ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

จุดยืน 'ม.อ.' ต่อนโยบายการหลอมรวมมหาวิทยาลัย

เริ่มโดย bb_rjiw, 10:26 น. 14 ธ.ค 54

คนคนคน

การมอบรางวัล ให้นักศึกษาสามคนของรายการนั้น เขาไม่ได้มอบให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในฐานะต้นสังกัดของนักศึกษาสามคนนั้น  แต่การที่มหาวิทยาลัยให้โอกาสแก่ผู้พิการเข้าศึกษาจนเด็กได้รับรางวัล มันน่าจะแสดงให้เห็นว่าผลผลิตของมหาวิทยาลัย หรือ ลูกหลานนักเรียนนักศึกษาของเราจะเติบโตขึ้นพร้อมที่จะรับภาระในการนำพาประเทศชาติต่อต่อไป แต่หากท่านไม่ได้เห็นเช่นนั้นก็ไม่เป็นไร   และมันน่าภูมิใจที่ว่าผู้มอบรางวัลนี้ เป็นผลผลิตของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เอง  มหาวิทยาลัยควรให้ความสนใจในการจัดอันดับ หรือผลงานการวิจัย มากไปกว่าการปลูกฝั่งความรู้ความคิดในระดับอุดมศึกษาแก่ลูกหลานของเราละหรือ
การพูดว่า ไม่มีอำนาจอะไรมาแยกเราจากกันได้ แปลว่าเราต้องอยู่นอกอยู่เหนืออำนาจของประเทศหรืออย่างไร ในฐานะผู้นำองค์กรและเป็นองค์กรที่ปลูกฝั่งความรู้ความคิดให้กับบุตรหลานของเราเรา เราไม่ควรเห็นแย้งละหรือ   

Baritone

 ส.โอ้โห แสดงว่าท่านรู้ว่าเขามีการเรียนการสอนเป็นอย่างไรหรือครับ
ถึงวิจารณ์ขนาดนี้ 

ปัญหาคือท่านรู้ได้อย่างไรว่า การพัฒนางานวิจัย กับการปลูกฝังคความรู้ความคิดมันสวนทางกัน
หรือมี ปม อะไรในจิตใจครับ?

คนคนคน

ท่านรู้ ได้อย่างไร ว่ามันสวนทาง กัน ???
แล้ว มันสวนทางกันตรงไหน

คนคนคน

ทุกอย่างพูดในฐานะ ประชาชนผู้มีหน้าที่เสียภาษีเท่านั้นเอง



คนคนคน

จึงเป็นสิทธิเสรีภาพ ของประชาชน
ที่จะตั้งคำถาม ว่าหน่วยงานของท่าน
ใช้ภาษีไปเพื่อผลประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่งหรือปล่าว

Baritone

ท่านเองละครับพูดว่าในกรณีของ ม.อ. มันสวนทางกัน
"มหาวิทยาลัยควรให้ความสนใจในการจัดอันดับ หรือผลงานการวิจัย มากไปกว่าการปลูกฝั่งความรู้ความคิดในระดับอุดมศึกษาแก่ลูกหลานของเราละหรือ "

พอเราอวดงานวิจัยท่านก็ว่ามุ่งวิจัยไม่ปลูกฝัง
พอไม่มีงานวิจัยก็ว่า ไม่มีคุณภาพมีแต่ตึก

แต่การปลูกฝังผมว่าก็มีนะ ยกตัวอย่างเช่น

อย่างน้อยผมก็มาตอบความคิดเห็นท่านด้วยสติและพิจารณาจากความเป็นจริง
ซึ่งทำได้ค่อนข้างยากกับท่านซึ่งมีแต่ประเด็นเชิง ลบ ในหัว

อ้อที่สำคัญ  ผมก็เป็นประชาชนผู้เสียภาษีครับ
ความรู้สึก รัก ในส่วนรวม ผมก็มีครับ
แต่ราวกับว่าคุณจะอาฆาตแค้น มหาลัย นี้ขนาดหนัก

คนชั่วมีอยู่ทุกที่ครับ
คนดีก็เช่นกัน
เราต้องพยายามเป็นคนดีครับ ทำแต่ความดี
ไม่ใช่จ้องจะจับผิดแต่คนอื่น จนลืมดูหางตัวเอง

คนคนคน

อ้างจาก: Baritone เมื่อ 13:04 น.  28 ธ.ค 54
ท่านเองละครับพูดว่าในกรณีของ ม.อ. มันสวนทางกัน
"มหาวิทยาลัยควรให้ความสนใจในการจัดอันดับ หรือผลงานการวิจัย มากไปกว่าการปลูกฝั่งความรู้ความคิดในระดับอุดมศึกษาแก่ลูกหลานของเราละหรือ "

พอเราอวดงานวิจัยท่านก็ว่ามุ่งวิจัยไม่ปลูกฝัง
พอไม่มีงานวิจัยก็ว่า ไม่มีคุณภาพมีแต่ตึก

แต่การปลูกฝังผมว่าก็มีนะ ยกตัวอย่างเช่น

อย่างน้อยผมก็มาตอบความคิดเห็นท่านด้วยสติและพิจารณาจากความเป็นจริง
ซึ่งทำได้ค่อนข้างยากกับท่านซึ่งมีแต่ประเด็นเชิง ลบ ในหัว

อ้อที่สำคัญ  ผมก็เป็นประชาชนผู้เสียภาษีครับ
ความรู้สึก รัก ในส่วนรวม ผมก็มีครับ
แต่ราวกับว่าคุณจะอาฆาตแค้น มหาลัย นี้ขนาดหนัก

คนชั่วมีอยู่ทุกที่ครับ
คนดีก็เช่นกัน
เราต้องพยายามเป็นคนดีครับ ทำแต่ความดี
ไม่ใช่จ้องจะจับผิดแต่คนอื่น จนลืมดูหางตัวเอง
มากไปกว่า เป็นการเปรียบเทียบมันกลายเป็น การสวนทางกันได้อย่างไร

พอเราอวดงานวิจัยท่านก็ว่ามุ่งวิจัยไม่ปลูกฝัง
พอไม่มีงานวิจัยก็ว่า ไม่มีคุณภาพมีแต่ตึก

