ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

จ่ายแพงกว่าทำไม..มี หรือ ไม่มีรถยนต์..สมัครเป็นตัวแทนเองดีกว

เริ่มโดย ยงยุทธ, 21:25 น. 24 ก.ย 54

ยงยุทธ

 ส.ยกน้ิวให้ มี/ไม่มีรถยนต์ สมัครเป็นตัวแทนเองดีกว่า   ส.โอ้โห

พ.ร.บ. ประกันภัย  ซื้อใช้เอง

โอนเงินเอง รับส่วนลดเอง

ไม่ถูกโกง แน่นอน

[/url] [attach=1][/img]

www.kawna.com?i=70074
อยากให้รถทุกคันมีประกัน http://www.kawna.com/70074

ยงยุทธ

 ส.โกรธอย่างแรง  อย่างไงรถยนต์ต้องทำ พ.ร.บ. ประกันภันทุกปี  ส.โกรธอย่างแรง

ส-ดีใจ สมัครเป็นตัวแทนเองดีกว่า รับส่วน พ.ร.บ. ประกันภัยรถยนต์ตลอดชีพ  ส.หัว ส.หัว ส.หัว


http://www.iaminsure.com/?id=256
อยากให้รถทุกคันมีประกัน http://www.kawna.com/70074

ยงยุทธ

****จุดเด่นธุรกิจ ****

1.ไม่...ต้องมีบุคคลค้ำประกัน
2.ไม่...จำกัดอายุหรือการศึกษา...เพียงคุณมีความพร้อม
3.ไม่...ต้องมีทำเล เพราะคนรอบข้างคุณทุกคนมีรถ
4.ไม่..ต้องรักษายอดขายหรือตำแหน่ง
6.จ่าย..ผลตอบแทนทันที,ไม่ต้องรอคอมรายเดือน ไม่มีความสี่ยง

โทรสอบถาม ข้อมูล ธุรกิจเพิ่มเติมได้ทุกวัน     

* สมัครสมาชิก ครั้งเดียวตลอดชีพ รับส่วนลดตลอดชีพ
* ได้ค่าแนะนำ 1-5% จากสมาชิกที่ท่านแนะนำ
* ท่านสามารถเลือกซื้อหรือขายประกันภัยตามความต้องการกับหลายบริษัทประกันภัยฯ ชั้นนำกว่า 30 บริษัท


ติดต่อ ขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  E-mail :tai0896535595@gmail.com   
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และ เยี่ยมชม Webside คลิ๊กที่นี่ เพื่อเยี่ยมชม
http://www.iaminsure.com/?id=256


***โอกาสดีๆ อาจผ่านมาเพียงสักครั้งหนึ่งในชีวิต ลองให้โอกาสตัวเองดูสักครั้งนะครับ***
อยากให้รถทุกคันมีประกัน http://www.kawna.com/70074

ยงยุทธ

วิธีประหยัด เบี้ยประกันภัยรถยนต์
หลาย ท่านซื้อประกันภัยรถยนต์ปีหนึ่งหลายหมื่นบาท หากมีหลายคันค่าใช้จ่ายยิ่งจะเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ด้านล่างนี้เป็นวิธีการลดค่าใช้จ่ายของคุณในแต่ละปี ในการซื้อประกันภัยรถยนต์ในราคาประหยัด

1.  ส่วนลด ประวัติดี
ในแต่ละปีที่ท่านทำประกันไว้ ถ้ารถยนต์ที่เอาประกันภัยของท่านไม่เคยมีเคลมเลยในปีที่ผ่านมา หรือมีเคลมแต่ไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ท่านจะได้รับส่วนลดประวัติดี ตามลำดับขั้นในแต่ละปี สูงสุดถึง 50% ของเบี้ยประกันภัยในปีที่ต่ออายุ ดังนี้
- ขั้นที่ 1 ขับรถดีในปีแรก รับส่วนลด 20%
- ขั้นที่ 2 ขับรถดี 2 ปีติดต่อกัน รับส่วนลด 30%
- ขั้นที่ 3 ขับรถดี 3 ปีติดต่อกัน รับส่วนลด 40%
- ขั้นที่ 4 ขับรถดีติดต่อกันตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไป รับส่วนลด 50%

      หมาย เหตุ : หากท่านเป็นฝ่ายผิด ส่วนลดประวัติดีจะลดลงทีละขั้น เช่นหากท่านมีประวัติดี 40 เปอร์เซ็นต์ และเป็นฝ่ายผิด 1 ครั้ง ส่วนลดก็จะลดลงเหลือ 30 เปอร์เซ็นต์ บางคนอาจจะเข้าใจว่าหากเป็นฝ่ายผิดเพียงครั้งเดียว ประวัติดีจะหมายหมด ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด


2.ระบุชื่อผู้ขับขี่
     การ ประกันภัยรถยนต์ แบบระบุชื่อผู้ขับขี่ สำหรับรถยนต์นั่ง รถยนต์โดยสาร ที่ใช้ส่วนบุคคล สามารถเลือกระบุชื่อผู้ขับขี่ได้ไม่เกิน 2 คน โดยจะได้รับส่วนลดเบี้ยประกันภัยตามช่วงอายุของผู้ขับขี่ ตั้งแต่ 5 - 20% ดังนี้
ช่วงอายุ
ส่วนลดเบี้ย
18 / 24 ปี
5%
25 – 35 ปี
10%
36 – 50 ปี
15%
50 ปีขึ้นไป
20%

3.  ความเสีย หายส่วนแรก (Deductible)
     การทำ ประกันภัยรถยนต์แบบมี Deductible เป็นวิธีการที่ท่านเลือกรับความเสี่ยงภัยไว้เองบางส่วน ในกรณีที่เกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุในละครั้ง ซึ่งจะทำให้สามารถประหยัดค่าเบี้ยประกันภัยได้ส่วนหนึ่ง เช่น หากคุณซื้อค่าเสียหายส่วนแรกเพิ่มเป็นจำนวนเงิน  2,000 บาท เป็นต้น คุณก็จะได้ลดเบี้ยประกันจากยอดเดิม อาจจะ 4,000 – 5,000 บาท แล้วแต่บริษัท แต่หากมีอุบัติเหตุ และคุณเป็นฝ่ายผิดคุณก็ต้องเสียเงินจำนวน 2,000 บาท/ครั้ง เพราะว่าว่าเงินตรงนี้เป็นการร่วมรับผิดกับบริษัทประกันฯ นั่นเอง

4.ส่วนลดกลุ่ม
     หากท่านมีรถยนต์ตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ที่จดทะเบียนชื่อเดียวกัน จะได้รับส่วนกลุ่ม

5. สมัครตัวแทนเพื่อใช้เอง
     วิธี การสุดท้ายที่จะทำให้คุณซื้อประกันภัยได้ในราคาประหยัด นั่นก็คือการสมัครตัวแทน เพื่อซื้อในราคาทุน การสมัครตัวแทนมีอยู่หลายบริษัท เงื่อนไข และรายละเอียดก็จะแตกต่างกัน และบริษัทไอบีเอสซี โบรคเกอร์ก็เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่รับสมัครตัวแทน เพื่อขายประกัน หรือว่าเอาไว้ซื้อประกันใช้เอง เงื่อนไขก็ไม่ยาก ใช้แค่สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และค่าสมัครเพียง 200 บาทแค่นั้นเอง ง่ายๆ แค่นี้แต่อาจจะประหยัดค่าเบี้ยปีละ 2,000 – 5,000 บาทเลยก็ได้ แถมบริษัทมีบริการเงินผ่อนด้วย ท่านสามารถดูรายละเอียด และสมัครตัวแทนได้ที่นี้..
http://www.iaminsure.com/?id=256
แด่ความสำเร็จของท่าน
อยากให้รถทุกคันมีประกัน http://www.kawna.com/70074

ยงยุทธ

ข้อแนะนำและเบอร์เคลมอุบัติเหตุ
รายละเอียด

ข้อแนะนำในการแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์
วิธีปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถยนต์
1 แจ้งให้บริษัทประกันภัยทราบทันที
2 รายละเอียดที่ต้องแจ้ง
- ทะเบียนรถ ยี่ห้อ สี หมายเลขกรมธรรม์
- เบอร์โทรศัพท์ของผู้ขับขี่ สถานที่เกิดเหตุ หรือบริเวณที่เห็นได้ง่าย
- ลักษณะการเกิดเหตุ
3 หลังโทร.แจ้งแล้ว ให้รอ ณ ที่เกิดเหตุ โดยปฏิบัติตามคำแนะนะเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่รับแจ้งอุบัติเหตุ
4 ไม่ควรเคลื่อนย้ายรถ เว้นแต่ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ รู้ผิดถูกแน่นอน และมีหลักฐาน หากมีการเคลื่อนย้ายรถ ต้องแจ้งให้บริษัทประกันภัยทราบ
5 ไม่ควรตกลงชดใช้ค่าเสียหาย เมื่อไม่แน่ใจในลักษณะอุบัติเหตุ
6 กรณีมีผู้บาดเจ็บ ให้ช่วยเหลือนำส่งสถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุด และแจ้งให้บริษัทประกันภัยทราบ
7 ท่านสามารถนำรถเข้าซ่อมกับอู่ในสัญญาของบริษัทประกันภัยตามที่ท่านสะดวก
กรณีเป็นฝ่ายผิด
1 กรุณาอย่าหลบหนี เพราะท่านอาจไม่ใช่ผู้กระทำผิด การหลบหนีอาจเป็นเหตุทำให้ต้องโทษในคดีอาญาเพิ่มขึ้น
2 ควรแยกรถเพื่อมิให้กีดขวางจราจร
3 ถ้าไม่สามารถติดต่อบริษัทประกันภัย อาจดำเนินการโดย
นัดหมายกับคู่กรณีภายหลัง
ทำบันทึกยอมรับผิดให้คู่กรณีติดต่อบริษัทประกันภัยหลังจากท่านได้แจ้งอุบัติเหตุครั้งนี้ให้บริษัทประกันภัยทราบแล้ว หรือให้นำบันทึกยอมรับผิดติดต่อบริษัทประกันภัยของตน
แลกแบบฟอร์ม "ชนแล้วแยกแลกใบเคลม" ต่อจากนั้นรีบติดต่อเจ้าหน้าที่รับแจ้งอุบัติเหตุเพื่อลงนามรับผิดชอบคู่กรณี
การทำบันทึกยอมรับผิด
ควรมีรายละเอียดดังนี้ (อาจเป็นแบบฟอร์ม ซึ่งเขียนขึ้นเองได้)
1 ชื่อ-นามสกุล ของฝ่ายผิด
2 ที่อยู่ เบอร์โทร โดยชัดเจนและสามารถติดต่อได้
3 วันที่ สถานที่เกิดเหตุ
4 ทะเบียนรถคันที่เป็นฝ่ายผิด และคันที่เป็นฝ่ายถูก
5 ข้อความที่ระบุว่ายอมรับผิด และรายละเอียดความเสียหาย
6 ลงลายมือชื่อพร้อมพยาน กรณีเป็นนามบัตร ต้องมีชื่อกำกับ
กรณีเป็นฝ่ายถูก
1 ถ้าคู่กรณีไม่ยอมรับผิดให้จดยี่ห้อรถ ทะเบียนรถคู่กรณีไว้ก่อนจากนั้นโทรแจ้งบริษัทประกันภัยทราบ
2 ไม่ควรแยกจนกว่าคู่กรณียอมรับผิด และมีหลักฐานให้ เช่น บันทึกยอมรับผิด หรือแบบฟอร์มชนแล้วแยกแลกใบเคลม
3 ถ้าคู่กรณีหลบหนีให้แจ้งตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวัน โดยระบุรายละเอียดคู่กรณีให้มากที่สุด
4 กรณีทรัพย์สินบนรถเสียหาย ต้องลงบันทึกประจำวันทุกครั้ง เพราะต้องเรียกร้องเองโดยตรง
กรณีมีผู้บาดเจ็บ
ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผิด หรือฝ่ายถูก ให้รีบนำผู้ที่ได้รับบาดเจ็บส่งสถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที


