะทรงกลม เป็นสถานที่สำหรับประกอบพิธีเซ่นไหว้ฟ้าในช่วงฤดูหนาวของในแต่ละปีและสามารถขอฝนในช่วงฤดูร้อน จักรพรรดิของเมืองจีน จะต้องเสด็จมา ณ สถานที่แห่งนี้เพื่อกราบไหว้ขอบคุณสวรรค์ที่ ช่วยบันดาลความสมบูรณ์พูนสุขแห่งพืชผลมาตลอดปี "แท่นบวงสรวงฟ้า" มีฐานทั้ง 3 ชั้น ได้มีการสร้างขึ้นจากหินอ่อนสีขาว ซึ่งมีความสูงกว่า 5 เมตร เมื่อยืนอยู่จากจุดของ "แท่นบวงสรวงฟ้า"แล้ว มองไปทั้งสี่ทิศจะสามารถเห็นท้องฟ้าสีครามที่กว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขต ส่วนจุดของพื้นที่เท้ากำลังสัมผัสอยู่นั้นเป็นฐานหินสีขาวอมเทา ทำให้รู้สึกประดุจยืนอยู่ท่ามกลางมวลหมอกในท้องทะเลกว้างหรือเหมือนอยู่บนชั้นอวกา

..และแล้วก็มาถึงไฮไล..สูงสุดของการเที่ยวทริปนี้ก็ปีนกำแพงหมื่นลี้ช่วงด้านจวีหยงกวน
กำแพงเมืองจีนเริ่มสร้างเมื่อ 2500 ปีก่อนในสมัยจ๋านกว่อ ที่มีการแบ่งแยกเป็นก๊กต่างๆและ
ต่างก็ทำสงครามสู้รบเพื่อแย่งความเป็นใหญ่ในแต่ล่ะก๊กก็มีการสร้างกำแพงเพื่อรักษาความ
มันคงของตัวเอง ด่านจวีหยงกวน เป็นปราการด่านสุดท้ายที่รักษาและป้องกันกรุงปักกิ่ง หาก
ด่านนี้โดนตีแตกหมายความว่ากรุงปักกิ่งจะต้องเสียเมืองแน่นอน..

..ด่านนี้อยู่ใกล้กรุงปักกิ่งมากที่สุด..ใช้เวลาแค่ 1 ชม.
เท่านั้น..มาถึงแววว..เห็นลิบๆแต่ไกล...

"ถ้ายังไม่ปีนขึ้นกำแพงเมืองจีน ก็ถือว่ายังไม่ใช่ใช่ลูกผู้ชายตัวจริง"คือถ้อยคำอมตะเกี่ยวกับกำแพงเมืองจีนโดย ท่านประธานเหมาเจอตุง อดีตผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ สลักไว้บนท่านหินขนาดใหญ่ ณ ด่านปาตาหลิ่ง ซึ่งสะท้อนมุมมองของชาวจีนว่ากำแพงเมืองจีนเสมือนบทพิสูจน์ของความพยามยามที่จะนำมาซึ่งความสำเร็จ แม้ต้องแลกกับชีวิตนับล้านที่ต้องสูญไป


กำแพงแห่งอารยธรรมนี้มีชื่อเป็นภาษาจีนว่าฉางเฉิง (长城) แปลว่ากำแพงยาว ทอดตัวไปในทะเลทรายและแนวเขาสูงชันสีน้ำตาลแดง จากจุดเริ่มต้นที่เมืองฉินหวงเต่าในมณฑลเหอเป่ย ผ่านมณฑลเลียวหนิง เทียนจิน ปักกิ่ง มณฑลซานซี เขตปกครองตนเองมงโกลเลียใน มณฑลส่านซี มณฑลหนิงเซี่ย และสิ้นสุดที่มณฑลกันซู่ ปัจจุบันมีความยาวประมาณ 6,700 กิโลเมตร หรือ 14,600 ลี้ ด้วยความยาวนี้เอง ทำให้กำแพงเมืองจีนมีสมญานามว่ากำแพงหมื่นลี้ (万里长城) ซึ่งต่อมาทาง Unesco ได้ประกาศให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อปี1987 และยังเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางอีกต่างหา

..มาแล้วก็ต้องปีนตามที่ท่านประธานเหมาแนะนำล่ะ..ฮา

กำแพงเมืองจีนที่เราเห็นกันในทุกวันนี้นั้น เป็นกำแพงที่ถูกสร้างใหม่ในสมัยราชวงค์หมิง โดยมีจุดเริ่มต้นจากแม่น้ำยาลู่มณฑลเหลียวหนิงทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยาวมาถึงด่านเจียอี้กวนในมณฑลกานซู่ในภาคตะวันตกของจีน ซึ่งถือว่าเป็นกำแพงที่ก่อสร้างอย่างดีที่สุดกว่าทุกราชวงศ์ที่มีการสร้างกำแพงเมืองจีน ด้วยโครงสร้างที่แข็งแรง ด้านนอกก่อด้วยอิฐและหินก้อนใหญ่ ความสูงประมาณ10 เมตร สันกำแพงกว้าง4-5 เมตร ซึ่งกว้างมากพอที่จะใช้ม้าลำเลียงกำลังพล อาหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารต่างๆ แต่ละช่วงของกำแพงจะมีป้อมปราการสำหรับจุดไปส่งสัญญาณแจ้งเหตุ ภายในป้อมมีบันไดหินสำหรับขึ้นลงและมีพื้นที่สำหรับเป็นที่พักและเก็บเสบียงกรั

有"天下第一雄关"之称的居庸关是万里长城上历史最悠久、最著名的关隘之一，其建筑规模之大，文化内涵之深，堪称我国万里长城关城建设之最。
ด่านจวียงกวนซึ่งได้รับสมญานามว่าเป็น "ปราการด่านแรกแห่งใต้หล้า" นั้นเป็นหนึ่งในด่านกำแพงเมืองจีนที่มีประวัติยาวนานที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุด และเป็นกำแพงเมืองจีนที่มีนัยยะทางวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งและมีขนาดมหึมาที่สุดของประเทศจีนด้วย

สภาพด้านล่างก่อนขึ้นด่านจะเป็นร้านขายของที่ระลึก
และร้านอาหาร..