ใครพูดเรื่องตึก

แต่การปลูกฝังผมว่าก็มีนะ ยกตัวอย่างเช่น
อย่างน้อยผมก็มาตอบความคิดเห็นท่านด้วยสติและพิจารณาจากความเป็นจริง
ซึ่งทำได้ค่อนข้างยากกับท่านซึ่งมีแต่ประเด็นเชิง ลบ ในหัว

ใครมีสติ หรือไม่มีสติ หรือมีประเด็นเชิงลบ หรือบวก ผู้อ่านเท่านั้นเป็นผู้ตัดสินได้
แต่ถ้าคนโพลส์ จะตัดสิน ผมก็คงตัดสินเช่นเดียวกับคุณนั้นแหละ


อ้อที่สำคัญ  ผมก็เป็นประชาชนผู้เสียภาษีครับ
ความรู้สึก รัก ในส่วนรวม ผมก็มีครับ
แต่ราวกับว่าคุณจะอาฆาตแค้น มหาลัย นี้ขนาดหนัก

จะไปอาฆาตแค้นอะไรกับมหาวิทยาลัย  งงงงงงงง
ทุกคนมีหน้าที่ต้องเสียภาษี คุณและผมก็มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเช่นเดียวกัน
ไม่มีใครว่าคุณไม่มีความรู้สึกรักในส่วนรวม ดอกครับ

คนชั่วมีอยู่ทุกที่ครับ
คนดีก็เช่นกัน
เราต้องพยายามเป็นคนดีครับ ทำแต่ความดี
ไม่ใช่จ้องจะจับผิดแต่คนอื่น จนลืมดูหางตัวเอง

หากใช่ ประเด็น ผิดถูกชั่วดี ผมคงไม่อาจไปตัดสินใครได้ดอก
และผม ก็ไม่มีหางด้วย   

ทุกสิ่งทุกอย่างพูดในฐานะประชาชนตาดำดำ เท่านั้นเอง
ถ้าไประคายเคือง "คุณ ซึ่งแทนตัวเองว่า เรา"
ก็ต้องขอโทษนะ





Baritone

ผมกลัวว่าท่านอยากเอาชนะสินะครับ  ส-โห
เออ ผมแค่อยากจะเตือนท่านนะครับว่าต่อให้ผมอธิบายไปมากแค่ไหน
ถ้าท่านมีทิฐิยืนพื้น อยู่แล้วก็ป่วยการครับ เลยดูรุนแรงไปหน่อย

เรื่องบางเรื่องที่ท่านว่าท่านไม่ได้พูด
ผมอ้างจากคนอื่นที่เขาโพสแทรกหน่ะครับ
เพราะผมมาถกข้อสงสัย มิใช่ มาเถียงกับท่านครับ ส.หลกจริง
อย่าเครียดนะครับ
เพราะใครเขาเขามาอ่านก็จะรู้ครับว่า
ว่าท่านมุ่งเน้นประเด็นว่ามหาลัยดีหรือไม่ดี
ซึ่งผมเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่าจะยุบหรือไม่ยุบ

คำว่าเราผมไม่ได้หมายถึงตัวเองครับ
ผมหมายถึงทุกคนหน่ะครับ
สำนวนเช่นนี้จะพบได้ง่ายในพวกคำสอนศาสนา
(เราๆ ท่านๆ เป็นต้น)ถ้าไม่เข้าใจใจตอนแรก
ก็อธิบายไว้ (ประเดี๋ยวจะนึกว่าผมใช้สรรพนามผิด)





คนคนคน

ไม่พ้นประเด็น ผิดถูกชั่วดี

ในหน่วยงานเอกชน เขาจะขอบคุณลูกค้าผู้ใช้บริการที่อุตสาห์สละเวลา ในการร้องเรียน หรือแสดงความคิดเห็น
เพราะเขาเห็นว่าความเห็นนั้นมีประโยชน์เพื่อใช้ในการพัฒนาบริการขององค์กร
ลูกค้าเป็นกระจกเงาอย่างดีให้องค์กรได้พิจารณา ว่าองค์กรเรามีสภาพเช่นไร และบริษัทจะเดินไปได้ก็เพราะยังคงมีลูกค้า เนื่องจากเขาไม่ใช่องค์กรผูกขาด หากไม่พัฒนาตนเองโดยไม่สนใจลูกค้าเขาคงต้องจอดไม่ต้องแจว
ในบางครั้งเพื่อให้ได้ข้อมูลความเห็นคำติคำชมจากลูกค้า บางหน่วยงานถึงขนาด จัดรายการพิเศษให้รางวัลแก่ลูกค้าที่แสดงความคิดเห็นหรือกรอกแบบสอบถามหรือมีจดหมายติชม เพื่อต้องการข้อมูลเหล่านั้น

และไม่ว่าหน่วยงานของรัฐและของเอกชน จะมีเป้าประสงค์จะต่างกันเช่นไร
การพัฒนา การเปลี่ยนแปลง การปรับปรุง เป็นสิ่งที่ควรมีอยู่ มิใช่หรือ

ในหน่วยงานของรัฐ เมื่อประชาชน แสดงความคิดเห็น
ผลรับนั้นจะเป็นเช่นไร เรา(ขออนุญาตใช้) ไม่อาจคาดหวังอะไร
ผู้อ่าน โปรดใช้ วิจารณญาน กันเอาเอง เรา(ขออนุญาตอีกที)
ไม่อาจจะชี้นำ อะไร หรือตัดสินชี้ขาดใคร ได้

Baritone

 ส.โอ้โห
จะร้องเรียนตรวจสอบ
ก็ต้องหาที่มันป็นเรื่องเป็นราวสิครับ เอาที่มันเป็นคดีๆ ไป
ไม่ใช่มาพูดว่าไม่ดีอย่างโน้นไม่ดีอย่างนี้

ที่สำคัญถ้าจะให้ดีก็ไปร้องเรียนกับหน่วยงานที่เขารับร้องเรียนสิครับ
ถ้าคิดว่ามีอะไรไม่ดีจริง ก็ เดินเข้าไปอาคารบริหาร ของ มหาลัยสิครับ
ไปแจ้งเลย ว่าท่านต้องการอะไร
บอกไปเลยว่าท่านเป็นประชาชนตาดำๆที่เสียภาษี
ถ้าเขาไม่สนใจก็ไปฟ้องศาลเลยสิครับ หุหุหุ