ติดต่อ (เคลม) บริษัทประกันภัย
1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด แจ้งอุบัติเหตุ 1577
2 บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด แจ้งอุบัติเหตุ 02-631-1311
3 บริษัท อลิอันซ์ ซี พี ประกันภัย จำกัด แจ้งอุบัติเหตุ 02-638-9000
4 บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) แจ้งอุบัติเหตุ 1596
5 บริษัท ประกันคุ้มภัย จำกัด (มหาชน) แจ้งอุบัติเหตุ 02-285-8000, 02-257-8353
6 บริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด แจ้งอุบัติเหตุ 02-788-8000
7 บริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด แจ้งอุบัติเหตุ 02-254-9977
8 บริษัท แอล เอ็ม จี ประกันภัย จำกัด แจ้งอุบัติเหตุ 02-661-6000
9 บริษัท โตเกียวมารีนศรีเมืองประกันภัย จำกัด แจ้งอุบัติเหตุ 02-686-8616
10 บริษัท ไทยศรีประกันภัย จำกัด แจ้งอุบัติเหตุ 02-860-8001
11 บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) แจ้งอุบัติเหตุ 02-644-6400
12 บริษัท อินทรประกันภัย จำกัด (มหาชน) แจ้งอุบัติเหตุ 02-247-9261
13 บริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) แจ้งอุบัติเหตุ 02-630-9055
14 บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด แจ้งอุบัติเหตุ 02-693-7456
15 บริษัท เอราวัณประกันภัย จำกัด แจ้งอุบัติเหตุ 02-224-0056
16 บริษัท นำสินประกันภัย จำกัด (มหาชน) แจ้งอุบัติเหตุ 02-911-4567
17 บริษัท บีที ประกันภัย จำกัด แจ้งอุบัติเหตุ 02-657-1700
18 บริษัท ไทยไพบูลย์ประกันภัย จำกัด แจ้งอุบัติเหตุ 02-246-9635
19 บริษัท ฟีนิกซ์ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด แจ้งอุบัติเหตุ 02-763-6222
20 บริษัท กลมประกันภัย จำกัด (มหาชน) แจ้งอุบัติเหตุ 02-502-2888
21 บริษัท เจ้าพระยาประกันภัย จำกัด (มหาชน) แจ้งอุบัติเหตุ 02-661-3355
22 บริษัท เทเวศน์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) แจ้งอุบัติเหตุ 02-670-4444
23 บริษัท คูเนียประกันภัย จำกัด แจ้งอุบัติเหตุ 02-635-1555
24 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด แจ้งอุบัติเหตุ 1620
25 บริษัท วิคเตอรีประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด แจ้งอุบัติเหตุ02-743-7999
26 บริษัท ไทยพาณิชย์สาม้คคี ประกันภัย จำกัด (มหาชน) แจ้งอุบัติเหตุ 02-640-4500
27 บริษัท แอกซ่า ประกันภัย จำกัด (มหาชน) แจ้งอุบัติเหตุ 02-285-6388
28 บริษัท ไอโออิกรุงเทพประกันภัย จำกัด แจ้งอุบัติเหตุ 02-620-8000
29 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) แจ้งอุบัติเหตุ 02-643-2121
30 บริษัท ชาร์ทิสประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด แจ้งอุบัติเหตุ 02-649-1999

หมายเหตุ
ลูกค้าสามารถดูเบอร์ติดต่อฝ่ายเคลมของแต่ละบริษัทประกันภัยได้ในหน้าตารางกรมธรรม์ทุกฉบับ
อยากให้รถทุกคันมีประกัน http://www.kawna.com/70074

ยงยุทธ


ส.โกรธอย่างแรง ***** เรื่องรู้ทันพนักงานเคลม*****

                             ปัจจุบันเพื่อนๆ ผู้ใช้รถฯโดยทั่วๆไป ที่ ทำประกันภัยรถยนต์ แล้ว คงไม่อยากจะ เจอ กับพนักงานเคลม ของบริษัทฯประกันภัย เป็นแน่แท้ เพราะถ้าเจอแล้ว บางท่านที่ไม่มี ประสบกราณ์ตอน รถชนกัน อาจไม่ทราบ เลยว่า จะต้องปฏิบัติตน อย่างไร จึงจะถูกต้อง ซึ่งผู้เขียนใคร่ ขออธิบาย ให้ท่านทราบ ถึงลักษณะของ อุบัติเหตุ ตามอาชีพ ที่พวกเราเรียก เขาว่า พนักงานเคลม ก่อน ว่าโดย ทั่วๆไปแล้ว คนในอาชีพเคลม เขาแบ่ง ลักษณะการเกิดเหตุ ออกเป็นลักษณะใดบ้าง หลักๆดังนี้ 1. เคลมแห้ง หมายถึง เคลมที่ รถเกิดเหตุมานานแล้ว เพ่งมาแจ้งเหตุ เช่น แผลขูดขีด เป็นต้น 2. เคลมสด  หมายถึง เคลมที่ รถชนกันสดๆ และ ยังมีผู้เสียหาย ในเหตุกราณ์ รออยู่ 3. เคลมเสียหายมาก หมายถึง เคลมที่ จะเกิดขึ้นสดๆ หรือ เกิดขึ้นนานแล้ว แต่เสียหายมาก เพิ่งมาแจ้งเหตุ เช่น รถเสียหาย จน ขับไม่ได้ นานมาแล้วเป็น อาทิตย์ เพ่งมาแจ้งเหตุ เป็นต้น  ซึ่งใน ภาคธุรกิจประกันวินาศภัย ปัจจุบันมีทั้งบริษัทฯต่างชาติ และ บริษัทฯ ที่มีธุรกิจที่เอื้อประโยชน์ กันเข้าแข่งขันในการครองตลาดรถ อยู่มาก ผู้บริโภค จึง ไม่อาจจะเลือก โดยเสรี ทางความคิด ได้หมด เพราะ ส่วนมาก ไฟแนซ์ ก็เป็นผู้เกือบจะ บังคับ ให้ตามโปรแกรมการขาย ซะ เป็นส่วนมาก (ไม่รวมรถที่ซื้อเงินสด) จึงไม่รู้เลยว่า บริษัทประกันภัย ที่เขาเลือก ให้เรานั้น ได้มาตราฐาน หรือ จัดให้ตาม ประโยชน์ที่ เซลขายรถ หรือ มารเก็ตติ้ง ของไฟแนซ์ จะได้รับ

                              พนักงานเคลม มีหน้าที่ ออก ตรวจสอบอุบัติเหตุ โดยเร็วที่สุด และ บันทึก รายงาน ถ่ายภาพ ที่เกิดเหตุ รวบรวม พยานหลักฐาน ให้ครบถ้วน สมบรูณ์ที่สุด เพื่อเข้าเป็น รายงานแฟ้มอุบัติเหตุต่างๆ นี่ก็คือ หน้าที่หลัก โดยทั่วไป ซึ่งจาก สถิติ การเกิดเหตุ โดยทั่วๆไปแล้ว เรื่องที่จะมี ปัญหากับท่านผู้อ่าน ก็คือ แจ้งเคลมแห้ง เพราะใน สัญญาประกันภัย ได้ระบุไว้ว่า หากเกิดเหตุ ไม่ทราบ คู่กรณี ท่านก็จะต้อง ถูกเก็บ ค่าเงื่อนไข ไม่ทราบ คู่กรณี ยกเว้น เสีย แต่ว่า ท่าน จะพิสูจน์ ให้ บริษัทฯประกัน ทราบว่า ท่าน ไม่ได้ เป็น ฝ่ายถูกละเมิด (ฝ่ายถูก) จากผู้อื่น แล้วไปเรียกเก็บ ค่าเสียหาย เข้ากระเป๋า ของตนซะเองไปแล้ว  ฉะนั้น เวลารถฯ ของท่าน เสียหาย ไม่ว่า จะมาก หรือ น้อย ก็ตามท่าน จะต้องโทรศัพท์แจ้งเหตุไปที่ บริษัทฯประกัน ในทันที และ ต้อง ขอหมายเลขรับแจ้ง และ ชื่อ สกุล ของ พนักงานรับแจ้ง ไว้เป็นหลักฐาน ด้วย ทุกครั้ง เพราะ พนักงานรับแจ้งเหตุ นั้นจะช่วย แนะนำท่าน ในสิ่งที่ ท่าน จะต้อง ทำต่อไปเช่น ถูกชน แล้ว หลบหนีไป ต่อ หน้าต่อตา จะทำอย่างไร ทะเบียนรถ ที่ชน ก็จำ ไม่ได้ อีกซะเลย เป็นต้นพนักงานเคลม บางท่าน จะนำประโยชน์ในสัญญาประกันภัย มาเก็บค่าเงื่อนไขท่าน ซึ่ง หากท่าน คิดว่าจ่าย ไปด้วย ความถูกต้อง แล้ว ก็ควร ขอใบเสร็จรับเงิน จาก บริษัทฯ ที่ท่าน ทำประกัน ไว้เป็น หลักฐานด้วยทุกครั้ง  สิ่งสำคัญ หากท่าน ขับรถชน กับ รถคู่กรณี ที่ไม่มี ประกันภัย และ รถของท่าน เป็น  ฝ่ายถูกแล้ว ท่านควรตรวจสอบ กับ ไปที่บริษัทฯประกันภัย ที่ท่านทำประกันทุกครั้ง ว่า  ตาม รายงาน อุบัติเหตุรถของท่านเป็น ฝ่ายถูกจริง หรือ ไม่  ควรคุย กับ ระดับหัวหน้างาน ของบริษัทฯ นั้นๆเ พราะ ถ้าเป็นฝ่ายถูก ท่านจะได้ รับส่วนลด ประวัติดี ในปีต่อไป ครับ