ผมว่าบอร์ดนี้ ใช้เพื่อแสดงความคิดเห็นก็น่าจะเพียงพอนะครับ
ส่วนเรื่องร้องเรียนอะไรของท่านก็แล้วแต่ว่าใครจะมารับเอาไป

ผิดทั้งประเด็น ผิดทั้งสถานที่ร้องเรียน
ผมจะมาคุยเรื่องยุบไม่ยุบ
ท่านยังลากประเด็นผิดถูกชั่วดี
ใครมาอ่านตั้งแต่ต้นก็จะรู้ครับว่าใครพาออกทะเล
แต่ผมขี้เกียจตามแล้วละครับ เหนื่อย ส-เหอเหอ ส-เหอเหอ ส-เหอเหอ ส-เหอเหอ ส-เหอเหอ ส-เหอเหอ

คนคนคน

ผิดทั้งประเด็น ผิดทั้งสถานที่
ถ้าเข้าใจใม่ผิด
เวทีนี้ ไม่มีใครบังคับใครให้ตามใครได้ดอกท่าน

คนคนคน

คนชั่วมีอยู่ทุกที่ครับ
คนดีก็เช่นกัน
เราต้องพยายามเป็นคนดีครับ ทำแต่ความดี
ไม่ใช่จ้องจะจับผิดแต่คนอื่น จนลืมดูหางตัวเอง

หากใช่ ประเด็น ผิดถูกชั่วดี ผมคงไม่อาจไปตัดสินใครได้ดอก
และผม ก็ไม่มีหางด้วย   
(ตัวอย่างของคนไม่หลงประเด็น)


คนคนคน

ผมว่าบอร์ดนี้ ใช้เพื่อแสดงความคิดเห็นก็น่าจะเพียงพอนะครับ
ส่วนเรื่องร้องเรียนอะไรของท่านก็แล้วแต่ว่าใครจะมารับเอาไป

บอร์ดนี้ใช้เพื่อแสดงความคิดเห็นก็น่าจะเพียงพอนะครับ

เจ้าของบอร์ด ว่าไงละ

ชาวสุราษฎร์

อ้างจาก: Baritone เมื่อ 08:07 น.  26 ธ.ค 54
แล้วถ้าพัฒานาทั้งสองแห่งก็จะได้มหาลัยที่มีประสิทธิภาพสองแห่งเชียวนะท่าน
แต่ไอเรื่องไม่พัฒนา คน ในพื้นที่เขารู้ดีที่สุดผมไม่เถียงละ ส.ใส่แว่นกันแดด
แต่ถ้าคำสั่งนั้นมีอำนาจให้ยุบรวมมหาลัย ก็ต้องใช้งบประมาณมากโขเชียวนะ
ไหนจะเรื่องการบริหารอีก ใครจะเป็นใคร ? ปัญหาแน่ๆเลย
ถ้ายุบรวมได้ ผมว่าออกคำสั่ง ให้พัฒนา ขยายหลักสูตรสิ
เอางบยุบรวมนั้นไปจัดสรร เฉพาะ 2 วิทยาเขตนั้น
ไม่รู้จะดีกว่าหรือเปล่า
การพัฒนาได้ทั้ง2 ที่ ก็เป็นที่ดีกับชาวสุราษฎร์ แต่ต้องคิดว่า ทั้ง2 มหาลัย ต่างไม่ได้ตอบสนองลูกหลานชาวสุราษฎร์ และจังหวัดใกล้เคียงมากนัก มรส รับใช้ท้องถิ่น ส่วน มอเขต ก็มีแค่2คณะ ถามว่าวันนี้หาก จังหวัดสุราษฎรจะจัดตั้งมหาวิทยาลัย ที่มีคณะทุกคณะ ก็คงต้องใช้เงินมหาสาร แต่ถ้าเรา ยุบรวม มอ กับ มรส ซึ่งมีพื้นที่ที่จะจัดตั้งเป็นมหาลัยใหญ่ได้ และสามารถเปิดคณะ ได้ครบทุกคณะ แทบจะไม่ต้องสร้างตึกเพิ่มเลย อาจจะจะต้องบริหารจัดการให้ทั้งสองอยู่ด้วย มันเป็นเรื่องายและประหยัด ช่วยได้ ไม่ดีกว่าเหรอ ดีกว่าคัดค้าน แล้วทำได้แค่ 2 คณะ ขาด เขตสุราษฎร์ไปมันจะทำให้ มอ สิ้นชื่อเลยเหรอ ครับ ท่าน 

ชาวสุราษฎร์

อ้างจาก: Baritone เมื่อ 18:16 น.  28 ธ.ค 54
ผมกลัวว่าท่านอยากเอาชนะสินะครับ  ส-โห
เออ ผมแค่อยากจะเตือนท่านนะครับว่าต่อให้ผมอธิบายไปมากแค่ไหน
ถ้าท่านมีทิฐิยืนพื้น อยู่แล้วก็ป่วยการครับ เลยดูรุนแรงไปหน่อย

เรื่องบางเรื่องที่ท่านว่าท่านไม่ได้พูด
ผมอ้างจากคนอื่นที่เขาโพสแทรกหน่ะครับ
เพราะผมมาถกข้อสงสัย มิใช่ มาเถียงกับท่านครับ ส.หลกจริง
อย่าเครียดนะครับ
เพราะใครเขาเขามาอ่านก็จะรู้ครับว่า
ว่าท่านมุ่งเน้นประเด็นว่ามหาลัยดีหรือไม่ดี
ซึ่งผมเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่าจะยุบหรือไม่ยุบ

คำว่าเราผมไม่ได้หมายถึงตัวเองครับ
ผมหมายถึงทุกคนหน่ะครับ
สำนวนเช่นนี้จะพบได้ง่ายในพวกคำสอนศาสนา
(เราๆ ท่านๆ เป็นต้น)ถ้าไม่เข้าใจใจตอนแรก
ก็อธิบายไว้ (ประเดี๋ยวจะนึกว่าผมใช้สรรพนามผิด)
คำว่า ไม่มีอำนาจใดมาแยกเราได้  อ่านแล้วรู้สึกเห็นแก่ตัวนะครับ ภาษี ชาวสุราษฎร์ เราก็จ่ายกันนะครับ คุณลองมองดูสิครับ สุราษฎร์ มีประชากร กว่าล้านคน มหาวิทยาลัยก็มี ราชภัฎ กับ มอ เขต ถึงเวลาที่ชาวจังหวัดสุราษฎร์จะมีมหาลัย ทางจังหวัดก็ยอมที่จะ หลอมรวม มอ.กับ มรส เป็นการลดมหาลัยด้วยซ้ำ แต่ชาวสุราษฎร์ ก็ยอม เพื่อลูกหลานในอนาคต ได้เรียนมหาลัยดีๆ ในจังหวัด ไม่ต้องเร่รอนไปที่อื่น สำหรับคำว่า "ไม่มีอำนาจใดมาแยกเราได้"ผมอยากให้ผู้ใหญ่ใน มอ. ลองคิดสักนิดนะครับว่า สมควรแล้วหรือ ที่ใช้คำนี้ แถมขึ้นป้ายไปทั่วสุราษฎร์ ใครผ่านไปผ่านมา ให้เขาคิดยังไงกับ มหาลัยแห่งนี้ดีครับ ผมหมดความศรัทธา จริงๆ กับข้อความนี้ครับ ใครอ่านเขาก็มองว่า ไม่ยอมหลอมรวมก้เพราะ ผลประโยชน์ ของ มอ เองมากกว่านะครับ มอ.ขาดเขตสุราษฎร์ ไม่ได้ทำให้ ศักยภาพลดลงเลย เพราะเขตสุราษฎร์ มีแค่ 2 คณะ คุณน่าจะสนับสนุน มากกว่าคัดค้านนะครับ ในส่วนของวิทยาเขต สามารถพัฒนาเปิดคณะ แพทย์  เภสัช พยาบาล และโรงพยาบาลมหาลัยได้เลย โดยการสนับสนุน ของ มอ ได้เลยนิครับ ยังไง ก็มีพระราชาอนุสาวรีย์ ทำไมคุณไม่คิดกระจายอำนาจ กันบ้างละครับ สุราษฎร กับ หาดใหญ่มันไม่ได้ใกล้ๆกันนะครับ 

Baritone

ผมก็เห็นด้วยกับ คุณ ชาวสุราษฎร์ นะครับ คำว่า" ไม่มีอำนาจใดมาแยกเราได้ "
ดูรุนแรง ไป  และค่อนข้างจะก่อความรู้สึกในด้านลบ

    ผมว่าคนไทยตอนนี้ก็ยังหลงในชือ คับ
รร.ดัง มหาลัยดังๆ มีชื่อก็อยากจะเข้าเรียนหรือให้บุตรหลานเข้าเรียนเป็นธรรมดา
ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่า เพราะความเก่า ของ ม.อ. จึงทำให้ค่อนข้างมีชื่อเสียงในภาคใต้
เช่นนี้ บ้างที วิทยาเขต ที่สุราษฎฯ อาจมีบางคนไปศึกษาต่อหรือไปทำงาน
ด้วยความเชื่อมั่นในชื่อ ม.อ. ก็เป็นได้ครับ
(ซึ่งถ้าหากจะนับหนึ่งใหม่ คงยากลำบากมิใช่น้อย)

ปัญหาเรื่องระบบการบริหารและหลักสูตรผมว่าเป็นปัญหาหลักนะ
เรื่อง ตึกจะสร้างไม่สร้าง ก็ไม่ได้ช่วยอะไรครับ
ไม่ใช่ว่ามีตึกแล้วจะเปิดคณะอะไรก็ได้ อุปกรณ์เฉพาะทาง  ราคาสูงกว่าตึกมากครับ
อาทิเครื่องมือทางวิทยาศตร์  หรือ ฐานข้อมูลงานวิจัย


ท่านกล่าวมาว่า "เพื่อลูกหลานในอนาคต ได้เรียนมหาลัยดีๆ ในจังหวัด"
ก็แสดงว่าท่านไม่มีความเชื่อมั่น ในมหาวิทยาลัยที่ มีอยู่ในจังหวัดในขณะนี้
ทั้งนี้อาจเพราะ มหาลัยที่มีอยู่ในจังหวัดตอนนี้ คงไม่ตอบสนองความต้องการของท่านได้
อย่างเช่นเรื่องบุคคลากร ทางสาธารณสุข อย่างที่ท่านยกตัวอย่างมา
อันที่จริงแล้ว รพ. ที่เป็น โรงเรียนแพทย์ ในประเทศไทยมีอยู่ไม่มากนะครับ
ด้วยเรื่องจำกัดของงบประมาณ แต่ละ รพ.โรงเรียนแพทย์  ก็ต้องรับภาระกับพื้นที่ในเขต
ค่อนข้างใหญ่นะครับ   
แต่ผมว่าปัญหามันอยู่ที่ว่า ทำไม? รพ. ทั่วไป ถึงไม่สร้างความรู้สึกมั่นใจในการรักษากับท่านได้

(มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์
ซึ่งตอนนี้ก็ยังอยู่ในช่วงพัฒนาขึ้น เชื่อว่าหากมี ปัจจัยหลายๆอย่างพร้อมเมื่อไหร่
ก็คงตอบสนองความต้องการของคนภาคใต้ได้แน่นอนครับ ^^)

พูดถึงเรื่องกระจายอำนาจ
เป็นเรื่องดีคับสำหรับการกระจายอำนาจให้เท่าเทียมกันทุกเขตทุกพื้นที่
แต่ปัญหามันจำกัดเรื่องงบประมาณไงครับ  (ไม่น่าเชื่อนะครับปัญหาพื้นฐาน)
เป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ว่า การที่จะให้มีคุณภาพมากขึ้นต้องมีปัจจัยด้านงบประมาณมากเกี่ยวข้อง

ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น หากเอางบประมาณไปพัฒนาห้องพักผู้ป่วย ให้มีความเป็นอยู่ดีเหมือนกันทั่วทั้งภาคใต้
กับ ทำศูนย์เฉพาะทางมะเร็งครบวงจรไว้บริการสักที่เพื่อบริการคนทั้งภาคใต้  สมมุติว่าใช้งบประมาณเท่ากัน
ก็จะได้ผลของการพัฒนา ที่ดูต่างกันมากนะครับ ถ้าเรามีอะไรอยู่แล้วยังใช้ได้ ก็ใช้ๆไปก่อนนะครับ ^^
เอางบไปเติมตรงที่ยังไม่มีเสียก่อน (ก็อย่างในตัวอย่างละครับ ถ้ามีเตียงดีๆนอนทุก รพ.คงดีมิใช่น้อย
แต่ ถ้ามีผู้ป่วยโรคมะเร็งที่มีความซับซ้อน ก็คงลำบากมิใช่น้อยเช่นกัน หรือจะส่งไป กทม.?
ไกลกว่าหาดใหญ่อีกนะครับ)
เพราะเราไม่สามารถสร้างทุกอย่างขึ้นมาได้ทั้งหมด  จึงต้องมีการนำร่องและพัฒนาขึ้นมา