                             ธุรกิจประกันวินาศภัย ในบ้านเรา (เมืองไทย) ยังคงต้อง พัฒนา ยกระดับ มาตราฐานขึ้นอีกมาก  พนักงานเคลม บางบริษัทฯมีจริงๆไม่กี่คน นอกนั้นจะต้องจ้าง บริษัท เซอร์เวย์เยอร์ แปลเป็นไทยว่า บริษัท รับสำรวจภัย ซึ่งมีหน้าที่ รับจ้างทำเคลม ให้กับ บริษัทประกันภัยต่าๆ ที่ แจ้งเหตุ เข้ามา ซึ่งบาง บริษัท เซอร์เวย์เยอร์ ก็ไม่มีสาขา เรียกกันว่าเกิดเหตุ ที่จังหวัดนี้ก็ ใช้บริการที่นี่ เป็นต้น ซึ่งเป็นอาจจะทำให้ บริการไม่ทั่วถึง ในช่วงเวลาเร่งด่วน หรือ ในช่วงเทศกาล ซึ่ง ต่างกับ บริษัทประกันภัย ที่มีสาขาหรือ ศูนย์บริการคลอบคลุม อยู่ทุกพื้นที่ การให้บริการ จะทำให้ไปถึง ที่เกิดเหตุ ได้รวดเร็ว ขึ้น อีกเรื่อง ที่ถือว่า สำคัญ ก็คือ จรรยาบรรณ ในการประกอบวิชาชีพ ซึ่งรวมถึง เรื่องของ ความรู้ใน ข้อ กฎหมาย ในคดี รถชนกัน และ มารยาท ความเอาใจใส่ ในการบริการลูกค้า ของพนักงาน เป็นต้น เรื่อง พวกนี้ถือว่าเป็น สาระสำคัญ ในการประกอบธุรกิจฃอง บริษัทประกันภัย ให้มีเชื่อเสียงได้ยาวนาน

                               บริษัท เซอร์เวยเยอร์ ต่างๆ บาง บริษัทฯ มีมาตราฐาน ราคา ค่าสำรวจ ก็จะ มาตราฐาน  ไปด้วย แต่ปัจจุบัน บริษัท ประกันภัย บางบริษัทฯ ก็ต้องการลดต้นทุน หันไปใช้ บริษัท เซอร์เวยเยอร์ ที่ไม่มี มาตราฐาน มาใช้งาน เพราะ ค่า บริการถูก แต่ ลืม คิดถึง ภาพลักษณ์ของ บริษัทประกันภัยเอง เพราะเวลา ที่ลูกค้าซื้อ ประกันส่วนมาก ก็จะเจอ แต่ เซล หรือ ตัวแทนขายประกัน ไม่เคยเจอ  พนักงานเคลม เลย จะมาเจออีกที ก็ตอนมี อุบัติเหตุ หรือ ตอน แจ้งเคลม นี่แหล่ ซึ่งถ้า บริษัทฯประกันภัย ไหน มีมาตราฐาน ในการบริการที่ดี มาถึงที่เกิดเหตุเร็ว ก็คง จะเป็น เรื่องที่ดี กับ พวกเรา คนใช้รถ

                                เคลมฉ้อฉล ปัจจุบัน พวกเราคนใช้รถ ไม่เคย รู้เลย ว่าอุบัติเหตุ จะเกิดขึ้น เมื่อไหร่เมื่อ เกิดขึ้นแล้ว (เบาๆ) ก็ คงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ ถ้าเกิดขึ้น หนักๆ แล้ว ผู้ที่จะช่วย ท่านได้มากที่สุด ก็คือพนักงานเคลม นั่นเอง เพราะ อุบัติเหตุ ที่เสียหายมาก มี ผู้คน บาดเจ็บ ล้มตาย มี คดีอาญา เกิดขึ้นความเสี่ยง จะเกิดขึ้น กับผู้ที่ขับขี รถโดยประมาท ตามกฎหมาย ซึ่ง บางบริษัทประกันฯ ก็ ทำตรงไป ตรงมาบางบริษัทประกันฯ ก็(อาจมี) วิ่งคดี หรือ บางบริษัทประกันฯ เชี่ยวชาญ มองเกม ขาด ก็จะ แนะนำให้ลูกค้า มีการบรรเทา ผลคดี หรือ ช่วยเหลือ คู่กรณี ของตน ทางด้านมนุษย์ธรรม เป็นต้น เคลม ฉ้อฉล เกิดขึ้น ได้กับ พนักงานเคลม ที่เรียก หรือ ถูกฝ่ายตรงข้าม ท่านเสนอ ให้ สินบน เพื่อเขาจะได้เป็นฝ่ายถูกหรือไม่ก็ บวกเพิ่ม ค่ารักษาพยาบาล ค่าปลงศพ ฯลฯ เป็นต้น ซึ่ง ก่อน นัดจ่าย ค่าสินไหมทดแทนต่างๆท่านควร ตรวจสอบกับผู้บริหารของ บริษัทประกันภัยให้ชัดเจนก่อนทุกครั้ง อย่าลืมโทรศัพท์เข้าไปสอบถามด้วยตนเองกับ ฝ่ายตรวจสอบของบริษัทประกันภัย หรือ ผู้จัดการสินไหมฯก็ได้ครับ ท่านจะได้รู้ว่าถูกใครเป็น ผู้เอาเปรียบท่าน กันแน่ บางครั้ง บริษัทประกันฯ อาจเอาเปรียบท่าน ก็ควรเจรากันใหม่ ให้ยุติ ถ้าไม่ยุติ หรือ เห็นว่า ไม่ยุติธรรม ก็ให้ติดต่อ สายด่วน กรมการประกันภัยได้ ที่เบอร์ 1186 ครับ
ส.หัว
อยากให้รถทุกคันมีประกัน http://www.kawna.com/70074

ยงยุทธ


ส.บ๊ายบาย
ประกันภัยภาคบังคับ(พ.ร.บ.)คุ้มครองอย่างไร วงเงินเท่าไหร่
การชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ประสบภัย แบ่งเป็น 2 ขั้นตอน ดังนี้
1.> ค่าเสียหายเบื้องต้น บริษัทจะชดใช้ให้แก่ผู้ประสบภัย/ทายาทของผู้ประสบภัย ภายใน 7 วัน นับแต่บริษัทได้รับคำร้องโดยไม่ต้องรอพิสูจน์ความผิด
- กรณีบาดเจ็บ จะได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิด 15,000 บาท
- กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะและทุพพลภาพถาวร บริษัทจะจ่ายค่าเสียหายเบื้อต้นจำนวน 35,000 บาท
- กรณีเสียชีวิตหลังการรักษาพยาบาล จะได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 15,000 บาท และค่าปลงศพอีกจำนวน 35,000 บาท รวมแล้วไม่เกิน 50,000 บาท
2.> ค่าเสียหายส่วนเกินกว่าค่าเสียหายเบื้องต้น เป็นค่าเสียหายที่บริษัทจะชดใช้ให้ภายหลังจากที่มีการพิสูจน์ความรับผิดตามกฎหมายแล้ว
- กรณีบาดเจ็บจะได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 50,000 บาท
- กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ และทุพพลภาพถาวร บริษัทจะชดใช้เต็มจำนวนเงินความคุ้มครองจำนวน 200,000 บาท
- กรณีเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลในฐานะคนไข้ใน จะได้รับค่าชดเชยวันละ 200 บาท ไม่เกิน 20 วัน

กรณีประสบอุบัติเหตุและไม่มีคู่กรณีจะได้รับความคุ้มครองอย่างไร
- ผู้ประสบภัยที่เป็นผู้ขับขี่และเป็นฝ่ายผิดจะได้รับความคุ้มครองไม่เกินค่าเสียหายเบื้องต้นเท่านั้น
- ผู้ประสบภัยที่เป็นผู้โดยสารหรือบุคคลภายนอกรถ กรณีบาดเจ็บจะได้รับการชดใช้ค่าเสียหายไม่เกิน 50,000 บาท และกรณีเสียชีวิตหรือสูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพถาวร จะได้รับการชดใช้จำนวน 200,000 บาท