ผมว่าท่านถือโอกาสนี้เป็นโอกาสในการเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยในพื้นที่ของท่านมีการพัฒนาดีกว่าครับ
ลองนำเสนอความร่วมมือกับจังหวัดและหน่วยงานต่างๆ เรียกร้องสิ่งที่ต้องการจาก มหาวิทยาลัย
ผมเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงทุกครั้ง ไม่ได้นำมา ซึ่งการพัฒนาทุกครั้งไปนะครับ

เรื่องหาดใหญ่ กับสุราษฎ ไม่ได้ใกล้กัน ผมเข้าใจดีคับ
แต่ท่านลองมอง ในทางกลับกันว่า
ถ้าเทียบ กับกรุงเทพฯ หาดใหญ่ หรือ สุราษฎ จะใกล้กว่ากัน ?
แน่นอนว่าเมืองหลวงของประเทศย่อมมีสถานศึกษาที่ มีคุณภาพ

ไม่ว่าจังหวัดไหน ก็ ไม่อยากส่งลูกหลานไปเรียนไกลๆ หรอกครับ ผมเข้าใจดี
ผมว่าคนในต่างจังหวัดที่มีความคิดแบบท่านก็เยอะนะ ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น
แต่เราก็ต้องเข้าใจว่าเราอยู่รวมกันเป็นประเทศ ยังมีเรื่องที่ต้องพัฒนาอีกหลายเรื่อง
เช่นเดียวกัน ยังมีที่ที่ต้องพัฒนาอีกหลายที่

คราวนี้มาคิดกันว่าที่ท่านว่า ม.อ. เห็นแก่ตัว ไม่ยอมแบ่งแยก
ก็ให้คิดสิครับ ที่ว่าเห็นแก่ตัวหน่ะ  ม.อ.ได้อะไร?
สมมุติว่าเป็นงบประมาณ  ก็ให้คิดว่ามหาลัยของรัฐ จะเอางบประมาณไปทำอะไร?
ก็แน่นอนว่าเปนไปเพื่อพัฒนาระบบการศึกษา ของคนในพื้นที่
ท่านจะเอา ปริมาณของ มหาลัย หรือคุณภาพ ของมหาลัยก็ต้องชั่งใจกันหน่อยนะครับ
จะให้ไปที่เดียวกันทั้งสองอย่างมันเป็นไปไม่ได้
ต้องพัฒนาไล่ตามกันไปเรื่อยๆ

ผมขอเป็นกำลังใจให้ชาวสุราษฎครับ ผมเชื่อว่า เมืองคนดีจะต้องประสบพบการพัฒนาที่ดีแน่นอน





ศิษย์เก่ามอ.

ผมก็เป็นศิษย์เก่า มอ. นะครับ  มอ.ปัตตานี ด้วย  มหาวิทยาลัยอื่น  ผมไม่ทราบ  แต่ที่ทราบคือ มอ. มีรายได้จากโรงพยาบาลด้วยส่วนหนึ่ง  มอ. ปัตตานี  มีเงินบริจาคจากชาติทางตะวันออกกลางสนับสนุนด้วยส่วนนึง  และให้ CP เช่าพื้นที่ทำนากุ้งด้วยส่วนนึง  และการที่ท่านมองว่าเป็นภาษีท่าน เงินท่าน  ก็ไม่ผิดหรอกครับ  แต่ที่ผมจะบอกคือ ไม่ใช่เงินท่านทั้งหมด  และ มอ.เอง ถ้าหากมองในแง่ความเป็นจริงของคนสุราษฎร์  หากมอ.ตัดวิทยาเขตอื่นๆที่ไม่สามารถสร้างรายได้ออกไป  โดยเฉพาะวิทยาเขตที่ไม่มีรายได้  มีแต่รายจ่ายอย่างวิทยาเขตสุราษฎร์  ไปรวมกับมหาวิทยาลัยอื่นก็คงจะเป็นการดีเสียด้วยซ้ำ  แต่สิ่งที่ผู้บริหารกังวลก็คือ  การแยกตัวไปรวมกับมหาวิทยาลัยอื่น  ซึ่งใช้ระบบราชการล้วนๆ  ไม่เป็นผลดีกับระบบเดิมที่ มอ. เป็นอยู่ 
  สังเกตง่ายๆการสอบราคาจัดซื้อจัดจ้าง  ระหว่าง มอ. กับ ราชภัฏสุราษฎร์  ใครๆก็รู้ว่าราชภัฏสุราษฎร์  ประมูลงานโดยเฉพาะ IT ได้ใคร  แต่มอ. ไม่ใช่  ใครไม่อยู่ในวงการนี้ไม่รู้หรอกครับ  คุณไม่ได้อยู่ในวงการนี้  อ้างแต่ว่าตัวเองจ่ายภาษี  ผมจ่ายภาษีปีละหลักแสน  ย้ำว่าเฉพาะภาษีที่จ่ายนะครับ  ภาษีเงินได้ไม่ใช่รายได้  ผมควรจะเดือดร้อนกว่าคุณหรือเปล่า  ถ้าคุณเป็นประเภทกินเงินเดือนแล้วได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ในแต่ละปี  ผมว่าไม่น่าจะเดือดร้อนตรงไหนนะ

ชาวสุราษฎร์

การแยกตัว มอ.เขตสุราษฎร์ ไปรวมกับ กับมหาลัยอื่น(มรส) ในความคิดผม ผมว่าไม่ใช่ปัญหา เพราะทั้ง2ที่ก็เป็นมหาลัยของรัฐเช่นเดียวกัน และหากพูดถึงการเรื่องการประมูลงาน ผมว่าเรื่องนี้ ไม่น่าจะเอามาเป็นปัญหา ในการยุบรวม เพราะ หากยุบรวมกันแล้วก็เป็นมหาลัยใหม่ ซึ่งไม่มี มอ.เขต สุราษฎร์ และ มรส อีกแล้ว การบริหารก็ต้องช่วยบริหารไม่ใช่มาคิดแต่ว่าตัวเอง อดีต ก็เป็น มอ.มาก่อน หรือเป็น มรส มาก่อน ในเมื่่อรวมกันแล้วก็ถือว่าเป็นมหาลัยเดียวกัน ผมว่าอย่าเอาปัญหาแบบนี้มาเป็นประเด็นในการยุบรวมเลย