ขอขอบคุณ
หนังสือ คปภ. รู้จักใช้ เข้าใจสิทธิ (ประกันวินาศภัย)ใกล้ตัวคุณ

ส.บ๊ายบาย  ส.บ๊ายบาย
อยากให้รถทุกคันมีประกัน http://www.kawna.com/70074

ยงยุทธ


ส.มองลอดแว่น เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ทำอย่างไร ให้ปฏิบัติตามขั้นตอน ต่อไปนี้
เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ควรปฏิบัติตามขั้นตอน ต่อไปนี้
การแจ้งเกิดอุบัติเหตุ
• กรณีเป็นสัญญาสละสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายซึ่งกัน และกัน (Knock for Knock) ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนสัญญา Knock for Knock
• กรณีเกิดอุบัติเหตุให้แจ้งศูนย์รับแจ้งเหตุ ของบ.ประกันภัย ทันทีที่เกิดเหตุ ไม่ว่าจะมีคู่กรณีหรือไม่ ตลอด 24 ชั่วโมง
• ข้อมูล ที่ควรเตรียมไว้แจ้งอุบัติเหตุ ได้แก่ ชื่อผู้ขับขี่ ทะเบียน ยี่ห้อ รุ่น สี โทรศัพท์ติดต่อ ลักษณะการเกิดเหตุ สถานที่เกิดเหตุและจุดสังเกต (กรณีมีการเคลื่อนย้ายรถหรือสถานที่นัดหมายให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที)
• ควรสอบถามชื่อผู้รับแจ้งอุบัติเหตุ และชื่อเจ้าหน้าที่สำรวจอุบัติเหตุ
ณ จุดเกิดอุบัติเหตุ
• ห้าม แยกรถออกจากกันโดยไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจขีดเส้น หรือจนกว่าเจ้าหน้าที่บริษัทจะไปถึงที่เกิดเหตุ (หากเป็นสัญญา Knock for Knock ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนสัญญา Knock for Knock)
• ห้ามตกลงค่าเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้น และอย่ายอมรับผิด หากไม่แน่ใจว่าฝ่ายใดผิด ให้รอจนกว่าพนักงานจะไปถึงที่เกิดเหตุ
• หาก คู่กรณีแสดงอาการพิรุธหรืออาจจะหนี ให้รีบจดรายละเอียดผู้ขับขี่รถคู่กรณี เช่น ชื่อ ที่อยู่ ที่ทำงาน โทรศัพท์ และรายละเอียดรถคู่กรณี เช่น ความเสียหาย ยี่ห้อ สี ทะเบียน ไว้ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือพนักงานจะไปถึงที่เกิดเหตุ
• กรณี เฉี่ยวชนแล้วหลบหนี ให้รีบจดรายละเอียดรถคู่กรณี เช่น ความเสียหาย ยี่ห้อ สี ทะเบียน ให้ละเอียดที่สุด แล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
• กรณีเฉี่ยวชนหลายคัน หากรถคู่กรณีคันใดขอแยกย้ายไปก่อนให้จดรายละเอียดผู้ขับขี่ และรถคู่กรณีรวมทั้งหมายเลขโทรศัพท์
• กรณี รถตกลงไปในน้ำ และไม่สะดวกในการติดต่อบ.ประกันภัย ให้นำรถขึ้นจากน้ำโดยเร็วที่สุด และห้ามสตาร์ทเครื่องเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายต่อเนื่องมากขึ้น
กรณีเป็นฝ่ายถูก
• ควร ให้คู่กรณียอมรับผิดโดยการลงชื่อในใบคำขอยอมรับผิดเสียก่อน แล้วจึงเคลื่อนย้ายรถออกจากที่เกิดเหตุเพื่อไม่ให้กีดขวางการจราจร
• ควรจดทะเบียนรถคู่กรณี ชื่อ ที่อยู่ โทรศัพท์ ของผู้ขับขี่ และเจ้าของรถยนต์ในกรณี ที่เจ้าของรถยนต์ไม่ได้เป็นผู้ขับขี่เอง
• ควรจดชื่อ ที่อยู่ โทรศัพท์ ของพยานในที่เกิดเหตุ (ถ้ามี)
• แจ้งบ.ประกันภัย เพื่อทำการสำรวจอุบัติเหตุและสภาพความเสียหาย
• หาก เป็นการประกันประเภท 3 (คุ้มครองเฉพาะความเสียหายต่อบุคคลภายนอก) บ.ประกันภัย จะส่งเจ้าหน้าที่ไปสถานที่เกิดเหตุหรือสถานีตำรวจ (หากมีความจำเป็น)
กรณีเป็นฝ่ายผิด
• ให้เขียนชื่อ ที่อยู่ โทรศัพท์ ให้แก่คู่กรณี
• เคลื่อนย้ายรถออกจากที่เกิดเหตุเพื่อไม่ให้กีดขวางการจราจร
• แจ้งบ.ประกันภัย ทันทีเพื่อทำการสำรวจอุบัติเหตุและสภาพความเสียหาย
กรณีไม่แน่ใจว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิด
• แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ที่เกิดอุบัติเหตุ
• รอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบและทำเครื่องหมายบริเวณอุบัติเหตุ แล้วเคลื่อนย้ายรถออกจากที่เกิดเหตุเพื่อไม่ให้กีดขวางการจราจร
• ไม่ควรลงชื่อในเอกสารใด ๆ กับคู่กรณี
• แจ้งงบ.ประกันภัย ทันทีเพื่อทำการสำรวจอุบัติเหตุ และสภาพความเสียหาย
สัญญาสละสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหายซึ่งกันและกัน (Knock for Knock)
• ต้องเป็นการประกันภัยรถยนต์สี่ล้อประเภท 1 เท่านั้น (ไม่ว่าจะเป็นรถเก๋งหรือรถบรรทุก)
• ตรวจดูรายละเอียดใบเหลืองว่าตรงกับรถคู่กรณีหรือไม่ และหมดอายุหรือไม่
• กรณี ตกลงกันได้ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิด ให้ลงชื่อในเอกสาร โดยฝ่ายถูกลงชื่อที่ช่องฝ่ายถูก ฝ่ายผิดลงชื่อที่ช่องฝ่ายผิด จากนั้นแลกเปลี่ยนเอกสาร และเคลื่อนย้ายรถ ไม่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
• กรณี ตกลงกันไม่ได้ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิด ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อทำเครื่องหมาย แล้วเคลื่อนย้ายรถออกจากที่เกิดเหตุ หรือแจ้งบ.ประกันภัย เพื่อทำการสำรวจอุบัติเหต ุและสภาพความเสียหาย
• ขอรับเอกสารใบเหลืองใหม่ได้จากบ.ประกันภัย
กรณีคู่กรณีได้รับบาดเจ็บ
• ให้นำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลโดยด่วน จากนั้นแจ้งบริษัททันที
• แสดงหลักฐานให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทราบว่ามีประกัน พ.ร.บ.
• อย่าตกลงค่าเสียหายกับคู่กรณี โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ของบ.ประกันภัย
• แสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ กรณีเรื่องถึงสถานีตำรวจ
กรณีคู่กรณีเสียชีวิต
• ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและแจ้งบ.ประกันภัย ทันที
• ท่าน ต้องรับผิดทางอาญา ส่วนทางแพ่งบ.ประกันภัย จะเข้าร่วมเจรจาและให้คำปรึกษา • พร้อมทั้งรับผิดชอบค่าเสียหายตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์
• ควรปรึกษาเจ้าหน้าที่บ.ประกันภัย ในการตกลงค่าเสียหายกับคู่กรณี
กรณีถูกชนแล้วคู่กรณีหนี
ให้จดจำทะเบียน ยี่ห้อ รุ่น สี และแจ้งสถานีตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุ
กรณีเกิดอุบัติเหตุและเสียหายไม่มาก และไม่มีโทรศัพท์ติดต่อ
• กรณี เป็นฝ่ายถูก ให้คู่กรณีกรอกรายละเอียดและเซ็นเอกสาร "ใบยินยอมรับผิด" จากนั้นเคลื่อนย้ายรถเพื่อหาโทรศัพท์ติดต่อ บ.ประกันภัย หรือหากต้องการตกลงค่าเสียหาย จะต้องแจ้งให้บ.ประกันภัย ทราบก่อน
• กรณีคู่กรณีไม่มีบัตรประจำตัวหรือหลักฐานใด ๆ ให้ติดต่อบ.ประกันภัย หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ
• กรณี เป็นฝ่ายผิดและคู่กรณียินยอมแลกรายละเอียดซึ่งกันและกัน เช่น ชื่อ ที่อยู่ ที่ทำงาน โทรศัพท์ รวมทั้งรายละเอียดรถสองฝ่าย เช่น ยี่ห้อ สี ทะเบียน ความเสียหาย แล้วนัดพบภายหลัง พร้อมทั้งแจ้งให้บ.ประกันภัย ทราบ แต่ถ้าคู่กรณีไม่ยินยอมต้องติดต่อบ.ประกันภัย
• กรณี ตกลงกันไม่ได้ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิด ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อทำเครื่องหมาย แล้วเคลื่อนย้ายรถออกจากที่เกิดเหตุ หรือแจ้งบ.ประกันภัย เพื่อทำการสำรวจอุบัติเหต ุและสภาพความเสียหาย
ข้อกฎหมายที่ควรทราบเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
• กรณีที่ท่านเป็นฝ่ายผิดท่านต้องรับผิดทางอาญา ส่วนทางแพ่งบ.ประกันภัย จะรับผิดชอบค่าเสียหายตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์
• หาก ท่านถูกควบคุมตัวที่สถานีตำรวจ และได้ซื้อความคุ้มครองประกันตัวผู้ขับขี่ โปรดแจ้งเจ้าหน้าที่บ.ประกันภัย เพื่อนำหลักทรัพย์มาขอประกันตัวตามวงเงิน ที่ได้ซื้อความคุ้มครอง
• พนักงานสอบสวนไม่มีสิทธิ์ควบคุมตัวท่านไว้ หากไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือตาย
• หากเกิดอุบัติเหตุแล้วหลบหนี ตามกฎหมายจะสันนิษฐานว่าท่านเป็นฝ่ายผิด  ส.สู้ๆ
อยากให้รถทุกคันมีประกัน http://www.kawna.com/70074

ยงยุทธ

 ส-โหวิธีรับเรื่องร้องเรียนค่าสินไหมทดแทน    ส.อ่านหลังสือ

1.   ดาวน์โหลดแบบฟอร์มโดยคลิ๊กที่ http://www.oic.or.th/complain/hotline.htm"แบบรับเรื่องร้องเรียน"
2. เปิดแฟ้มข้อมูลด้วย Microsoft Word (แฟ้มข้อมูลจะอยู่ในรูปของ Word Document)
3.   แล้วพิมพ์แบบฟอร์มออกทางเครื่องพิมพ์
3. จากนั้นกรอกรายละเอียดลงในแบบฟอร์มที่พิมพ์ออกมา
4. แนบสำเนาเอกสารหลักฐาน ดังนี้
4.1 หนังสือมอบอำนาจ
4.2 ทะเบียนบ้านผู้มอบ/ผู้รับมอบอำนาจ
4.3 บัตรประจำตัวผู้มอบ/ผู้รับมอบ
4.4 กรมธรรม์ประกันภัย
4.5 เอกสารที่บริษัทออกให้ (ถ้ามี)
4.6 รายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี (ถ้ามี)
4.7 หลักฐานแสดงค่าเสียหายที่เรียกร้อง เช่น
- กรณีบาดเจ็บ ได้แก่ ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล
- กรณีสินค้าสูญหาย/เสียหาย ได้แก่ ใบกำกับสินค้า หรือใบเสร็จค่าสินค้า
- กรณีทรัพย์สินเสียหาย ได้แก่ ใบเสร็จค่าซ่อมหรือใบประเมินราคาค่าซ่อม
- กรณีค่าขาดประโยชน์รายได้ ได้แก่ ใบรับรองแพทย์และหนังสือรับรองเงินเดือนหรือ
4.   หลักฐานการเสียภาษีรายได้
- กรณีเสียชีวิต ได้แก่ ใบมรณบัตร ซึ่งหากเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุหรือถูกฆาตกรรม
5.   หรือลอบทำร้าย ต้องมีใบชันสูตรศพ
- กรณีค่าขาดไร้ผู้อุปการะ ได้แก่ หนังสือรับรองระดับการศึกษา หลักฐานการเป็นทายาท
4.8 หลักฐานอื่น ๆ
5. ส่งแบบฟอร์มที่กรอกและเซ็นชื่อแล้ว
6.   พร้อมแนบเอกสารข้างต้นมาที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
7.   ตู้ ปณ.22 ปณจ. นนทบุรี 11000
หรือกลุ่มคุ้มครองผู้เอาประกันภัยเขตทุกเขต และสำนักงาน คปภ.จังหวัดทุกจังหวัด
อ้างอิง : http://www.oic.or.th/complain/hotline.htm

ส.บ๊ายบาย ส.บ๊ายบาย
อยากให้รถทุกคันมีประกัน http://www.kawna.com/70074

ยงยุทธ


ส.อ่านหลังสือ วิธีคิดภาษีรถประเภทต่างๆ
ตัวอย่างที่ 1 รถนั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง (รถเก๋ง)
                  ขนาดเครื่องยนต์ 1331 ซีซี เวลาคำนวณภาษี ขนส่งจะคิดจากขนาดเครื่องยนต์ ให้ดูที่เอกสารอัตราภาษีรถตาม พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522/1
       วิธีการคิด    1. 600 ซีซี แรก ซีซีละ 0.5  = 600 x 0.5  =  300  บาท
                         2. 601-1800 ซีซีๆ 1.50  = (1331-600) x 1.50 = 1,096.50  บาท
                         3. คิดเป็นภาษี = 300 + 1,096.50  = 1,396.50  บาท
                สรุป       เราต้องจ่ายภาษีรถคันนี้ 5 ปีๆ ละ   1,396.50 บาท
                            ปีที่   6 ลด 10%  = 1,396.50-10%  =  1,256.85  บาท
                            ปีที่   7 ลด  20% = 1,396.50-20%  =  1,117.20  บาท
                            ปีที่   8 ลด  30% = 1,396.50-30%  =  977.55 บาท
                            ปีที่   9 ลด  40% = 1,396.50-40%  =  837.90 บาท
                            ปีที่ 10 –ตลอดอายุ ลด  50% = 1,396.50-50%  =  698.25 บาท

ตัวอย่างที่ 2 รถนั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง (รถพวก 4 ประตู, Sport Rider, Mu7)
                  ขนาดเครื่องยนต์ 2,494 ซีซี   เวลาคำนวณภาษี ขนส่งจะคิดจากขนาดเครื่องยนต์ ให้พวกดูที่เอกสารอัตราภาษีรถตาม พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522/1 รถกลุ่มนี้ภาษีจะค่อนข้างแพง แต่ พ.ร.บ. ถูกครับแค่ 645.21 บาทครับ
        วิธีการคิด    1. 600 ซีซี แรก ซีซีละ 0.5  บาท   = 600x0.5  =  300  บาท
                          2.  601-1800 ซีซีๆ 1.50 บาท  = (1800 - 600)x1.50  = 1,800  บาท
                          3.  เกิน 1800   ซีซีๆ  4 บาท   = (2494 - 1800) x 4  =  2,776   บาท
                          4.  คิดเป็นภาษี = 300 + 1,800 +2,776  = 4,876  บาท
                สรุป       เราต้องจ่ายภาษีรถคันนี้ 5 ปีๆ ละ   4,876 บาท
                            ปีที่   6 ลด 10%  = 4,876-10%  =  4,388.40  บาท
                            ปีที่   7 ลด  20% = 4,876-20%  =  3,900.80  บาท
                            ปีที่   8 ลด  30% = 4,876-30%  =  3,413.20 บาท
                            ปีที่   9 ลด  40% = 4,876-40%  =   2,925.60 บาท
                            ปีที่ 10 – ตลอดอายุ ลด 50% = 4,876-50%  =  2,438   บาท
อัตราภาษีรถตาม พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522/1
รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน
เก็บตามความจุกระบอกสูบ (ซี.ซี.)              บาท   รถที่เก็บเป็นคัน                                    บาท
1. ความจุกระบอกสูบ
   1.1  600 ซีซี แรก ๆ ละ                                    0.05
   1.2  601 - 1,800 ซี.ซี.  ๆ ละ                           1.50
   1.3  เกิน 1,800 ซี.ซี.  ๆ ละ                              4.00   1.รถจักรยานยนต์  คันละ                                    100
2.รถพ่วงของรถจักรยานต์  คันละ                          50
3.รถพ่วงนอกจากข้อ 2 คันละ                              100
4.รถบดถนน  คันละ                                           200
5.รถแทรกเตอร์ที่ใช้ในการเกษตร  คันละ               50 
2. เป็นนิติบุคคลที่มิได้เป็นผู้ให้เช่าซื้อ                 2 เท่า   
3. เป็นรถเก่าใช้มาเกิน 5 ปี ให้ลดภาษี                 ร้อยละ
   3.1 ปีที่ 6                                                        10
   3.2 ปีที่ 7                                                        20
   3.3 ปีที่ 8                                                        30
   3.4 ปีที่ 9                                                        40
   3.5 ปีที่ 10 และปีต่อ ๆ ไป                                 50   
4.เป็นรถที่ใช้ล้ออย่างอื่นนอกจากล้อยางกลวง เพิ่มอีก     1/2   
ตัวอย่างที่ 3  รถบรรทุกส่วนบุคคล
                  น้ำหนักรวม 1,400 กก. เวลาคำนวณภาษี ขนส่งจะคิดจากน้ำหนักของรถ ให้พวกเราดูที่เอกสาร อัตราภาษีรถตาม พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522/2 คอลัมน์สุดท้าย
               วิธีการคิด   ดูตรงช่องน้ำหนักรถ 1,251 - 1,500 กก. คิดภาษีปีละ  = 900 บาท
อัตราภาษีรถตาม พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522/2
น้ำหนักรถ
(กิโลกรัม)   1.รถยนต์นั่งสำหรับบุคคล
เกิน 7 คน   1.รถยนต์รับจ้าง
-รถระหว่างจังหวัด
-รถยนต์บริการ   1.รถยนต์รับจ้าง   1.รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล
2. รถยนต์ลากจูง
3.รถแทรกเตอร์ที่มิได้ใช้ในการเกษตร
ไม่เกิน 500   150   450   185   300
501 - 750   300   750   310   450
751-1,000   450   1050   450   600
1,001-1,250   800   1350   560   750
1,251-1,500   1000   1650   685   900
1,501-1,750   1300   2100   875   1050
1,751-2,000   1600   2550   1060   1350
2,001-2,500   1900   3000   1250   1650
2,501-3,000   2200   3450   1435   1950
3001-3500   2400   3900   1625   2250
3501-4000   2600   4350   1810   2550
4001-4500   2800   4800   2000   2850
4501-5000   3000   5250   2185   3150
5001-6000   3200   5700   2375   3450
6001-7000   3400   6150   2560   3750
7000 ขึ้นไป   3600   6600   2750   4050
ตัวอย่างที่ 4  รถนั่งส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง (รถตู้)
                    น้ำหนักรวม 1,900 กก. เวลาคำนวณภาษี ขนส่งจะคิดจากน้ำหนักของรถ ให้พวกเราดูที่เอกสารอัตราภาษีรถตาม พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522/3 คอลัมน์แรก
              วิธีการคิด   ดูตรงช่องน้ำหนักรถ 1,751 - 2,000 กก. คิดภาษีปีละ  = 1,600 บาท
อัตราภาษีรถตาม พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522/3
น้ำหนักรถเป็นกืโลกรัม   รถที่ใช้ในการขนส่ง
   ประจำทาง   ไม่ประจำทาง   โดยสารขนาดเล็ก   ส่วนบุคคล
ไม่มากกว่า 500  กิโลกรัม   300  บาท   450  บาท   300  บาท   150  บาท
ตั้งแต่       501 - 750     กิโลกรัม   400  บาท   600  บาท   400  บาท   300  บาท
ตั้งแต่       751 - 1,000  กิโลกรัม   500  บาท   750  บาท   500  บาท   450  บาท
ตั้งแต่    1,001 - 1,250  กิโลกรัม   600  บาท   900  บาท   600  บาท   800  บาท
ตั้งแต่    1,251 - 1,500  กิโลกรัม   700  บาท   1,050  บาท   700  บาท   1,000  บาท
ตั้งแต่    1,501 - 1,750  กิโลกรัม   900 บาท   1,350  บาท   900 บาท   1,300  บาท
ตั้งแต่    1,751 - 2,000  กิโลกรัม   1,100  บาท   1,650  บาท   1,100  บาท   1,600  บาท
ตั้งแต่    2,001 - 2,500  กิโลกรัม   1,300  บาท   1,950  บาท   1,300  บาท   1,900  บาท
ตั้งแต่    2,501 - 3,000  กิโลกรัม   1,500  บาท   2,250  บาท   1,500  บาท   2,200  บาท
ตั้งแต่    3,001 - 3,500  กิโลกรัม   1,700  บาท   2,540  บาท   -   2,400  บาท
ตั้งแต่    3,501 - 4,000  กิโลกรัม   1,900  บาท   2,850  บาท   -   2,600  บาท
ตั้งแต่    4,001 - 4,500  กิโลกรัม   2,100  บาท   3,150  บาท   -   2,800  บาท
ตั้งแต่    4,501 - 5,000  กิโลกรัม   2,300  บาท   3,450  บาท   -   3,000  บาท
ตั้งแต่    5,001 - 6,000  กิโลกรัม   2,500  บาท   3,750  บาท   -   3,200  บาท
ตั้งแต่    6,001 - 7,000  กิโลกรัม   2,700  บาท   4,050  บาท   -   3,400  บาท
ตั้งแต่    7001 กิโลกรัมขึ้นไป   2,900  บาท   4,350  บาท   -   3,600  บาท  ส-ดีใจ  ส.ยกน้ิวให้
อยากให้รถทุกคันมีประกัน http://www.kawna.com/70074

ยงยุทธ

 ส.อ่านหลังสือ ประกันภัยภาคบังคับ(พ.ร.บ.)คุ้มครองอย่างไร วงเงินเท่าไหร่
การชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ประสบภัย แบ่งเป็น 2 ขั้นตอน ดังนี้
1.> ค่าเสียหายเบื้องต้น บริษัทจะชดใช้ให้แก่ผู้ประสบภัย/ทายาทของผู้ประสบภัย ภายใน 7 วัน นับแต่บริษัทได้รับคำร้องโดยไม่ต้องรอพิสูจน์ความผิด
- กรณีบาดเจ็บ จะได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิด 15,000 บาท
- กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะและทุพพลภาพถาวร บริษัทจะจ่ายค่าเสียหายเบื้อต้นจำนวน 35,000 บาท
- กรณีเสียชีวิตหลังการรักษาพยาบาล จะได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 15,000 บาท และค่าปลงศพอีกจำนวน 35,000 บาท รวมแล้วไม่เกิน 50,000 บาท
2.> ค่าเสียหายส่วนเกินกว่าค่าเสียหายเบื้องต้น เป็นค่าเสียหายที่บริษัทจะชดใช้ให้ภายหลังจากที่มีการพิสูจน์ความรับผิดตามกฎหมายแล้ว
- กรณีบาดเจ็บจะได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 50,000 บาท
- กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ และทุพพลภาพถาวร บริษัทจะชดใช้เต็มจำนวนเงินความคุ้มครองจำนวน 200,000 บาท
- กรณีเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลในฐานะคนไข้ใน จะได้รับค่าชดเชยวันละ 200 บาท ไม่เกิน 20 วัน

กรณีประสบอุบัติเหตุและไม่มีคู่กรณีจะได้รับความคุ้มครองอย่างไร
- ผู้ประสบภัยที่เป็นผู้ขับขี่และเป็นฝ่ายผิดจะได้รับความคุ้มครองไม่เกินค่าเสียหายเบื้องต้นเท่านั้น
- ผู้ประสบภัยที่เป็นผู้โดยสารหรือบุคคลภายนอกรถ กรณีบาดเจ็บจะได้รับการชดใช้ค่าเสียหายไม่เกิน 50,000 บาท และกรณีเสียชีวิตหรือสูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพถาวร จะได้รับการชดใช้จำนวน 200,000 บาท  ส.อ่านหลังสือ

ขอขอบคุณ
หนังสือ คปภ. รู้จักใช้ เข้าใจสิทธิ (ประกันวินาศภัย)ใกล้ตัวคุณ


อยากให้รถทุกคันมีประกัน http://www.kawna.com/70074

ยงยุทธ


ส.อ่านหลังสือ ข้อกำหนดเกี่ยวกับความเสียหายส่วนแรก
มีดังต่อไปนี้
ก่อนอื่นต้องขออธิบายความหมายของคำว่า " ความเสียหายส่วนแรก" ให้ทราบก่อน ตามคำจำกัดความในกรมธรรม์ประกันภัย รถยนต์แบบใหม่ ให้ความหมายความเสียหายส่วนแรกไว้ว่า
ความเสียหายส่วนแรก หมายถึง จำนวนเงินค่าความเสียหาย ในแต่ละครั้งที่ผู้เอาประกันภัยตกลงรับ ผิดชอบเองในกรณีที่เกิดความเสียหายขึ้นจากอุบัติเหตุ จากรถ ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
ความเสียหายส่วนแรกโดยสมัครใจ สำหรับเจ้าของรถที่มีความเชื่อมั่นในตนเอง และ มีความระมัดระวังในการขับรถอาจเลือกรับผิดชอบความเสี ยหายส่วนแรกเอง ซึ่งสามารถเลือกได้ 2 ประเภทความคุ้มครอง คือ คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ ( รถเราเอง) และ คุ้มครองความเสียหาย ต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอก(รถหรือทรัพย์ สินของบุคคลภายนอก) โดยบริษัทประกันภัยจะลดเบี้ยประกันภัย ให้เป็นจำนวนเงิน ตามเงื่อนไขในสัญญา
ความเสียหายส่วนแรกในกรณีผิดสัญญา
1.กรณีกรมธรรม์แบบระบุชื่อ แต่บุคคลอื่นขับขี่และเป็นฝ่าย ต้องรับผิดชอบ ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบต่อความเสียหาย ส่วนแรกต่อความเสียหายดังนี้
6,000 บาทแรก สำหรับความเสียหายต่อตัวรถยนต์คันเอาประกันภัย
2,000 บาทแรก สำหรับความเสียหายต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอก
2.กรณีใช้รถผิดประเภท เช่น นำรถส่วนบุคคลไปรับจ้าง ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบเอง ดังนี้
2,000 บาทแรก สำหรับความเสียหายต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอก
แหล่งที่มาของข้อมูล : กรมการประกันภัย