ชาวสุราษฎร์

อ้างจาก: Baritone เมื่อ 18:36 น.  27 ม.ค 55
ผมก็เห็นด้วยกับ คุณ ชาวสุราษฎร์ นะครับ คำว่า" ไม่มีอำนาจใดมาแยกเราได้ "
ดูรุนแรง ไป  และค่อนข้างจะก่อความรู้สึกในด้านลบ

    ผมว่าคนไทยตอนนี้ก็ยังหลงในชือ คับ
รร.ดัง มหาลัยดังๆ มีชื่อก็อยากจะเข้าเรียนหรือให้บุตรหลานเข้าเรียนเป็นธรรมดา
ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่า เพราะความเก่า ของ ม.อ. จึงทำให้ค่อนข้างมีชื่อเสียงในภาคใต้
เช่นนี้ บ้างที วิทยาเขต ที่สุราษฎฯ อาจมีบางคนไปศึกษาต่อหรือไปทำงาน
ด้วยความเชื่อมั่นในชื่อ ม.อ. ก็เป็นได้ครับ
(ซึ่งถ้าหากจะนับหนึ่งใหม่ คงยากลำบากมิใช่น้อย)

ปัญหาเรื่องระบบการบริหารและหลักสูตรผมว่าเป็นปัญหาหลักนะ
เรื่อง ตึกจะสร้างไม่สร้าง ก็ไม่ได้ช่วยอะไรครับ
ไม่ใช่ว่ามีตึกแล้วจะเปิดคณะอะไรก็ได้ อุปกรณ์เฉพาะทาง  ราคาสูงกว่าตึกมากครับ
อาทิเครื่องมือทางวิทยาศตร์  หรือ ฐานข้อมูลงานวิจัย


ท่านกล่าวมาว่า "เพื่อลูกหลานในอนาคต ได้เรียนมหาลัยดีๆ ในจังหวัด"
ก็แสดงว่าท่านไม่มีความเชื่อมั่น ในมหาวิทยาลัยที่ มีอยู่ในจังหวัดในขณะนี้
ทั้งนี้อาจเพราะ มหาลัยที่มีอยู่ในจังหวัดตอนนี้ คงไม่ตอบสนองความต้องการของท่านได้
อย่างเช่นเรื่องบุคคลากร ทางสาธารณสุข อย่างที่ท่านยกตัวอย่างมา
อันที่จริงแล้ว รพ. ที่เป็น โรงเรียนแพทย์ ในประเทศไทยมีอยู่ไม่มากนะครับ
ด้วยเรื่องจำกัดของงบประมาณ แต่ละ รพ.โรงเรียนแพทย์  ก็ต้องรับภาระกับพื้นที่ในเขต
ค่อนข้างใหญ่นะครับ   
แต่ผมว่าปัญหามันอยู่ที่ว่า ทำไม? รพ. ทั่วไป ถึงไม่สร้างความรู้สึกมั่นใจในการรักษากับท่านได้

(มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์
ซึ่งตอนนี้ก็ยังอยู่ในช่วงพัฒนาขึ้น เชื่อว่าหากมี ปัจจัยหลายๆอย่างพร้อมเมื่อไหร่
ก็คงตอบสนองความต้องการของคนภาคใต้ได้แน่นอนครับ ^^)

พูดถึงเรื่องกระจายอำนาจ
เป็นเรื่องดีคับสำหรับการกระจายอำนาจให้เท่าเทียมกันทุกเขตทุกพื้นที่
แต่ปัญหามันจำกัดเรื่องงบประมาณไงครับ  (ไม่น่าเชื่อนะครับปัญหาพื้นฐาน)
เป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ว่า การที่จะให้มีคุณภาพมากขึ้นต้องมีปัจจัยด้านงบประมาณมากเกี่ยวข้อง

ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น หากเอางบประมาณไปพัฒนาห้องพักผู้ป่วย ให้มีความเป็นอยู่ดีเหมือนกันทั่วทั้งภาคใต้
กับ ทำศูนย์เฉพาะทางมะเร็งครบวงจรไว้บริการสักที่เพื่อบริการคนทั้งภาคใต้  สมมุติว่าใช้งบประมาณเท่ากัน
ก็จะได้ผลของการพัฒนา ที่ดูต่างกันมากนะครับ ถ้าเรามีอะไรอยู่แล้วยังใช้ได้ ก็ใช้ๆไปก่อนนะครับ ^^
เอางบไปเติมตรงที่ยังไม่มีเสียก่อน (ก็อย่างในตัวอย่างละครับ ถ้ามีเตียงดีๆนอนทุก รพ.คงดีมิใช่น้อย
แต่ ถ้ามีผู้ป่วยโรคมะเร็งที่มีความซับซ้อน ก็คงลำบากมิใช่น้อยเช่นกัน หรือจะส่งไป กทม.?
ไกลกว่าหาดใหญ่อีกนะครับ)
เพราะเราไม่สามารถสร้างทุกอย่างขึ้นมาได้ทั้งหมด  จึงต้องมีการนำร่องและพัฒนาขึ้นมา

ผมว่าท่านถือโอกาสนี้เป็นโอกาสในการเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยในพื้นที่ของท่านมีการพัฒนาดีกว่าครับ
ลองนำเสนอความร่วมมือกับจังหวัดและหน่วยงานต่างๆ เรียกร้องสิ่งที่ต้องการจาก มหาวิทยาลัย
ผมเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงทุกครั้ง ไม่ได้นำมา ซึ่งการพัฒนาทุกครั้งไปนะครับ

เรื่องหาดใหญ่ กับสุราษฎ ไม่ได้ใกล้กัน ผมเข้าใจดีคับ
แต่ท่านลองมอง ในทางกลับกันว่า
ถ้าเทียบ กับกรุงเทพฯ หาดใหญ่ หรือ สุราษฎ จะใกล้กว่ากัน ?
แน่นอนว่าเมืองหลวงของประเทศย่อมมีสถานศึกษาที่ มีคุณภาพ