ตัวอย่างการเกิดเหตุที่เรียกเก็บและไม่เรียกเก็บค่าเ สียหายส่วนแรก
กรณีไม่เก็บค่าเสียหายส่วนแรก

1. รถชนกับพาหนะอื่นและแจ้งรายละเอียดคู่กรณีได้
2. รถชนเสา/ชนประตู
3. รถชนต้นไม้ยืนต้น /ชนเสาไฟฟ้า
4. รถชนกำแพง
5. ชนคน
6. ชนสุนัข/ชนสัตว์
7. ชนฟุตบาธ
8. รถพลิกคว่ำ
9. รถชนราวสะพาน
10. รถชนกองดิน หรือชนหน้าผา
11. รถชนป้ายจราจร
12. รถชนทรัพย์สินอื่นใดที่ยึดแน่นตรึงตรากับพื้นดิน
กรณีเรียกเก็บค่าความเสียหายส่วนแรก
1. รถถูกขีดข่วน/กลั่นแกล้ง
2. หินหรือวัสดุใดกระเด็นใส่
3. เฉี่ยวกิ่งไม้/สายไฟ/ลวดหนาม
4. รถตกหลุม / ครูดพื้นถนน
5. เหยียบตะปู / วัสดุมีคม /ยางฉีก
6. รถถูกละอองสี / หรือวัสดุใดหล่นมาโดน
7. กระจกรถแตก
8. ไถลตกข้างทางไม่พลิกคว่ำ
9. ถูกวัสดุในตัวรถกระแทกหรือกรีดโดน
10. ภัยธรรมชาติ / น้ำท่วม
11. รถถูกสัตว์กัดแทะหรือขีดข่วน
12. กรณีอื่นๆ แจ้งเหตุไม่ชัดเจน
ส.บ๊ายบาย
อยากให้รถทุกคันมีประกัน http://www.kawna.com/70074

ยงยุทธ

 ส.อ่านหลังสือรถยนต์เสียหายจากน้ำท่วม จะทำอย่างไร ?
รถน้ำท่วมประกันจ่ายหรือเปล่า รถยนต์ของเราเสียหายจากน้ำท่วม จะทำอย่างไรดี?

- กรณีรถยนต์เสียหายเพราะเหตุน้ำท่วม ท่านสามารถเรียกร้องต่อบริษัทประกันได้หรือไม่

ก่อนอื่นท่านจะต้องสำรวจข้อมูลของตนเองว่า ท่านได้ประกันรถยนต์ไว้ตามกรมธรรม์ประเภทใด เพราะแต่ละประเภทมีความคุ้มครองที่แตกต่างกัน ซึ่งโดยปกติแล้วจะมี 3 ประเภท ได้แก่

ประเภท 1(ชั้น 1 ) ความคุ้มครอง คือ

• ความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก และผู้โดยสารในรถ

• ความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก

• ความเสียหายของตัวรถยนต์คันเอาประกันภัย

• ความเสียหายต่อตัวรถยนต์เนื่องจากไฟไหม้ และการสูญหาย


ประเภท 2 (ชั้น 2) ความคุ้มครอง คือ

• ความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก และผู้โดยสารในรถ

• ความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก

• ความเสียหายต่อตัวรถยนต์เนื่องจากไฟไหม้ และการสูญหาย


ประเภท 3 (ชั้น 3) เป็นประเภทที่ให้ความคุ้มครองเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก ดังนี้

• ความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก และผู้โดยสารในรถ

• ความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก



ในปัจจุบันมีกรมธรรม์ประเภทพิเศษ 2+ / 3+ ผู้เอาประกันภัยประเภทนี้ จะได้รับความคุ้มครองแบบมีเงื่อนไขตามแต่บริษัทประกันกำหนด เช่น

   1. อุบัติเหตุที่เกิดจากการชนกับยานพาหนะทางบก เท่านั้น

   2. ต้องมีคู่กรณี

   3. เป็นฝ่ายผิด

   4. รับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรก 1,000 บาท (ตามที่ระบุ) ต่อการซ่อมรถคันที่เอาประกัน


ดังนั้น เป็นที่ชัดเจนว่าสำหรับการทำประกันรถยนต์ภาคสมัครใจนั้น (ที่ท่านเลือกทำกับบริษัทประกันต่างๆนั่นแหละ เรียกว่า ภาคสมัครใจ ไม่ได้โดนบังคับแต่อย่างใด) กรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองความเสียหายจากน้ำท่วม มีเพียงกรมธรรม์ประเภท 1 หรือประกันชั้น 1 เท่านั้น ส่วนประเภท 2, 3, 2+, 3+ ไม่ได้รับความคุ้มครองเรื่องความเสียหายจากน้ำท่วมรถ



แต่มีประเด็นที่ท่านจะต้องรับรู้ไว้เพิ่มเติม คือ ท่านอาจจะต้องชำระค่าเสียหายส่วนแรก 1,000 บาท ของความเสียหายอันมิได้เกิดจากการชนหรือคว่ำ ตามประกาศ คปภ. ฉบับ ที่ 22/2551 ซึ่งเดิมนั้น กำหนดไว้ที่ 2,000 บาท เพราะความเสียหายอันเกิดจากการประสบภัยน้ำท่วมไม่ใช่ความเสียหายอันเกิดจากการชน ซึ่งเป็นประเด็นที่จะต้องติดตามการตีความของคปภ.ต่อไป!!!!! (อาจต้องทำใจจ่าย 1,000 บาท )


เกณฑ์การพิจารณาค่าสินไหมทดแทนจากน้ำท่วม

หากท่านทำประกันรถยนต์ ชั้น 1 ไว้และรถเกิดความเสียหายจากน้ำท่วมนั้น สามารถเรียกค่าสินไหมทดแทนได้ โดยปกติจะต้องพิจาณาจาก ความเสียหายที่เกิดขึ้นตามจริง ดังนี้

1. เสียหายสิ้นเชิง (total loss) ในที่นี้หมายถึงเสียหายจนไม่อาจซ่อมให้อยู่สภาพเดิมได้ หรือค่าความเสียหายไม่น้อยกว่า 70% ของมูลค่ารถยนต์ ขณะเกิดความเสียหาย เช่น โดยน้ำท่วมทั้งคันหรือ ท่วมเกินคอนโซลหน้า

2. เสียหายแต่ไม่ถึงเสียหายสิ้นเชิง  (partial loss) ในกรณีนี้ บริษัทรับประกัน จะซ่อมให้จนรถกลับสู่สภาเดิมก่อนเสียหาย


การที่กรมธรรม์ไม่ได้ระบุความรับผิดไว้ชัดเจนกรณีน้ำท่วมนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถยกเว้นความรับผิดได้นะค่ะ ดังนั้น ถ้าบริษัทฯประกันไหนอ้างว่า ไม่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ท่านสามารถฟ้องร้องไ ส.บ๊ายบายด้



Source : สํานักงานทนายความ.com
อยากให้รถทุกคันมีประกัน http://www.kawna.com/70074

ยงยุทธ

 ส.อ่านหลังสือ
   ขั้นตอนการจัดไฟแนนซ์รถยนต์ จัดไฟแนนซ์รถยนต์มือสอง
                                 รีไฟแนนซ์ การขอสินเชื่อรถยนต์ เช่าซื้อรถยนต์
1. จัดไฟแนนซ์รถยนต์/ สินเชื่อรถยนต์ เช่าซื้อรถรถยนต์ คืออะไร ?

การที่มีการซื้อขายรถยนต์ โดยผู้ซื้ออาจมีเงินดาวน์บางส่วนให้แก่ผู้ขาย ส่วนที่เหลือทำเรื่องกู้
กับบริษัทจัดไฟแนนซ์ โดยผ่อนชำระเป็นงวดพร้อมดอกเบี้ยให้แก่บริษัทจัดไฟแนนซ์
จนกว่าจะผ่อนครบ แล้วกรรมสิทธิ์จึงจะตกเป็นของผู้ซื้อ
      
         2. กรณีใดบ้างที่สามารถจัดไฟแนนซ์รถยนต์ได้ ?

•  รถซื้อจากเต้นท์ จำหน่ายรถยนต์มือสอง
•  รถซื้อขายกันเองกับเพื่อน, คนรู้จัก หรือ บุคคลอื่น
•  รถที่ตนเองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์อยู่แล้วต้องการนำมากู้ เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง หรือ ต้องการนำเงินไปลงทุนธุรกิจ (รีไฟแนนซ์รถยนต์) ยอดกู้ได้ประมาณ 70% ของราคาซื้อขาย
•  รถที่ผ่อนอยู่กับไฟแนนซ์อื่น แต่ยังไม่ครบกำหนดสัญญา ต้องการย้ายไฟแนนซ์เพื่อยืดระยะเวลาให้ผ่อนน้อยลง และยังมีเงินเหลือเพื่อเพิ่มสภาพคล่องตนเองได้ (รีไฟแนนซ์) ยอดกู้ได้ประมาณ 70% ของราคาซื้อขาย
      
     3. รถประเภทใดบ้างที่บริษัทรับจัดไฟแนนซ์

•  รถเก๋ง ส่วนบุคคล ที่จดทะเบียนตั้งแต่ปี 1999 - ปัจจุบัน
•  รถกระบะ ส่วนบุคคล ที่จดทะเบียนตั้งแต่ปี 1999 - ปัจจุบัน
•  รถตู้ ส่วนบุคคล ที่จดทะเบียนตั้งแต่ปี 1999 - ปัจจุบันบริษัทขอสงวนสิทธิในการจัดไฟแนนซ์/ไม่จัดไฟแนนซ์ เฉพาะบางยี่ห้อ/บางรุ่นกรุณาสอบถามรายละเอียดกับบริษัท รถยี่ห้อ TOYOTA , HONDA ,ISUZU จะจัดไฟแนนซ์ได้ประมาณ 80% ของราคาซื้อขาย
      
     4. รถที่นำไปติดแก๊ซ สามารถจัดไฟแนนซ์รถยนต์/เช่าซื้อรถยนต์ได้หรือไม่ ?

ได้ค่ะ บริษัทรับจัดไฟแนนซ์รถที่นำไปติดแก๊ซที่ได้ทำเรื่องตรวจที่ขนส่ง และได้มีการลงรายการในเล่มทะเบียนเรียบร้อยแล้ว
      
     5. วิธีการคำนวณค่างวดไฟแนนซ์/ เช่าซื้อ

หากราคารถอยู่ที่ 300,000 บาท ผู้ซื้อมีเงินดาวน์ 20% คือ 60,000 บาท ที่เหลือกู้ไฟแนนซ์ 240,000 บาท
- ดอกเบี้ย 5 % ต่อปี

- จำนวน 48 เดือน

ค่างวดก่อนภาษีมูลค่าเพิ่มจะเท่ากับ ((240,000 X 5% X 4) + 240,000) / 48
ซึ่งจะเท่ากับ 6,000 บาท

รวมภาษี 7% 420 บาท

เป็นค่างวด 6,420 บาท
      
     6. ขั้นตอนการจัดไฟแนนซ์รถยนต์/ขอสินเชื่อ เช่าซื้อรถยนต์

•  ลูกค้าแจ้งยี่ห้อ รุ่น ปี รถที่ต้องการซื้อ/ต้องการนำมากู้ หรือส่ง Fax เล่มทะเบียนมาที่บริษัท เพื่อให้เจ้าหน้าที่สินเชื่อ ประเมินยอดจัดให้ไฟแนนซ์ ซึ่งโดยปรกติประมาณ 70-80% ของราคาซื้อขาย ซึ่งเมื่อลูกค้าตกลงที่จะจัด จะต้องเตรียมเอกสารของตนเองและคนค้ำประกันเพื่อทำสัญญาเช่าซื้อ
•  นัดเซ็นต์สัญญา และส่งมอบเอกสาร ซึ่งลูกค้าสามารถเข้ามาทำสัญญาที่บริษัทหรือจะให้พนักงานไปเซ็นต์นอกสถานที่ ได้ หากไม่สะดวกในการเดินทางมาที่บริษัท ซึ่งเจ้าหน้าที่สินเชื่อจะขอถ่ายรูปรถ และลอกลายเลขเครื่อง เลขถัง เพื่อประกอบการทำสัญญาด้วย
•  รอผลการตรวจสอบ ประมาณ 2-3 วันทำการ
•  เจ้าหน้าที่สินเชื่อจะแจ้งผลการอนุมัติ เพื่อขอเล่มทะเบียนตัวจริงไปโอนที่ขนส่ง เมือโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์เป็นของบริษัทแล้ว บริษัทจะจ่ายเช็คให้ผู้ขายรถทันที
      
     7. หากมีเงินก้อนมาปิดบัญชีก่อนกำหนดจะมีส่วนลดให้หรือไม่ ?

หากลูกค้าประสงค์จะปิดสัญญาเช่าซื้อ ก่อนกำหนดจะมีส่วนลดดอกเบี้ยให้ 50% ของค่างวดที่เหลือ ( ตาม ส.ค.บ) เช่น ผ่อนมาแล้ว 20 งวด จาก 48 งวด ลูกค้าจะได้ส่วนลดดอกเบี้ย 50% ของ 28 งวดที่เหลือค่ะ


ขอขอบคุณ แหล่งที่มา : http://www.pk-car.com



เอกสารประกอบการจัดไฟแนนซ์รถยนต์ ขอสินเชื่อรถยนต์
      
         
กรณี ซื้อ ขาย รถยนต์ และต้องการเช่าซื้อ หรือจัดไฟแนนซ์ เล่มทะเบียนรถยนต์

1. เล่มทะเบียนรถยนต์
2. สำเนาบัตรประชาชน
3. สำเนา ทะเบียนบ้าน
4. สำเนา เอกสารทางการเงินของผู้ซื้อ (สลิปเงินเดือน,บัญชีธนาคารย้อนหลัง 3 เดือน)
5. สัญญาซื้อขาย รถยนต์
      
     
กรณี รีไฟแนนซ์ หรือ จำนำเล่มทะเบียนรถยนต์

1. เล่มทะเบียนรถยนต์
2. สำเนาบัตรประชาชน
3. สำเนาทะเบียนบ้าน
4. สำเนาเอกสารด้านการเงินของผู้ขอสินเชื่อ (สลิปเงินเดือน บัญชีธนาคารย้อนหลัง 3 เดือน)
      
     * หมายเหตุ
กรณี รายได้ของผู้ขอสินเชื่อไม่เพียงพอ ทางไฟแนนซ์ อาจจะต้องให้มีการกู้ร่วม หรือ มีผู้ค้ำประกันเพิ่ม
      
      
     เอกสารของผู้กู้ร่วมหรือผู้ค้ำประกัน
      
1. สำเนาบัตรประชาชน
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3.สำเนาเอกสารทางการเงิน (สลิปเงินเดือน,บัญชีธนาคารย้อนหลัง 3 เดือน)

ส.บ๊ายบาย ส.บ๊ายบาย
อยากให้รถทุกคันมีประกัน http://www.kawna.com/70074

ยงยุทธ


ส-ดีใจ พ.ร.บ. และ ประกันภัยรถยนต์ของคุณ ของเพื่อน ของญาติ ใกล้หมดหรือยัง มาเป็นสมาชิก ibsc โบรคเกอร์ ซื้อใช้เอง สุดคุ้ม


เดี๋ยวนี้เราสามารถซื้อประกันภัยรถด้วยตัวเอง มีให้เลือกซื้อ กว่า 20 บริษัทไม่ต้องซื้อผ่านนายหน้าอีกแล้ว
สมัครพียง 200.-ได้ส่วนลดจากการซื้อ พ.ร.บ.+ประกันภัยรถชั้น1คันละ 1,000-3,000 ขึ้นไปซื้อของตัวเองก็สุดคุ้ม
ส่งงานสะดวกทางแฟกซ์หรืออีเมลล์ ส่งกรมธรรม์ให้ถึงบ้าน จังหวัดไหนก็ทำได้
รับบัตรเครดิตทั้งของลูกค้าและตัวแทน สอบถามรายได้เพิ่มเติมได้
มีระบบเครือข่าย มีค่าแนะนำ ไม่ต้องรักษายอดให้ปวดหัว
***มีอบรมความรู้ด้านประกันภัย และ แผนการตลาดฟรี ทุกวันเสาร์ 9.30-12.00 น.
มีบริการผ่อน 0%

คลิ๊กดูรายละเอียดและลงทะเบียนใช้เว็บขยายงานฟรี ได้ที่
www.iaminsure.com/?id=256
หรือสอบถามได้ที่คุณ ยงยุทธ มังเทศ (ต่าย) 089-6535595  ส-ดีใจ
อยากให้รถทุกคันมีประกัน http://www.kawna.com/70074

ยงยุทธ


แนะนำวิธีติดตามรถหาย ส.อ่านหลังสือ

ขอแนะนำวิธีติดตามรถ เมื่อรถหายได้โดยเร็วที่สุด

วันนี้เรามาพูดถึงวิธีการป้องกันที่ไม่ควรมองข้ามและคิดว่าน่าจะต้องลองทำดูถ้าหากนำรถไปจอดไว้ที่เสี่ยงเกินไป
หากมีเหตุจำเป็นที่จะต้องจอดรถไว้ ไม่ว่าที่ใดก็ตามย่อมมีโอกาสเสี่ยงที่จะถูกโจรกรรมได้เสมอ และเมื่อมีเหตุเกิดขึ้น เป็นเรื่องยากยิ่งที่จะติดตามกลับคืนมาได้ อันเนื่องมาจาก กำลังของเจ้าหน้าที่มีน้อยและไม่รู้เส้นทางการหลบหนี ดังนั้นจึงมีอีกวิธี ซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผล 100 % คือให้ท่านหาโทรศัพท์มือถือราคาถูกๆแต่ใช้งานได้ดี Battery ดี ซิมการ์ดระบบใดก็ได้ เปิดเครื่องและซ่อนไว้ในรถในจุดที่ลับตาที่สุด ที่คิดว่าคนร้ายจะไม่เห็น เปิดเครื่อง ปิดเสียง ปิดสั่นทิ้งไว้ในรถเมื่อท่านต้องจอดในบริเวณที่มีความเสี่ยง และล็อครถ ของท่านตามปกติ กรณีเกิดรถหาย ให้แจ้งที่ 191 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ประสานงานกับผู้ให้บริการเครือข่ายของหมายเลขโทรศัพท์ที่ท่านซ่อนไว้ในรถเพื่อค้นหาตำแหน่งของรถท่าน เพื่อการติดตามจับกุมได้อย่างรวดเร็ว โดยส่วนใหญ่รถที่หายจะยังอยู่บนถนน หากที่ใดมีคลื่นโทรศัพท์ ก็จะสามารถระบุตำแหน่งได้ ทุกวันนี้ซิมการ์ดระบบเติมเงินบางระบบเติมเท่าใดก็ใช้ได้เป็นปี ราคาไม่กี่ร้อย บวกค่าโทรศัพท์ที่ท่านหาซื้อได้ในราคาแค่ไม่ถึงพันบาท ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดแล้ว อย่าลืมบอกต่อๆกันด้วยน่ะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้ที่ได้อ่านครับ

เมื่อรถตกน้ำ

ในกรณีที่รถเกิดอุบัติเหตุแล้วตกลงไปในแม่น้ำ ลำคลองใดๆ ก็ตาม รถจะไม่ตกลงไปใน น้ำแล้วจมทันที เหมือนหิน ตกน้ำแต่จะค่อยๆ จมลงทีละน้อยๆ จนกว่าจะถึง พื้นล่างและในนาทีวิกฤตนี้
ควรตั้งสติให้ดี และปฏิบัติดังต่อไปนี้

1. ปลด SAFETY BELT ออกทุกๆคน รวมทั้งผู้โดยสารด้วย
2. อย่าออกแรงใดๆ เพื่อสงวนการใช้อากาศหายใจซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนจำกัด
3. ให้ยกส่วนศีรษะให้สูงเหนือระดับน้ำที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นในรถ
4. ปลดล็อกประตูรถทุกบาน
5. หมุนกระจกให้น้ำไหลเข้าในรถเพื่อปรับความดันในรถและนอกรถให้เท่ากัน มิฉะนั้นท่านจะเปิดประตูรถไม่ออก เพราะน้ำจากภายนอกตัวรถจะดันประตูไว้
6. เมื่อความดันใกล้เคียงกันแล้วให้ผลักบาน ประตูออกให้กว้างสุด แล้วท่านก็ออกจากห้องโดยสารของรถได้
7. จากนั้นท่านอาจจะปล่อยตัวให้ลอยขึ้นเหนือน้ำตามธรรมชาติ หรือจะว่ายน้ำขึ้นมาก็ได้

ในกรณีนี้หากน้ำลึกมากๆ อาจจะมองไม่เห็นว่าทิศใดเหนือน้ำ ทิศใดใต้น้ำเพราะว่า มืดไปหมด และไม่ควรใช้วิธีว่ายน้ำ เพราะอาจจะว่ายไปในทิศทางที่ไม่ขึ้นเหนือน้ำ กรณีเช่นนี้ควรปล่อยตัวให้ลอยขึ้นตามธรรมชาติ หรือลองเป่าปากดูว่าฟองอากาศลอยไปในทิศทางใด ให้ว่ายน้ำไปในทิศทางที่ฟองอากาศลอยไป ก็จะไม่มีอาการหลงน้ำ นอกจากนั้นก่อนออกจากรถหากท่านมีผู้โดยสารที่เป็นเด็กๆ อาจจะหนีบเด็กๆ นั้นออกมากับท่านได้อีกหนึ่งคน ดังนั้นหากท่านปฏิบัติตามวิธีการเหล่านี้ ก็จะช่วยให้ชีวิตของท่านปลอดภัยได้ในยามคับขัน

อยากให้ทุกคนแนะนำต่อไปให้เพื่อนๆ และคนรู้จักให้มากๆเลยนะ เพราะเป็นการช่วยเหลือกันหากเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ขึ้นมา การมีความรู้ในขั้นตอนในการควบคุมยานยนต์ และการปฏิบัติตนในขณะเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ สามารถช่วยลดอัตราการตายและการบาดเจ็บได้แน่นอน
ขอให้ทุกคน ขับรถอย่างปลอดภัย ไม่เกิดอุบัติเหตุใดๆ