ไม่ว่าจังหวัดไหน ก็ ไม่อยากส่งลูกหลานไปเรียนไกลๆ หรอกครับ ผมเข้าใจดี
ผมว่าคนในต่างจังหวัดที่มีความคิดแบบท่านก็เยอะนะ ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น
แต่เราก็ต้องเข้าใจว่าเราอยู่รวมกันเป็นประเทศ ยังมีเรื่องที่ต้องพัฒนาอีกหลายเรื่อง
เช่นเดียวกัน ยังมีที่ที่ต้องพัฒนาอีกหลายที่

คราวนี้มาคิดกันว่าที่ท่านว่า ม.อ. เห็นแก่ตัว ไม่ยอมแบ่งแยก
ก็ให้คิดสิครับ ที่ว่าเห็นแก่ตัวหน่ะ  ม.อ.ได้อะไร?
สมมุติว่าเป็นงบประมาณ  ก็ให้คิดว่ามหาลัยของรัฐ จะเอางบประมาณไปทำอะไร?
ก็แน่นอนว่าเปนไปเพื่อพัฒนาระบบการศึกษา ของคนในพื้นที่
ท่านจะเอา ปริมาณของ มหาลัย หรือคุณภาพ ของมหาลัยก็ต้องชั่งใจกันหน่อยนะครับ
จะให้ไปที่เดียวกันทั้งสองอย่างมันเป็นไปไม่ได้
ต้องพัฒนาไล่ตามกันไปเรื่อยๆ

ผมขอเป็นกำลังใจให้ชาวสุราษฎครับ ผมเชื่อว่า เมืองคนดีจะต้องประสบพบการพัฒนาที่ดีแน่นอน
การสร้างโรงพยาบาล มวล มันก็ไม่ได้ตอบสนองกับคนในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนมากนัก เพราะ มวล กับ มอ.หาดใหญ่ก็ไม่ไกลกันมาก แต่ที่สุราษฎร์ต้องการ ในจุดนี้เพราะจุดศูนย์กลางมากว่าครับ คุณลองคิดถึงคนชุมพร ระนอง ภูเก็ต การสร้างโรงพยาบาลมหาลัย เพื่ออะไรนั้นคือคำตอบ ทำไม มอ.หาดใหญ่ ถึงมีคนไปใช้บริการ มาก ทำไม่โรงพยาบาลศูนย์ สุราษฎร์ถึงคนล้นโรงพยาบาล นี้คือสิ่งที่ ชาวสุราษฎร์น้อยใจในงบประมาณ มานาน สุราษฎร์จะทำอะไร ก็มีแต่คนคัดค้าน ตอน มวล มาครั้งแรกก็ตกที่สุราษฎร์ แต่ทำไม ถึงไปลง นครศรีฯ ชาวสุราษฎร์ ก็ยอมมาตลอด มาถึงวันนี้ แค่ยุบ มอ.กับ มรส เพื่อเป็นมหาลัยสุราษฎร์ ก็ยังเป็นประเด็นที่ ชาวสุราษฎร์ รับไม่ได้ ถามว่า สุราษฎร์ เป็นจุดศูนย์กลางหลายๆด้าน ทำไมไม่เปิดโอกาสให้พวกเราบ้างละครับ  ส.แย่จัง

Baritone

จากที่ท่านกล่าวมาคงพอสรุปได้ว่า
ต้องการ โรงพยาบาล  และต้องการเป็นศูนย์กลางใช่ไหมครับ
ถ้าเรื่องโรงพยาบาลละก็
ลองมาเปรียบเทียบกับ รพ.หาดใหญ่ คนคงล้นไม่แพ้กันนะครับ ส.เอ๊
ไม่ว่าที่ไหนๆ ก็ล้นทั้งนั้น ความต้องการมันมีขึ้นทั่วประเทศ และผมว่า รพ.มหาลัย ไม่ใช่สิ่งที่จะตอบปัญหาได้หรอกครับ
คงต้องเป็นการยกเครื่องระบบสาธารณสุขเสียมากกว่า เพราะปัญหาโรงพยาบาลล้น มีอยู่ทั่วประเทศครับ

ส่วนเรื่องการเป็นศูนย์กลางของสุราษฏร์ ผมไม่เถียงครับ  ลักษณะทางพื้นที่ของสุราษฎร์ได้เปรียบจริงๆ
ทำให้แม้ ในขณะนี้เอง ก็ถือว่าเปนศูนย์กลางของภาคใต้ตอนบนอยู่แล้ว
เรื่องการค้าและเศรษฐกิจผมว่า ไม่น้อยหน้าใครในภาคใต้นะ

แต่การรวมมหาลัยไม่ได้ง่ายเหมือนทำน้ำเชือมนะครับ
การที่ม.อ. ไปเปิดวิทยาเขตไว้ตั้งแต่ปี 33 ก็ถือว่าได้ให้โอกาสมากนะครับ
มหาลัยต้องแบกรับ การจัดการและรายจ่าย ค่อนข้างสูง
ถามว่ามหาวิทยาลัย ในขณะนี้ ใช้ เงินจากรัฐบาลอย่างเดียวหรือครับ
หากเป็นอย่างนั้น ก็ลอง มองไปที่ สถานที่ราชการหรือหน่วยงานของรัฐทั่วไปสิครับ
ว่า  สภาพ เป็นอย่างไร

ถ้าจะให้ยุบวิทยาเขตสุราษฎร์ แล้วเปลี่ยนเปนมหาลัยอื่น
คนที่เข้าไปเรียน เพราะว่า ชื่อ  ม.อ.  จะทำอย่างไรละครับที่นี้
ผมว่าสิทธิของเขาต้องมาก่อนเลยนะครับ
หลักสูตรทั้งหมดต้องถูกรื้อใหม่และทดลองใช้ใหม่

ถ้ายุบรวมจริงๆ
ก็เหมือน ม.อ.  ปลูกเงาะละครับ
ถ้าไม่ปลูกตั้งแต่แรก ไปทุ่มใส่ปุ๋ยต้นอื่นที่ปลูกไว้แล้วดีกว่า
แต่ถ้าปลูกมา เลี้ยงเรื่อยไม่ทันสุก คนมาขอหรือโค่นทิ้ง  ผมว่าก็ไม่ยุติธรรมนะครับ
จิตใจผู้บริหารเอง ผมว่าคงอยากจะพัฒนามากกว่าทิ้งไปละครับ