ยางรถระเบิดขณะขับรถอยู่

จะทำอย่างไรเมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถอยู่ ซึ่งคนส่วนใหญ่อาจจะไม่คาดคิดว่าจะเกิดในเวลาใดในขณะที่เรากำลังขับรถและอุบัติติเหตุ ที่เกิดจากยางรถระเบิดนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะสร้างความเสียหายอย่างมาก และอาจจะรวมไปถึงการสูญเสียชีวิตได้ ซึ่งผมก็มีวิธีที่จะมาแนะนำท่านที่ใช้รถบนถนนได้ทราบถึงวิธีปฏิบัติ เมื่อรถยางระเบิดในขณะขับรถ มีข้อแนะนำให้ปฏิบัติดังนี้

1. มือทั้งสองต้องจับอยู่ที่พวงมาลัยอย่างมั่นคง
2. ถอนคันเร่งออก
3. ควบคุมสติให้ดีอย่าตกใจมองกระจกหลังเพื่อให้ทราบว่ามีรถใดตามมาบ้าง
4. แตะเบรกอย่างแผ่วเบาและถี่ๆ อย่าแตะแรงเป็นอันขาด เพรา ะว่า จะทำให้รถหมุน
5. ห้ามเหยียบคลัตช์โดยเด็ดขาดเพราะถ้าเหยียบคลัตช์รถจะไม่เกาะถนนรถจะลอยตัวและจะทำให้บังคับรถได้ยากยิ่งขึ้น อาจเสียหลักเพราะการเหยียบคลัตช์เป็นการตัดแรงบิดของเครื่องยนต์ ให้ขาดจากเพลา
6. ห้ามดึงเบรกมืออย่างเด็ดขาด จะทำให้รถหมุน
7. เมื่อความเร็วรถลดลงพอประมาณแล้วให้ยกเลี้ยวสัญญาณเข้าข้างทางซ้ายมือ
8. เมื่อความเร็วลดลงระดับควบคุมได้ ให้เปลี่ยนเกียร์ต่ำลงและหยุดรถ

ข้อสังเกตเมื่อยางระเบิดคือ ไม่ว่ายางด้านใดจะระเบิดล้อหน้าหรือล้อหลังก็ตาม เมื่อระเบิดด้านซ้าย รถก็จะแฉลบไปด้านซ้ายก่อน แล้วก็จะสะบัดกลับ และสะบัดไปด้านซ้ายอีกที สลับกันไปมา และในทำนอง ตรงกันข้ามหากระเบิดด้านขวาอาการก็จะกลับเป็นตรงกันข้าม

อุบัติเหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นส่วนมากก็คือ หากขณะยางระเบิดรถวิ่งอยู่ที่ความเร็วสูงมากๆ พอยางระเบิดขึ้นมารถก็จะกลิ้งทันที ทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นการขับรถที่ใช้ความเร็วสูงๆ จึงมักจะแก้ไขอะไรในเรื่องนี้ไม่ได้

เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรงที่จะเกิดขึ้น ในขณะขับรถ จึงไม่ควรขับรถเร็ว
( ความเร็วทีถือว่าปลอดภัยใน DEFENSIVE DRIVING คือ ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง)
ส-ดีใจ
อยากให้รถทุกคันมีประกัน http://www.kawna.com/70074

ยงยุทธ

อยากให้รถทุกคันมีประกัน http://www.kawna.com/70074

ยงยุทธ

 ส.อ่านหลังสือ เทคนิค การเคลมประกัน ที่ทุกคนควรจะรู้ครับ  ส.อ่านหลังสือ

ข้อความและรูปภาพจาก http://usedcar.exteen.com/20081105/entry ขอบคุณครับ

วันนี้ว่าด้วยเรื่องเทคนิค การเคลมประกัน ที่ทุกคนควรจะรู้ครับ

    *   ประกันชั้น 1 ไม่จ่ายในกรณีที่ขับๆ รถไปแล้วรถยางแตก รั่ว แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุแล้ว ยางแตกหรือ รั่ว เคลมประกัน จ่าย ครึ่งราคายางใหม่ เพราะฉนั้นถ้าขับรถไปยางแตกหรือรั่ว เปลี่ยนยางแล้วเก็บยางไว้ รอเกิดอุบัติเหตุแล้ว แจ้งความเสียหาย ว่า มียางแตกด้วย แต่ต้องสมเหตุสมผลด้วยนะครับ
         
                                                           

    *   ประกัน 3+ ไม่จ่ายเวลาชนกับอย่างอื่นที่ไม่ใช่รถ ถ้าชนเสา ชนประตู แนะนำว่าโทรตามเพื่อนที่มีแผลต้องซ่อม รอวันว่างๆ จัดฉากเลยครับ อย่าลืมคำนี้เด็ดขาด สมเหตุสมผลๆ



    *   การเคลมประกัน ทำสีรอบคัน หลายคนชอบรอจนประกัน ใกล้ๆจะหมดแล้วก็ตามประกัน มาเคลมๆๆๆ โดนค่าเสียหายส่วนแรกบานครับ แถมน้องคนที่ทำเรื่องอาจซวยไปด้วย ฐานสมรู้ร่วมคิดครับ เทคนิค คือ ต้องวาง แพลนกันนิดหน่อย 2 อาทิตย์เรียกเคลมทีนึงครับ ฝั่งซ้ายก่อน อีก 2 อาทิตย์ ก็ฝั่งขวา แล้วก็ ด้านหน้า ด้านหลัง ไม่ควรเคลมเกินครั้งละ 5 จุด เน้นเฉพาะจุดใหญ่ๆนะ ใช้เวลา ไม่เกิน เดือนครึ่ง อาจจะไม่ครบทุกชิ้นแต่ ก็เรียบร้อยแล้ว เสร็จแล้วก็รวบรวมใบเคลม ทั้งหมด ไปที่อู่ที่รับเคลมประกันครับ บอกไปเลยครับว่าเนี่ยมีใบเคลมทั้งหมดเนี่ย ทำสีรอบคันเลยนะเฮีย ถ้าขาดไปชิ้น สอง ชิ้น ส่วนใหญ่จะไม่คิดเงินเพิ่มครับ

                                         

    *   คนที่ขายประกันคุณ นี่ต้องตีซี้ แล้วก็ถามตรงๆเลยว่า เคสไหน เคลมประกันทำได้ เคลมประกันทำไม่ได้ เคสนี้ควรทำยังไง ถ้าเขาไม่ปกป้องผลประโยชน์ให้เรา เราก็ไม่ควรซื้อ ประกันเค้าครับ



    *   ของแต่งรถแพงๆแจ้งไว้เลยครับ ยิ่งเปลี่ยนมาทีหลังยิ่งต้องรีบแจ้ง



    *   ประกันไหนที่ไหนดี โทรถามอู่เลยครับ เฮียๆยี่ห้อไหนเฮียไม่รับรถมาทำบ้าง ประกันไหน ที่อู่ส่วนมากรับทำ ประกันนั่นแหละครับดี



    *   ถ้าไม่เคลมทั้งปีเราต้องได้ส่วนลดขับดี ถ้าไม่มีแปลว่าคนขายเม้มแล้วละ

การทำอะไรที่มันไม่สุจริตมันไม่ดีนะครับ วิธีการนี้คุณรู้ ผมรู้ ประกันก็รู้ครับ แต่ส่วนมากจะปล่อยๆ ถ้ามันไม่มากจนเกินไป ถ้าไม่เดือดร้อนจริงๆ แบบ "เฮ้ยเดือนนี้ตรูเบื่อสีเขียวขี้ม้าแล้ววะ เดี๋ยวๆเดือนหน้าเปลี่ยน เป็นสีขาวขี้หมาดีกว่าเฟร้ย"  อันนี้มันก็ไม่ควรครับ ถ้าไม่ลำบากจริงๆก็ไม่แนะนำนะคร้าบบ

*บริษัทประกันภัย
ไม่มีกล้องวงจรปิด คอยส่องดูว่าเวลาเกิดเป็นอย่างไร เกิดจริงหรือไม่จริง หรือจะหาพยานรู้เห็นมาคอยตอบว่าเกิดเหตุ อย่างไร ก็คงลำบาก โดยหลักแล้ว บริษัทประกันภัย จะถือการให้ปากคำของ ผู้ขับขี่เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด คือ "สุจริต" หากบริษัทประกันภัย ตรวจสอบพบผู้ขับขี่โกหก หรือให้ปากคำอันเป็นเท็จ ประกันภัยก็อาจไม่รับผิดชอบได้ เวลาเคลม พนักงานเคลมก็ จะให้เรากรองข้อความในใบเคลมว่า
วันไหนเวลาใด ขับรถจากไหนไปไหน และเกิดอุบัติเหตุอย่างไรมีอะไรเสียหายบ้าง ซึ่งจริงๆเป็นจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผู้ขับขี่บางคนก็ บอกมั่วๆไป โดยไม่เจตนา เพราะจำไม่ได้บ้าง เก็บแผลไว้นานมากแล้วต่อ
อายุประกันมา 3 ปี สนิมขึ้นแล้ว เพิ่งมาเคลมก็มี แต่ถ้ามันเป็นการเกิดเหตุจริงๆ ไม่ได้กระทำเองหรือเจตนาให้มันเกิดความเสียหาย นั้นก็ได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์แน่นอน = ท่องไว้ครับต้องสมเหตุสมผลๆ
----------------------------
ไอบีเอสซี โบรคเกอร์
ทุกเรื่องราวเกี่ยวกับรถยนต์
อยากให้รถทุกคันมีประกัน http://www.kawna.com/70074

ยงยุทธ

 ส-ดีใจใกล้ปีใหม่แล้ว ขอให้มีความสุขตลอดปีกันทุกคนนะครับ ส-ดีใจ

ขับรถดีมีน้ำใจ ภัยไม่มีนะครับ  ส.สู้ๆ
อยากให้รถทุกคันมีประกัน http://www.kawna.com/70074

ยงยุทธ

 ส.โอ้โห ธุรกิจประกันภัย รูปแบบใหม่ แค่เปลี่ยนที่ซื้อก็มีรายได้
พ.ร.บ. ประกันรถยนต์ มีให้เลือกมากกว่า 20 บริษัท
ซื้อใช้เอง โอนเงินเอง รับค่าคอมฯเอง 10-30%  ส.สู้ๆ

อยากให้รถทุกคันมีประกัน http://www.kawna.com/70074

ยงยุทธ

อ้างจาก: ยงยุทธ เมื่อ 07:56 น.  08 ม.ค 55
ส.โอ้โห ธุรกิจประกันภัย รูปแบบใหม่ แค่เปลี่ยนที่ซื้อก็มีรายได้
พ.ร.บ. ประกันรถยนต์ มีให้เลือกมากกว่า 20 บริษัท
ซื้อใช้เอง โอนเงินเอง รับค่าคอมฯเอง 10-30%  ส.สู้ๆ

http://www.ranod.tk

คิดถึงประกันภัย คิดถึง ไอบีเอสซีโบรคเกอร์
กับ โครงการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กับสินค้าที่ไม่มีวันตาย ตลาดกว้าง ต้องซื้อซ้ำทุกปี จำเป็นต้องใช้ กฏหมายบังคับ
อยากให้รถทุกคันมีประกัน http://www.kawna.com/70074

ยงยุทธ

อยากให้รถทุกคันมีประกัน http://www.kawna.com/70074