น่าเบื่อ

อ้างจาก: Baritone เมื่อ 12:42 น.  02 ก.พ 55
จากที่ท่านกล่าวมาคงพอสรุปได้ว่า
ต้องการ โรงพยาบาล  และต้องการเป็นศูนย์กลางใช่ไหมครับ
ถ้าเรื่องโรงพยาบาลละก็
ลองมาเปรียบเทียบกับ รพ.หาดใหญ่ คนคงล้นไม่แพ้กันนะครับ ส.เอ๊
ไม่ว่าที่ไหนๆ ก็ล้นทั้งนั้น ความต้องการมันมีขึ้นทั่วประเทศ และผมว่า รพ.มหาลัย ไม่ใช่สิ่งที่จะตอบปัญหาได้หรอกครับ
คงต้องเป็นการยกเครื่องระบบสาธารณสุขเสียมากกว่า เพราะปัญหาโรงพยาบาลล้น มีอยู่ทั่วประเทศครับ

ส่วนเรื่องการเป็นศูนย์กลางของสุราษฏร์ ผมไม่เถียงครับ  ลักษณะทางพื้นที่ของสุราษฎร์ได้เปรียบจริงๆ
ทำให้แม้ ในขณะนี้เอง ก็ถือว่าเปนศูนย์กลางของภาคใต้ตอนบนอยู่แล้ว
เรื่องการค้าและเศรษฐกิจผมว่า ไม่น้อยหน้าใครในภาคใต้นะ

แต่การรวมมหาลัยไม่ได้ง่ายเหมือนทำน้ำเชือมนะครับ
การที่ม.อ. ไปเปิดวิทยาเขตไว้ตั้งแต่ปี 33 ก็ถือว่าได้ให้โอกาสมากนะครับ
มหาลัยต้องแบกรับ การจัดการและรายจ่าย ค่อนข้างสูง
ถามว่ามหาวิทยาลัย ในขณะนี้ ใช้ เงินจากรัฐบาลอย่างเดียวหรือครับ
หากเป็นอย่างนั้น ก็ลอง มองไปที่ สถานที่ราชการหรือหน่วยงานของรัฐทั่วไปสิครับ
ว่า  สภาพ เป็นอย่างไร

ถ้าจะให้ยุบวิทยาเขตสุราษฎร์ แล้วเปลี่ยนเปนมหาลัยอื่น
คนที่เข้าไปเรียน เพราะว่า ชื่อ  ม.อ.  จะทำอย่างไรละครับที่นี้
ผมว่าสิทธิของเขาต้องมาก่อนเลยนะครับ
หลักสูตรทั้งหมดต้องถูกรื้อใหม่และทดลองใช้ใหม่

ถ้ายุบรวมจริงๆ
ก็เหมือน ม.อ.  ปลูกเงาะละครับ
ถ้าไม่ปลูกตั้งแต่แรก ไปทุ่มใส่ปุ๋ยต้นอื่นที่ปลูกไว้แล้วดีกว่า
แต่ถ้าปลูกมา เลี้ยงเรื่อยไม่ทันสุก คนมาขอหรือโค่นทิ้ง  ผมว่าก็ไม่ยุติธรรมนะครับ
จิตใจผู้บริหารเอง ผมว่าคงอยากจะพัฒนามากกว่าทิ้งไปละครับ
หากเปรียบต้นเงาะผมว่า ลองให้คนในพื้นที่ รดน้ำใส่ปุ๋ยดูบ้างก้ดีนะครับ เพราะ มอ ดูแลมานานกว่า 20 ปี ก็มีลูกแค่2ลูก(2คณะ) เผื่อคนในพื้นที่ ดูแลรดน้ำใส่ปุ๋ย จะได้เพิ่มลูก จาก2ลูก เป็น 3 4 5 6 7 คณะ ก้ได้นะครับ ลองคิดเล่นๆ ดูนะครับ อ่านมาทั้งหมดหลายกระทู ไม่น่าเชื่อว่า ชาว  มอ ใจแคบมาก เห็นแก่ประโยชน์ ส่วนตย มากกว่าส่วนรวม ดูสวนทาง กับ พระปณิทานของ ทั้ง2พระองค์ ดีนะครับ ชาว มอ เขตหาดใหญ่

Baritone

แสดงว่าตอนนี้ท่านไม่ได้รดน้ำใส่ปุ๋ย
หรือให้ความสำคัญกับ สอง คณะ ที่มีอยู่เลยซินะครับ
แสดงว่าท่านมอง ม.อ. วิทยาเขต สุราษฎร์ว่าเปนเรื่องของ ม.อ.
ไม่ใช่ของชาวสุราษฎร์  ต้อยุบรวมก่อนจึงจะเป็นมหาวิทยาลัยที่ท่านต้องการ
ต้องรอให้ยุบก่อน เปลี่ยนชื่อก่อน แล้วท่านจึง จะมารดน้ำใส่ปุ๋ย
ผมเองก็ไม่มีอำนาจจะตัดสินใจอะไรหรอกครับ ส-โห
ที่สำคัญคือไม่ได้ใจแคบ มีอคติระหว่างเมืองระหว่างจังหวัดด้วยครับ ส.สั่งสอน
แค่มองเห็นความเป็นไปได้ในตอนนี้ที่ว่าจะมาทะเลาะกันว่ายุบไม่ยุบ
ขอโอกาส หรือไม่เปิดโอกาส
เอาเวลาไปพัฒนาสิ่งที่ยังมีอยู่ตอนนี้ คงจะง่ายและเป็นทางออกที่ดีกว่า
ทางจะมีการยุบรวมจริงๆ ก็คาดว่าเป็นหน้าที่ของม.อ.ที่ต้องเป็นพี่เลี้ยงอยู่ดี

ใจเย็นๆนะครับผมไม่ใช่พวกค้านหัวชนฝา แค่ตอนนี้อยากจะคุยหาทางออกที่
เป็นไปได้ง่ายที่สุดหนะครับ   หากถ้อยคำอะไรไปสะกิดใจท่านผมต้องขออภัยด้วยนะครับ  ส.ร้อง
ไม่ได้มีเจตนาขัดขวางการพัฒนาแต่อย่างใดครับ